M’Cheyne Bible Reading Plan
คำแนะนำจากพ่อตาของโมเสส
(ฉธบ. 1:9-18)
18 เยโธร นักบวชของมีเดียน ซึ่งเป็นพ่อตาของโมเสส ได้ยินเรื่องทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทำให้กับโมเสส และอิสราเอลคนของพระองค์ รวมทั้งเรื่องที่พระยาห์เวห์ได้นำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ 2 เยโธร พ่อตาของโมเสส ได้พาศิปโปราห์เมียของโมเสสมา หลังจากที่โมเสสได้ส่งเมียของเขากลับไปอยู่กับเยโธร 3 เยโธรได้พาลูกชายทั้งสองของนางมาด้วย คนหนึ่งชื่อ เกอร์โชม[a] เพราะโมเสสพูดว่า “ผมเป็นคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินของคนอื่น” 4 อีกคนหนึ่งชื่อเอลีเยเซอร์[b] เพราะโมเสสพูดว่า “พระเจ้าของพ่อผมคือผู้ที่ช่วยเหลือผม และพระองค์ได้ช่วยชีวิตผมให้พ้นจากคมดาบของฟาโรห์” 5 เยโธรพ่อตาของโมเสส ลูกชายทั้งสองของโมเสส และเมียของโมเสส ไปหาโมเสสที่ค่าย ซึ่งตั้งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ที่ภูเขาของพระเจ้า[c]
6 เยโธรส่งคนไปบอกโมเสสว่า “เรา เยโธรพ่อตาของท่าน กำลังจะมาหาท่าน พร้อมกับพาเมียของท่าน และลูกชายสองคนของนางมาด้วย”
7 โมเสสออกมาพบกับพ่อตาของเขา เขาก้มกราบลงและจูบเยโธร หลังจากที่พวกเขาทักทายกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เข้าไปในเต็นท์ 8 โมเสสได้เล่าให้พ่อตาฟังว่า พระยาห์เวห์ได้ทำอะไรบ้างต่อฟาโรห์และคนอียิปต์ เพื่อช่วยชาวอิสราเอล รวมทั้งความยากลำบากที่ชาวอิสราเอลต้องพบในระหว่างทาง และพระยาห์เวห์ได้ช่วยพวกเขาไว้อย่างไร
9 เยโธรก็ดีใจกับสิ่งดีๆทั้งหมด ที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับคนอิสราเอล เมื่อพระองค์ได้ช่วยให้พวกเขาพ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ 10 เยโธรพูดว่า
สรรเสริญพระยาห์เวห์
ที่ได้ช่วยชีวิตพวกท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์
และจากเงื้อมมือของฟาโรห์
11 ตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าพระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่
กว่าพระอื่นๆทั้งหมด
เพราะพระองค์ได้ช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากการกดขี่ของชาวอียิปต์
ตอนที่ชาวอียิปต์ได้ทำต่อคนอิสราเอลอย่างเย่อหยิ่งจองหอง
12 เยโธร พ่อตาของโมเสส นำพวกเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชา มาถวายให้กับพระเจ้า อาโรนและพวกผู้อาวุโสของอิสราเอลทั้งหมด ก็ได้มาร่วมกินอาหารกับพ่อตาของโมเสส ต่อหน้าพระเจ้า
13 วันต่อมา โมเสสนั่งตัดสินคดีให้กับผู้คน มีคนยืนห้อมล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจนเย็น
14 พ่อตาโมเสสเห็นทุกอย่างที่โมเสสได้ทำให้กับประชาชน เขาถามโมเสสว่า “ท่านกำลังทำอะไรให้ประชาชนเหล่านี้อยู่หรือ ทำไมท่านถึงนั่งอยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆต่างก็ยืนห้อมล้อมท่านตั้งแต่เช้าจนเย็น”
15 โมเสสตอบพ่อตาไปว่า “คนเหล่านี้มาหาผม เพื่อให้ผมช่วยสอบถามพระเจ้า 16 เมื่อพวกเขาทะเลาะกัน พวกเขาจะมาหาผม ให้ผมช่วยตัดสิน เพราะผมเป็นคนสอนให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับกฎและระเบียบของพระเจ้า”
17 พ่อตาโมเสสจึงพูดว่า “ที่ท่านกำลังทำอยู่นี้ มันไม่ดี 18 เพราะทั้งท่านและคนพวกนั้นจะหมดแรงไปก่อนแน่ เพราะงานมันยากเกินไปสำหรับท่าน ท่านทำคนเดียวไม่ได้หรอก 19 ฟังนะ เราจะให้คำแนะนำกับท่าน เพื่อพระเจ้าจะอยู่กับท่าน ท่านคือตัวแทนของประชาชนต่อหน้าพระเจ้า ที่จะเอาเรื่องโต้เถียงของพวกเขาไปบอกกับพระเจ้า 20 ท่านสามารถสอนกฎและระเบียบต่างๆให้กับพวกเขาได้ และบอกให้พวกเขารู้ถึงทางที่พวกเขาควรจะเดินและสิ่งที่พวกเขาควรจะทำ 21 ให้ท่านเลือกคนจากท่ามกลางพวกเขาทั้งหมดมา เลือกคนที่มีความสามารถ ที่นับถือพระเจ้า ซื่อสัตย์ และเกลียดการรับสินบน ให้ท่านแต่งตั้งคนพวกนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคนเหล่านั้น มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคนเป็นพัน คนเป็นร้อย คนเป็นห้าสิบ และคนเป็นสิบ 22 เจ้าหน้าที่พวกนี้ จะตัดสินคดีให้กับคนพวกนั้นตลอดเวลา เรื่องใหญ่ๆพวกเขาถึงค่อยเอามาให้ท่านตัดสิน เรื่องเล็กๆพวกเขาก็ตัดสินเอง มันจะได้ง่ายขึ้นสำหรับตัวท่าน และพวกเขาก็จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับท่าน 23 ถ้าท่านทำอย่างนี้ ตามที่พระเจ้าสั่งให้ท่านทำ ท่านจะได้มีเรี่ยวแรงที่จะทำงานต่อไปได้ และคนพวกนี้ก็จะแยกย้ายกลับบ้านอย่างสงบสุข”
24 โมเสสฟังสิ่งที่พ่อตาพูด และทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง 25 โมเสสได้เลือกคนที่มีความสามารถจากชาวอิสราเอล และแต่งตั้งให้พวกเขาเป็นหัวหน้าดูแลประชาชน มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง และสิบคนบ้าง 26 พวกเขาตัดสินคดีให้กับประชาชนตลอดเวลา คดียากๆพวกเขาจะเอามาให้โมเสสตัดสิน ส่วนคดีเล็กๆทั้งหลายพวกเขาตัดสินเอง
27 แล้วโมเสสก็ส่งพ่อตาของเขาไป แล้วเขาก็ได้กลับไปยังประเทศของตน
การให้ที่แท้จริง
(มก. 12:41-44)
21 พระเยซูเงยหน้ามอง เห็นพวกคนรวยเอาเงินมาใส่ในตู้บริจาคของวิหาร 2 แล้วพระองค์ได้เห็นหญิงม่ายจนๆคนหนึ่งเอาเหรียญทองแดง[a] เล็กๆสองเหรียญใส่ลงในกล่องด้วย 3 พระองค์จึงพูดว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า หญิงม่ายจนๆคนนี้ได้ใส่เงินมากกว่าทุกๆคน 4 เพราะคนอื่นเอาเงินที่เหลือกินเหลือใช้มาให้ แต่หญิงม่ายจนๆคนนี้เอาเงินเลี้ยงชีพทั้งหมดของเธอมาให้”
วิหารจะถูกทำลาย
(มธ. 24:1-14; มก. 13:1-13)
5 ศิษย์บางคนได้พูดถึงความสวยงามของวิหาร พูดถึงหินแต่ละก้อนและของถวายแต่ละชิ้น ว่าช่างสวยงามเหลือเกิน พระเยซูจึงพูดขึ้นมาว่า
6 “ทั้งหมดที่คุณเห็นนี้ วันหนึ่งจะถูกทำลายจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ซากหินวางซ้อนทับกันเลย”
7 พวกเขาก็เลยถามว่า “อาจารย์ เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วจะมีอะไรบอกเหตุไหมครับว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว”
8 พระเยซูตอบว่า “ระวังตัวให้ดี อย่าให้ใครมาหลอกเอาได้ เพราะจะมีหลายคนมาแอบอ้างว่าเป็นเรา และยังบอกอีกว่า ‘เวลานั้นมาถึงแล้ว’ อย่าไปหลงเชื่อเขา 9 เมื่อพวกคุณได้ยินว่าเกิดสงคราม และเกิดจลาจลวุ่นวาย ก็ไม่ต้องตกใจกลัว เพราะเรื่องพวกนี้จะต้องเกิดขึ้นก่อน แต่วันสุดท้ายนั้นจะยังไม่มาถึงทันทีหรอก”
10 แล้วพระองค์ก็พูดว่า “ชนชาติต่างๆและแผ่นดินต่างๆจะลุกขึ้นมาต่อสู้กัน 11 จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในที่ต่างๆ เกิดกันดารอาหาร เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้น จะมีเรื่องที่น่ากลัวและสิ่งแปลกประหลาดมากมายจะเกิดขึ้นบนท้องฟ้า
12 แต่ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น พวกคุณจะถูกจับไปทรมาน ถูกนำตัวไปในที่ประชุมชาวยิวและถูกจับขังคุก และจะถูกสอบสวนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และเจ้าเมือง เพราะพวกคุณเป็นศิษย์ของเรา 13 นี่จะเป็นโอกาสดีของคุณที่จะได้พูดเรื่องของเราให้พวกเขาฟัง 14 พวกคุณไม่ต้องกังวลล่วงหน้าว่าจะพูดแก้ตัวยังไง 15 เพราะเราจะให้สติปัญญาและคำพูดที่เฉียบคมกับคุณ เมื่อศัตรูของคุณฟังแล้ว จะไม่มีทางคัดค้านหรือโต้แย้งได้เลย 16 แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับคุณ ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติๆและเพื่อนฝูง ก็จะหักหลังคุณ และพวกคุณบางคนก็จะถูกฆ่าด้วย 17 ทุกคนจะเกลียดพวกคุณ เพราะพวกคุณเป็นศิษย์ของเรา 18 แต่ไม่ต้องกลัว เพราะแม้แต่ผมสักเส้นบนหัวของพวกคุณก็จะไม่ถูกทำลาย 19 ให้อดทนไว้จนถึงที่สุด แล้วคุณจะได้รับความรอด”
เมืองเยรูซาเล็มจะพินาศ
(มธ. 24:15-21; มก. 13:14-19)
20 “เมื่อพวกคุณเห็นกองทัพมาล้อมเมืองเยรูซาเล็ม ก็ให้รู้ว่าเมืองนี้ใกล้จะถูกทำลายแล้ว 21 ถ้าตอนนั้นคุณอยู่ในแคว้นยูเดีย ก็ให้รีบหนีขึ้นไปบนภูเขา ถ้าคุณอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ก็ให้รีบหนีออกไปนอกเมือง คนที่อยู่นอกเมือง ก็อย่าได้เข้ามาในเมือง 22 เพราะวันนั้นจะเป็นวันของการลงโทษเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อทุกอย่างจะได้เป็นจริงตามที่ได้เขียนไว้แล้ว 23 ในวันนั้นจะน่ากลัวมากสำหรับคนท้องและแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูก เพราะจะเกิดภัยพิบัติในแผ่นดินยูเดีย และพระเจ้าจะลงโทษชนชาติอิสราเอลเหล่านี้ 24 พวกเขาจะถูกฆ่าฟัน และจะถูกจับไปเป็นเชลยของชนชาติอื่นๆ คนต่างชาติจะบุกรุกย่ำยีเมืองเยรูซาเล็ม ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้”
อย่ากลัวเลย
(มธ. 24:29-31; มก. 13:24-27)
25 “จะมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ ส่วนในโลกนี้ ชนชาติต่างๆก็จะหวาดกลัว และสับสนวุ่นวายกับเสียงร้องกึกก้องของคลื่นในทะเล 26 คนจะเป็นลมล้มพับไปเพราะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกนี้ พวกผู้มีอำนาจในฟ้าสวรรค์ก็จะถูกสั่นคลอน 27 แล้วพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆ เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ 28 เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้น ขอให้ลุกขึ้นด้วยความมั่นใจ เพราะใกล้ถึงเวลาที่พระเจ้าจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระแล้ว”
ถ้อยคำของเราจะคงอยู่ตลอดไป
(มธ. 24:32-35; มก. 13:28-31)
29 แล้วพระองค์ก็เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “เมื่อพวกคุณเห็นต้นมะเดื่อหรือต้นไม้อื่นๆ 30 แตกใบอ่อนออกมา คุณก็รู้ว่าใกล้ถึงฤดูร้อนแล้ว 31 ก็เหมือนกัน เมื่อคุณเห็นสิ่งเหล่านี้ที่เราพูดไว้เกิดขึ้น คุณบอกได้เลยว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
32 เราจะบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นก่อนที่คนรุ่นนี้จะตายไป 33 สวรรค์และโลกจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป
ควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
34 ระวังตัวให้ดี อย่าให้ใจหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการดื่มกินกันหรือเมาเหล้ากัน หรือมัวแต่ห่วงกังวลเกี่ยวกับชีวิตนี้ เพราะถ้าทำอย่างนั้น วันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับดัก 35 เพราะวันนั้นจะมาถึงทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ 36 คุณต้องระวังตัวทุกเวลา และอธิษฐานให้ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น และจะได้สามารถมายืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์”
37 พระเยซู สั่งสอนอยู่ในวิหารทุกวัน และกลับไปนอนที่ภูเขามะกอกเทศทุกคืน 38 ทุกคนจะตื่นแต่เช้ามาฟังพระองค์สอนที่วิหาร
36 แล้วเอลีฮูก็พูดต่อไปว่า
2 “ทนฟังผมอีกสักหน่อย ผมจะอธิบายเรื่องราวให้ท่านฟัง
ผมยังมีคำพูดที่จะว่าความให้กับพระเจ้า
3 ผมจะนำความรู้อันกว้างไกลของผมมา
และผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าพระผู้สร้างของผมนั้นเป็นฝ่ายถูก
4 คำพูดของผมนี้ไม่ผิดแน่
ผู้รอบรู้อยู่ท่ามกลางพวกท่านแล้ว
5 ดูสิ พระเจ้านั้นทรงฤทธิ์ แต่ไม่ได้ดูหมิ่นใครเลย
พระองค์ทรงฤทธิ์ และเด็ดขาดในการตัดสินต่างๆ
6 พระองค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วมีชีวิตอยู่
แต่พระองค์ให้ความยุติธรรมกับคนที่ถูกกดขี่
7 พระองค์ไม่ละสายตาจากคนดี
แต่จะยกพวกเขาขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์กับพวกกษัตริย์ตลอดไป
8 ถ้าหากว่า พวกเขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน
หรือถูกมัดด้วยเชือกแห่งความทุกข์ทรมาน
9 พระองค์ก็จะบอกพวกเขาถึงความผิดที่เขาได้ทำ
และกฎต่างๆที่เขาได้ละเมิดเพราะพวกเขาทำตัวหยิ่งยโส
10 พระองค์เปิดหูของพวกเขาให้รับฟังคำว่ากล่าวตักเตือน
และสั่งให้พวกเขาหันกลับจากความชั่ว
11 หากว่าพวกเขาเชื่อฟังและรับใช้พระองค์
เขาก็จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเจริญรุ่งเรือง
และเดือนปีของเขาก็จะอยู่อย่างสุขสบาย
12 แต่หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง เขาจะต้องข้ามแม่น้ำแห่งความตาย[a]
เพราะพวกเขาขาดความเข้าใจ
13 ส่วนคนที่ไม่นับถือพระเจ้า พวกเขาก็จะสั่งสมความโกรธไว้ในใจ
ไม่ร้องขอความเมตตาตอนที่พระองค์มัดเขา
14 พวกเขาจะตายในขณะที่ยังหนุ่มอยู่
ชีวิตของพวกเขาจะสั้นเหมือนกับพวกผู้ชายขายตัว
15 พระเจ้าช่วยกู้คนทุกข์ผ่านทางความทุกข์ของพวกเขา
พระองค์ใช้ความทุกข์ยากเปิดหูของพวกเขา
16 พระองค์นำท่านให้ออกมาจากความทุกข์ยากไปสู่ที่โล่งกว้าง ไม่แออัดคับแคบ
และโต๊ะของท่านจะพูนล้นไปด้วยอาหารเลิศหรู
17 แต่ท่านนี่คิดแต่เรื่องเอาชนะคดี ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด
ท่านหมกมุ่นอยู่กับการฟ้องร้องพระเจ้า
18 ระวังนะ อย่าให้ความร่ำรวยหลอกเอาได้
อย่าให้สินบนอันยิ่งใหญ่ทำให้ท่านหันเหไปจากสิ่งที่ถูกต้อง
19 ความร่ำรวยและความพยายามสุดแรงเกิดของท่าน
จะช่วยให้ท่านพ้นจากความทุกข์ยากได้หรือ
20 อย่าคิดว่าท่านจะปลอดภัยในกลางคืนที่ท่านรอคอยนั้น
เพราะว่าชนชาติต่างๆสามารถหายวับไปในชั่วข้ามคืนเดียว
21 ระวัง อย่าหันหน้าไปสู่ความชั่ว
เพราะความทุกข์ยากนี้เป็นการทดสอบท่านเพื่อท่านจะไม่ได้ทำอย่างนั้น
22 ดูสิ พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และทรงพลัง
ใครจะเป็นครูเหมือนกับพระองค์ได้
23 ใครจะสั่งให้พระองค์ต้องรายงานสิ่งที่พระองค์ทำมา
และใครจะบังอาจพูดกับพระองค์ว่า ‘ท่านทำผิด’
24 อย่าลืมเชิดชูผลงานของพระองค์
เหมือนกับที่คนเอามาร้องเป็นเพลง
25 มนุษย์ทุกคนได้เห็นสิ่งที่พระองค์สร้าง
พวกเขามองได้แต่ไกล
26 ดูสิ พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ เราไม่สามารถเข้าใจพระองค์ได้หรอก
อายุของพระองค์นั้นเกินกว่าที่เราจะค้นพบได้
27 พระองค์ดึงหยดน้ำจากทะเล
แล้วกลั่นเป็นฝนจากเมฆ
28 หมู่เมฆเทน้ำฝนลงมา
พวกมันโปรยมันลงมาบนหมู่มนุษย์อย่างเหลือเฟือ
29 ใครจะเข้าใจการแผ่ของเมฆ
และเสียงร้องครืนๆจากเต็นท์ของพระองค์ในฟ้าสวรรค์
30 ดูสิพระองค์กระจายฟ้าแลบไปรอบพระองค์
และสว่างจ้าไปถึงก้นทะเล
31 พระองค์ใช้ฝนฟ้าเพื่อเลี้ยงอาหารให้กับชนชาติทั้งหลาย
เพื่อให้เขามีอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์
32 พระองค์กำสายฟ้าไว้ในมือ
และสั่งให้สายฟ้าผ่าลงไปที่เป้า
33 เสียงฟ้าร้องประกาศว่าพระองค์อยู่ที่นี่
พายุประกาศถึงความโกรธอันแรงกล้าของพระองค์
6 ในฐานะผู้ร่วมงานกับพระเจ้า เราขอร้องพวกคุณทุกคนว่าอย่ารับความเมตตากรุณาของพระเจ้ามาเปล่าๆ 2 เพราะพระองค์พูดไว้ว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็ฟังเสียงเจ้า
เมื่อถึงวันแห่งความรอด เราก็ช่วยชีวิตเจ้า”[a]
ฟังให้ดีนะ ตอนนี้นั่นเองคือเวลาที่เหมาะสมนั้น และเดี๋ยวนี้นั่นเองเป็นวันแห่งความรอดนั้น
3 เราพยายามที่จะไม่ก่อปัญหาให้กับใครเลย จะได้ไม่มีใครมาติเตียนงานของเราได้ 4 ตรงกันข้าม เราพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกวิถีทาง ให้คนเห็นว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า โดยอดทนอดกลั้นมาก ลำบากแสนสาหัส 5 ถูกเฆี่ยนตี ถูกจับขังคุก เจอกับการจลาจลวุ่นวาย ตรากตรำทำงานอย่างหนัก อดหลับอดนอน อดอยากปากแห้ง 6 มีใจบริสุทธิ์ มีความรู้ มีความอดทน มีความเมตตา มีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ด้วย มีความรักที่จริงใจ 7 พูดแต่ความจริง มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เราใช้ชีวิตที่ทำตามใจพระเจ้ามาถือเป็นอาวุธในมือซ้ายขวา[b] 8 ทั้งในเวลาที่คนให้เกียรติและไม่ให้เกียรติ ทั้งในเวลาที่คนพูดใส่ร้ายและพูดยกย่อง คนมองว่าเราเป็นคนหลอกลวงทั้งๆที่เราพูดความจริง 9 คนมองว่าไม่มีใครรู้จักเราทั้งๆที่เราเป็นที่รู้จักกันดี คนมองว่าเราใกล้จะตายแล้ว แต่ดูสิ เรายังมีชีวิตอยู่ คนมองว่าเราถูกพระเจ้าลงโทษ แต่ดูสิ เรายังไม่ตาย 10 คนมองว่าเราเป็นคนอมทุกข์ แต่จริงๆแล้วเรารื่นเริงอยู่เสมอ คนมองว่าเรายากจนข้นแค้น แต่จริงๆแล้วเราทำให้หลายคนร่ำรวย คนมองว่าเราไม่มีอะไรเลย แต่จริงๆแล้วเรามีครบทุกอย่าง
11 พี่น้องชาวโครินธ์ เราพูดกับคุณอย่างตรงไปตรงมา และเปิดใจเต็มที่ 12 ไม่ใช่เราหรอกที่ปิดใจไม่ให้ความรักกับคุณ แต่พวกคุณต่างหากที่ทำอย่างนั้นกับเรา 13 ถ้าจะให้ยุติธรรม คุณก็ควรจะเปิดใจให้กับเราด้วย (ผมพูดแบบพูดกับลูกๆตัวเองนะ)
คำเตือนเกี่ยวกับคนที่ยังไม่เชื่อ
14 อย่าไปเข้าร่วมกับคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะคนดีกับคนชั่วจะไปด้วยกันได้อย่างไร ความสว่างกับความมืดจะเข้ากันได้อย่างไร 15 พระคริสต์กับซาตาน จะตกลงกันได้อย่างไร คนที่เชื่อพระเจ้ากับคนที่ไม่เชื่อจะเข้ากันได้อย่างไร 16 วิหารของพระเจ้า กับพวกรูปเคารพจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร เพราะเรานี่แหละคือวิหารของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ เหมือนกับที่พระเจ้าพูดไว้ว่า
“เราจะอยู่กับพวกเขา และจะเดินอยู่กับเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาก็จะเป็นคนของเรา”[c]
17 องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“ดังนั้นให้แยกตัวเองออกมาจากคนพวกนั้น
และอย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์อีก
แล้วเราจะยอมรับพวกเจ้า[d]
18 แล้วเราจะเป็นพ่อของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นพวกลูกชายและลูกสาวของเรา องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น”[e]
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International