Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 31

พระยาห์เวห์เลือกเบซาเลลและโอโฮลีอับ

(อพย. 35:30-36:1)

31 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ดูสิ เราได้เลือกเบซาเลล ลูกชายของอุรี อุรีเป็นลูกชายของเฮอร์ จากเผ่ายูดาห์ เราจะเติมเขาให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า เราจะทำให้เขามีความชำนาญ ความเข้าใจ ความรู้และความสามารถทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ หรืองานที่เกี่ยวกับทอง เงิน หรือทองสัมฤทธิ์ หรือจะเป็นการเจียระไนหินมีค่าเพื่อใส่ตัวเรือน หรืองานด้านแกะสลักไม้ หรืองานด้านอื่นๆทั้งหมด และเรายังให้โอโฮลีอับลูกชายอาหิสะมัค จากเผ่าดาน มาช่วยงานเขาด้วย และเรายังให้ความชำนาญกับช่างฝีมือทุกคน เพื่อพวกเขาจะได้ทำทุกอย่างตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้

เต็นท์นัดพบ

หีบใส่คำสอน

ฝาหีบตรงที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ กับภาชนะทุกอย่างที่ใช้ในเต็นท์

โต๊ะและภาชนะทุกชิ้นบนโต๊ะ ตะเกียงที่มีขาตั้งอันบริสุทธิ์ กับอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน

แท่นสำหรับเผาเครื่องหอม

แท่นสำหรับเผาเครื่องบูชา

กับภาชนะทั้งหมดของมัน

อ่างล้างและฐานรองของมัน

10 เสื้อผ้าที่ทอไว้สำหรับอาโรน

คือเสื้อศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรน

และเสื้อผ้าสำหรับลูกชายอาโรน

เพื่อให้พวกเขาเป็นนักบวช

11 น้ำมันสำหรับเจิม

เครื่องหอมสำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

พวกเขาต้องทำทุกอย่างนี้ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้”

วันหยุดทางศาสนา

12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 13 “ให้เจ้าบอกกับลูกหลานของอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนาของเราไว้ เพราะมันจะเป็นเครื่องเตือนใจถึงข้อตกลงระหว่างเรากับพวกเจ้า ตลอดชั่วลูกหลานของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้ระลึกถึงว่า เรา ยาห์เวห์ ทำให้พวกเจ้าศักดิ์สิทธิ์

14 พวกเจ้าต้องรักษาวันหยุดทางศาสนาไว้ เพราะมันเป็นวันศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเจ้า ใครก็ตามที่ทำให้วันหยุดนี้หมดความศักดิ์สิทธิ์ไป คนๆนั้นจะต้องถูกฆ่า ใครที่ทำงานในวันนี้ จะต้องถูกตัดออกจากคนของเขา 15 ให้เจ้าทำงานได้ในหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด จะต้องรักษาไว้ให้เป็นวันหยุดทางศาสนา มันเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศไว้ให้กับพระยาห์เวห์ คนที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนาจะถูกฆ่า 16 ลูกหลานชาวอิสราเอลจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนานี้ไว้ พวกเขาจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนานี้เอาไว้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน มันเป็นคำมั่นสัญญาตลอดกาล 17 มันจะเป็นเครื่องเตือนใจตลอดไประหว่างเรากับลูกหลานชาวอิสราเอล เพราะในหกวันพระยาห์เวห์สร้างสวรรค์และโลก และในวันที่เจ็ด พระองค์หยุดพักผ่อน’”

18 เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสเสร็จสิ้นแล้วบนภูเขาซีนาย พระองค์ก็มอบแผ่นหินสองแผ่นที่ถูกจารึกไว้ด้วยนิ้วมือของพระเจ้า ให้กับโมเสสไป

ยอห์น 10

คนเลี้ยงแกะกับฝูงแกะของเขา

10 “เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่ไม่ได้เข้าคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นคือขโมย และโจร คนที่เข้าคอกแกะทางประตูคือคนเลี้ยงแกะ คนเฝ้าประตูก็เปิดประตูให้เขาและแกะก็ฟังเสียงของเขา เขารู้จักแกะแต่ละตัว เรียกแกะตามชื่อของมันเอง และเขานำพวกแกะออกจากคอก เมื่อแกะออกจากคอกหมดแล้ว คนเลี้ยงก็เดินนำหน้า และแกะก็เดินตามเขาไป เพราะแกะจำเสียงเขาได้ ฝูงแกะจะไม่มีวันเดินตามคนแปลกหน้า พวกมันจะวิ่งหนีไป เพราะไม่คุ้นกับเสียงของคนแปลกหน้า” พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพระองค์หมายถึงอะไร

พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

พระเยซูพูดอีกว่า “เราจะบอกความจริงให้รู้ว่า เราเป็นประตูของพวกแกะ ทุกคนที่มาก่อนเรานั้นเป็นพวกขโมยและโจร แต่แกะไม่ได้ฟังเสียงของพวกเขา เราเป็นประตู คนที่เข้ามาโดยผ่านทางเราจะรอด เขาจะเข้าออกและเจอทุ่งหญ้าเขียวขจี 10 ขโมยมาเพื่อลัก ฆ่า และล้างผลาญทำลาย แต่เรามาเพื่อเขาจะได้มีชีวิตแท้ คือชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข[a]

11 เราเป็นคนเลี้ยงแกะที่ดี คนเลี้ยงแกะที่ดียอมสละชีวิตของตนเพื่อแกะของเขา 12 ลูกจ้างที่มาเฝ้าดูแลแกะแตกต่างจากคนเลี้ยงแกะ เพราะแกะไม่ได้เป็นของเขา เมื่อเขาเห็นหมาป่ามา เขาก็ทิ้งฝูงแกะและวิ่งหนีไป ปล่อยให้หมาป่าเข้ามาขย้ำเอาแกะและทำให้แกะที่เหลือหนีแตกกระเจิงไป 13 ลูกจ้างวิ่งหนีไปเพราะเขาไม่ได้เป็นห่วงแกะ เขาเป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น

14-15 เราเป็นคนเลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะก็รู้จักเราด้วย เหมือนกับที่พระบิดารู้จักเราและเราก็รู้จักพระบิดา เราสละชีวิตของเราเพื่อรักษาแกะของเราให้รอด 16 เรายังมีแกะตัวอื่นๆอีกที่ไม่ได้อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำทางแกะพวกนั้นด้วย มันก็จะฟังเสียงของเรา พวกมันจะรวมเป็นฝูงเดียวกัน และมีคนเลี้ยงเพียงคนเดียว 17 พระบิดารักเรา เพราะเราสละชีวิตตัวเองเพื่อแกะของเรา และที่เราได้สละชีวิตตัวเองก็เพื่อว่าเราจะได้ชีวิตนั้นกลับคืนมาอีก 18 ไม่มีใครเอาชีวิตของเราไปจากเราได้ แต่เราเต็มใจสละชีวิตของเราเอง เรามีสิทธิ์ที่จะสละชีวิตของเรา และมีสิทธิ์ที่จะเอาชีวิตของเรากลับคืนมาอีก นี่เป็นสิ่งที่พระบิดาของเราสั่งให้เราทำ”

19 เมื่อพระเยซูพูดอย่างนั้น ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นในหมู่พวกคนยิวอีก 20 พวกยิวหลายคนพูดว่า “มันถูกผีสิงจนเป็นบ้าไปแล้ว ไปฟังมันทำไม”

21 คนอื่นๆแย้งว่า “คนที่ถูกผีสิงจะพูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วผีจะทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ยังไง”

พวกยิวไม่ยอมรับพระเยซู

22 ขณะนั้นเป็นหน้าหนาว มีเทศกาลเฉลิมฉลองวิหาร[b] ที่เมืองเยรูซาเล็ม 23 พระเยซูกำลังเดินอยู่ที่ระเบียงของซาโลมอน[c] ในวิหาร 24 พวกยิวเข้ามาห้อมล้อมพระองค์และถามว่า “แกจะปล่อยให้เราเดาว่าแกเป็นใครไปอีกนานแค่ไหน ถ้าแกเป็นพระคริสต์ ก็บอกมาตามตรงเลย” 25 พระเยซูตอบว่า “เราบอกไปแล้ว แต่พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อ สิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราทำไปตามคำสั่งพระบิดาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเป็นใคร 26 พวกคุณไม่เชื่อ เพราะพวกคุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในฝูงแกะของเรา 27 แกะของเราจะฟังเสียงเรา และเราก็รู้จักแกะของเรา และแกะของเราจะตามเราไป 28 เราจะให้แกะของเรามีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป แกะของเราจะไม่มีวันตาย แล้วไม่มีใครแย่งแกะของเราไปจากมือเราได้ 29 พระบิดาของเราที่ให้แกะกับเรานั้น ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคน[d] ไม่มีใครแย่งแกะเราไปจากมือพระบิดาเราได้ 30 พระบิดาและตัวเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”

31 พวกยิวหยิบหินขึ้นมากะจะขว้างพระเยซูให้ตาย 32 พระองค์ถามว่า “พวกคุณก็ได้เห็นเราทำสิ่งดีๆที่มาจากพระบิดาตั้งหลายอย่าง แล้วพวกคุณจะฆ่าเราเพราะสิ่งดีสิ่งไหน”

33 พวกยิวตอบว่า “เราไม่ได้เอาหินขว้างแกเพราะการกระทำดีๆแต่เพราะแกพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า แกเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แต่มาอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า”

34 พระเยซูตอบว่า “ในกฎปฏิบัติของพวกคุณมีเขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าพูดว่า พวกคุณเป็นพระเจ้าทั้งหลาย’[e] 35 ถ้าพระเจ้าเรียกคนที่รับข้อความจากพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าทั้งหลาย และพระคัมภีร์ถูกต้องเสมอ 36 แล้วพวกคุณจะมาหาว่าเราดูหมิ่นพระเจ้าได้ยังไง ที่เราบอกว่า ‘เราเป็นลูกของพระเจ้า’ ในเมื่อพระเจ้าเองเป็นผู้เลือกและส่งเรามาในโลกนี้ 37 ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่พระบิดาเรามอบให้เราทำ ก็ไม่ต้องเชื่อเรา 38 แต่ถ้าเราทำงานนั้น ถึงคุณจะไม่เชื่อเรา อย่างน้อยก็ให้เชื่อในงานอัศจรรย์ที่เราได้ทำ เพื่อคุณจะได้รู้แน่ๆว่าพระบิดาอยู่ในตัวเราและเราก็อยู่ในพระบิดา”

39 พวกเขาพยายามจะจับพระเยซูอีก แต่พระองค์ก็หลบหนีไปได้

40 พระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังสถานที่ซึ่งเมื่อก่อนนี้ยอห์นเคยใช้ทำพิธีจุ่มน้ำ และพระองค์ก็พักอยู่ที่นั่น 41 มีคนจำนวนมากมาหาพระองค์และพูดกันว่า “ยอห์นไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์อะไรเลย แต่ทุกอย่างที่ยอห์นพูดถึงชายคนนี้ก็ถูกหมด 42 และมีคนเป็นจำนวนมากมาไว้วางใจในพระเยซูที่นั่น”

สุภาษิต 7

คำเตือนอีกครั้งเรื่องการเล่นชู้

ลูกพ่อ จดจำคำพูดของเราไว้ให้ดี
    ให้เก็บสะสมคำสั่งของเราไว้กับตัวเจ้า
ให้รักษาคำสั่งต่างๆของเรา แล้วเจ้าจะมีชีวิตที่ยั่งยืน
    ให้รักษาคำสั่งสอนของเรา เหมือนกับแก้วตาของเจ้า
ให้ผูกคำสั่งต่างๆของเราไว้ที่นิ้วมือของเจ้า
    และให้เขียนพวกมันลงไปบนแผ่นใจของเจ้า
ให้พูดกับสติปัญญาว่า “เจ้าคือพี่สาวของข้า”
    ให้เรียกความรู้ความเข้าใจว่า “เจ้าเป็นเพื่อนซี้ของข้า”
แล้วพวกมันจะช่วยป้องกันเจ้าจากเมียของคนอื่น
    และช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากหญิงเล่นชู้[a] ที่พูดยั่วยวนเจ้า

เรามองผ่านช่องไม้ระแนงลงมาด้านล่าง
    จากหน้าต่างบ้านชั้นบนของเรา
เรามองเห็นพวกคนหนุ่มบางคนที่อ่อนต่อโลก
    ในกลุ่มนี้เราสังเกตเห็นคนหนึ่ง
    ที่ไม่มีสมองคิด
เขากำลังเดินไปตามถนน และมาใกล้มุมถนนที่อยู่ใกล้กับบ้านของหญิงคนหนึ่ง
    เขาเลี้ยวไปตามถนนที่ผ่านบ้านของหญิงคนนั้น
ในช่วงเวลาพลบค่ำในยามค่ำคืน
    ความมืดมิดย่างกรายเข้ามา
10 ทันใดนั้น หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาหาเขา
    แต่งตัวอย่างกับโสเภณี ในใจเธอเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย
11 เธอจัดจ้าน ดื้อด้าน
    เท้าของเธออยู่ไม่ติดบ้าน
12 เดี๋ยวก็อยู่ตามถนน เดี๋ยวก็อยู่ตามลานเมือง
    เธอดักซุ่มอยู่ทุกซอกทุกมุม
13 เธอคว้าตัวเขาเข้ามาจูบ
    แล้วพูดกับเขาอย่างหน้าด้านๆว่า
14 “วันนี้ฉันได้ถวายเครื่องสังสรรค์บูชาเพื่อแก้บนไปแล้ว
    ฉันจึงมีเนื้ออย่างเหลือเฟืออยู่ที่บ้าน
15 ฉันก็เลยออกมามองหาท่าน
    และฉันก็พบท่านจนได้
16 นี่แน่ะ ฉันปูผ้าคลุมเตียงเอาไว้
    ด้วยผ้าลินินย้อมสีของอียิปต์
17 ฉันมีกำยานหอม น้ำหอมจากตะวันออก และอบเชย
    ฉันได้พรมพวกมันลงบนที่นอน
18 มาเถิด ให้เรามาดื่มด่ำกับความรักของเราจนรุ่งเช้า
    ให้เราไปสนุกสนานกับความรักของเรากันเถิด
19 เพราะผัวของฉันไม่อยู่บ้าน
    เขาเดินทางไปไกลแสนไกล
20 เขาเอาถุงเงินติดตัวไปด้วย
    เขาจะไม่กลับบ้านจนกว่าจะถึงวันพระจันทร์เต็มดวง”
21 เธอยั่วยวนเขาและหว่านเสน่ห์ใส่เขา
    และเกลี้ยกล่อมเขาด้วยคำพูดที่รื่นหู
22 แล้วเขาก็ตามเธอไปทันที
    เหมือนกับวัวตัวผู้ที่เดินไปให้เขาฆ่า
เหมือนกับกวางหนุ่มที่เดินไปติดกับดัก
23     แล้วลูกธนูแทงทะลุเข้าไปในตับของมัน
เขาเปรียบเหมือนนกที่รี่เข้าสู่ตาข่าย
    เขาไม่รู้ตัวว่าเขาจะต้องชดใช้ความผิดนี้ด้วยชีวิต

24 ดังนั้น ลูกๆเอ๋ย ฟังเราให้ดี
    ให้ตั้งใจฟังคำพูดจากปากของเราให้ดี
25 อย่าปล่อยใจของเจ้าหันไปในทางของเธอ
    อย่าได้พลัดหลงเข้าไปในทางของเธอ
26 เพราะเธอได้ทำให้ผู้คนล้มตายมามากแล้ว
    มีคนอีกมากมายที่ตกเป็นเหยื่อของเธอ
27 บ้านของเธอนั้นเป็นหนทางไปสู่หลุมฝังศพ
    ห้องนอนของเธอนำไปสู่แดนคนตาย

กาลาเทีย 6

ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

พี่น้องครับ ถ้าพี่น้องคนไหนถูกจับได้ว่าไปทำบาป ก็ให้พวกคุณที่เป็นคนของพระวิญญาณช่วยให้เขากลับมาอยู่ในทางที่ถูกต้อง แต่ต้องช่วยด้วยความสุภาพ และให้ระวังให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นตัวคุณเองก็อาจจะถูกล่อลวงให้หลงไปทำบาปได้เหมือนกัน ให้แบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน เมื่อคุณทำอย่างนั้น คุณก็ได้ทำตามกฎของพระคริสต์จริงๆ ถ้าใครคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ไม่จริง เขาก็หลอกตัวเอง ให้แต่ละคนสำรวจการงานของตน จะได้ภูมิใจในงานที่เขาทำ ไม่ต้องเที่ยวเอาไปเปรียบเทียบกับคนโน้นคนนี้ ให้ต่างคนต่างรับผิดชอบภาระของตนเอง

อย่าหยุดทำดี

อย่าลืมแบ่งปันสิ่งที่ดีๆที่คุณมีให้ครูที่สอนคุณเรื่องถ้อยคำของพระเจ้าด้วย อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไม่มีใครหลอกพระเจ้าได้หรอก ใครหว่านพืชอะไรลงไป ก็ต้องเก็บเกี่ยวผลของพืชนั้น คนที่หว่านเพื่อกิเลสตัณหาของสันดาน ก็จะเก็บเกี่ยวความพินาศ ส่วนคนที่หว่านเพื่อเอาใจพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไปจากพระวิญญาณนั้น อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากการทำดีนั้น ถ้าไม่เลิกไปซะก่อนนะ 10 ดังนั้น เมื่อมีโอกาสก็ให้ทำดีกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่ไว้วางใจในพระเจ้า

เปาโลเขียนจดหมายจบ

11 ดูตัวหนังสือที่ใหญ่โตนี้สิ เป็นลายมือของผมเอง 12 คนพวกนั้นที่อยากได้หน้า พยายามบังคับให้คุณทำพิธีขลิบ ก็เพราะเหตุผลแค่ข้อเดียวคือกลัวจะถูกคนยิวข่มเหงตอนประกาศเรื่องไม้กางเขนของพระคริสต์[a] 13 ขนาดพวกมันเองที่เข้าพิธีขลิบแล้ว ก็ยังไม่ทำตามกฎ แต่ที่พวกมันอยากให้คุณทำพิธีขลิบ ก็เพื่อจะได้ไปโม้โอ้อวดว่าพวกมันนี่แน่ ที่ทำให้คุณเข้าพิธีขลิบได้ 14 ขอให้ผมอย่าได้โอ้อวดเรื่องอะไรเลย นอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเราเท่านั้น โลกนี้ก็ได้ตาย[b] จากผมไปแล้ว และผมเองก็ได้ตายต่อโลกนี้ไปแล้วเหมือนกัน 15 จะทำหรือไม่ทำพิธีขลิบนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือ โลกใหม่ที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมา 16 ขอให้พระเจ้ามีความเมตตากรุณาและให้สันติสุขกับทุกคนที่ใช้ชีวิตตามกฎนี้ ผู้เป็นอิสราเอลแท้ๆของพระเจ้าด้วย

17 สุดท้ายนี้ อย่าให้ใครมาสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้กับผมอีกเลย บาดแผล[c]ทั่วตัวของผม ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผมเป็นของพระคริสต์

18 พี่น้องครับ ขอให้ความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้า อยู่กับจิตวิญญาณของพวกคุณด้วยเถิด อาเมน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International