M’Cheyne Bible Reading Plan
กฎระเบียบเกี่ยวกับวันหยุดทางศาสนา
35 โมเสสได้รวบรวมที่ชุมนุมทั้งหมดของประชาชนชาวอิสราเอล และพูดกับพวกเขาว่า “นี่คือคำสั่งต่างๆที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำ
2 ให้ทำงานหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด พวกท่านจะต้องมีวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์ ใครก็ตามที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนาจะต้องถูกฆ่า 3 ในวันหยุดทางศาสนานี้ ท่านต้องไม่ก่อไฟในที่อยู่อาศัยของท่านเลย”
ของถวายต่างๆสำหรับเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์
(อพย. 25:1-9)
4 โมเสสพูดกับที่ชุมนุมของประชาชนชาวอิสราเอลว่า “นี่คือคำสั่งที่พระยาห์เวห์สั่งให้มาบอก คือ 5 ‘ให้รวบรวมพวกของถวายมาให้กับพระยาห์เวห์ ทุกคนที่อยากจะถวายอะไร ก็ให้เอาของขวัญนั้นมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ ทั้งทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ 6 ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วงและสีแดงเข้ม ผ้าลินินอย่างดี และขนแพะ 7 หนังที่ทำจากแกะตัวผู้ หนังปลาโลมา ไม้กระถิน 8 น้ำมันสำหรับจุดไฟ เครื่องเทศเพื่อทำน้ำมันเจิม และทำเครื่องหอม 9 หินจำพวกนิลและพลอยอื่นๆที่จะฝังในเอโฟดและถุงผ้าทับอก
10 ใครก็ตามที่มีฝีมือในหมู่พวกท่าน ก็ให้มาสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ 11 คือ เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ เต็นท์ ผ้าคลุมเต็นท์ ตะขอเกี่ยว กรอบเต็นท์ กลอน เสา และฐานรองเสาของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 12 หีบศักดิ์สิทธิ์ คานหาม ที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ และผ้าม่านกั้น 13 โต๊ะกับไม้คานหามโต๊ะ และเครื่องใช้ทั้งปวงที่ใช้กับโต๊ะ ขนมปังที่วางไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 14 ตะเกียงที่มีขาตั้งเพื่อที่จะให้แสงสว่าง และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน พวกตะเกียงของมัน และน้ำมันเติมตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง
15 แท่นบูชาเผาเครื่องหอมและคานหามของมัน น้ำมันเจิม เครื่องหอม ฉากบังประตูทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 16 แท่นบูชาเผาเครื่องเผาบูชาและตะแกรงทองสัมฤทธิ์ที่เป็นของมัน ไม้คานหามของมัน และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน อ่างน้ำและฐานรองของมัน 17 ผ้าม่านรอบๆลาน พวกเสาและฐานรองเสา ฉากกั้นตรงทางเข้าลาน 18 พวกหมุดยึดเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และหมุดสำหรับลานกับเชือกของมัน 19 ผ้าที่ประดับด้วยเกลียวทองเพื่อใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรนและพวกลูกชายของเขา เพื่อให้พวกเขาเป็นนักบวชรับใช้เรา’”
ของถวายจำนวนมากจากประชาชน
20 แล้วที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ออกไปจากโมเสส 21 ทุกคนที่เต็มใจจะช่วยก็มา ทุกคนที่พระวิญญาณกระตุ้นก็นำของขวัญมาให้กับพระยาห์เวห์ ของขวัญพวกนี้เอามาเพื่อสร้างเต็นท์นัดพบ และเพื่อการรับใช้ทั้งหมดในเต็นท์นั้น และเพื่อทำเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ 22 ทั้งชายและหญิงต่างพากันมา ทุกคนที่เต็มใจ ก็เอาเข็มกลัด ต่างหู แหวนตรา กำไลข้อมือและเครื่องประดับที่เป็นทองคำอื่นๆมาให้ ทุกคนก็เอาทองคำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์
23 คนที่มีด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง หรือสีแดงเข้ม และผ้าลินินอย่างดี ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ และหนังปลาโลมา พวกเขาก็เอามาให้ 24 คนที่อยากจะให้เงินหรือทองสัมฤทธิ์กับพระยาห์เวห์ ก็เอามาให้ คนที่มีไม้กระถินที่ใช้ในงานนี้ได้ก็เอามาให้เหมือนกัน 25 ผู้หญิงที่มีความสามารถในการปั่นด้ายด้วยมือ ก็เอาด้ายที่ปั่นมาให้ ทั้งด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินอย่างดี 26 พวกผู้หญิงที่มีใจอยากจะช่วย และมีความสามารถในการปั่นขนแพะก็มาช่วย
27 พวกผู้นำก็นำหินจำพวกโมราที่จะฝังในเอโฟดและถุงผ้าทับอก 28 รวมทั้งเครื่องเทศและน้ำมันสำหรับจุดตะเกียง น้ำมันเจิมและน้ำมันทำเครื่องหอมมาให้
29 ทั้งชายและหญิง ทุกคนต่างก็เต็มใจเอาของต่างๆมาให้ ที่จะใช้สำหรับงานที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านมาทางโมเสส ลูกหลานชาวอิสราเอลก็ได้นำของต่างๆมาถวายเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ด้วยความเต็มใจ
เบซาเลลและโอโฮลีอับ
(อพย. 31:1-11)
30 โมเสสพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า “ดูเถิด พระยาห์เวห์ได้เลือกเบซาเลลมา เบซาเลลเป็นลูกชายของอุรี อุรีเป็นลูกชายของเฮอร์ จากเผ่ายูดาห์ 31 พระองค์ได้เติมเขาให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พระองค์ทำให้เขามีความชำนาญ ความเข้าใจ และความรู้ เพื่อจะได้ทำงานในด้านต่างๆ 32 เพื่อออกแบบงานเครื่องทอง เครื่องเงินและทองสัมฤทธิ์ 33 เขาสามารถเจียระไนหินประดับชนิดต่างๆไว้ใส่ในตัวเรือน และแกะสลักไม้ เพื่อใช้ในงานประณีตทุกอย่าง 34 พระยาห์เวห์ได้ให้เบซาเลลและโอโฮลีอับ มีความสามารถในการสอนด้วย โอโฮลีอับเป็นลูกชายของอาหิสะมัค จากเผ่าดาน 35 พระยาห์เวห์ได้ทำให้เขาทั้งสองเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญในงานทุกด้าน ทั้งงานฝีมือ งานออกแบบ งานเย็บปักด้วยด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินอย่างดี และงานทอ พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง และสามารถวางแผนในการออกแบบด้วย”
พระเยซูปลอบเหล่าศิษย์
14 “อย่ากลุ้มใจไปเลย ขอให้วางใจพระเจ้าและวางใจเราด้วย 2 ในบ้านของพระบิดาของเรามีห้องหลายห้อง ถ้าหากไม่มีเราก็คงไม่บอกคุณหรอกว่า เรากำลังไปเตรียมที่ไว้ให้ 3 พอเราเตรียมเสร็จแล้ว ก็จะกลับมารับคุณไปอยู่กับเรา 4 คุณก็รู้จักทางนั้นแล้วนี่ ทางที่จะนำไปถึงที่ที่เรากำลังจะไป”
5 โธมัสบอกว่า “อาจารย์ครับ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าอาจารย์จะไปไหน แล้วพวกเราจะไปรู้จักทางนั้นได้ยังไง”
6 พระเยซูบอกว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา 7 ถ้าพวกคุณรู้จักเรา คุณก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย และนับตั้งแต่นี้ไปคุณก็เป็นคนที่รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์แล้ว”
8 ฟีลิปพูดว่า “อาจารย์ ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดาหน่อยสิครับ แค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว” 9 พระเยซูจึงพูดว่า “ฟีลิป คุณน่าจะรู้จักเราแล้วนะ เพราะเราได้อยู่กับคุณมาตั้งนานแล้ว ใครก็ตามที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วย แล้วทำไมคุณยังพูดว่า ‘ขอให้พวกเราได้เห็นพระบิดา’ 10 คุณไม่เชื่อใช่ไหม ว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา สิ่งที่เราสอนพวกคุณ เราไม่ได้คิดเองพูดเอง แต่พระบิดาที่อยู่ในตัวเรากำลังทำงานของพระองค์ผ่านทางเรา 11 เชื่อเราสิ เมื่อเราบอกว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในตัวเรา หรือไม่งั้นก็ให้เชื่อในสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้ทำไป 12 เราจะบอกให้รู้ว่า คนที่วางใจเราก็จะทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เหมือนกับที่เราทำ และเขาจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะว่าเรากำลังจะไปหาพระบิดา 13 ดังนั้นไม่ว่าคุณจะขออะไรก็ตามในฐานะเป็นคนของเรา เราก็จะทำสิ่งนั้นให้ เพื่อที่พระบุตรจะได้แสดงความยิ่งใหญ่ของพระบิดาให้เห็น 14 เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คุณขอ เพราะคุณเป็นคนของเรา”
พระเยซูจะส่งพระวิญญาณมาให้
15 “ถ้าพวกคุณรักเรา คุณก็จะทำตามคำสั่งของเรา 16 แล้วเราจะขอพระบิดาและพระองค์ก็จะส่งผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งมาให้พวกคุณ ผู้ช่วยนี้จะอยู่กับคุณตลอดไป 17 ผู้ช่วยองค์นี้คือพระวิญญาณแห่งความจริง โลกนี้ไม่สามารถได้รับพระองค์ เพราะโลกนี้มองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ แต่พวกคุณรู้จักพระองค์เพราะเดี๋ยวนี้พระองค์ได้อยู่กับพวกคุณแล้ว และจะอยู่ในตัวพวกคุณในอนาคตด้วย
18 เราจะไม่ปล่อยให้พวกคุณเป็นเหมือนเด็กกำพร้า เราจะกลับมาหาคุณ 19 ในเร็วๆนี้โลกจะไม่เห็นเราอีกต่อไปแล้ว แต่พวกคุณจะเห็นเราเพราะเรามีชีวิตอยู่ และพวกคุณก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย 20 ในวันนั้นที่จะมาถึง คุณจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา คุณอยู่ในตัวเรา และเราอยู่ในตัวคุณ 21 คนที่รู้จักคำสั่งสอนของเราและทำตามก็เป็นคนที่รักเรา พระบิดาจะรักคนที่รักเราด้วย เราก็จะรักพวกเขาและจะปรากฏตัวให้พวกเขาเห็น”
22 ยูดาส (ไม่ใช่ ยูดาส อิสคาริโอท) จึงถามว่า “อาจารย์ครับ ทำไมอาจารย์ถึงจะปรากฏตัวให้พวกเราเห็น แต่ไม่ปรากฏตัวให้โลกเห็นละครับ”
23 พระเยซูตอบว่า “ถ้าใครรักเรา เขาก็จะทำตามคำสั่งสอนของเรา พระบิดาของเราก็จะรักเขา แล้วพระบิดากับตัวเราก็จะมาปรากฏตัวให้เขาเห็น และอยู่กับเขา 24 คนไหนไม่รักเราก็จะไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา คำสั่งสอนที่พวกคุณได้ยินนี้ ไม่ใช่เป็นคำสั่งสอนของเรา แต่เป็นคำสั่งสอนของพระบิดาผู้ที่ส่งเรามา
25 เราได้เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้พวกคุณฟังตอนที่เรายังอยู่กับคุณ 26 เมื่อพระบิดาได้ส่งผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์มาแทนเราแล้ว พระวิญญาณนี้จะสอนคุณทุกอย่าง และจะทำให้คุณจำทุกอย่างที่เราเล่าให้ฟังได้
27 เราได้ให้สันติสุขไว้กับคุณ สันติสุขที่เราให้นี้ไม่เหมือนกับที่โลกให้ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องทุกข์ใจ หรือหวาดกลัวเลย 28 คุณได้ยินที่เราพูดว่า เรากำลังจะจากไปและจะกลับมาหาคุณอีก ถ้าคุณรักเรา คุณก็น่าจะดีใจว่าเรากำลังจะกลับไปหาพระบิดา เพราะพระบิดานั้นยิ่งใหญ่กว่าเรา 29 ตอนนี้เราบอกเรื่องนี้กับคุณไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆคุณจะได้เชื่อ 30 เราเหลือเวลาพูดกับพวกคุณอีกนิดเดียว เพราะเจ้าผู้ครอบครองโลก[a] นี้กำลังมา มันไม่มีอำนาจเหนือเราหรอก 31 แต่เพื่อให้โลกรู้ว่าเรารักพระบิดา เราจึงทำตามที่พระบิดาสั่งให้ทำทุกอย่าง ลุกขึ้นแล้วไปกันเถอะ”
11 พระยาห์เวห์เกลียดตาชั่งที่คดโกง
แต่พระองค์ชอบใจลูกตุ้มที่เที่ยงตรง
2 ความหยิ่งมาเมื่อไหร่ ความอับอายก็ตามมา
แต่สติปัญญาจะมากับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน
3 ความสัตย์ซื่อจะนำทางคนซื่อตรง
แต่ความปลิ้นปล้อนของคนทรยศจะทำลายตัวเขาเอง
4 ความมั่งคั่งก็ช่วยอะไรไม่ได้ในวันที่พระองค์เกรี้ยวโกรธ
แต่ความดีช่วยให้รอดพ้นจากความตาย
5 ความดีของคนสัตย์ซื่อทำให้หนทางของเขาราบรื่น
แต่คนชั่วจะล้มลงเพราะความชั่วของเขาเอง
6 ความดีของคนที่ซื่อตรงช่วยเขาให้รอด
แต่คนทรยศจะติดกับดักในกิเลสตัณหาของตัวเอง
7 เมื่อคนชั่วตาย ความหวังของเขาก็สูญสิ้นไป
และความหวังที่จะได้ร่ำรวยก็จบสิ้นไปด้วย
8 คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมาจากความทุกข์ยาก
แต่คนชั่วจะได้รับความทุกข์ยากนั้นแทน
9 คนหลอกลวงจะใช้คำพูดทำลายเพื่อนบ้าน
แต่พวกที่ทำตามใจพระเจ้าจะรอดพ้นไปได้ด้วยความรู้ที่พวกเขามี
10 เมื่อคนที่ทำตามใจพระเจ้ารุ่งเรือง ทั้งเมืองก็ชื่นชมยินดี
และเมื่อคนชั่วพินาศ เสียงโห่ร้องยินดีก็ดังขึ้น
11 คำอวยพรของคนสัตย์ซื่อทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
แต่ปากของคนชั่วทำลายบ้านเมืองเสีย
12 คนที่พูดเหยียดหยามเพื่อนบ้านเป็นคนที่ไม่มีสมองคิด
แต่คนที่มีความเข้าใจจะนิ่งเงียบ
13 คนที่ชอบนินทา เก็บความลับไม่อยู่
แต่คนที่ไว้วางใจได้ รักษาความลับได้
14 ถ้ากองทัพขาดผู้นำที่ฉลาด มันก็จะพ่ายแพ้
แต่ถ้ามีที่ปรึกษามากมายก็จะชนะ
15 คนที่ค้ำประกันให้กับคนแปลกหน้า จะต้องเดือดร้อนแน่ๆ
แต่คนที่หลีกเลี่ยงการค้ำประกันได้ ย่อมปลอดภัย
16 หญิงสวยได้รับการเชิดชู
ชายทารุณได้ความร่ำรวย[a]
17 คนที่ใจดีย่อมส่งผลดีให้กับตัวเอง
แต่คนที่โหดร้ายย่อมทำให้ตัวเองเดือดร้อน
18 คนชั่วช้านั้นจะได้กำไรที่ลวงตา
แต่คนที่หว่านเมล็ดแห่งความดี ย่อมเก็บเกี่ยวรางวัลที่แน่นอน
19 คนที่ตั้งมั่นอยู่ในทางที่พระเจ้าชอบใจจะมีชีวิตยืนยาว
แต่คนที่เดินตามทางชั่วร้ายจะอายุสั้น
20 พระยาห์เวห์สะอิดสะเอียนคนที่มีจิตใจคดโกง
แต่พระองค์จะยอมรับคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติ
21 ขอให้มั่นใจได้ว่า คนชั่วจะไม่มีวันหนีพ้นจากการถูกลงโทษไปได้
แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าพร้อมทั้งลูกหลานของเขาจะรอดพ้นโทษ
22 ผู้หญิงสวยที่ไม่ฉลาด
ก็เปรียบเหมือนแหวนทองคำที่สวมอยู่ที่จมูกหมู
23 สิ่งที่คนที่ทำตามใจพระเจ้าอยากได้นั้นจะจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน
แต่ความหวังของคนชั่วจะลงเอยด้วยการถูกลงโทษ
24 คนหนึ่งให้อย่างใจกว้าง เขาก็ยิ่งรวยขึ้น
อีกคนหนึ่งไม่ยอมให้ สุดท้ายเขาก็ยากจน
25 คนที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะเจริญรุ่งเรือง
และคนที่ช่วยเหลือคนอื่น เขาเองก็จะได้รับความช่วยเหลือ
26 คนที่กักตุนข้าว จะถูกคนสาปแช่ง
แต่คนที่ขายข้าวย่อมได้รับคำอวยพร
27 คนที่เสาะหาสิ่งที่ดี ก็จะเป็นที่ชื่นชอบ
แต่คนที่ไล่ตามสิ่งไม่ดี สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้นกับเขา
28 คนที่ไว้วางใจในความร่ำรวยของตนจะล้มลง
แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้า จะเจริญงอกงามเหมือนใบไม้เขียวสด
29 คนที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน จะได้ลมเป็นมรดก
คนโง่จะตกเป็นทาสของคนฉลาด
30 การกระทำของคนที่ทำตามใจพระเจ้าเป็นเหมือนต้นไม้ที่ให้ชีวิต
แต่คนที่โหดร้าย[b] มีแต่จะเอาชีวิตไป
31 ถ้าคนที่ทำตามใจพระเจ้า ยังต้องได้รับผลกรรมในโลกนี้
แล้วคนชั่วและคนบาปจะได้รับผลกรรมมากกว่านั้นขนาดไหน
ร่างเดียวกัน
4 ในฐานะที่ผมเป็นนักโทษเพราะเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ผมขออ้อนวอนให้พวกคุณใช้ชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าได้เรียกคุณมา 2 คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก 3 ให้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ได้รับจากพระวิญญาณ ด้วยการใช้สันติภาพเป็นเชือกผูกมัดพวกคุณไว้ด้วยกัน 4 มีเพียงกายเดียวและพระวิญญาณเดียว เหมือนที่พระเจ้าเรียกพวกคุณมาให้มีความหวังเดียว 5 มีองค์เจ้าชีวิตองค์เดียว ความเชื่อเดียว พิธีจุ่มน้ำเดียว 6 และมีพระเจ้าองค์เดียว ผู้เป็นพระบิดาของทุกสิ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง อยู่ทั่วทุกสิ่ง และอยู่ในทุกสิ่ง
7 พวกเราแต่ละคนได้รับของขวัญต่างๆตามความเมตตาของพระคริสต์ 8 นั่นเป็นเหตุที่พระคัมภีร์ถึงได้พูดว่า
“เมื่อพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่สูง
พระองค์ก็เอาเชลยสงครามไปด้วยและพระองค์ก็ได้แจกของขวัญให้กับมนุษย์”[a]
9 ที่พูดว่า “พระองค์ขึ้นไป” ก็แสดงว่าพระองค์เคยลงมาที่โลกเบื้องล่างนี้ 10 พระองค์ที่ลงมาก็เป็นองค์เดียวกับที่ขึ้นไปสูงกว่าสวรรค์ทั้งปวง เพื่อพระองค์จะได้เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง 11 พระเยซูได้แจกของขวัญคือ พวกศิษย์เอกของพระองค์ พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกผู้ประกาศข่าวดีและพวกผู้เลี้ยงที่สอน 12 เพื่อคนพวกนี้ จะได้เตรียมคนของพระเจ้าให้สามารถทำงานรับใช้ ซึ่งจะเสริมสร้างกายของพระคริสต์ให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ 13 จนกว่าพวกเราทั้งหมดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้เกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า แล้วเราจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเป็นเหมือนกับพระคริสต์ทุกประการ
14 ทั้งนี้ก็เพื่อเราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็กเล็กๆอีกต่อไป หรือเหมือนคลื่นที่ถูกซัดไปซัดมา หรือถูกพัดไปทางโน้นทีทางนี้ที ด้วยคำสอนใหม่ๆและด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายต่างๆของพวกผู้สอนเท็จ 15 แต่ให้พวกเราพูดความจริงด้วยความรัก และให้โตขึ้นเป็นเหมือนพระคริสต์ในทุกๆทาง พระคริสต์คือศีรษะ 16 ที่ร่างกายทุกส่วนต้องพึ่งพาและทั้งร่างก็ยึดติดสนิทกันด้วยเส้นเอ็นทุกๆเส้น เมื่ออวัยวะต่างๆทำหน้าที่ของมันเองแล้ว พระคริสต์ทำให้ร่างกายทั้งหมดเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นด้วยความรัก
ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
17 ในฐานะตัวแทนขององค์เจ้าชีวิต ผมขอบอกคุณว่า ต่อจากนี้ไป อย่าใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ที่คิดแต่เรื่องไร้สาระ 18 ความคิดของเขามืดมัวไปเพราะความโง่เขลาและจิตใจที่ดื้อรั้นทำให้เขาถูกแยกออกจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า 19 พวกเขาไม่มีความละอายต่อบาปอีกแล้ว ปล่อยตัวมัวเมาในกาม ทำเรื่องไม่บริสุทธิ์ทุกอย่างโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ 20 แต่การใช้ชีวิตแบบนั้นไม่เหมือนกับการใช้ชีวิตกับพระคริสต์อย่างที่คุณเรียนรู้จากพวกเรา 21 จริงๆแล้ว คุณเคยได้ยินเรื่องของพระองค์และได้รับคำสอนเกี่ยวกับพระองค์ สิ่งที่คุณเรียนรู้มานั้นสอดคล้องกับความจริงที่พระเจ้าได้เปิดเผยในพระเยซู 22 คำสอนนั้นบอกให้พวกคุณกำจัดตัวตนเก่าๆที่ถูกตัณหาชักนำให้หลงและเสื่อมไป 23 คำสอนนั้นยังสอนให้คุณยอมให้พระเจ้าสร้างความคิดและจิตใจของคุณขึ้นมาใหม่ 24 คำสอนนี้ยังบอกอีกว่าให้สวมคนใหม่นั้นที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นเหมือนพระองค์ เพื่อจะได้มีชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ ตามความจริงที่เราสอนนั้น
25 ถ้าอย่างนั้น ให้เลิกพูดโกหกซะ “ให้ต่างคนต่างพูดความจริงต่อเพื่อนของตน”[b] เพราะพวกเราเป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน 26 “ถ้าโกรธ ก็อย่าทำบาป”[c] ควรกำจัดความโกรธนั้นให้หมดไปก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน 27 อย่าเปิดโอกาสให้มารเอาชนะพวกคุณได้ 28 คนที่เคยขโมยมาก่อน ก็ให้เลิกขโมยซะ แล้วหันมาทำงาน ใช้มือทำสิ่งที่มีประโยชน์ เพื่อจะได้มีสิ่งของไว้แจกคนที่ขัดสน
29 อย่าพูดคำหยาบคายเลย แต่ให้พูดในสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ให้กำลังใจกับคนที่ต้องการ เพื่อมันจะได้เป็นประโยชน์กับคนที่ได้ยิน 30 อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจ พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณนี้มาประทับตราพวกคุณไว้ เพื่อแสดงว่าคุณเป็นของพระเจ้า และเพื่อรับรองว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระในวันนั้น[d] 31 กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากหมู่พวกคุณ คือความขมขื่นทั้งหมด ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงความชั่วทุกชนิด 32 ให้เมตตาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน และอภัยให้กันและกันเหมือนกับที่พระเจ้าได้อภัยให้กับคุณผ่านทางพระคริสต์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International