Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 9

การแต่งตั้งเยฮูเป็นกษัตริย์

เอลีชาผู้พูดแทนพระเจ้าได้เรียกชายคนหนึ่งมาจากกลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้าและพูดกับเขาว่า “เอาเสื้อคลุมของท่านเสียบเข้าในเข็มขัด เอาน้ำมันขวดนี้ไปกับท่านและไปที่ราโมท-กิเลอาด เมื่อท่านไปถึงที่นั่น ให้มองหาเยฮู ลูกชายของเยโฮชาฟัทที่เป็นลูกชายของนิมชี ให้ไปพบเขา แยกตัวเขาออกมาจากเพื่อนฝูง และพาเขาเข้าไปในห้องด้านใน เอาขวดน้ำมันนี้ออกมา เทน้ำมันลงบนหัวของเขาและประกาศว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า “เราขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล” แล้วรีบเปิดประตู วิ่งหนีไป อย่าได้เถลไถล’”

ชายหนุ่มผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น จึงไปที่ราโมท-กิเลอาด เมื่อเขามาถึง เขาได้พบกับพวกผู้นำกองทัพกำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่นั่น เขาพูดว่า “ท่านแม่ทัพ เรามีข่าวมาให้กับท่าน”

เยฮูถามว่า “แม่ทัพคนไหนล่ะ”

เขาตอบว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านเองนั่นแหละครับ”

เยฮูจึงลุกขึ้นและเข้าไปในบ้าน แล้วคนหนุ่มนั้นก็เทน้ำมันลงบนหัวของเยฮูและประกาศว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘เราขอแต่งตั้ง ให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลประชากรของพระยาห์เวห์ เจ้าต้องทำลายครอบครัวของอาหับเจ้านายของเจ้าเสีย เราจะได้แก้แค้นแทนเลือดของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นผู้รับใช้เรา และเลือดของพวกผู้รับใช้พระยาห์เวห์ทุกคนที่ไหลนองด้วยน้ำมือของนางเยเซเบล ครอบครัวทั้งหมดของอาหับจะถูกทำลายล้าง เราจะตัดพวกผู้ชายของอาหับทุกคนออกไปจากอิสราเอลไม่ว่าจะเป็นทาสหรือไม่ใช่ทาสก็ตาม เราจะทำให้ครอบครัวของอาหับเป็นเหมือนครอบครัวเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท และเป็นเหมือนครอบครัวของบาอาชาลูกชายของอาหิยาห์ 10 ส่วนเยเซเบล พวกหมาจะมารุมกินศพของนางบนพื้นดินที่เมืองยิสเรเอลและจะไม่มีใครฝังศพให้นาง’”

พูดจบแล้วเขาก็เปิดประตู วิ่งหนีไป

11 เมื่อเยฮูออกมาหาผู้นำกองทัพของกษัตริย์ พวกนั้นถามเขาว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมคนบ้าคนนั้นจึงได้มาขอพบท่าน” เยฮูตอบว่า “ท่านก็รู้ๆอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง ชอบพูดเรื่องไร้สาระ”

12 พวกเขาพูดว่า “ไม่จริงหรอก บอกพวกเรามาเถิด” เยฮูจึงพูดว่า “เขาพูดกับเราว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า เราขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’”

13 พวกเขารีบเอาเสื้อคลุมของพวกเขามาปูลงต่อหน้าเยฮูบนขั้นบันไดที่ว่างเปล่าอยู่ แล้วพวกเขาก็เป่าแตรขึ้นและตะโกนว่า “เยฮูคือกษัตริย์”

เยฮูไปยิสเรเอล

14 เยฮูลูกชายของเยโฮชาฟัทที่เป็นลูกชายของนิมชี จึงได้รวบรวมผู้คนขึ้นกบฏต่อโยรัม (ขณะนั้น โยรัมและอิสราเอลทั้งหมดกำลังต่อสู้ป้องกันราโมท-กิเลอาด จากกษัตริย์ฮาซาเอลของอารัม 15 แต่กษัตริย์โยรัมได้กลับมาถึงยิสเรเอลเพื่อรักษาตัวจากบาดแผลที่พวกอารัมได้ทำร้ายเขาไว้จากการรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของอารัม)

เยฮูพูดว่า “ถ้าพวกท่านเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำ อย่าให้ใครหลบออกไปจากเมืองเพื่อไปบอกข่าวในยิสเรเอลได้”

16 แล้วเยฮูก็ขึ้นรถรบของเขาและขับมันไปที่ยิสเรเอล เพราะโยรัมกำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นพอดี ในเวลานั้นกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ได้ลงไปเยี่ยมเยียนกษัตริย์โยรัม

17 เมื่อคนเฝ้ายามที่ยืนอยู่บนหอคอยในยิสเรเอลเห็นกองทัพของเยฮูกำลังใกล้เข้ามา เขาร้องออกมาว่า “เราเห็นกองทัพจำนวนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา”

กษัตริย์โยรัมจึงออกคำสั่งไปว่า “เตรียมทหารม้าไว้คนหนึ่ง ส่งเขาไปพบคนเหล่านั้นและถามว่า ‘พวกท่านมาอย่างสันติหรือไม่’”

18 ทหารม้าคนนั้นขี่ม้าออกไปพบกับเยฮูและพูดว่า “กษัตริย์สั่งให้มาถามว่า ‘พวกท่านมาอย่างสันติหรือไม่’”

เยฮูตอบไปว่า “ท่านต้องการสันติไปทำอะไร มาติดตามเราเถิด”

คนสังเกตการณ์มารายงานว่า “คนส่งข่าวไปถึงพวกเขาแล้ว แต่ไม่ได้กลับออกมา”

19 กษัตริย์จึงส่งทหารม้าคนที่สองออกไปอีก เมื่อเขาเข้าไปหาคนเหล่านั้น เขาก็พูดว่า “กษัตริย์สั่งให้มาถามว่า ‘ท่านมาอย่างสันติ[a] หรือไม่’”

เยฮูตอบไปว่า “ท่านต้องการสันติไปทำอะไร มาติดตามเราเถิด”

20 คนสังเกตการณ์กลับมารายงานว่า “คนส่งข่าวไปถึงคนพวกนั้นแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับออกมาเหมือนกัน คนขับรถรบนั้นเหมือนกับเยฮู ลูกชายของนิมชี เขาขับเหมือนกับคนบ้า”

21 โยรัมออกคำสั่งไปว่า “เตรียมรถรบให้เรา”

และเมื่อรถรบมาถึง กษัตริย์โยรัมของอิสราเอลและกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ก็ได้ขับมันออกไป ทั้งสองคนต่างก็ขับรถรบของตัวเองไป เพื่อไปพบกับเยฮู พวกเขามาพบเยฮูบนที่ดินผืนหนึ่งที่เป็นของนาโบทชาวยิสเรเอล

22 เมื่อโยรัมเห็นเยฮูก็ถามขึ้นว่า “เยฮู ท่านมาอย่างสันติหรือเปล่า”

เยฮูตอบว่า “จะมีสันติได้อย่างไร ในเมื่อบรรดารูปเคารพและเวทมนตร์คาถา[b] เหล่านั้นของแม่ท่าน ยังมีอยู่อย่างเกลื่อนกลาด”

23 โยรัมหันรถกลับและหนีไป เขาร้องบอกกับอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์ มันทรยศพวกเรา”

24 แล้วเยฮูก็โก่งคันธนูสุดแรงเกิดของเขา ยิงไปถูกโยรัมตรงระหว่างไหล่[c] ลูกธนูปักทะลุหัวใจของโยรัม และเขาก็ล้มลงอยู่ในรถรบของเขา

25 เยฮูได้พูดกับบิดคาร์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำรถรบของโยรัมว่า “เอาตัวเขาขึ้นมาและโยนเขาไว้ในที่นาของนาโบทชาวยิสเรเอล จำได้ไหมว่า เรากับท่านเคยขับรถรบร่วมกันตามหลังอาหับพ่อของโยรัมเมื่อครั้งที่พระยาห์เวห์ทำนายเกี่ยวกับเขาไว้ว่า 26 ‘พระยาห์เวห์ประกาศว่า เมื่อวานนี้ เราได้เห็นเลือดของนาโบทและเลือดของบรรดาลูกชายของเขา และพระยาห์เวห์ ประกาศอีกว่า เราจะทำให้เจ้าต้องชดใช้มันบนที่ดินที่เป็นของเขา’ ฉะนั้นในตอนนี้ เอาตัวเขาขึ้นมาและโยนเขาไปบนที่ดินผืนนั้น ตามคำพูดของพระยาห์เวห์”

27 เมื่อกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็หลบหนีไปบนถนนที่ไปสู่เบธฮักกาน เยฮูไล่ตามเขาไปและตะโกนว่า “ฆ่ามันด้วย”

พวกเขาทำให้กษัตริย์อาหัสยาห์ได้รับบาดเจ็บอยู่บนรถรบของเขาในระหว่างทางที่จะขึ้นไปเมืองกูร์ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองอิบเลอัม แต่เขาได้หนีไปถึงเมกิดโดและตายที่นั่น 28 บรรดาคนรับใช้ของเขาได้ใช้รถรบบรรทุกศพของเขาไปถึงเมืองเยรูซาเล็มและฝังเขาไว้กับบรรพบุรุษของเขาที่หลุมฝังศพของเขาในเมืองของดาวิด

29 (อาหัสยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบเอ็ดที่โยรัมลูกชายของอาหับ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล)

ความตายที่น่ากลัวของเยเซเบล

30 แล้วเยฮูก็ไปที่เมืองยิสเรเอล เมื่อเยเซเบลได้ยินเรื่องนี้เข้า นางใช้เครื่องสำอางแต่งที่ตาของนาง และทำผมใหม่และมองออกไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง 31 เมื่อเยฮูเข้ามาที่ประตู นางถามว่า “ศิมรี[d] เจ้ามาอย่างสันติหรือ เจ้าฆาตกรผู้ฆ่าเจ้านายของตัวเอง”

32 เยฮูมองขึ้นไปที่หน้าต่างบานนั้น และร้องออกมาว่า “ใครอยู่ฝ่ายเรา ใครบ้าง”

มีขันทีอยู่สองสามคนมองลงมาที่เขา 33 เยฮูจึงพูดว่า “โยนตัวนางลงมาสิ”

พวกเขาจึงโยนนางลงมา เลือดของนางบางส่วนกระเด็นไปติดกำแพงและติดตัวม้าบางตัวที่เหยียบย่ำลงบนตัวนาง 34 เยฮูเข้าไปในบ้าน ไปกินและดื่ม เขาพูดว่า “ดูแลหญิงที่ถูกสาปแช่งคนนั้น และฝังนางไว้ เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นลูกสาวของกษัตริย์”

35 แต่เมื่อพวกเขาออกไปเพื่อที่จะฝังศพนาง พวกเขาก็ไม่พบชิ้นส่วนใดของนางเลย นอกจากหัวกะโหลก เท้าและมือทั้งสองข้างของนาง 36 พวกเขากลับมาบอกเยฮู เยฮูจึงบอกไปว่า “พระยาห์เวห์ได้พูดผ่านทางเอลียาห์ชาวเมืองทิชบีผู้รับใช้พระองค์ว่า บนที่ดินในเมืองยิสเรเอล หมาหลายตัวจะมารุมกินเนื้อของเยเซเบล 37 ศพของเยเซเบลจะกระจัดกระจายไปเหมือนขี้วัวทั่วทุ่งในเขตแดนยิสเรเอล เพื่อจะได้ไม่มีใครบอกได้ว่า ‘นี่คือเยเซเบล’”

1 ทิโมธี 6

ทุกคนที่เป็นทาสอยู่ภายใต้แอกของเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้า ให้เคารพนับถือนายของเขาในทุกเรื่อง จะได้ไม่มีใครดูหมิ่นชื่อของพระเจ้าและคำสอนของเรา ส่วนทาสที่มีเจ้านายที่เชื่อในพระเจ้า ก็ไม่ควรดูหมิ่นเจ้านายนั้น เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่น้อง แต่ควรจะเคารพนับถือเขามากยิ่งขึ้น เพราะถือว่ากำลังรับใช้คนที่เขารักซึ่งเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าด้วยกัน นี่แหละคือสิ่งที่คุณจะต้องสั่งสอนและขอร้องให้คนทำ

คำสั่งสอนที่ไม่ถูกต้องและความร่ำรวยที่แท้จริง

ถ้ามีใครมาสอนเรื่องอื่นที่แตกต่างออกไปจากนี้ หรือสอนขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา หรือสอนเพี้ยนไปจากคำสอนตามหลักศาสนาที่แท้จริง เขาก็เป็นคนที่หยิ่งยโสและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วยังเป็นโรคชอบเถียง และชอบขัดแย้งในความหมายของคำต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการอิจฉาริษยา การแก่งแย่งชิงดี การใส่ร้ายป้ายสี การระแวงสงสัยกัน และการกระทบกระทั่งกันอย่างไม่สิ้นสุด คนพวกนี้มีจิตใจที่ชั่วร้ายและความจริงถูกปล้นไปจากเขาเสียแล้ว และคนพวกนี้ยังคิดแสวงหาความร่ำรวยจากการเอาศาสนาบังหน้าอีกด้วย

ศาสนาอันแท้จริงจะทำให้เราร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าเรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามี เราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกนี้ เราก็เอาอะไรออกไปไม่ได้เหมือนกัน มีอาหารกินกับเสื้อผ้าใส่ แค่นี้เราก็น่าจะพอใจได้แล้ว ส่วนคนที่อยากจะร่ำรวย ก็ตกลงไปในการทดลองและกับดัก ความอยากได้ที่โง่ๆและเต็มไปด้วยอันตรายทั้งหลาย ทำให้เขาจมดิ่งลงสู่ความพินาศและสูญสิ้นไป 10 เพราะการรักเงินทอง เป็นรากเหง้าของความชั่วทุกชนิด ความอยากรวยนี้ทำให้บางคนทิ้งความเชื่อไป และทั่วทั้งร่างกายก็ถูกทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด

บางสิ่งที่คุณควรจดจำ

11 ส่วนคุณที่เป็นคนของพระเจ้า ให้วิ่งหนีไปให้ไกลจากเรื่องพวกนี้ และให้ใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าชอบใจ ทำตามหลักศาสนาที่แท้จริง มีความเชื่อ ความรัก ความอดทนอดกลั้น และความสุภาพอ่อนโยน 12 รักษาความเชื่อไว้ให้มั่นคงเหมือนพยายามวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ยึดชีวิตที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปเอาไว้ ซึ่งเป็นชีวิตที่พระเจ้าเรียกให้คุณมารับตอนที่คุณได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าคนจำนวนมากเป็นอย่างดี 13 ต่อหน้าพระเจ้าผู้ให้ชีวิตกับทุกสิ่งทุกอย่าง และต่อหน้าพระเยซูคริสต์ผู้ได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าปอนทัสปีลาต[a]เป็นอย่างดี 14 ผมขอสั่งให้คุณทำตามคำสั่งนี้ อย่างเคร่งครัดและไร้ที่ติ จนกว่าพระเยซูคริสต์เจ้าจะถูกเปิดเผย 15 เมื่อถึงเวลานั้น พระเจ้าจะเป็นผู้เปิดเผยให้เห็นเอง พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงเกียรติ และเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และเป็นองค์เจ้าชีวิตเหนือเจ้าชีวิตทั้งหลาย 16 เป็นผู้เดียวที่ไม่มีวันตาย และเป็นผู้ที่อยู่ในความสว่างที่มนุษย์เข้าไม่ถึง พระองค์เป็นผู้ที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเห็นหรือสามารถมองเห็นได้ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติและมีฤทธิ์อำนาจตลอดไป อาเมน

17 สั่งคนร่ำรวยในยุคนี้ อย่าหยิ่งยโสหรือฝากความหวังไว้กับความร่ำรวยนั้น เพราะมันไม่เที่ยงแท้ แต่ให้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้แบ่งปันทุกสิ่งให้กับเราอย่างล้นเหลือ เพราะเห็นแก่ความสุขสบายของเรา 18 สั่งคนร่ำรวยพวกนั้นให้ทำความดี ให้ร่ำรวยในการทำดี ให้ใจดีใจกว้าง และรู้จักแบ่งปันด้วย 19 เมื่อทำอย่างนี้ เขาก็ได้เก็บทรัพย์สมบัติไว้ให้กับตัวเองในสวรรค์ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต เพื่อจะได้ยึดชีวิตที่แท้จริงไว้

20 ทิโมธีเอ๋ย รักษาสิ่งที่พระเจ้าได้ฝากไว้กับคุณให้ดี อยู่ห่างจากการพูดไร้สาระ และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงในเรื่องที่คนเข้าใจผิดเรียกว่าเป็น “ความรู้” 21 บางคนที่โอ้อวดความรู้ไร้สาระนั้นได้พลาดไปจากเป้าหมายของความเชื่อ ขอให้พระเจ้ามีเมตตากรุณากับพวกคุณ

โฮเชยา 1

ข่าวสารจากพระเจ้าผ่านทางโฮเชยา

พระคำของพระยาห์เวห์ ที่ให้ไว้กับโฮเชยา ลูกชายของเบเออรี ในช่วงต่างๆที่ อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์[a] และในสมัยที่เยโรโบอัม[b] ลูกชายของโยอาช เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

ครอบครัวของโฮเชยา

ในครั้งแรกที่พระยาห์เวห์พูดกับโฮเชยานั้น พระองค์พูดว่า “ไปสิ ไปเอาหญิงเล่นชู้มาเป็นเมีย และนางจะมีลูกให้กับเจ้าที่ชอบเล่นชู้เหมือนนาง เพราะแผ่นดินอิสราเอลนี้มีชู้ ไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์”

ดังนั้นโฮเชยาจึงไปเอาโกเมอร์ ลูกสาวของดิบลาอิมมาเป็นเมีย และนางก็ตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายให้กับโฮเชยา แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโฮเชยาว่า “ให้เรียกเด็กนั้นว่า ยิสเรเอล[c] เพราะในไม่ช้านี้ เราจะลงโทษเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์เยฮู[d] เพราะเขาทำให้เกิดการหลั่งเลือดขึ้นที่หุบเขายิสเรเอล และเราจะทำให้อาณาจักรของชนชาติอิสราเอลถึงจุดจบ ในวันนั้น เราจะทำลายพลังกองทัพแห่งอิสราเอลที่หุบเขายิสเรเอล”

แล้วโกเมอร์ได้ตั้งท้องอีกและให้กำเนิดลูกสาว พระยาห์เวห์บอกกับโฮเชยาว่า “ให้เรียกเธอว่า โลรุหะมาห์[e] เพราะเราจะไม่แสดงความรักกับชนชาติอิสราเอลอีกต่อไป และจะไม่ยกโทษให้กับพวกเขา แต่เราจะแสดงความรักต่อชนชาติยูดาห์ เราจะช่วยกู้พวกเขาด้วยอำนาจของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ไม่ใช่ด้วยธนู หรือหอก หรือม้าศึก หรือ ทหารม้า”

หลังจากโกเมอร์ให้โลรุหะมาห์หย่านม นางตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคน แล้วพระยาห์เวห์บอกว่า “ให้เรียกเขาว่าโลอัมมี[f] เพราะพวกเจ้าอิสราเอลไม่ใช่คนของเรา และเราก็ไม่ใช่พระเจ้าของพวกเจ้า”

พระเจ้าสัญญาว่าชาวอิสราเอลจะทวีคูณ

10 แต่ในอนาคต ลูกหลานของอิสราเอลจะมีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายหาด ซึ่งไม่สามารถตวงหรือนับได้ และในสถานที่ที่พระเจ้าเคยพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าไม่ใช่คนของเรา” พระองค์ก็จะพูดกับพวกเขาว่า “เจ้าเป็นลูกหลานของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”

11 แล้วชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำขึ้นมาคนหนึ่ง และพวกเขาจะงอกขึ้นมาจากแผ่นดิน เพราะวันของยิสเรเอลนั้นจะยิ่งใหญ่

สดุดี 119:73-96

โยด

73 มือของพระองค์สร้างข้าพเจ้าและค้ำจุนข้าพเจ้าไว้
    โปรดให้ความเข้าใจกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะได้เรียนรู้บัญญัติทั้งหลายของพระองค์
74 คนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์จะดีใจเมื่อเห็นข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าฝากความหวังไว้ในคำสัญญาของพระองค์
75 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารู้ว่ากฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์นั้นยุติธรรม
    พระองค์ตีสอนข้าพเจ้าเพราะพระองค์ซื่อสัตย์ต่อข้าพเจ้า
76 แต่ตอนนี้ โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อข้าพเจ้าและปลอบโยนข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์
77 ช่วยส่งความเมตตาของพระองค์มายังทางของข้าพเจ้าด้วยเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป
    เพราะข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับคำสั่งสอนของพระองค์
78 ขอให้พวกเย่อหยิ่งจองหองพวกนั้นได้รับความอับอายเพราะพวกเขาใส่ร้ายข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้ายังใคร่ครวญอยู่กับคำสั่งต่างๆของพระองค์
79 ขอให้คนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์และรู้จักกฎต่างๆของพระองค์
    กลับมาหาข้าพเจ้าด้วยเถิด
80 ขอให้ข้าพเจ้ารักษากฎระเบียบของพระองค์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องอับอาย

คัฟ

81 ข้าพเจ้าอ่อนระโหยโรยแรง ในขณะที่รอคอยให้พระองค์มาช่วยกู้
    แต่ข้าพเจ้าฝากความหวังของข้าพเจ้าไว้ในคำสัญญาของพระองค์
82 ดวงตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าเพราะเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่คำสัญญาของพระองค์จะเกิดขึ้นเสียที
    เมื่อไหร่หนอ พระองค์จะปลอบโยนข้าพเจ้า
83 แม้ว่า ข้าพเจ้าจะเปรียบเหมือนกับถุงหนังเหล้าองุ่นที่แขวนรมควันจนเหี่ยวแห้ง
    แต่ข้าพเจ้าก็จะไม่ลืมกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
84 ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน
    เมื่อไหร่พระองค์จะตัดสินคนที่ข่มเหงข้าพเจ้า
85 พวกคนหยิ่งยโสนั้นได้ขุดพวกหลุมพรางดักข้าพเจ้า
    พวกเขาไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์
86 บัญญัติทุกข้อของพระองค์เชื่อถือได้
    พวกเขาไล่ล่าข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
87 คนพวกนั้นเกือบจะดับข้าพเจ้าไปจากแผ่นดินโลก
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ละทิ้งคำสั่งต่างๆของพระองค์
88 โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้รักษากฎทั้งหลายจากปากของพระองค์

ลาเม็ธ

89 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คำบัญชาของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
    มันยืนหยัดมั่นคงในฟ้าสวรรค์
90 ความซื่อสัตย์ของพระองค์จะคงอยู่ทุกชั่วอายุคนตลอดไป
    เหมือนกับโลกนี้ที่พระองค์สร้างขึ้นมา
91 ทุกสิ่งทุกอย่างคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เพราะกฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์
    ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
92 ถ้าหากข้าพเจ้าไม่ได้เพลิดเพลินในคำสั่งสอนของพระองค์
    ข้าพเจ้าก็คงพินาศไปแล้วด้วยความทุกข์ทรมาน
93 ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมคำสั่งต่างๆของพระองค์
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตโดยทำตามคำสั่งเหล่านั้น
94 ข้าพเจ้าเป็นของพระองค์ ช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าอยากจะทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์
95 คนชั่วช้าดักซุ่มทำลายข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้ายังใคร่ครวญถึงกฎต่างๆของพระองค์
96 ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีขีดจำกัด
    แต่บัญญัติต่างๆของพระองค์นั้นไม่มีขีดจำกัด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International