Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 3

ซาโลมอนขอสติปัญญา

(2 พศด. 1:2-13)

ซาโลมอนได้ไปผูกมิตรกับกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ด้วยการแต่งงานกับลูกสาวของฟาโรห์ ซาโลมอนได้พานางไปอยู่ที่เมืองของดาวิด จนกว่าเขาจะสร้างวังของตัวเอง พร้อมกับวิหารของพระยาห์เวห์และกำแพงรอบๆเมืองเยรูซาเล็มเสร็จ ประชาชนก็ยังคงถวายเครื่องบูชาตามสถานที่สูงต่างๆ[a] เพราะวิหารที่สร้างในนามของพระยาห์เวห์ยังไม่เสร็จ ซาโลมอนแสดงความรักที่เขามีต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการใช้ชีวิตตามกฎต่างๆของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา เว้นแต่เขาได้ถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ตามสถานนมัสการ

กษัตริย์ซาโลมอนได้ไปที่กิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชา เพราะที่นั่นเป็นสถานที่สูงที่สำคัญที่สุด และซาโลมอนได้ถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นบูชาที่นั่น ที่กิเบโอนนั่นเอง พระยาห์เวห์ได้ปรากฏในความฝันของซาโลมอนตอนกลางคืน พระเจ้าพูดว่า “เจ้าอยากได้อะไรจากเรา ก็ขอมาได้เลย”

ซาโลมอนตอบว่า “พระองค์มีความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่ต่อผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนดีและมีจิตใจซื่อตรง พระองค์ได้แสดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่นี้ต่อท่าน ด้วยการให้ลูกชายคนหนึ่งของท่านได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของท่านในวันนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ ได้มาเป็นกษัตริย์แทนที่ดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเด็กเล็กๆและยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ได้มาอยู่ท่ามกลางชนชาติของพระองค์ ที่พระองค์ได้เลือกไว้ เป็นชนชาติใหญ่ ที่มีประชากรมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน อย่างนั้น ขอโปรดมอบสติปัญญาให้กับผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ใช้ปกครองชนชาติของพระองค์ และเพื่อจะได้แยกแยะว่าอะไรดีอะไรชั่ว เพราะจะมีใครเล่าที่สามารถปกครองประชากรอันมหาศาลนี้ของพระองค์ได้”

10 องค์เจ้าชีวิตรู้สึกพอใจที่ซาโลมอนขอสิ่งนี้ 11 พระเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “เป็นเพราะเจ้าขอสิ่งนี้ และไม่ได้ขอให้มีอายุยืนยาว หรือขอความร่ำรวย หรือขอให้ฆ่าพวกศัตรูของเจ้า แต่เจ้ากลับขอสติปัญญาสำหรับตัวเจ้าเอง เพื่อจะได้รู้จักปกครองอย่างยุติธรรม 12 อย่างนั้น เราจะให้สิ่งที่เจ้าขอ เราจะทำให้เจ้าเฉลียวฉลาดและมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จนไม่มีใครฉลาดเหมือนเจ้าทั้งในอดีตและในอนาคตด้วย 13 แล้วเราจะแถมสิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอให้ด้วย นั่นคือความร่ำรวยและเกียรติยศตลอดชีวิตของเจ้า แล้วจะไม่มีกษัตริย์องค์ไหนมาเปรียบเทียบกับเจ้าได้เลย 14 ถ้าเจ้าเดินตามทางทั้งหลายของเรา เชื่อฟังกฎและคำสั่งต่างๆของเราเหมือนที่ดาวิดพ่อของเจ้าเคยทำมา เราก็จะให้เจ้ามีชีวิตที่ยืนยาวด้วย”

15 แล้วซาโลมอนก็ตื่นขึ้น และเขาก็รู้ว่าเขาได้ฝันไป เขากลับมาที่เมืองเยรูซาเล็ม ไปยืนอยู่ต่อหน้าหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์[b] และได้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วเขาก็จัดงานเลี้ยงให้กับข้าราชการทั้งหมดของเขา

ซาโลมอนตัดสินคดีอย่างเฉลียวฉลาด

16 ต่อมา มีโสเภณีสองคนมาหากษัตริย์และได้มายืนอยู่ต่อหน้าเขา 17 หญิงคนหนึ่งพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้คลอดลูกออกมาคนหนึ่ง ตอนนั้นนางก็อยู่ที่นั่นด้วย 18 หลังจากที่ลูกของข้าพเจ้าคลอดออกมาได้สามวัน หญิงคนนี้ก็คลอดลูกออกมาคนหนึ่งด้วย ในบ้านหลังนั้น มีเราอยู่กันแค่สองคน ไม่มีคนอื่นอีก 19 ในตอนกลางคืน ลูกชายของหญิงคนนี้ตายไป เพราะนางนอนทับเขา 20 แล้วนางก็ตื่นขึ้นมาตอนดึก และมาเอาลูกชายของข้าพเจ้าไปจากด้านข้างของข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านยังหลับอยู่ นางเอาเด็กไปวางไว้ที่อกของนางและเอาตัวลูกชายของนางที่ตายแล้วมาไว้ที่อกของข้าพเจ้า 21 เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาเพื่อจะให้นมลูก แต่เขากลับตายเสียแล้ว แต่เมื่อข้าพเจ้ามองดูเขาใกล้ๆในตอนฟ้าสาง ข้าพเจ้าก็เห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกที่ข้าพเจ้าคลอดออกมา”

22 แต่หญิงอีกคนได้พูดว่า “ไม่จริง เด็กที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นลูกชายของฉันเอง คนที่ตายไปเป็นลูกของเธอต่างหาก”

แต่หญิงคนแรกก็ยืนยันว่า “ไม่ใช่ คนที่ตายเป็นลูกของเธอ คนที่ยังอยู่เป็นลูกของฉัน” และพวกเขาก็โต้เถียงกันอยู่ต่อหน้ากษัตริย์

23 กษัตริย์จึงพูดว่า “คนนี้ก็บอกว่า ‘ลูกชายของฉันยังมีชีวิตอยู่ ลูกชายของเธอตายแล้ว’ ส่วนอีกคนก็พูดว่า ‘ไม่จริง ลูกชายของเธอตายแล้ว ลูกของฉันต่างหากที่ยังมีชีวิตอยู่’”

24 แล้วกษัตริย์ก็พูดว่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่งสิ” พวกเขาจึงนำดาบเล่มหนึ่งมาให้กษัตริย์ 25 แล้วกษัตริย์ก็ออกคำสั่งว่า “ตัดเด็กที่มีชีวิตนี้ออกเป็นสองท่อนซะ และแบ่งให้พวกนางไปคนละครึ่ง”

26 หญิงคนที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ก็สงสารลูกของนางอย่างจับใจ จึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ได้โปรดเถิด นายของข้าพเจ้า ให้เด็กที่ยังมีชีวิตกับนางไปเถิด อย่าฆ่าเขาเลย”

แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “แบ่งเลย ทั้งเธอและฉันจะได้ไม่มีใครได้ไป”

27 แล้วกษัตริย์ก็ตัดสินว่า “คืนเด็กที่ยังมีชีวิตให้กับหญิงคนแรกไป อย่าฆ่าเขาเลย เพราะนางคือแม่ที่แท้จริง”

28 เมื่อชนชาติอิสราเอลทั้งหมดได้ยินเรื่องการตัดสินครั้งนี้ พวกเขาต่างเคารพยำเกรงกษัตริย์ เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่ากษัตริย์ได้รับความเฉลียวฉลาดมาจากพระเจ้า[c] เพื่อปกครองบ้านเมืองอย่างยุติธรรม

เอเฟซัส 1

จากเปาโล ศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามความต้องการของพระเจ้า

ถึง คนทั้งหลายที่เป็นของพระเจ้า ที่ซื่อสัตย์ในพระเยซูคริสต์ ในเมืองเอเฟซัส[a]

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณทุกคน

พระพรจากพระวิญญาณ

ขอสรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระองค์เป็นผู้ที่ได้อวยพรเรามากมายในโลกฝ่ายวิญญาณ โดยผ่านทางพระวิญญาณ เพราะเรามีส่วนในพระคริสต์ พระเจ้ารักเรา พระองค์จึงเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้ก่อนที่จะสร้างโลกนี้เสียอีก เพื่อเราจะได้เป็นคนของพระองค์และไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์ พระองค์กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะรับเรามาเป็นลูกๆของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ นี่แหละเป็นความต้องการและความพอใจของพระองค์ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์ สำหรับความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ให้กับเราเปล่าๆผ่านมาทางพระบุตรที่พระองค์รักมาก พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเราที่มีส่วนในพระคริสต์นั้นให้เป็นอิสระด้วยเลือดของพระองค์ และพระเจ้าได้อภัยโทษบาปของเรา เพราะความเมตตากรุณาอันมหาศาลของพระองค์ พระเจ้าได้เมตตาเราอย่างเหลือล้น พร้อมกับให้สติปัญญาทุกอย่างและความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับเรา โดยที่พระองค์เต็มใจเปิดเผยแผนการลับที่อยู่ในใจของพระองค์ให้เรารู้ เป็นแผนการลับที่พระองค์ตั้งใจจะให้สำเร็จในพระคริสต์ 10 แผนการลับนั้นคือ เมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึงแล้ว พระเจ้าก็ได้รวบรวมทุกสิ่งทั้งในสวรรค์และบนโลกมาไว้ในพระคริสต์

11 พระเจ้าเลือกเราผู้ที่มีส่วนในพระคริสต์ไว้แล้ว ให้เป็นคนของพระองค์ สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของพระเจ้า พระองค์ตั้งใจทำอะไร พระองค์ก็จะทำให้สำเร็จตามนั้น 12 พระองค์ตั้งใจให้เราผู้ที่มีความหวังในพระคริสต์ มีชีวิตอยู่เพื่อสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ 13 พวกคุณก็มีส่วนในพระคริสต์เหมือนกัน พระองค์ประทับตราเป็นเจ้าของคุณแล้ว ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์ทำอย่างนี้ตอนที่คุณได้ยินและเชื่อในถ้อยคำแห่งความจริง คือข่าวดีที่ทำให้คุณรอดนั้น 14 พระวิญญาณนี้ เป็นเครื่องมัดจำงวดแรกสำหรับมรดกของเรา และเป็นผู้ที่รับรองว่า พระเจ้าจะปลดปล่อยพวกเราผู้ที่เป็นของพระองค์นั้นให้เป็นอิสระ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระบารมีของพระองค์

คำอธิษฐานของเปาโล

15 ตั้งแต่ผมได้ยินเรื่องความเชื่อที่พวกคุณมีต่อพระเยซูเจ้า และความรักที่คุณมีให้กับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า 16 เมื่อผมอธิษฐานก็ไม่เคยหยุดขอบคุณพระเจ้าสำหรับพวกคุณเลย 17 ผมขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ของเรา คือพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ โปรดให้พระวิญญาณที่จะให้สติปัญญากับคุณ และเปิดเผยให้คุณรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้น 18 ขอให้ตาใจของคุณสว่างไสวขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าพระเจ้าเรียกให้คุณมามีความหวังอะไร และรู้ด้วยว่ามรดกที่พระเจ้ามอบให้กับคนที่เป็นของพระองค์นั้น มันยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน 19 และให้คุณรู้อีกด้วยว่า ฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้กับเราผู้ที่เชื่อนั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ 20 เป็นฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ใช้ตอนที่พระองค์ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายและให้นั่งอยู่ทางขวามือของพระองค์ในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น 21 พระเจ้าได้ตั้งให้พระคริสต์อยู่เหนือผู้ครอบครอง ผู้มีสิทธิอำนาจ ผู้มีฤทธิ์ ผู้ครอบครองแผ่นดิน และเหนือตำแหน่งใดๆที่ตั้งขึ้นมาได้ ไม่ใช่แต่ในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่กำลังจะมาถึงด้วย 22 พระเจ้าวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของพระคริสต์ และพระองค์ตั้งพระคริสต์เป็นศีรษะเหนือทุกสิ่งเพื่อหมู่ประชุมของพระองค์ 23 หมู่ประชุมนี้คือร่างกายของพระคริสต์ และหมู่ประชุมนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคริสต์ และพระคริสต์ทำให้ทุกสิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพระองค์

เอเสเคียล 34

ผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงแต่ปากท้องตัวเอง

34 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล ให้บอกกับพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘น่าละอายจริงๆผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอลที่เลี้ยงดูแต่ปากท้องตัวเอง ผู้เลี้ยงควรจะเลี้ยงดูปากท้องของฝูงแกะ ไม่ใช่หรือ พวกเจ้ากินนมเปรี้ยวแข็ง นุ่งห่มขนแกะและเลือกแกะตัวอ้วนพีมาฆ่ากินกัน แต่เจ้าไม่เลี้ยงดูปากท้องของฝูงแกะเลย เจ้าไม่ได้เสริมกำลังให้กับตัวที่อ่อนแอ ไม่ได้รักษาตัวที่เจ็บป่วย และเจ้าไม่ได้พันแผลตัวที่บาดเจ็บ เจ้าไม่ได้นำสัตว์ที่หลงทางกลับมา เจ้าไม่ได้ตามหาตัวที่สูญหายไป แล้วพวกเจ้าปกครองพวกที่แข็งแรง[a]อย่างโหดเหี้ยมทารุณ

ดังนั้นพวกมันจึงกระจัดกระจายไปเพราะไม่มีผู้เลี้ยงคอยนำทางและเมื่อพวกมันแตกกระจายไป ก็ตกเป็นอาหารของพวกสัตว์ป่า ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป แกะของเราเดินเร่ร่อนไปตามเทือกเขาและตามเนินเขาสูงพวกมันกระจัดกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินโลก และไม่มีใครออกไปค้นหา หรือตามพวกมันกลับมา’”

ดังนั้น พวกเจ้า พวกผู้เลี้ยงแกะ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ซะ

8-10 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตบอกว่า “เนื่องจากฝูงแกะของเราตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหลาย เพราะพวกมันขาดผู้เลี้ยงคอยนำทาง แล้วพวกผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ยอมค้นหาฝูงแกะของเรา แต่กลับสนใจเลี้ยงดูปากท้องของตัวเองมากกว่าของฝูงแกะ ไอ้พวกผู้เลี้ยงแกะ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ซะ อย่างนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

‘เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะต่อต้านพวกคนเลี้ยงแกะ และเราจะเอาผิดกับพวกเขาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำกับลูกแกะของเรา เราจะปลดพวกเขาออกจากการเป็นผู้ดูแลฝูงแกะของเรา เพื่อพวกนี้จะไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้อีก เราจะช่วยฝูงแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา และพวกแกะจะไม่เป็นอาหารของพวกเขาอีกต่อไป’”

พระเจ้าจะเลี้ยงดูฝูงแกะเอง

11 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราเองจะค้นหาแกะของเราและดูแลพวกมัน 12 คนเลี้ยงแกะที่ดีจะค้นหาฝูงแกะที่กระจัดกระจายของเขาเมื่อเขาอยู่กับฝูงแกะ เราก็จะค้นหาฝูงแกะของเราอย่างนั้นด้วย เราจะช่วยพวกมันให้รอดพ้นออกมาจากสถานที่ต่างๆที่พวกมันกระจัดกระจายไปในวันที่มืดมิดที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ 13 เราจะนำพวกมันออกมาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกมันจากประเทศทั้งหลาย เราจะนำพวกมันเข้าสู่แผ่นดินของพวกมันเอง เราจะเลี้ยงพวกมันด้วยทุ่งหญ้าตามเทือกเขาของอิสราเอล ตามริมลำธารและตามเขตชุมชนในแผ่นดินนี้ 14 เราจะเลี้ยงดูพวกมันด้วยทุ่งหญ้าอย่างดี และบนภูเขาสูงของอิสราเอล จะมีทุ่งหญ้าให้กับพวกมัน ที่นั่นพวกมันจะนอนลงบนทุ่งหญ้าอย่างดี และจะมีหญ้ากินอย่างอุดมสมบูรณ์ตามเทือกเขาของอิสราเอล 15 เราเองจะเลี้ยงดูแกะของเราและให้พวกมันนอนลง” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

16 “เราจะค้นหาพวกแกะที่หลงหาย เราจะนำพวกที่หลงทางกลับมา เราจะพันแผลตัวที่บาดเจ็บ เราจะเสริมกำลังให้กับตัวที่อ่อนแอ แล้วเราจะเลี้ยงดู[b]พวกแกะที่อ้วนพีและแข็งแรง เราจะเลี้ยงแกะฝูงนี้ด้วยความยุติธรรม

17 ส่วนพวกเจ้า ฝูงแกะของเรา นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวนี้กับแกะตัวนั้น และระหว่างพวกแกะตัวผู้กับพวกแพะ 18 เจ้าได้รับการเลี้ยงดูด้วยทุ่งหญ้าอย่างดี แค่นั้นยังไม่พออีกหรือ ทำไมเจ้ายังจะต้องไปเหยียบย่ำทุ่งหญ้าที่เหลือด้วย เจ้าได้ดื่มน้ำที่ใสสะอาด แค่นั้นยังไม่พอหรือยังไง ทำไมเจ้าต้องเอาเท้าไปกวนน้ำที่เหลือจนขุ่นเป็นโคลนด้วย 19 จำเป็นด้วยหรือ ที่ฝูงแกะของเราต้องไปกินสิ่งที่เจ้าเหยียบย่ำ และต้องดื่มสิ่งที่เจ้าใช้เท้ากวนจนขุ่นเป็นโคลน’”

20 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับพวกแกะตัวอ้วนพีเหล่านั้น “ดูสิ เราเองจะตัดสินโทษระหว่างแกะตัวอ้วนกับแกะที่ผอมแห้ง 21 เพราะเจ้าใช้สีข้างกับไหล่ของเจ้าผลักไสแกะที่อ่อนแอ และใช้เขาของเจ้าขวิดพวกมันจนสามารถไล่พวกมันออกไป 22 เราจะช่วยฝูงแกะของเราให้รอด และพวกมันจะไม่ถูกพวกเจ้าปล้นอีกแล้ว เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวนี้กับแกะตัวนั้น 23 เราจะให้ผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่งมาปกครองพวกมัน นั่นคือดาวิด[c] ผู้รับใช้ของเราและเขาจะดูแลพวกมันและเป็นผู้เลี้ยงคอยนำทางพวกมัน 24 เรา ยาห์เวห์ จะเป็นพระเจ้าของพวกมัน และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นเจ้าชายในหมู่พวกมัน เรา ยาห์เวห์ลั่นคำพูดออกไปแล้ว

25 เราจะทำข้อตกลงให้พวกมันอยู่เย็นเป็นสุขและกำจัดสัตว์ร้ายออกจากแผ่นดิน เพื่อพวกมันจะได้อาศัยอยู่ในที่โล่งกว้าง และนอนหลับในป่าอย่างปลอดภัย 26 เราจะอวยพรพวกเขา รวมทั้งบริเวณรอบเนินเขาของเรา[d] เราจะส่งฝนให้ตกตามฤดูกาล ฝนแห่งพระพรจะตกลงมา 27 ต้นไม้ตามท้องทุ่งจะเกิดผลและพื้นดินจะให้พืชผลงอกเงยขึ้น พวกเขาจะปลอดภัยอยู่บนแผ่นดินของพวกเขา เมื่อเราทำลายแอกของพวกเขา และช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกที่ทำให้พวกเขาเป็นทาส เมื่อนั้นพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 28 พวกเขาจะไม่ถูกชนชาติอื่นๆปล้นอีกต่อไป และจะไม่ถูกสัตว์ป่าเขมือบอีก พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย และจะไม่มีใครมาทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้อีก 29 เราจะจัดหาดินแดนที่มีพืชผลอุดมสมบูรณ์ให้กับพวกเขา พวกเขาจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความอดอยากในดินแดนนั้น แล้วพวกเขาจะไม่ถูกชนชาติอื่นๆพูดเหยียดหยามอีกต่อไป 30 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาอยู่กับพวกเขา และรู้ว่าพวกเขาซึ่งเป็นครอบครัวของอิสราเอลเป็นคนของเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

31 “พวกเจ้าเป็นแกะของเรา เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของเรา พวกเจ้าเป็นคนของเรา และเราคือพระเจ้าของพวกเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

สดุดี 83-84

คำอธิษฐานให้พระเจ้าชนะพวกศัตรูของอิสราเอล

เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่านิ่งเงียบ อย่าทำเป็นหูหนวก
    ข้าแต่พระเจ้า อย่าเงียบเฉยอีกต่อไปเลย
ดูสิ พวกศัตรูของพระองค์ ส่งเสียงโกลาหลวุ่นวาย
    พวกคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์เชิดหัวขึ้นต่อต้าน
พวกเขาวางแผนลับต่อต้านคนของพระองค์
    พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านคนเหล่านั้นที่พระองค์รักใคร่หวงแหน
พวกเขาพูดว่า “มาเถิด ไปกวาดล้างพวกมันให้สิ้นจนไม่เหลือเป็นชนชาติอีกต่อไป
    จนไม่มีใครจดจำชื่อของอิสราเอลได้อีก”
พวกเขาเห็นด้วยกันต่อแผนร้ายที่วางนั้น
    และทำข้อตกลงร่วมกันที่จะต่อต้านพระองค์
“คนพวกนี้คือตระกูลต่างๆของเอโดม คนอิชมาเอล
    คนโมอับ และคนฮาการ์
คนเกบาล คนอัมโมน คนอามาเลค
    คนฟีลิสเตีย และชาวเมืองไทระ”
แม้แต่อัสซีเรียก็ร่วมกับพวกเขา
    และเสริมกำลังให้กับลูกหลานของโลท[a] เซลาห์

ขอพระองค์ทำลายพวกเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับมีเดียน
    เหมือนกับที่พระองค์ทำกับสิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10 สองคนนั้นถูกทำลายที่เอนโดร์
    และซากศพที่เน่าเปื่อยของพวกเขากลายเป็นปุ๋ยสำหรับดิน
11 ขอพระองค์ทำลายล้างพวกผู้นำของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับโอเรบและเศเอบ
    ขอพระองค์ทำกับผู้ปกครองทุกคนของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับเศบาห์ และศัลมุนนา
12 คนพวกนี้พูดว่า “ไปยึดเอาทุ่งหญ้าของพระเจ้า
    มาเป็นของพวกเรากันเถอะ”

13 พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนฝุ่นที่หมุนว่อนเถิด
    ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไปตามลมด้วยเถิด
14 ขอพระองค์เป็นเหมือนไฟที่เผาป่า
    เป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญไปตามเนินเขาต่างๆ
15 ขอพระองค์ไล่กวดพวกเขาด้วยลมแรงของพระองค์
    และทำให้พวกเขาตกใจกลัวด้วยพายุของพระองค์
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอปกคลุมใบหน้าเขาด้วยความละอาย
    เพื่อว่าเขาจะแสวงหาพระองค์
17 ขอให้พระองค์ทำให้พวกเขากลัวและอับอายขายหน้าตลอดไป
    ขอให้พวกเขาเสียหน้าและเสียชีวิตไป
18 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าพระองค์ผู้ที่มีชื่อว่ายาห์เวห์
    เป็นเพียงผู้เดียวที่เป็นพระเจ้า ผู้ทรงครอบครองทั้งโลก

อยากอยู่ในวิหารของพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองกิททีธ[b] เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    เต็นท์ที่สถิตของพระองค์ช่างงดงามยิ่งนัก
ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าและรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เข้าไปในลานวิหารของพระองค์
    ทั้งจิตใจและร่างกายของข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดีแด่พระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่

ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าและกษัตริย์ของข้าพเจ้า
    แม้แต่นกกระจอกก็ยังเจอที่พักในวิหารของพระองค์
    แม้แต่นกนางแอ่นก็ยังมาทำรังเลี้ยงลูกอ่อนของมันใกล้แท่นบูชาทั้งหลายของพระองค์
ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่ได้อาศัยในวิหารของพระองค์
    และได้สรรเสริญพระองค์อยู่เสมอ เซลาห์

ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่แสวงหาพละกำลังจากพระองค์
    คนที่ได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางไปสู่วิหารของพระองค์
ในขณะที่พวกเขาเดินผ่านหุบเขาแห้งแล้งแห่งบาคานั้น
    มันก็กลับกลายเป็นบริเวณที่มีตาน้ำมากมาย
    ฝนต้นฤดูก็ตกลงมาทำให้หุบเขานั้นเกิดแอ่งน้ำเต็มไปหมด
พวกเขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง[c]
    เพื่อไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบนภูเขาศิโยน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเถิด
    ข้าแต่พระเจ้าแห่งยาโคบ โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ความสนใจโล่ของพวกเราด้วย
    และเอาใจใส่กษัตริย์ที่พระองค์ได้เจิมไว้ด้วยเถิด
10 วันเดียวในลานวิหารของพระองค์ยังดีกว่าพันวันในที่อื่น
    ยืนอยู่ที่ประตูบ้านของพระเจ้าของข้าพเจ้ายังดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านของคนชั่ว
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นดวงอาทิตย์ และเป็นโล่กำบัง
    พระองค์ให้ความดีความชอบและเกียรติยศ
    พระองค์ไม่เคยหวงของดีๆไว้จากคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติ
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    คนที่ไว้วางใจในพระองค์ ถือว่ามีเกียรติจริงๆ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International