Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 11-12

นางอาธาลิยาห์ฆ่าพวกลูกๆของกษัตริย์

(2 พศด. 22:10-12)

11 เมื่อนางอาธาลิยาห์ซึ่งเป็นแม่ของอาหัสยาห์เห็นว่าลูกชายของนางตายแล้ว นางได้ลงมือฆ่าครอบครัวของกษัตริย์อาหัสยาห์ทั้งหมด

แต่เยโฮเชบาที่เป็นลูกสาวของกษัตริย์เยโฮรัม[a] และเป็นน้องสาวของอาหัสยาห์ได้แอบพาโยอาชลูกชายของอาหัสยาห์ไปจากพวกเจ้าชายทั้งหลายที่กำลังจะถูกฆ่า นางได้เอาตัวโยอาชและพี่เลี้ยงของเขาไปไว้ในห้องนอนห้องหนึ่งเพื่อหลบซ่อนตัวจากนางอาธาลิยาห์ โยอาชก็เลยไม่ได้ถูกฆ่าไปด้วย

โยอาชยังคงหลบซ่อนตัวกับพี่เลี้ยงของเขาอยู่ในวิหาร ของพระยาห์เวห์เป็นเวลาถึงหกปีในช่วงที่นางอาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดินนั้น

เยโฮยาดาเจิมโยอาชเป็นกษัตริย์

(2 พศด. 23:1-21)

ในปีที่เจ็ด นักบวชเยโฮยาดาเรียกพวกผู้นำทหารของชาวคารี[b] และทหารรักษาพระองค์มา และสั่งให้พวกเขามาหาที่วิหารของพระยาห์เวห์ เขาได้ทำข้อตกลงกับคนเหล่านั้น และให้พวกเขาสาบานที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาถึงเอาโยอาชที่เป็นลูกชายของกษัตริย์ออกมา

เยโฮยาดาสั่งคนเหล่านั้นว่า “นี่คือสิ่งที่พวกท่านจะต้องทำ หนึ่งในสามของพวกท่าน ที่ต้องมาอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา จะต้องไปเฝ้าดูวังของกษัตริย์ อีกหนึ่งในสามต้องเฝ้าดูอยู่ที่ประตูสูร และอีกหนึ่งในสามที่เหลือไปอยู่ที่ประตูที่อยู่ด้านหลังทหารรักษาพระองค์ อย่างนี้พวกท่านก็จะเฝ้าดูแลวังจากทุกด้าน ส่วนพวกท่านสองกลุ่มที่ไม่ต้องอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา จะต้องมาคอยเฝ้าวิหารของพระยาห์เวห์และปกป้องกษัตริย์ พวกท่านจะต้องล้อมรอบกษัตริย์ไว้ ให้แต่ละคนถืออาวุธพร้อมมือ ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้กษัตริย์ต้องถูกฆ่า ให้อยู่กับกษัตริย์ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม”

พวกผู้นำเหล่าทัพได้ทำตามที่เยโฮยาดานักบวชได้สั่งไว้ แต่ละคนได้นำทหารของเขามา ทั้งที่อยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา และคนที่ไม่ได้อยู่เวร พวกเขาได้พากันมาหานักบวชเยโฮยาดา 10 แล้วเขาก็ได้แจกพวกหอกและโล่ให้กับพวกผู้นำเหล่าทัพนั้น มันเป็นหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดที่เก็บอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์นั่นเอง 11 เหล่าทหารรักษาพระองค์ทุกคนถืออาวุธพร้อมมือ ประจำที่ของตนรอบๆวิหาร จากด้านใต้จดด้านเหนือ พวกเขายืนอยู่รอบแท่นบูชาและวิหาร รวมทั้งยืนอยู่รอบตัวกษัตริย์ด้วย 12 เยโฮยาดาได้พาโยอาชที่เป็นลูกชายกษัตริย์ออกมาและสวมมงกุฎให้กับเขา และได้มอบสำเนาข้อตกลง[c]ที่พระเจ้าได้ทำกับคนของพระองค์ให้กับเขา พวกเขาได้เจิมโยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์และพวกเขาก็ตบมือโห่ร้องว่า “กษัตริย์จงเจริญ”

13 เมื่อนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกที่เหล่าทหารรักษาพระองค์และประชาชนตะโกน นางออกมาหาประชาชนที่วิหารของพระยาห์เวห์ 14 นางมองไปและเห็นกษัตริย์ยืนอยู่ข้างเสาตามประเพณี มีพวกผู้นำเหล่าทัพและคนเป่าแตรอยู่ที่ด้านข้างของกษัตริย์ และประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินต่างก็ร่าเริงยินดีและเป่าเขาสัตว์กัน นางอาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อผ้าของนางและร้องตะโกนว่า “กบฏ กบฏ”

15 นักบวชเยโฮยาดาสั่งพวกผู้นำเหล่าทัพที่ได้ตั้งให้ดูแลกองทัพว่า “นำนางออกมาจากท่ามกลางกองทหาร และฆ่าทุกคนที่ติดตามนาง” เพราะนักบวชพูดว่า “อย่าฆ่านางภายในวิหารของพระยาห์เวห์แห่งนี้”

16 พวกเขาจับตัวนางไว้ได้ ในขณะที่นางกำลังจะเข้าไปในวังทางประตูม้า และนางก็ถูกฆ่าตายที่นั่น

17 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ทำข้อตกลงระหว่างพระยาห์เวห์กับกษัตริย์และประชาชน ว่าพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ เขายังได้ทำข้อตกลงระหว่างกษัตริย์กับประชาชนอีกด้วย

18 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินนั้นได้ไปที่วิหารของพระบาอัลและรื้อมันทิ้งไป พวกเขาทุบพวกแท่นบูชาและรูปเคารพทั้งหมดจนแตกเป็นชิ้นๆและฆ่ามัทธานที่เป็นนักบวชของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น

แล้วนักบวชเยโฮยาดาก็ให้ทหารยามอยู่เฝ้าที่วิหารของพระยาห์เวห์ 19 เขากับพวกผู้นำเหล่าทัพ คนคารี และทหารรักษาพระองค์ รวมทั้งประชาชนทั้งหมดของแผ่นดิน ได้พากษัตริย์ลงมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ และเข้าไปในวัง ผ่านทางประตูสำหรับทหารรักษาพระองค์ แล้วกษัตริย์ก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ 20 และประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินนั้นต่างก็เฉลิมฉลองรื่นเริงกัน และบ้านเมืองก็สงบสุข เพราะนางอาธาลิยาห์ถูกฆ่าด้วยดาบแล้วภายในวัง

21 โยอาชมีอายุเจ็ดปีเมื่อเขาขึ้นครองราชย์

โยอาชเริ่มปกครอง

(2 พศด. 24:1-16)

12 โยอาชขึ้นครองราชย์ ตรงกับปีที่เจ็ดที่เยฮูเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โยอาชครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสี่สิบปี แม่ของเขาชื่อศิบียาห์ นางมาจากเมืองเบเออร์เชบา โยอาชทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา เขาทำตามที่นักบวชเยโฮยาดาได้สั่งสอนเขาไว้ แต่สถานนมัสการต่างๆก็ยังไม่ได้ถูกรื้อทิ้ง ประชาชนยังคงไปถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่นเหมือนเดิม

โยอาชสั่งให้ซ่อมแซมวิหาร

(2 พศด. 24:1-14)

โยอาชพูดกับพวกนักบวชว่า “เงินทั้งหมดที่คนเอาเข้ามาในวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อถวายเป็นของขวัญศักดิ์สิทธิ์ เช่น เงินที่กำหนดให้จ่ายตามรายบุคคล เงินที่ได้มาจากการแก้บน เงินที่คนเอามาถวายด้วยความสมัครใจให้กับวิหารแห่งนี้ ให้นักบวชแต่ละคนรับเงินเหล่านั้นมาจากคนที่พวกเขาให้บริการนั้น และให้ใช้เงินเหล่านั้นในการซ่อมแซมจุดต่างๆในวิหารที่พวกเขาเห็นว่าเสียหาย”

แต่จนถึงปีที่ยี่สิบสามของกษัตริย์โยอาช พวกนักบวชก็ยังไม่ได้ซ่อมแซมวิหารนั้น กษัตริย์โยอาชจึงได้เรียกตัวนักบวชเยโฮยาดาและนักบวชคนอื่นๆเข้ามาและถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านถึงยังไม่ได้ซ่อมแซมวิหาร พวกท่านหยุดรับเงินจากคนที่พวกท่านให้บริการได้แล้ว ให้มอบเงินนั้นให้กับคนอื่นซ่อมแซมวิหารได้แล้ว”

พวกนักบวชต่างเห็นด้วยที่จะไม่เก็บเงินจากประชาชนอีก และตัดสินใจที่จะไม่ซ่อมแซมวิหารเองด้วย นักบวชเยโฮยาดาเอาหีบใส่เงินใบหนึ่งเจาะรูไว้บนฝาของมัน แล้วนำไปวางไว้ที่ด้านข้างทางขวาของแท่นบูชา หีบนี้อยู่ใกล้ประตูทางเข้าวิหารของพระยาห์เวห์ นักบวชบางคนที่เฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้า[d] ได้เอาเงินที่คนเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ ใส่ไว้ในหีบใบนั้น

10 เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาเห็นว่ามีเงินอยู่ในหีบใบนั้นมากแล้ว เลขาของกษัตริย์และนักบวชชั้นสูงสุด ก็จะมานับเงินนั้นในวิหารของพระยาห์เวห์และใส่ไว้ในถุงหลายใบ 11 เมื่อมีจำนวนเงินมากแล้ว พวกเขาก็เอาเงินนั้นไปให้กับผู้ควบคุมงานในวิหารแห่งนั้น พวกนี้ก็จะได้เอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับคนงานที่ทำงานอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ เช่น ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง 12 ช่างอิฐ และคนตัดหิน พวกเขาเอาเงินนั้นไปซื้อไม้และหินที่ตัดแต่งแล้วมาเพื่อใช้ในการซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จำเป็นในการซ่อมแซมวิหาร

13 เงินที่ได้มานี้ นักบวชไม่สามารถนำไปใช้ในการทำอ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชามสำหรับประพรม แตรเขาสัตว์ หรือข้าวของเครื่องใช้ที่ทำขึ้นจากทองคำหรือเงินสำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ 14 แต่เขาจ่ายเงินนั้นสำหรับพวกคนงานที่ต้องใช้เงินในการซ่อมแซมวิหาร 15 พวกที่ให้เงินนี้ ไม่ได้ขอให้คนงานทำบัญชีค่าใช้จ่าย เพราะพวกคนงานเหล่านี้ล้วนไว้ใจได้

16 เงินที่ได้จากเครื่องบูชาชำระล้างและเครื่องบูชาตอบแทน ไม่ได้เอามาเก็บไว้ในวิหารเพราะมันเป็นของพวกนักบวช

โยอาชยอมสละของมีค่าให้ฮาซาเอล

17 ในเวลานั้น กษัตริย์ฮาซาเอลของอารัมได้ขึ้นมาโจมตีเมืองกัทและยึดเมืองไว้ได้ แล้วเขาก็ตั้งใจที่จะขึ้นมาโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม

18 แต่กษัตริย์โยอาช[e] ของยูดาห์ได้เอาของทั้งหมดที่บรรพบุรุษของเขาคือเยโฮชาฟัท เยโฮรัมและอาหัสยาห์ ที่เคยเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ได้อุทิศให้กับพระยาห์เวห์ รวมทั้งของที่ตัวท่านเองได้อุทิศไว้ด้วย ตลอดจนทองคำทั้งหมดที่อยู่ในคลังของพระยาห์เวห์ และในวังของกษัตริย์ด้วย เขาเอาของมีค่าทั้งหมดนี้ส่งไปให้กับกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัม แล้วฮาซาเอลก็ได้ถอยทัพไปจากเมืองเยรูซาเล็ม

โยอาชตาย

(2 พศด. 24:23-27)

19 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยอาชและสิ่งที่เขาได้ทำไปทั้งหมด ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์

20 พวกข้าราชการของโยอาช ได้รวมหัวกันวางแผนกบฏและฆ่าเขาที่เบธมิลโล บนทางที่จะลงไปสิลลา 21 พวกข้าราชการที่ได้ฆ่าเขาก็คือโยซาคาร์ลูกชายของชิเมอัทและเยโฮซาบาดลูกชายของโชเมอร์

เขาตายและถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของเขาในเมืองของดาวิด และอามาซิยาห์ที่เป็นลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

2 ทิโมธี 2

ทหารผู้ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์

ลูกทิโมธีเอ๋ย ขอให้ความเมตตาที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ทำให้คุณเข้มแข็ง ให้เอาคำสอนต่างๆที่คุณได้ยินจากผมต่อหน้าพยานมากมายนั้น ไปให้กับคนที่ไว้ใจได้และสามารถสอนต่อได้ มาร่วมทุกข์กับผมดีกว่า เหมือนทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครหรอกที่มาเป็นทหารแล้วยังมัวยุ่งกับเรื่องของทางบ้าน เพราะเขาก็อยากจะเอาใจผู้บังคับบัญชาของเขา นักกีฬาที่เข้าแข่งขันก็เหมือนกัน จะต้องแข่งขันตามกฎกติกาเสียก่อนถึงจะได้รับรางวัลของผู้ชนะ ชาวนาที่ทำงานหนัก ก็ควรจะเป็นคนแรกที่ได้รับส่วนแบ่งจากพืชผลนั้น คิดดูให้ดีถึงเรื่องที่ผมพูดให้คุณฟังนี้ แล้วองค์เจ้าชีวิตจะทำให้คุณเข้าใจมันทั้งหมด

จำไว้ว่า ข่าวดีที่ผมประกาศ คือพระเยซูคริสต์ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระองค์เป็นลูกหลานของดาวิด[a] เพราะข่าวดีนี้แหละ ผมถึงต้องทนทุกข์อยู่ตอนนี้ ถึงกับถูกล่ามโซ่เหมือนกับผู้ร้าย แต่ถ้อยคำของพระเจ้านั้น เอาโซ่ล่ามไว้ไม่อยู่หรอกนะ 10 ผมจึงยอมอดทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่คนที่พระเจ้าได้เลือกเอาไว้ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้รับความรอดซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ และสง่าราศีจากพระเจ้าตลอดไป

11 นี่เป็นคำพูดที่เชื่อถือได้ คือ
ถ้าเราตายกับพระองค์
    เราก็จะมีชีวิตกับพระองค์
12 ถ้าเราอดทนต่อความทุกข์ยาก
    เราจะได้ปกครองร่วมกับพระองค์
ถ้าเราทิ้งพระองค์
    พระองค์ก็จะทิ้งเราเหมือนกัน
13 ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์
    พระองค์ก็ยังคงซื่อสัตย์อยู่ดี
เพราะพระองค์จะทำตัวขัดกับอุปนิสัยที่แท้จริงของพระองค์เองไม่ได้

คนงานแบบที่พระเจ้ายอมรับ

14 ให้เตือนพวกเขาบ่อยๆในเรื่องพวกนี้ และตักเตือนพวกเขาต่อหน้าพระเจ้าว่า อย่าถกเถียงกันในเรื่องคำพูด มันไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำลายคนฟังเท่านั้น 15 พยายามเต็มที่ให้เป็นคนที่พระเจ้ารับรอง เป็นคนงานที่ไม่มีอะไรต้องอาย และเป็นคนงานที่สอนถ้อยคำแห่งความจริงของพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง 16 แต่ให้หลีกเลี่ยงจากการพูดคุยที่หยาบช้าและไม่ยำเกรงพระเจ้า เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ยำเกรงพระเจ้า 17 คำสอนของพวกเขาก็จะลามไปทั่วเหมือนกับมะเร็ง ฮีเมเนอัสและฟีเลทัสก็รวมอยู่ในคนพวกนั้นด้วย 18 สองคนนี้ได้หลงไปจากความจริง เขาพูดว่าการฟื้นขึ้นมาจากความตายสำหรับเรานั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว สองคนนี้ได้ทำลายความเชื่อของบางคนไป 19 อย่างไรก็ตาม รากฐานที่แข็งแกร่งของพระเจ้ายังยืนหยัดอย่างมั่นคง และยังมีข้อความจารึกไว้ว่า “องค์เจ้าชีวิตรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์”[b] และ “ให้คนที่อ้างว่าเป็นคนขององค์เจ้าชีวิต เลิกทำชั่วทุกชนิด”

20 ในบ้านหลังใหญ่ ไม่ได้มีแต่ของใช้ที่ทำจากทองและเงินเท่านั้น แต่ยังมีของใช้ที่ทำจากไม้และดินเหนียวด้วย ของใช้บางอย่างก็ใช้สำหรับงานพิเศษต่างๆและบางอย่างก็ใช้สำหรับงานประจำวัน 21 ดังนั้น ถ้าคนไหนได้ชำระล้างตนเองจากสิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านี้แล้ว คนนั้นก็จะเป็นของใช้ที่ใช้สำหรับงานที่พิเศษ เขาจะเป็นคนของพระเจ้า เป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของ และพร้อมสำหรับการงานที่ดีทุกอย่าง

22 ให้วิ่งหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มสาว แต่ไล่ตามสิ่งที่ถูกต้อง เช่นความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ร่วมกับคนเหล่านั้นที่ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์ 23 อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการโต้เถียงที่เหลวไหลและโง่เขลา เพราะคุณก็รู้ว่ามันจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน 24 ส่วนผู้รับใช้ขององค์เจ้าชีวิตต้องไม่ทะเลาะวิวาท แต่ต้องสุภาพกับทุกคน ต้องสอนคนอื่นได้ และต้องอดทน 25 เขาจะต้องสอนคนที่ต่อต้านเขาอย่างใจเย็น ด้วยหวังว่าพระเจ้าจะทำให้คนพวกนี้กลับตัวกลับใจ และได้รู้ถึงความจริง 26 ซึ่งจะช่วยให้พวกนี้ได้สติคืนมา และหลุดพ้นจากกับดักของมารที่จับพวกเขาไว้ให้ทำตามใจของมัน

โฮเชยา 3-4

โฮเชยาไถ่โกเมอร์จากการเป็นทาส

แล้วพระยาห์เวห์พูดกับผมอีกครั้งหนึ่งว่า “ไปสิ ไปแสดงความรักต่อหญิงคนนั้นที่เป็นชู้รักของชายอื่น และเป็นหญิงที่เล่นชู้ ให้รักเธอเหมือนกับที่พระยาห์เวห์รักชาวอิสราเอลทั้งๆที่พวกเขาหันไปบูชาพระอื่นๆ และชอบกินพวกขนมที่ทำจากลูกเกด[a]

ดังนั้นผมจึงไถ่นางโกเมอร์คืนมาด้วยเงินสิบห้าเชเขล[b] และข้าวบาร์เลย์หนึ่งโฮเมอร์ครึ่ง[c] ผมพูดกับเธอว่า “เธอจะต้องอยู่กับฉันไปอีกนาน เธอต้องไม่ไปเล่นชู้และไปหาชายอื่นอีก และตัวฉันจะไม่มีเพศสัมพันธ์กับเธอ”

ชาวอิสราเอลก็เหมือนกันจะต้องอยู่โดยไม่มีกษัตริย์หรือผู้นำเป็นเวลานาน พวกเขาจะอยู่โดยไม่มีการถวายเครื่องบูชาและไม่มีพวกหินศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีถุงผ้าทับอกและไม่มีพระประจำบ้าน หลังจากนั้น ชาวอิสราเอลจะหันกลับมาแสวงหาทั้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา และในวันข้างหน้า พวกเขาจะยำเกรงพระยาห์เวห์ และพึ่งพิงความดีของพระองค์[d]

พระยาห์เวห์โกรธอิสราเอล

ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี
    พระยาห์เวห์มีคดีฟ้องร้องกับพวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้
เพราะแผ่นดินนี้ไม่มีความซื่อสัตย์
    ไม่มีความรักความเมตตา และไม่รู้จักพระเจ้า
แผ่นดินนี้มีแต่การสาปแช่งกัน หลอกลวงกัน ฆ่ากัน
    ขโมยกันและเล่นชู้กัน ผู้คนก็โหดร้ายรุนแรง
    มีแต่การนองเลือดกันซ้ำแล้วซ้ำอีก
ดังนั้นแผ่นดินนี้จะเหือดแห้งไป
    ทุกคนที่อาศัยอยู่ในมันจะป่วยตาย
รวมทั้งสัตว์ป่าและพวกนก
    แม้แต่ปลาก็จะหายไปหมด

พระยาห์เวห์เตือนพวกนักบวช

พวกเจ้านักบวช อย่าได้ฟ้องร้องใครเลย
    อย่าไปกล่าวโทษผู้อื่นเลย เพราะเรากำลังฟ้องร้องเจ้า[e]
พวกเจ้านักบวชจะสะดุดล้มลงในเวลากลางวัน
    พวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็จะสะดุดล้มลงกับพวกเจ้าในเวลากลางคืน
    และเราจะทำลายแม่[f] ของเจ้าด้วย
คนของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้เกี่ยวกับเรา[g]
    เพราะเจ้าไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับเรา
    เราก็จะไม่ยอมรับเจ้าเป็นนักบวชของเราเหมือนกัน
เจ้าลืมกฎคำสั่งสอนของพระเจ้าของเจ้า
    ดังนั้นเราจะลืมลูกหลานของเจ้าเหมือนกัน
พวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าใด
    ก็ยิ่งทำบาปต่อเรามากขึ้นเท่านั้น
    ดังนั้นเราจะเปลี่ยนเกียรติของพวกเขาให้กลายเป็นความอับอาย
พวกนักบวชเลี้ยงปากท้องด้วยบาปของคนของเรา
    พวกเขาละโมบการกระทำผิดของคนของเรา
คนทั่วไปโดนยังไง นักบวชก็จะโดนอย่างนั้นเหมือนกัน
    เราจะลงโทษทั้งคนทั่วไปและนักบวช
    ตามหนทางและการกระทำของเขา
10 พวกเขาจะกินแต่ไม่อิ่ม
    พวกเขาจะทำผิดทางเพศแต่ไม่มีลูก
เพราะพวกเขาทอดทิ้งพระยาห์เวห์เพื่ออุทิศตัวให้กับพวกพระอื่นๆ
11 ความผิดบาปทางเพศ
เหล้าองุ่นและเหล้าองุ่นใหม่
    ของทั้งหมดนี้ ชิงเอาความเข้าใจของเขาไป
12 คนของเราจึงไปปรึกษากับต้นไม้
    และไม้ชิ้นหนึ่งก็ให้คำแนะนำกับเขา
เพราะวิญญาณแห่งการเล่นชู้นำพวกเขาให้หลงทางไป
    พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของพวกเขา
13 บนยอดเขาทั้งหลาย พวกเขาถวายเครื่องบูชา
    และตามเนินเขาพวกเขาเผาเครื่องเผาบูชา
อยู่ใต้ต้นก่อ ต้นไค้ และต้นก่อหลวง
    เพราะต้นไม้พวกนี้ให้ร่มเงาเย็นสบาย
ดังนั้นพวกลูกสาวของเจ้าจึงทำผิดบาปทางเพศ
    และพวกเจ้าสาวของพวกเจ้าก็มีชู้
14 แต่เราจะไม่ลงโทษพวกลูกสาวของพวกเจ้าที่ไปขายตัว
    และพวกเจ้าสาวของพวกเจ้าที่ไปเล่นชู้
เพราะพวกผู้ชายต่างก็ออกไปหาโสเภณีเหมือนกัน
    และพวกเขาถวายเครื่องบูชาและร่วมหลับนอนกับหญิงโสเภณีที่วัด
ดังนั้นคนเหล่านี้ที่ขาดความเข้าใจจะถูกทำลายไป

ความบาปที่น่าละอายของอิสราเอล

15 อิสราเอลเอ๋ย ถึงเจ้าจะขายตัว
    ก็อย่าให้ยูดาห์ต้องมีส่วนร่วมในความผิดบาปนั้นด้วยเลย
อย่าได้เข้าไปในกิลกาล
    อย่าได้ขึ้นไปที่เบธาเวน[h]
    และอย่าได้สาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์
16 เพราะอิสราเอลนั้นดื้อดึง
    เหมือนวัวสาวที่ดื้อดึง
แล้วจะให้พระยาห์เวห์ไปเลี้ยงพวกเขาเหมือนกับเลี้ยงลูกแกะที่เชื่องในทุ่งกว้างได้อย่างไร
17 เอฟราอิมได้ไปเข้าร่วมกับพวกรูปเคารพ
    ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับมัน
18 เมื่อพวกเขาดื่มเหล้ากันจนเมามายแล้ว
    พวกเขาก็ไปนอนกับหญิงโสเภณี
    พวกผู้นำของเขาหลงใหลกับเรื่องที่ทำให้อับอายขายหน้า
19 ลมจะโอบอิสราเอลไว้ใต้ปีกและหอบเอาพวกเขาไป
    พวกเขาจะอับอายขายหน้าที่ได้ถวายเครื่องบูชาเหล่านั้น

สดุดี 119:121-144

ไอเยน

121 ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
    อย่าปล่อยข้าพเจ้าไว้กับคนพวกนั้นที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
122 โปรดรับประกันว่าพระองค์จะดูแลข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    อย่าปล่อยให้คนหยิ่งยโสพวกนั้นกดขี่ข่มเหงข้าพเจ้าเลย
123 ดวงตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าเพราะเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่พระองค์จะมาช่วยเสียที
    และเฝ้าคอยความยุติธรรมที่พระองค์สัญญาว่าจะให้
124 ได้โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
    และสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
125 ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์โปรดให้ความเฉลียวฉลาดกับข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เข้าใจกฎต่างๆของพระองค์
126 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถึงเวลาที่พระองค์จะทำอะไรสักอย่างแล้ว
    เพราะผู้คนกำลังฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระองค์
127 แน่นอนข้าพเจ้ารักบัญญัติต่างๆของพระองค์
    มากกว่าทองคำและรักยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์เสียอีก
128 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์
    และเกลียดชังการกระทำที่หลอกลวงทั้งปวง

เพ

129 กฎต่างๆของพระองค์นั้นน่าทึ่ง
    ดังนั้นข้าพเจ้าทำตามกฎเหล่านั้น
130 คำอธิบายในเรื่องที่เกี่ยวกับคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
    ให้ความกระจ่างแจ้งกับผู้คนและให้ความเข้าใจกับคนที่อ่อนต่อโลก
131 ข้าพเจ้าอ้าปากหอบ
    เพราะข้าพเจ้ากระหายที่จะเรียนรู้บัญญัติต่างๆของพระองค์
132 โปรดหันมาเมตตาต่อข้าพเจ้า
    เหมือนกับที่พระองค์ทำเป็นประจำกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ด้วยเถิด
133 โปรดนำทางข้าพเจ้าตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
    โปรดอย่าให้ความชั่วใดๆมีอำนาจเหนือข้าพเจ้า
134 โปรดช่วยไถ่ข้าพเจ้าจากคนทั้งหลายที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
135 โปรดให้ใบหน้าของพระองค์ส่องลงมายังข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
    และสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
136 น้ำตาไหลนองเป็นสายธารบนใบหน้าของข้าพเจ้า
    เพราะไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์

ซาเด

137 ข้าแต่พระยาห์เวห์
    พระองค์นั้นยุติธรรมและกฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์นั้นเที่ยงตรง
138 พระองค์ให้กฎต่างๆที่ยุติธรรม
    พวกเราสามารถไว้วางใจมันได้อย่างเต็มที่
139 ความร้อนรนเผาผลาญข้าพเจ้าอยู่
    เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้าลืมคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์เสียแล้ว
140 คำสัญญาทั้งหลายของพระองค์ได้รับการพิสูจน์อย่างถี่ถ้วนแล้ว
    ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จึงรักคำพูดพวกนั้นของพระองค์
141 ข้าพเจ้าอาจจะยังหนุ่มและไม่มีใครนับถือ
    แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ลืมคำสั่งต่างๆของพระองค์
142 ความยุติธรรมของพระองค์นั้นจะคงอยู่ตลอดไป
    และคำสั่งสอนของพระองค์นั้นก็เป็นความจริงและเชื่อถือได้
143 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเจอกับความหายนะและความทุกข์ยาก
    แต่บัญญัติต่างๆของพระองค์ก็ยังเป็นความสุขของข้าพเจ้า
144 กฎต่างๆของพระองค์นั้นยุติธรรมเสมอ
    โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจพวกมันด้วยเพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International