Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 39

ชุดศักดิ์สิทธิ์ของนักบวช

(อพย. 28:1-43)

39 พวกเขานำผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม มาทำเป็นเสื้อผ้าใส่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทำเสื้อผ้าให้อาโรนใส่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

เบซาเลลทำเอโฟดด้วยผ้าที่ทอจากดิ้นทอง และด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินิน เขาใช้ค้อนทุบทองคำจนเป็นแผ่นบางๆ ตัดมันออกเป็นเส้น และนำไปใช้ทอลวดลายอย่างประณีตบนผ้าสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินเนื้อดี พวกเขาทำผ้าสองชิ้นขึ้น แล้วนำไปเย็บเป็นบ่าของเอโฟดทั้งสองข้าง เขาตกแต่งลวดลายของผ้าคาดเอว ซึ่งอยู่บนเอโฟด และเป็นชิ้นเดียวกันกับเอโฟด ผ้าคาดเอวนี้ทำจากผ้าทองคำ ผ้าสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินินเนื้อดี เหมือนกับเอโฟด ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

พวกเขาฝังพวกนิลลงบนตัวเรือนทองคำคู่หนึ่ง พวกเขาจารึกชื่อพวกลูกชายอิสราเอลไว้บนนิลพวกนั้น แล้วเบซาเลลก็เอานิลที่อยู่ในตัวเรือนคู่นั้นไปวางไว้บนบ่าทั้งสองข้างของเอโฟด ข้างละอัน นิลพวกนี้ทำขึ้นมาตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ เพื่อให้พระยาห์เวห์ระลึกถึงพวกลูกชายของอิสราเอล

เบซาเลลทำถุงผ้าทับอก โดยออกแบบอย่างประณีต เหมือนงานเอโฟด เขาใช้ผ้าทองคำ ผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินินเนื้อดี ถุงผ้าทับอกนั้นเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า ขนาดกว้างหนึ่งคืบ[a] ยาวหนึ่งคืบ โดยเอาผ้ามาทับซ้อนกัน 10 พวกช่างฝีมือได้ฝังพลอยประดับไว้สี่แถวบนถุงผ้าทับอกนั้น แถวแรกฝังพลอยสีแดง บุษราคัมและมรกต 11 แถวที่สอง ฝังทับทิม ไพลิน และแก้วผลึก 12 แถวที่สาม ฝังเพทาย พลอยสีขุ่น และเขี้ยวแก้วหนุมาน 13 แถวที่สี่ ฝังพลอยสีเขียว นิลและแจสเพอร์[b] พวกเขาฝังพลอยประดับพวกนี้ลงในตัวเรือนที่ทำจากทองคำ 14 มีพลอยทั้งหมดสิบสองก้อน เพื่อใส่ชื่อของพวกลูกชายของอิสราเอล พลอยประดับแต่ละก้อนจะเหมือนตราประทับ จะมีชื่อของเผ่าทั้งสิบสองเผ่าแกะสลักไว้ก้อนละเผ่า

15 พวกช่างฝีมือได้ทำสายสร้อยทองคำบริสุทธิ์ ที่ถักเป็นเกลียวเหมือนเชือก ไว้ใช้กับถุงผ้าทับอก 16 พวกเขาทำตัวเรือนทองคำสองชิ้นและห่วงทองคำสองห่วง ติดห่วงทองทั้งสองห่วงไว้ที่มุมบนของถุงผ้าทับอกทั้งสองข้าง 17 จากนั้นก็เอาสร้อยทองคำสอดเข้าไปในห่วงทองทั้งสองห่วงนั้น 18 และนำปลายอีกด้านหนึ่งของสร้อยแต่ละเส้นไปติดเข้ากับตัวเรือนทองคำ ที่อยู่บนบ่าของเอโฟด ตรงด้านหน้า 19 พวกช่างฝีมือทำห่วงทองคำอีกสองห่วงไปติดไว้ที่มุมล่างของถุงผ้าทับอกด้านในที่แนบอยู่กับเอโฟด 20 พวกเขาทำห่วงทองคำอีกสองห่วงไปติดไว้ริมเอโฟดด้านหน้า ห่วงทั้งสองนี้อยู่ใกล้กับตะเข็บ เหนือผ้าคาดเอวที่ทำอย่างประณีตนั้น 21 ช่างฝีมือก็เอาผ้าสีน้ำเงินมาสอดเข้ากับห่วงทั้งสองที่อยู่บนถุงผ้าทับอกกับเอโฟดนั้น เพื่อดึงให้มันตึง ถุงผ้าทับอกจะได้อยู่เหนือผ้าคาดเอวของเอโฟดที่ทำอย่างประณีต และจะได้ไม่เคลื่อนไหวไปมา เขาได้ทำทั้งหมดนี้ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

22 เบซาเลลทำเสื้อชุดยาวของเอโฟด ด้วยผ้าทอสีน้ำเงินล้วน 23 ส่วนช่องลอดหัวของเสื้อชุดยาวอยู่ตรงกลาง เหมือนกับคอเสื้อทหาร มีขอบเย็บโดยรอบเพื่อกันไม่ให้มันขาด

24 ส่วนปลายของเสื้อชุดยาวนี้ ช่างฝีมือได้นำผ้าทอลินินเนื้อดี ผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงเข้มมาทำเป็นลูกทับทิมติดไว้ 25 พวกเขาทำพวกกระดิ่งทองคำบริสุทธิ์ และนำไปติดไว้ระหว่างลูกทับทิมแต่ละลูก ซึ่งเย็บติดไว้รอบๆปลายเสื้อชุดยาวนี้ 26 ทับทิมกับกระดิ่งจะอยู่สลับกันไปรอบๆปลายของเสื้อชุดยาว เสื้อชุดยาวนี้เอาไว้ใส่รับใช้พระยาห์เวห์ มันทำขึ้นตามแบบที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

27 พวกเขาทำผ้าคลุมจากผ้าทอลินินเนื้อดี ให้อาโรนกับพวกลูกชายของเขา 28 พวกช่างฝีมือทำผ้าโพกหัวกับแถบผ้าสวมหัวจากผ้าลินินเนื้อดี และทำเสื้อชั้นในจากผ้าทอลินินสีขาว 29 พวกช่างยังใช้ผ้าทอลินินเนื้อดี ผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วงและสีแดงเข้ม เย็บเป็นผ้าคาดเอวและปักลวดลายลงบนนั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

30 ช่างฝีมือได้ทำแผ่นป้ายทองคำของมงกุฎอันศักดิ์สิทธิ์ เขียนข้อความเหมือนที่เขาสลักลงในตราประทับว่า “ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระยาห์เวห์” 31 พวกเขาติดแผ่นป้ายนี้เข้ากับแถบผ้าสีน้ำเงิน และเอาไปผูกไว้กับผ้าโพกหัวตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

โมเสสตรวจเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 35:10-19)

32 ดังนั้น งานทุกอย่างของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือเต็นท์นัดพบ ก็ได้เสร็จสิ้นลง ประชาชนชาวอิสราเอลได้ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ทุกอย่าง 33 พวกเขาได้นำเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์มอบให้โมเสส ทั้งตัวเต็นท์กับอุปกรณ์ทุกอย่าง ตะขอเกี่ยว กรอบ กลอน เสา ฐาน 34 หลังคาที่ทำจากหนังแกะและหลังคาที่ทำจากหนังปลาโลมา รวมทั้ง ฉาก 35 หีบใส่แผ่นหินสองแผ่นแห่งข้อตกลง กับคานหามของมัน ฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ 36 โต๊ะกับอุปกรณ์ที่ใช้บนนั้นทุกอย่าง ขนมปังที่วางไว้ต่อหน้าพระเจ้า 37 ตะเกียงที่มีขาตั้งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ และถ้วยตะเกียงของมันที่เรียงเป็นแถว พร้อมอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องใช้คู่กับมัน และน้ำมันจุดตะเกียง 38 แท่นบูชาทองคำ น้ำมันเจิม เครื่องหอม ฉากที่ทางเข้าเต็นท์ 39 แท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ พร้อมตะแกรงทองสัมฤทธิ์ของมัน คานหามของมันและอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้กับมัน อ่างน้ำพร้อมฐานรองของมัน

40 พวกม่านกั้นที่ลาน พวกเสาม่าน ฐาน ม่านที่ประตูลาน เชือกและหมุดยึด และ ยังมีเครื่องใช้อื่นๆที่ต้องใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือเต็นท์นัดพบนั่นเอง

41 เสื้อผ้าปักเกลียวทองสำหรับผู้รับใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชุดศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรน และชุดสำหรับพวกลูกชายของเขา เพื่อใส่รับใช้ในฐานะนักบวช

42 ประชาชนชาวอิสราเอลได้ทำทุกๆอย่างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้ทุกประการ 43 เมื่อโมเสสเห็นงานทุกอย่างถูกสร้างตามแบบที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้จนเสร็จสิ้น เขาก็อวยพรชาวอิสราเอลเหล่านั้น

ยอห์น 18

พระเยซูถูกจับ

(มธ. 26:47-56; มก. 14:43-50; ลก. 22:47-53)

18 เมื่อพระเยซูอธิษฐานเสร็จแล้ว พระองค์ออกไปกับพวกศิษย์ของพระองค์ ข้ามหุบเขาขิดโรนเข้าไปที่สวนแห่งหนึ่ง ยูดาส คนที่ทรยศพระองค์ก็รู้จักสวนแห่งนี้ เพราะว่าพระเยซูและพวกศิษย์ของพระองค์มาพบกันที่นี่บ่อยๆ แล้วยูดาสก็ได้นำพวกทหารโรมันกลุ่มหนึ่ง และพวกผู้คุมวิหารที่พวกหัวหน้านักบวชและพวกฟาริสีส่งมา เข้ามาหาพระเยซู พวกเขาถือตะเกียง คบไฟ และอาวุธมาด้วย

พระเยซูรู้ทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพระองค์ พระองค์จึงเดินออกมาหาพวกเขา แล้วถามว่า “มาตามหาใครกัน”

พวกเขาตอบว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ”

พระองค์จึงพูดว่า “เราเอง” (ยูดาสคนที่หักหลังพระองค์ก็ยืนอยู่ที่นั่นกับพวกนั้น) เมื่อพระองค์พูดว่า “เราเอง”[a] พวกเขาก็ถอยหลังกรูล้มลงกับพื้น

พระเยซูถามอีกครั้งว่า “มาตามหาใครนะ”

พวกเขาก็ตอบว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ”

พระเยซูตอบว่า “ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเราเอง ถ้าพวกคุณตามหาเราก็ให้ปล่อยคนพวกนี้ไปซะ” ที่พระองค์พูดอย่างนี้ เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่พระองค์ได้พูดไว้ก่อนแล้วว่า “ลูกไม่ได้สูญเสียคนที่พระองค์ได้ฝากไว้กับลูกไปแม้แต่คนเดียว”

10 ซีโมน เปโตรมีดาบอยู่ จึงชักออกมา แล้วก็ฟันถูกหูขวาของทาสคนหนึ่งของหัวหน้านักบวชสูงสุดขาดไป (ทาสคนนั้นชื่อมัลคัส) 11 พระเยซูห้ามเปโตรว่า “เก็บดาบเข้าฝักซะ จะไม่ให้เราดื่มถ้วย[b] แห่งความทุกข์ที่พระบิดาเตรียมไว้ให้เราได้ยังไง”

พระเยซูถูกนำไปพบหัวหน้านักบวช

(มธ. 26:57-58; มก. 14:53-54; ลก. 22:54)

12 พวกทหารโรมัน นายพันของพวกเขา และพวกผู้คุมวิหารชาวยิวได้จับพระเยซูมัดไว้ 13 แล้วนำพระองค์ไปพบอันนาสก่อน อันนาสเป็นพ่อตาของคายาฟาสซึ่งเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดในปีนั้น 14 (คายาฟาสเป็นคนที่ได้บอกชาวยิวว่า ให้คนคนเดียวตาย ดีกว่าคนทั้งชาติต้องตาย)

เปโตรพูดว่าไม่รู้จักพระเยซู

(มธ. 26:69-70; มก. 14:66-68; ลก. 22:55-57)

15 ซีโมน เปโตรและศิษย์อีกคนหนึ่งได้ตามพระเยซูไป ศิษย์คนนี้รู้จักกับหัวหน้านักบวชสูงสุด เขาจึงสามารถเข้าไปในลานบ้านของหัวหน้านักบวชสูงสุดกับพระเยซูได้ 16 ส่วนเปโตรต้องรออยู่ด้านนอกข้างๆประตู แล้วศิษย์คนนั้นก็ได้ออกมาพูดกับหญิงที่เฝ้าประตู เธอจึงยอมให้เปโตรเข้าไปข้างใน 17 สาวใช้ที่เฝ้าประตูได้ถามเปโตรว่า “แกเป็นศิษย์ของชายคนนั้น ไม่ใช่หรือ”

เปโตรตอบว่า “เปล่า ผมไม่ได้เป็น”

18 พวกทาสและพวกผู้คุมวิหารได้ก่อกองไฟแล้วยืนผิงไฟกันอยู่เพราะอากาศหนาว เปโตรก็ยืนผิงไฟอยู่กับพวกเขาด้วย

หัวหน้านักบวชสูงสุดสอบสวนพระเยซู

(มธ. 26:59-66; มก. 14:55-64; ลก. 22:66-71)

19 หัวหน้านักบวชสูงสุดได้สอบสวนพระเยซูเกี่ยวกับพวกศิษย์และคำสอนของพระองค์ 20 พระองค์ตอบว่า “เราได้พูดอย่างเปิดเผยกับทุกคน เรามักจะสอนอยู่ในที่ประชุมและในวิหาร ซึ่งเป็นที่ที่พวกยิวทั้งหมดมาชุมนุมกัน และสิ่งที่เราสอนในที่ลับ เราก็สอนในที่แจ้งด้วย 21 มาถามเราทำไม ไปถามคนที่ได้ยินเอาเองสิว่า เราสอนอะไรกับพวกเขา”

22 เมื่อพระองค์พูดอย่างนั้น ผู้คุมวิหารคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆได้ตบหน้าพระองค์ และพูดว่า “กล้าดียังไงไปตอบหัวหน้านักบวชสูงสุดอย่างนั้น”

23 พระเยซูจึงตอบเขาว่า “ถ้าพูดอะไรผิดก็ให้บอกมาเลยว่าผิดตรงไหน แต่ถ้าไม่ได้พูดอะไรผิด มาตบหน้าเราทำไม”

24 อันนาสก็ได้ส่งพระเยซูที่ถูกมัดเหมือนกับนักโทษไปให้คายาฟาสที่เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด

เปโตรพูดอีกว่าไม่รู้จักพระเยซู

(มธ. 26:71-75; มก. 14:69-72; ลก. 22:58-62)

25 ขณะที่ซีโมนเปโตรยืนผิงไฟอยู่นั้น พวกเขาได้ถามว่า “แกแน่ใจหรือว่าไม่ได้เป็นศิษย์ของคนนั้น”

เปโตรตอบปฏิเสธว่า “ไม่ ผมไม่ได้เป็น”

26 ทาสคนหนึ่งของหัวหน้านักบวชสูงสุด ซึ่งเป็นญาติของชายที่ถูกเปโตรฟันหูขาดได้พูดกับเปโตรว่า “แกอยู่กับชายคนนั้นในสวนนี่”

27 เปโตรได้ปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง และทันใดนั้นไก่ก็ขัน

พระเยซูถูกนำตัวไปหาปีลาต

(มธ. 27:1-2, 11-31; มก. 15:1-20; ลก. 23:1-25)

28 ในตอนเช้ามืดพวกเขาได้นำตัวพระเยซูจากบ้านของคายาฟาสไปที่วังของเจ้าเมืองโรมัน[c] พวกยิวเองไม่ได้เข้าไปในวังนั้น เพราะจะทำให้พวกเขาไม่สะอาด[d] ตามพิธีกรรมทางศาสนา แล้วจะทำให้พวกเขาไม่สามารถร่วมฉลองในเทศกาลวันปลดปล่อยได้ 29 ปีลาตจึงออกมาหาพวกเขาข้างนอกและถามว่า “พวกเจ้าจะฟ้องร้องเขาด้วยเรื่องอะไรกัน”

30 พวกเขาตอบปีลาตว่า “ถ้ามันไม่ได้เป็นผู้ร้ายพวกเราก็คงจะไม่เอาตัวมันมาให้ท่านหรอก”

31 ปีลาตจึงบอกกับพวกเขาว่า “ถ้างั้นพวกเจ้าก็เอาเขาไปตัดสินลงโทษตามกฎปฏิบัติของพวกเจ้าเองสิ”

พวกยิวบอกปีลาตว่า “แต่ตามกฎหมายของโรมันไม่อนุญาตให้พวกเราประหารชีวิตใคร” 32 ที่เป็นอย่างนี้เพื่อให้เป็นจริงตามที่พระเยซูได้พูดไว้ว่าพระองค์จะต้องตายอย่างไร

33 ปีลาตกลับเข้าไปในวังของเขา และเรียกพระเยซูมาถามว่า “แกเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”

34 พระเยซูตอบว่า “คุณสงสัยเอง หรือได้ยินคนอื่นพูดถึงเรา”

35 ปีลาตจึงตอบว่า “แกคิดว่าเราเป็นคนยิวหรือไง คนของแกเองและพวกหัวหน้านักบวชนั่นแหละมอบตัวแกมาให้กับเรา แกทำอะไรผิดมา”

36 พระเยซูตอบว่า “อำนาจของเราที่จะปกครองไม่ได้มาจากโลกนี้ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้น คนของเราก็คงจะต่อสู้ไม่ให้พวกยิวจับเรา ดังนั้นอำนาจของเราที่จะปกครองไม่ได้มาจากโลกนี้”

37 ปีลาตจึงบอกพระองค์ว่า “ถ้าอย่างนั้น แกก็เป็นกษัตริย์น่ะสิ”

พระเยซูตอบว่า “คุณพูดถูกแล้วที่ว่าเราเป็นกษัตริย์ นี่เป็นเหตุที่เรามาเกิดและเข้ามาในโลกนี้ เพื่อบอกคนเกี่ยวกับความจริง และทุกๆคนที่อยู่ฝ่ายความจริง ก็ฟังเสียงของเรา”

38 ปีลาตถามพระองค์ว่า “ความจริงอะไรกัน” เมื่อเขาถามแล้วก็ได้ออกไปหาพวกยิวอีก และบอกพวกเขาว่า “เราไม่เห็นว่าเขามีความผิดตรงไหน 39 พวกเจ้ามีธรรมเนียมที่จะให้เราปล่อยนักโทษคนหนึ่งในช่วงเทศกาลวันปลดปล่อย พวกเจ้าอยากให้เราปล่อยตัว ‘กษัตริย์ของชาวยิว’ รึเปล่า”

40 แต่พวกยิวร้องตะโกนว่า “อย่าปล่อยมัน ขอให้ปล่อยบารับบัสแทน” (บารับบัสเป็นผู้ก่อการจลาจลการเมือง)

สุภาษิต 15

15 คำตอบที่สุภาพระงับความโกรธ
    แต่คำพูดที่รุนแรงกวนโมโห
ลิ้นคนฉลาดทำให้ความรู้น่าฟัง
    ปากคนโง่นั้นก็พรั่งพรูความเขลาออกมา
ดวงตาของพระยาห์เวห์นั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
    คอยจับตาดูทั้งคนดีและคนชั่ว
ลิ้นที่เยียวยาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
    แต่ลิ้นที่ปลิ้นปล้อนทำให้ใจแตกสลาย
คนโง่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อ
    แต่คนที่ยอมรับคำตักเตือนจะเป็นคนฉลาดหลักแหลม
บ้านของคนที่ทำตามใจพระเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมาย
    แต่สิ่งที่คนชั่วหามาได้นั้นจะนำความทุกข์มาให้
ริมฝีปากของคนฉลาดแพร่กระจายความรู้ออกไป
    แต่ความคิดของคนโง่นั้นเชื่อถือไม่ได้
พระยาห์เวห์นั้นขยะแขยงเครื่องบูชาของคนชั่ว
    แต่พระองค์ชื่นชอบคำอธิษฐานของคนซื่อตรง
พระยาห์เวห์ขยะแขยงทางของคนชั่ว
    แต่พระองค์รักคนที่ติดตามสิ่งที่ถูกต้อง
10 คนที่ทิ้งทางที่ถูกต้องไปจะถูกตีสอนอย่างหนัก
    คนที่เกลียดชังการตักเตือนจะตาย
11 แม้แต่แดนคนตาย พระยาห์เวห์ก็ยังรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
    แล้วจิตใจของมนุษย์ล่ะ พระองค์จะไม่รู้เชียวหรือ
12 คนยโสโอหังไม่ชอบให้คนตักเตือน
    เขาจะไม่คบค้ากับคนฉลาด
13 ใจที่เป็นสุขย่อมทำให้ใบหน้าเบิกบาน
    แต่ใจที่เป็นทุกข์ก็ทำให้จิตสลาย
14 จิตใจของคนหัวไวย่อมแสวงหาความรู้
    แต่ปากของคนโง่กินแต่ความโง่เข้าไป
15 ทุกๆวันของคนยากจนนั้นลำบาก
    แต่ถ้าใจเขาเบิกบานก็เป็นเหมือนงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกลา
16 มีทรัพย์น้อยนิด แต่ยำเกรงพระยาห์เวห์
    ย่อมดีกว่ามีทรัพย์มากมาย แต่วุ่นวายใจเพราะมัน
17 มีแต่ผักกิน ในที่ที่มีความรัก
    ย่อมดีกว่ากินเนื้อวัวขุน แต่ปรุงด้วยความเกลียดชัง
18 คนโมโหร้ายย่อมก่อเหตุทะเลาะวิวาท
    แต่คนใจเย็นย่อมระงับการโต้เถียงกัน
19 หนทางของคนเกียจคร้านมีแต่ขวากหนาม
    แต่หนทางของคนสัตย์ซื่อเป็นทางหลวงราบเรียบ
20 ลูกชายที่ฉลาดนั้นทำให้พ่อยินดี
    แต่คนโง่ดูถูกแม่ของตน
21 ความโง่นั้นเป็นเรื่องสนุกสำหรับคนที่ไม่มีสมองคิด
    แต่คนที่มีความเข้าใจย่อมมุ่งตรงไปในทางที่ถูกต้อง
22 แผนการล้มเหลวเพราะขาดการปรึกษา
    แต่ถ้ามีคนปรึกษามากมาย แผนการย่อมสำเร็จ
23 คนอาจจะพอใจกับคำตอบที่ให้ไป
    แต่จะดีกว่านั้นสักแค่ไหน ถ้ารู้จักพูดให้ถูกกาลเทศะ
24 ทางของผู้มีปัญญานำขึ้นไปสู่ชีวิต
    เพื่อเขาจะได้หันไปจากทางที่นำลงไปสู่ดินแดนคนตาย
25 พระยาห์เวห์ทำลายบ้านเรือนของคนหยิ่งยโส
    แต่พระองค์รักษาเขตแดนของหญิงม่าย
26 พระยาห์เวห์ขยะแขยงความคิดที่ชั่วร้าย
    แต่คำพูดที่เมตตาปรานีนั้นบริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์
27 คนโลภที่หวังรวยทางลัด นำความเดือดร้อนมาให้กับครัวเรือน
    แต่คนที่เกลียดชังสินบนจะมีชีวิตยืนยาว
28 จิตใจของคนที่ทำตามใจพระเจ้า ย่อมคิดให้ดีๆก่อนตอบ
    แต่ปากของคนชั่วนั้นพรั่งพรูสิ่งชั่วร้ายออกมา
29 พระยาห์เวห์ไม่รับฟังคนชั่ว
    แต่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของคนที่ทำตามใจพระองค์
30 เห็นประกายตาที่สดใส นำความสุขมาสู่จิตใจ
    ได้ยินข่าวดี ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย
31 คนที่ฟังคำตักเตือนที่มีประโยชน์ต่อชีวิต
    จะอยู่ในหมู่คนฉลาด
32 คนที่เพิกเฉยต่อคำสั่งสอน เกลียดชังตัวเอง
    แต่คนที่ฟังคำตักเตือนจะได้รับความเข้าใจ
33 ความยำเกรงพระยาห์เวห์ สั่งสอนให้ฉลาด
    ความนอบน้อมถ่อมตน ต้องมาก่อนเกียรติยศ

ฟีลิปปี 2

เป็นหนึ่งเดียวกันและดูแลกันและกัน

ดังนั้น ถ้าพวกคุณได้รับกำลังใจเพราะมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าได้รับการปลอบใจจากความรัก ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพราะมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ และได้รับความรักใคร่เอ็นดูและความเห็นอกเห็นใจ

ผมก็ขอให้คุณทำสิ่งที่จะให้ความสุขกับผมอย่างเต็มที่ คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน เป็นใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน

อย่าทำอะไรที่ชิงดีชิงเด่นกัน หรือเพราะหลงคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ให้ถ่อมตัวลง และมองคนอื่นว่าสำคัญกว่าตัวเอง อย่าให้ใครคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย

ตามแบบอย่างของพระเยซู

ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยคิด ทำ และรู้สึกอย่างนี้ เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คือถึงแม้พระองค์จะมีสภาพเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ได้คิดที่จะใช้ความเท่าเทียมกับพระเจ้าของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพระองค์เองเลย

แต่พระองค์ได้ทิ้งความเป็นตัวของพระองค์เองไปจนหมด คือยอมรับสภาพเป็นทาส และได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อพระองค์ได้มาปรากฏตัวในร่างมนุษย์แล้ว พระองค์ได้ถ่อมตัวของพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่าง ถึงขนาดยอมตาย แม้กระทั่งต้องตายบนไม้กางเขน

พระเจ้าก็เลยยกพระเยซูขึ้นสูงที่สุด และยกย่องชื่อของพระองค์ให้ยิ่งใหญ่กว่าชื่อทั้งหมด 10 เพื่อทุกๆคนที่อยู่ในสวรรค์ก็ดี ในโลกนี้ก็ดี หรือใต้โลกนี้ก็ดี จะได้คุกเข่าลงให้เกียรติกับพระเยซู 11 ทุกๆคนจะยอมรับว่า พระเยซูคริสต์คือองค์เจ้าชีวิต แล้วพระเจ้าพระบิดาก็จะได้รับเกียรติยศ

ให้เป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการ

12 เพื่อนๆที่รัก คุณก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีมาตลอด ดังนั้นผมขอให้คุณทำงานหนักต่อไปด้วยใจที่เคารพและยำเกรงพระเจ้า จนกว่าคุณจะบรรลุถึงความรอด ตอนนี้ผมอยากให้คุณทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่แค่ตอนที่ผมอยู่ด้วยเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย 13 คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเป็นพระเจ้าเองที่กำลังทำงานอยู่ในหมู่พวกคุณ พระองค์ทำให้คุณเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการ และให้ฤทธิ์อำนาจกับคุณที่จะทำอย่างนั้นด้วย

14 ให้ทำทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือเถียงกัน 15 เพื่อพวกคุณจะไร้ที่ติ และบริสุทธิ์ จะได้เป็นลูกของพระเจ้าที่ไม่มีตำหนิเลย ทั้งๆที่คนรอบข้างคดโกง และวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว แต่พวกคุณจะได้ส่องแสงอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหมือนกับแสงสว่างต่างๆในท้องฟ้าที่ส่องสว่างเข้ามาในโลกมืด 16 ให้ทำทั้งหมดนี้ในขณะที่พวกคุณเสนอคำสอนที่ให้ชีวิตกับพวกเขา เพื่อในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา ผมจะได้ภูมิใจในตัวคุณ และจะได้เห็นชัดเจนว่า ผมวิ่งชนะและทำงานสำเร็จ

17 ผมจะเปรียบเทียบความเชื่อของพวกคุณเป็นเหมือนสัตว์ที่ถูกเผาถวายให้กับพระเจ้าและเป็นการรับใช้พระองค์ ถ้าหากผมเป็นเหมือนเครื่องดื่มบูชาที่ถูกเทบนเครื่องบูชาของพวกคุณนั้น ผมก็ดีใจและดีใจกับพวกคุณทุกคน 18 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณทุกคนควรจะดีใจและร่วมดีใจกับผมด้วย

ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส

19 เพราะพระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต ผมคาดว่าผมจะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณเร็วๆนี้แน่นอน แล้วผมจะได้มีกำลังใจ เมื่อเขากลับมาเล่าเรื่องพวกคุณ 20 มีแต่ทิโมธีเท่านั้นที่มีความคิดเหมือนกับผมและสนใจในเรื่องทุกข์สุขของพวกคุณจริงๆ 21 ส่วนคนอื่นๆที่อาจจะส่งมาได้ ก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองมากกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องของพระเยซูคริสต์ 22 คุณก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยของทิโมธีนั้นเป็นอย่างไร และเขาได้รับใช้ในการประกาศข่าวดีด้วยกันกับผม เหมือนลูกช่วยพ่อ 23 ดังนั้น พอผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่จะเป็นอย่างไร ผมก็หวังที่จะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณทันที 24 ผมเชื่อว่า องค์เจ้าชีวิตจะเปิดโอกาสให้ผมได้มาเจอพวกคุณเร็วๆนี้เหมือนกัน

25 แต่ตอนนี้ คิดว่าจำเป็นจะต้องส่งเอปาโฟรดิทัสกลับมาหาคุณก่อน เขาเป็นทั้งน้องชาย เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหารของผม พวกคุณได้ส่งเขามาดูแลผมตอนที่ผมขาดแคลน 26 ผมส่งเขามา เพราะเขาอยากจะเจอคุณมาก และเขาก็กลุ้มใจมากเพราะคุณได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 ตอนนั้นเขาก็ป่วยหนักจริงๆจนเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่พระเจ้าเมตตาเขา ซึ่งก็ถือว่าได้เมตตาผมด้วย เพื่อผมจะได้ไม่เป็นทุกข์มากไปกว่านี้ 28 ผมจึงตั้งใจจะส่งเขากลับไปหาคุณ เพื่อคุณจะได้ดีใจเมื่อเจอเขาอีก และตัวผมเองจะได้กังวลน้อยลง 29 ดังนั้น ให้อ้าแขนต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพราะเขามีส่วนร่วมในองค์เจ้าชีวิตเหมือนกัน และให้เกียรติกับเขาและทุกคนที่เป็นอย่างเขา 30 เพราะเขาเกือบจะตายจากงานที่เขาทำเพื่อพระคริสต์ เขาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อรับใช้ผม ในเรื่องที่พวกคุณเองก็ทำให้ผมไม่ได้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International