M’Cheyne Bible Reading Plan
โมเสสตั้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์
40 พระยาห์เวห์บอกโมเสสว่า 2 “ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก ให้เจ้าติดตั้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือ เต็นท์นัดพบ 3 ให้เอาหีบใส่คำสอนมาวางไว้ที่นั่น และให้เอาม่านมากั้นเป็นฉากปิดหีบนี้ไว้ 4 ยกโต๊ะเข้ามาและจัดให้เข้าที่ นำตะเกียงที่มีขาตั้งเข้ามาไว้ และติดตั้งพวกตะเกียงของมันให้เรียบร้อย 5 นำแท่นบูชาทองคำสำหรับเครื่องหอมมาไว้ตรงหน้าหีบใส่คำสอน แล้วกั้นฉากไว้ที่ทางเข้าเต็นท์
6 วางแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชาไว้ที่ด้านหน้าของทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือเต็นท์นัดพบ 7 ตั้งอ่างน้ำไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชาและใส่น้ำลงในอ่างด้วย 8 ทำลานบริเวณรอบๆและตั้งฉากไว้ที่ประตูทางเข้าลาน
9 เอาน้ำมันเจิม ไปเจิมที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และของทุกอย่างในเต็นท์นั้น พร้อมกับทำพิธีเพื่อให้ของพวกนี้ศักดิ์สิทธิ์ 10 เจ้าต้องเจิมแท่นบูชาที่ใช้เผาเครื่องเผาบูชาและข้าวของบนนั้นพร้อมกับทำพิธี เพื่อทำให้แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์มาก 11 เจ้าต้องเจิมอ่างน้ำและฐานรองของมัน เพื่อทำให้พวกมันศักดิ์สิทธิ์ด้วย
12 เจ้าต้องพาอาโรนกับพวกลูกชายของเขา ไปที่ประตูเต็นท์นัดพบ ให้ชำระล้างพวกเขาด้วยน้ำ 13 เอาเสื้อผ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่งตัวให้กับอาโรน เจิมเขาและทำพิธีให้เขาเพื่อเขาจะได้รับใช้เราในฐานะนักบวช 14 ให้ลูกชายเขามาอยู่ใกล้ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เอาเสื้อคลุมมาแต่งตัวให้พวกเขา 15 เจ้าต้องเจิมพวกเขาเหมือนที่เจิมให้พ่อของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะนักบวช การเจิมนี้จะทำให้พวกเขามีสิทธิ์เป็นนักบวชตลอดไปทุกๆรุ่น” 16 โมเสสทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้
17 เมื่อถึงวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งในปีที่สอง เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกตั้งขึ้น 18 โมเสสตั้งเต็นท์ขึ้นบนพวกฐานของมัน ตั้งกรอบ ใส่คานและยกเสาขึ้น 19 โมเสสกางผ้าเต็นท์ออกเหนือเต็นท์นัดพบ และใส่ที่คลุมเหนือเต็นท์นั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้
20 แล้วโมเสสก็นำแผ่นข้อตกลงสองแผ่นนั้นไปวางไว้ในหีบ และนำคานมาสอดเข้ากับหีบ เขาวางฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระไว้เหนือหีบ 21 โมเสสนำหีบใส่คำสอนเข้าไปในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และกั้นฉากที่เป็นผ้าม่านบังหีบใส่คำสอนไว้ ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขา 22 โมเสสตั้งโต๊ะไว้ด้านนอกของฉากที่เป็นผ้าม่าน ข้างในเต็นท์นัดพบ ไปทางทิศเหนือ 23 โมเสสวางขนมปังไว้บนโต๊ะต่อหน้าพระยาห์เวห์ตามที่พระองค์สั่งเขาไว้ 24 โมเสสวางตะเกียงที่มีขาตั้งไว้ในเต็นท์นัดพบ ไปทางทิศใต้ของเต็นท์ตรงข้ามกับโต๊ะ 25 เขาตั้งพวกตะเกียงไว้หน้าพระยาห์เวห์ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้
26 โมเสสวางแท่นบูชาที่ทำจากทองคำไว้ในเต็นท์นัดพบ ข้างหน้าผ้าม่าน 27 แล้วเขาจึงเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชานั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งไว้ 28 โมเสสเอาม่านกั้นไว้ตรงทางเข้าเต็นท์
29 เขาตั้งแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องเผาบูชาไว้ที่ทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือด้านหน้าทางเข้าเต็นท์นัดพบนั้น แล้วเขาก็เผาเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชบนนั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งไว้
30 โมเสสวางอ่างน้ำไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา และเติมน้ำลงในอ่างชำระล้าง 31 โมเสส อาโรนและพวกลูกชายของอาโรน ล้างมือและเท้าของพวกเขาด้วยน้ำในอ่างนั้น 32 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้ามาในเต็นท์นัดพบหรือเข้าใกล้แท่นบูชา พวกเขาต้องชำระล้างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
33 โมเสสทำลานบริเวณรอบๆเต็นท์และแท่นบูชา และแขวนม่านกั้นไว้ที่ประตูทางเข้าลาน แล้วโมเสสก็ได้ทำงานทุกอย่างเสร็จสิ้นลง
รัศมีของพระเจ้า
34 มีเมฆปกคลุมเหนือเต็นท์นัดพบ แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ส่องสว่างไปทั่วเต็นท์ 35 โมเสสไม่สามารถเข้าไปในเต็นท์นัดพบได้ เพราะว่าเมฆได้ลงไปที่นั่น และรัศมีของพระยาห์เวห์ก็ส่องสว่างไปทั่วเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์นั้น
36 ตลอดเวลาการเดินทางของชาวอิสราเอล พวกเขาจะคอยดูเมฆก้อนนี้เป็นหลัก เมื่อใดที่เมฆลอยตัวสูงขึ้นจากเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอิสราเอลจะเริ่มออกเดินทาง 37 แต่ถ้าเมฆไม่ลอยตัวขึ้น ชาวอิสราเอลจะไม่ออกเดินทางไปไหน จนกว่าพวกเขาจะเห็นเมฆลอยตัวขึ้นอีก 38 เมฆของพระยาห์เวห์อยู่เหนือเต็นท์ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนจะมีไฟอยู่เหนือเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอิสราเอลทุกคนได้เห็นสิ่งนี้ ตลอดเวลาที่พวกเขาเดินทาง
19 ปีลาตจึงสั่งให้เอาพระเยซูไปเฆี่ยน 2 พวกทหารได้เอากิ่งหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมหัวของพระองค์ เอาเสื้อคลุมสีม่วงมาใส่ให้ 3 และพวกเขาก็เวียนกันเข้ามาหาพระองค์หลายรอบ เขาเยาะเย้ยว่า “กษัตริย์ของชาวยิวจงเจริญ” แล้วเขาตบหน้าพระองค์
4 ปีลาตได้ออกมาพูดกับพวกยิวว่า “ดูนี่ เรากำลังจะเอาเขาออกมาให้พวกคุณ เพื่อพวกคุณจะได้รู้ว่า เราไม่เห็นว่าเขาทำผิดตรงไหน” 5 แล้วพระเยซูก็ออกมา พระองค์สวมมงกุฎหนามและใส่เสื้อคลุมสีม่วง ปีลาตบอกกับพวกยิวว่า “เขาอยู่นี่ไง”
6 เมื่อพวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้คุมวิหารเห็นพระเยซูก็ร้องตะโกนว่า “ตรึงมัน ตรึงมัน”
แต่ปีลาตตอบว่า “พวกคุณไปตรึงกันเอาเองก็แล้วกัน เพราะเราไม่เห็นว่าเขาทำผิดตรงไหนเลย”
7 พวกยิวตอบว่า “ตามกฎปฏิบัติของยิว บอกว่ามันทำผิดสมควรตายเพราะอ้างว่าเป็นบุตรของพระเจ้า”
8 เมื่อปีลาตได้ยินอย่างนั้นก็กลัวจนตัวสั่น 9 แล้วเขาก็กลับเข้าไปในวังอีกครั้ง ปีลาตได้ถามพระเยซูว่า “แกมาจากไหน” แต่พระองค์ไม่ตอบ 10 ปีลาตจึงพูดกับพระองค์ว่า “แกไม่ยอมพูดกับเราหรือ แกไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยหรือตรึงแกก็ได้”
11 พระเยซูจึงตอบเขาว่า “ถ้าพระเจ้าไม่ได้ให้อำนาจนั้นกับคุณ คุณก็ไม่มีอำนาจเหนือเราหรอก ดังนั้นคนที่มอบตัวเราให้กับคุณ ก็มีความผิดบาปร้ายแรงกว่าคุณ”
12 เมื่อปีลาตได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยายามที่จะปล่อยพระเยซูอีก แต่พวกยิวร้องตะโกนว่า “ถ้าท่านปล่อยมัน ท่านก็ไม่ใช่เพื่อนของซีซาร์ เพราะคนที่อ้างตัวเองเป็นกษัตริย์นั้นเป็นศัตรูกับซีซาร์”
13 เมื่อปีลาตได้ฟังอย่างนั้นจึงพาพระเยซูออกมา และเขาก็นั่งลงบนบัลลังก์พิพากษาตรงที่เรียกว่า “ลานหิน” (ซึ่งในภาษาอารเมค[a] เรียกว่า “กับบาธา”)
14 วันนั้นเป็นวันศุกร์ เป็นวันจัดเตรียมสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย ประมาณเที่ยงวัน ปีลาตได้บอกกับพวกยิวว่า “นี่ไง กษัตริย์ของพวกคุณ” พวกยิวร้องตะโกนว่า
15 “เอาตัวไป เอาตัวไปตรึงที่กางเขน”
ปีลาตจึงถามพวกเขาว่า “จะให้เราตรึงกษัตริย์ของพวกคุณหรือ”
พวกหัวหน้านักบวชตอบว่า “เราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากซีซาร์”
16 แล้วปีลาตได้ส่งตัวพระเยซูไปให้กับทหารเพื่อเอาไปตรึงที่ไม้กางเขน แล้วพวกทหารก็มาเอาตัวพระเยซูไป
พระเยซูตายบนไม้กางเขน
(มธ. 27:32-44; มก. 15:21-32; ลก. 23:26-43)
17 พระองค์ต้องแบกไม้กางเขนที่จะใช้ตรึงพระองค์เองไปถึงที่แห่งหนึ่งเรียกว่า “หัวกะโหลก” (ในภาษาอารเมคเรียกว่า กลโกธา) 18 แล้วพวกเขาก็จับพระเยซูตรึงบนไม้กางเขนที่นั่น พวกเขาได้ตรึงนักโทษชายอีกสองคนด้วย พระเยซูอยู่ระหว่างนักโทษสองคนนั้น 19 ปีลาตได้เขียนป้ายติดไว้บนกางเขนว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” 20 คนยิวเป็นจำนวนมากได้อ่านป้ายนี้ เพราะที่ที่พระเยซูถูกตรึงนี้อยู่ใกล้กับตัวเมือง และป้ายนั้นเขียนเป็นภาษาอารเมค ลาตินและกรีก 21 พวกหัวหน้านักบวชพูดกับปีลาตว่า “อย่าเขียนว่า ‘กษัตริย์ของชาวยิว’ แต่ให้เขียนว่า ‘ชายคนนี้อ้างว่า เป็นกษัตริย์ของชาวยิว’”
22 แต่ปีลาตตอบว่า “เขียนแล้ว ก็แล้วไป”
23 เมื่อพวกทหารตรึงพระเยซูแล้ว ก็ได้เอาเสื้อผ้าของพระองค์มาแบ่งกันในหมู่ทหารสี่คน โดยได้ไปคนละชิ้น ส่วนเสื้อชั้นในของพระเยซูเป็นผ้าทอชิ้นเดียวกันตลอดทั้งตัวไม่มีตะเข็บ 24 พวกเขาพูดกันว่า “อย่าฉีกเลย จับสลากกันดีกว่า ดูสิว่าใครจะได้” เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นตามที่พระคัมภีร์เขียนว่า
“เขาเอาเสื้อผ้าของเราไปแบ่งกัน
แล้วเอาชุดของเรามาจับสลากกัน”[b]
และพวกทหารก็ทำอย่างนั้น
25 แม่ของพระเยซู น้าสาวของพระองค์ มารีย์เมียของโคลปัส และมารีย์ชาวมักดาลายืนอยู่ข้างๆไม้กางเขน 26 เมื่อพระเยซูเห็นแม่ของพระองค์และศิษย์ที่พระองค์รัก พระเยซูจึงพูดกับแม่ว่า “แม่ครับ รับเขาเป็นลูกด้วย” 27 แล้วพระองค์ก็พูดกับศิษย์คนนั้นว่า “รับนางเป็นแม่ด้วย” ศิษย์คนนั้นจึงพาแม่ของพระองค์ไปอยู่ที่บ้านของเขาตั้งแต่นั้นมา
พระเยซูตาย
(มธ. 27:45-56; มก. 15:33-41; ลก. 23:44-49)
28 หลังจากนั้นพระเยซูรู้ว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เพื่อให้คำต่างๆในพระคัมภีร์เกิดขึ้นจริง พระองค์พูดว่า “เราหิวน้ำ”[c] 29 มีไหใส่เหล้าองุ่นเปรี้ยวอยู่ที่นั่น พวกเขาจึงเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวนี้ใส่ปลายกิ่งไม้หุสบ แล้วยื่นไปจ่อไว้ที่ปากของพระองค์ 30 เมื่อพระองค์ได้ชิมเหล้าองุ่นเปรี้ยวแล้ว จึงได้ร้องว่า “สำเร็จแล้ว” จากนั้นก็คอพับและสิ้นใจตาย
31 วันนั้นเป็นวันศุกร์ และวันรุ่งขึ้นก็จะเป็นวันหยุดพิเศษทางศาสนา พวกยิวไม่อยากให้ศพค้างอยู่บนไม้กางเขนในวันหยุดทางศาสนา ก็เลยขอให้ปีลาตสั่งทหารของเขาให้หักขาคนที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน เพื่อจะได้ตายเร็วขึ้น และจะได้เอาศพออกไป 32 พวกทหารจึงมาหักขาโจรสองคนที่ถูกตรึงกางเขนพร้อมกับพระเยซู 33 แต่เมื่อมาถึงพระเยซู พวกเขาก็เห็นว่าพระองค์ตายแล้ว จึงไม่ได้หักขาพระองค์ 34 แต่ทหารคนหนึ่งเอาหอกแทงที่สีข้างของพระเยซู เลือดและน้ำก็ไหลทะลักออกมา 35 (คนที่เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่าเขาเห็นอะไร เรื่องที่เขาเล่านั้นเป็นความจริง เขาเล่าให้ฟังเพื่อท่านจะได้เชื่อ) 36 สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะเป็นจริงตามที่พระคัมภีร์เขียนว่า “กระดูกของพระองค์จะไม่หักแม้แต่ชิ้นเดียว”[d] 37 และมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า “พวกเขาจะมองดูคนที่พวกเขาได้แทง”[e]
พระเยซูถูกฝัง
(มธ. 27:57-61; มก. 15:42-47; ลก. 23:50-56)
38 หลังจากนั้นโยเซฟชาวอาริมาเธียได้ขออนุญาตปีลาตนำศพพระเยซูไป โยเซฟเป็นศิษย์ลับๆของพระเยซู เพราะเขากลัวพวกยิว เมื่อปีลาตอนุญาต โยเซฟจึงมาเอาศพของพระองค์ไป
39 นิโคเดมัสก็มาด้วย เขาเคยมาหาพระเยซูก่อนหน้านี้ในตอนกลางคืน เขานำเครื่องหอมคือ มดยอบ กับกฤษณา[f]หนักประมาณสามสิบกิโลกรัมมาด้วย 40 โยเซฟและนิโคเดมัสได้เอาศพพระเยซูมาและพันด้วยผ้าลินินพร้อมกับเครื่องหอมตามธรรมเนียมการฝังศพของยิว 41 ใกล้ๆกับที่ที่พระเยซูถูกตรึงนั้นมีสวนอยู่แห่งหนึ่ง และในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่เอี่ยมที่ยังไม่เคยใช้วางศพใครมาก่อน 42 พวกเขาวางศพของพระองค์ไว้ในอุโมงค์นั้นเพราะมันอยู่ใกล้และถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวสำหรับวันหยุดทางศาสนาแล้ว
16 มนุษย์วางแผนว่าจะพูดอะไร
แต่เป็นพระยาห์เวห์ที่ให้คำพูดที่ถูกต้องกับพวกเขา
2 มนุษย์เห็นว่าทุกอย่างที่เขาทำนั้นถูกต้อง
แต่พระยาห์เวห์ตัดสินที่แรงจูงใจ
3 ให้มอบการงานของเจ้าให้กับพระยาห์เวห์
แล้วแผนการของเจ้าจะสำเร็จ
4 พระยาห์เวห์สร้างทุกสิ่งขึ้นมาอย่างมีจุดมุ่งหมาย
แม้แต่คนชั่ว พระองค์ก็สร้างขึ้นมาเพื่อวันแห่งความพินาศ
5 พระยาห์เวห์ขยะแขยงคนหยิ่งจองหองทุกคน
ให้แน่ใจได้เลยว่าเขาจะไม่มีทางพ้นโทษไปได้
6 ความผิดบาปลบได้ด้วยความจงรักภักดีและความสัตย์ซื่อ
เคราะห์ร้ายหลีกเลี่ยงได้ด้วยการยำเกรงพระยาห์เวห์
7 เมื่อพระยาห์เวห์พึงพอใจการกระทำของใครสักคน
แม้แต่ศัตรูของคนนั้น พระองค์ก็จะทำให้กลายเป็นเพื่อนกับเขา
8 มีรายได้น้อยจากทางที่ถูกต้อง
ก็ยังดีกว่ามีรายได้มากจากการฉ้อโกง
9 มนุษย์วางแผนในใจสำหรับเส้นทางของตน
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้กำหนดทุกย่างก้าวของเขา
10 คำตัดสินของพระเจ้าอยู่ที่ริมฝีปากของกษัตริย์
ดังนั้นเมื่อกษัตริย์ตัดสิน ปากของพระองค์ไม่เคยพูดผิด
11 พระยาห์เวห์สนใจว่า ตราชูและตาชั่งนั้นว่าเที่ยงตรงหรือเปล่า
น้ำหนักของลูกตุ้มแต่ละลูกที่อยู่ในถุง เป็นธุระของพระองค์
12 พวกกษัตริย์ขยะแขยงการทำผิด
เพราะบัลลังก์ของพระองค์จะเข้มแข็งได้ด้วยการกระทำที่ถูกต้องเท่านั้น
13 พวกกษัตริย์ชอบใจกับคำพูดที่ซื่อตรง
พระองค์รักคนที่พูดความจริง
14 กษัตริย์ที่โกรธเกรี้ยวอาจจะส่งคนออกไปฆ่าคุณได้
แต่คนฉลาดระงับความโกรธของพระองค์ได้
15 ใบหน้าที่เปล่งปลั่งของกษัตริย์ให้ชีวิต
และความโปรดปรานของพระองค์ ก็เปรียบเหมือนเมฆฝนในฤดูใบไม้ผลิ
16 ได้สติปัญญา ดีกว่าได้ทองคำ
ได้ความเข้าใจ ดีกว่าได้เงิน
17 ทางของคนเที่ยงตรงนั้นหลีกเลี่ยงอันตราย
คนที่ระวังหนทางของตน ย่อมรักษาชีวิตของตนไว้
18 ความเย่อหยิ่งนำไปสู่ความหายนะ
ความจองหองนำไปสู่การล้มลง
19 เป็นคนถ่อมตัวและอยู่ในหมู่คนจน
ก็ยังดีกว่าแบ่งของที่ปล้นมาได้กับคนเย่อหยิ่ง
20 คนที่สนใจฟังคำแนะนำย่อมพบกับความรุ่งเรือง
คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ มีเกียรติจริงๆ
21 คนฉลาดได้ชื่อว่าเป็นคนหัวไว
คำพูดที่น่าฟังทำให้คนเรียนรู้มากขึ้น
22 การรู้จักคิดเป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตแก่เจ้าของมัน
แต่โทษของคนโง่คือการเป็นคนโง่นั่นเอง
23 คนฉลาดคิดก่อนพูด
และการพูดของเขาทำให้คนเรียนรู้มากขึ้น
24 คำพูดที่ไพเราะเป็นเหมือนรวงผึ้ง
ที่หอมหวานแก่ลิ้นและเยียวยาแก่ร่างกาย
25 มีทางหนึ่งซึ่งดูเหมือนถูกต้อง
แต่สุดท้ายกลับนำไปสู่ความตาย
26 ความหิวของคนงานช่วยเขา
คือกระตุ้นให้เขาทำงาน
27 คนไร้ค่าวางแผนชั่ว
คำพูดของเขาเป็นไฟที่เผาผลาญ
28 คนที่มีเจตนาร้ายทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท
คนที่ซุบซิบนินทาทำให้เพื่อนสนิทแตกแยกกัน
29 คนโหดร้ายล่อลวงเพื่อนบ้านของตน
และชักนำพวกเขาไปในทางที่ไม่ดี
30 คนที่ขยิบตานั้นก็กำลังวางแผนหลอกลวง
ส่วนคนที่เม้มปากแสดงว่าทำชั่วเสร็จแล้ว
31 ผมหงอกบนหัวเป็นมงกุฎแห่งศักดิ์ศรี
ซึ่งคนนั้นได้มาตอนเดินอยู่ในหนทางที่พระเจ้าชอบใจ
32 ความอดทนดีกว่าพละกำลัง
ควบคุมตัวเองได้ ดีกว่ายึดเมืองได้
33 คนจับสลากเพื่อหาคำตอบ
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้กำหนดว่าสลากจะออกมายังไง
พระเยซูสำคัญที่สุด
3 สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิต ผมไม่เบื่อที่จะเขียนเรื่องเหล่านี้อีก และการเขียนซ้ำจะช่วยพวกคุณให้ยืนหยัดมั่นคง 2 ให้ระวังไอ้หมาพวกนั้น ระวังไอ้พวกนั้นที่ทำชั่ว ระวังไอ้พวกนั้นที่ชอบหั่นเนื้อหนังคน[a] 3 เพราะเป็นพวกเรานี่แหละที่ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริง เป็นพวกเรานี่แหละที่นมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเราอวดพระเยซูคริสต์ ไม่ได้พึ่งฝ่ายเนื้อหนังหรือสิ่งดีๆที่เรามี 4 ทั้งๆที่ผมมีเหตุผลมากมายที่จะพึ่งสิ่งต่างๆพวกนี้ แต่ถ้าใครคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะไว้วางใจในสิ่งที่อยู่ภายนอกแล้วละก็ ผมเปาโล มีมากยิ่งกว่าเขาเสียอีก 5 คือผมได้เข้าพิธีขลิบตอนอายุได้แปดวัน ผมเป็นคนเชื้อชาติอิสราเอล มาจากเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูแท้ๆ เกิดจากพ่อแม่ชาวฮีบรู ในเรื่องศาสนา ผมอยู่ในกลุ่มที่เคร่งครัดที่สุด คือกลุ่มฟาริสี 6 ผมร้อนรนมากถึงขนาดไปข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้า ส่วนเรื่องการทำตามกฎของโมเสสนั้น ผมไม่เคยทำผิดเลย 7 แต่เพราะเห็นแก่พระคริสต์ สิ่งต่างๆเหล่านั้นที่ครั้งหนึ่งผมถือว่ามีค่ามาก ตอนนี้ผมถือว่าไร้ค่าแล้ว 8 ความจริงแล้ว ผมถือว่าทุกอย่างนั้นไร้ค่า เพราะเห็นแก่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นมากนัก คือการที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของผม ผมยอมสูญสิ้นทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนขยะ เพื่อจะได้พระคริสต์ 9 ผมอยากจะมีสายสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าที่เกิดจากความซื่อสัตย์สุจริตของพระคริสต์[b] มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎของโมเสส สายสัมพันธ์ที่ถูกต้องนี้มาจากพระเจ้า และขึ้นอยู่กับความเชื่อ 10 ผมอยากจะรู้จักกับพระคริสต์ และฤทธิ์อำนาจอันเดียวกันที่ทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย ผมอยากร่วมทุกข์กับพระองค์ และตายไปเหมือนพระองค์ 11 เพื่อผมเองจะได้ฟื้นขึ้นจากความตายด้วย แต่จะฟื้นอย่างไรผมเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน
พยายามให้ถึงเป้าหมาย
12 ไม่ใช่ว่าผมได้สิ่งเหล่านั้นแล้ว หรือถึงเป้าหมายแล้ว แต่ผมมุ่งหน้าไปอย่างแน่วแน่เพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น เพื่อจะได้คว้ารางวัลนั้นมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่พระเยซูคริสต์ได้คว้าผมมาไว้เป็นของพระองค์ 13-14 พี่น้องครับ ผมถือว่าผมยังคว้ารางวัลนั้นมาไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำอยู่ คือลืมเรื่องในอดีตเสียและโน้มตัวไปข้างหน้า วิ่งตรงดิ่งเข้าสู่เส้นชัย เพื่อจะได้รับรางวัลที่พระเจ้าได้เรียกพวกเราที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ให้ขึ้นไปรับบนสวรรค์
15 ขอให้พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่คิดแบบนี้ ถ้าหากบางเรื่องคุณไม่เห็นด้วย พระเจ้าก็จะเปิดเผยให้คุณเข้าใจเอง 16 ขอเพียงแค่ว่า ให้เราใช้ชีวิตให้สอดคล้องถึงระดับของความเข้าใจที่เราเอื้อมถึงแล้ว
17 พี่น้องที่รัก ให้เลียนแบบผม และให้จับตาดูคนพวกนั้นที่ทำตามแบบอย่างที่เราได้ให้ไว้กับคุณแล้ว 18 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะมีคนจำนวนมากที่ทำตัวเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของพระคริสต์ ผมพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ขอพูดอีกด้วยน้ำตา 19 ว่าคนพวกนั้นจะถูกทำลายไปในที่สุด พระเจ้าของเขาก็คือ ความอยากของปากท้องของเขาเอง และพวกเขาชอบคุยโวในสิ่งที่เขาควรจะอับอาย และพวกเขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งของในโลกนี้ 20 แต่บ้านเมืองแท้ๆของพวกเราอยู่บนสวรรค์ และเรากำลังรอคอยพระผู้ช่วยให้รอดของเรา คือพระเยซูคริสต์เจ้ากลับมาจากสวรรค์
21 พระองค์จะใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เปลี่ยนร่างกายที่น่าสมเพชของเรานี้ ให้เป็นเหมือนร่างกายที่เต็มไปด้วยเกียรติยศอันสูงส่งของพระองค์ ฤทธิ์อำนาจนี้เป็นฤทธิ์อันเดียวที่พระองค์ใช้ในการทำให้ทุกสิ่งมาอยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International