M’Cheyne Bible Reading Plan
เอลียาห์บนภูเขาโฮเรบ (ซีนาย)
19 ในตอนนั้นกษัตริย์อาหับได้บอกกับเยเซเบลทุกอย่างที่เอลียาห์ได้ทำไป และเรื่องที่เอลียาห์ฆ่าพวกผู้พูดแทนพระปลอมทั้งหมดด้วยดาบ 2 เยเซเบลจึงส่งคนส่งข่าวไปถึงเอลียาห์ เพื่อบอกว่า “ขอให้พวกพระทั้งหลายลงโทษเราอย่างแสนสาหัส หากว่าเราไม่ได้ทำให้ชีวิตแกเป็นเหมือนคนพวกนั้นก่อนเวลานี้ของวันพรุ่งนี้”
3 เอลียาห์กลัว จึงวิ่งหนีเอาตัวรอดไป เมื่อเขามาถึงเมืองเบเออร์เชบาในยูดาห์ เขาทิ้งคนใช้เขาไว้ที่นั่น 4 ในขณะที่ตัวเขาเองเดินทางต่อไปอีกหนึ่งวันเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขามาถึงพุ่มไม้แห่งหนึ่งจึงนั่งลงใต้พุ่มไม้นั้นและอธิษฐานขอให้เขาตาย เขาพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พอกันทีสำหรับข้าพเจ้า เอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าไม่ได้ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเลย”
5 แล้วเขาก็นอนลงที่ใต้พุ่มไม้นั้นและหลับไป ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งก็มาแตะต้องตัวเขาและพูดว่า “ลุกขึ้นมากินเถิด” 6 เขามองไปรอบๆและที่ข้างหัวของเขานั้นมีขนมปังแผ่นหนึ่งที่ปิ้งอยู่บนก้อนหินร้อน และมีเหยือกน้ำอยู่เหยือกหนึ่ง เขาได้กินและดื่ม แล้วก็นอนต่อ
7 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์กลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง และมาแตะตัวเขาและพูดว่า “ลุกขึ้นมากินเถิด เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าจะเดินทางไม่ไหว” 8 เขาจึงลุกขึ้นมากินและดื่ม เมื่อเขามีเรี่ยวแรงขึ้นจากอาหารเหล่านั้นแล้ว เขาก็เดินทางต่อไปอีกสี่สิบวันสี่สิบคืน จนมาถึงภูเขาโฮเรบซึ่งเป็นภูเขาของพระเจ้า 9 เขาเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งและค้างคืนอยู่ที่นั่น
พระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “เอลียาห์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
10 เอลียาห์ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ทุ่มเทให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาตลอด ชาวอิสราเอลทั้งหลายปฏิเสธข้อตกลงของพระองค์ และทำลายพวกแท่นบูชาของพระองค์ และยังฆ่าพวกผู้พูดแทนพระองค์ด้วยคมดาบ เหลือข้าพเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้ พวกเขาก็กำลังพยายามจะฆ่าข้าพเจ้าด้วย”
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “ออกไปข้างนอกและไปยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์บนภูเขา เพราะพระยาห์เวห์กำลังจะผ่านไป”[a] แล้วก็มีลมพายุพัดมาอย่างแรงจนแยกภูเขาออกเป็นสองส่วนและทำลายก้อนหินต่างๆจนแตกละเอียดต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ในลมนั้น หลังจากที่ลมพัดผ่านไปแล้ว ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น แต่พระยาห์เวห์ก็ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินที่ไหวนั้น 12 หลังจากแผ่นดินไหวแล้วก็เกิดไฟลุกไหม้ แต่พระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ในไฟเหมือนกัน และหลังจากไฟลุกไหม้แล้วก็มีเสียงกระซิบ[b] ที่นุ่มนวลเสียงหนึ่งเกิดขึ้น
13 เมื่อเอลียาห์ได้ยินเสียงนั้น เขาก็เอาเสื้อคลุมขึ้นมาปิดหน้าและรีบออกไปยืนอยู่ที่ปากถ้ำ แล้วเสียงนั้นก็พูดกับเขาว่า “เอลียาห์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
14 เขาตอบไปว่า “ข้าพเจ้าได้ทุ่มเทให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาตลอด ชาวอิสราเอลทั้งหลายปฏิเสธข้อตกลงของพระองค์ และทำลายพวกแท่นบูชาของพระองค์ และยังฆ่าพวกผู้พูดแทนพระองค์ด้วยคมดาบ เหลือข้าพเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น และตอนนี้ พวกเขาก็กำลังพยายามจะฆ่าข้าพเจ้าด้วย”
15 พระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “กลับไปทางเดิมที่เจ้ามา และไปที่ทะเลทรายดามัสกัส เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น ให้แต่งตั้งฮาซาเอลขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออารัม 16 และแต่งตั้งเยฮูลูกชายของกษัตริย์นิมชี ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และแต่งตั้งเอลีชาลูกชายของชาฟัทชาวอาเบลเมโฮลาห์ให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าสืบต่อจากเจ้า 17 เยฮูจะฆ่าคนที่หลบหนีจากคมดาบของฮาซาเอล และเอลีชาจะฆ่าคนที่หลบหนีมาจากคมดาบของเยฮู 18 เรายังมีเจ็ดพันคนในอิสราเอล ซึ่งเป็นคนที่ไม่ยอมคุกเข่าลงให้กับพระบาอัล และปากของพวกเขาก็ไม่ได้จูบมันด้วย”
เอลีชามาเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
19 เอลียาห์จึงออกจากที่นั่น และได้พบเอลีชาลูกชายของชาฟัทกำลังไถนาด้วยวัวเทียมแอกสิบสองคู่และตัวเขาเองกำลังไถอยู่ที่คู่ที่สิบสอง เอลียาห์ก็เข้าไปหาเขาและทิ้งเสื้อคลุมของเขาไปบนตัวเอลีชา 20 เอลีชาก็เลยทิ้งวัวของเขาและวิ่งตามเอลียาห์ไป เขาพูดว่า “ให้ผมไปจูบลาพ่อแม่ของผมก่อน แล้วผมจะไปกับท่าน”
เอลียาห์ตอบว่า “กลับไปเถอะ แต่อย่าลืมเรื่องที่เราได้ทำกับเจ้านะ[c]”
21 เอลีชาก็จากเขาไป แล้วกลับไปเอาวัวคู่นั้นที่ใช้เทียมแอกไปฆ่า แล้วเอาแอกไปเป็นฟืนใช้ย่างเนื้อและแจกจ่ายเนื้อให้กับชาวบ้านและพวกเขาก็กินกัน แล้วเอลีชาก็ติดตามเอลียาห์ไป และเป็นผู้ช่วยของเอลียาห์
งานรับใช้ของเปาโลในเธสะโลนิกา
2 พี่น้องครับ พี่น้องก็รู้ว่า ตอนที่พวกเราเริ่มประกาศข่าวดีท่ามกลางพวกคุณนั้น มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ 2 ตรงกันข้าม ถึงแม้ก่อนหน้านั้นที่เมืองฟีลิปปี[a]พวกเราได้รับความทุกข์ยากและโดนดูถูก แต่พระเจ้าได้ทำให้พวกเราสามารถประกาศข่าวดีที่มาจากพระองค์ในท่ามกลางพวกคุณอย่างกล้าหาญ ทั้งๆที่มีคนจำนวนมากต่อต้านพวกเราอย่างหนัก 3 แน่นอน เมื่อพวกเราอ้อนวอนให้คนมายอมรับข่าวดีนั้น มันไม่ได้มาจากแรงจูงใจที่ผิดๆหรือความไม่จริงใจ หรือหวังที่จะหลอกลวงใคร 4 แต่ตรงกันข้าม พระเจ้าพอใจพวกเราจึงได้มอบข่าวดีนี้ให้กับพวกเรา พวกเราถึงได้ประกาศออกไป เราไม่ได้ทำเพื่อเอาใจคน แต่เพื่อเอาใจพระเจ้า ผู้ตรวจสอบใจของพวกเรา 5 คุณก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่เคยประจบสอพลอ หรือเอาคำสอนมาบังหน้าความโลภ พระเจ้ารับรองได้ว่านี่เป็นความจริง 6 เราไม่สนใจคำเยินยอของมนุษย์คนไหนหรอก ไม่ว่าจะเป็นพวกคุณหรือคนอื่นๆก็ตาม
7 ในฐานะที่พวกเราเป็นศิษย์เอกของพระคริสต์ เรามีสิทธิ์ที่จะบังคับคุณก็ได้ แต่เมื่ออยู่กับพวกคุณ เรากลับอยู่อย่างสุภาพอ่อนโยน[b] เหมือนแม่นมที่รักและเอาใจใส่ลูกๆของเธอ 8 เรารักคุณมากจนพร้อมที่จะทุ่มชีวิตทั้งหมดให้กับคุณ ไม่ใช่แค่เอาข่าวดีจากพระเจ้ามาบอกเฉยๆ 9 พี่น้องทั้งหลายคงจำได้ว่า ตอนที่เรามาประกาศข่าวดีจากพระเจ้าให้กับคุณนั้น เราได้ทำงานอย่างหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำทั้งวันทั้งคืน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร
10 พวกคุณและพระเจ้าก็เป็นพยานได้ว่า ตอนที่เราอยู่กับคุณที่ไว้วางใจนั้น เราได้ทุ่มเทตัวเองให้กับพระเจ้า ทำตามใจพระองค์ และมีชีวิตที่สะอาดหมดจดขนาดไหน 11 คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นเหมือนกับพ่อที่เลี้ยงดูลูกแต่ละคน 12 เราได้เคี่ยวเข็ญ ปลอบใจ และสั่งให้คุณใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับคนที่พระเจ้าเรียกให้มามีส่วนร่วมในอาณาจักรและเกียรติยศของพระองค์
13 พวกเราขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ เพราะตอนที่คุณยอมรับถ้อยคำของพระเจ้าที่ได้ยินจากเรานั้น คุณไม่ได้รับไว้เหมือนเป็นแค่คำพูดของมนุษย์ แต่ยอมรับว่าเป็นถ้อยคำของพระเจ้า และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้อยคำนี้เองกำลังทำงานอยู่ในตัวพวกคุณที่ไว้วางใจ 14 พี่น้องครับ พวกคุณได้เลียนแบบหมู่ประชุมของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ที่แคว้นยูเดีย[c] คือพวกคุณได้รับความทุกข์ยากแบบเดียวกันจากคนของคุณเอง เหมือนกับที่พวกเขาได้รับจากพวกยิวที่เป็นคนของเขาเอง 15 พวกยิวพวกนี้ ก็เป็นพวกที่ฆ่าพระเยซูเจ้าและพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ยิวพวกนี้แหละได้ทำร้ายพวกเราอย่างสาหัส และขับไล่เราออกมา พวกนี้ได้ทำให้พระเจ้าไม่พอใจ และยังต่อต้านทุกคนด้วย 16 พวกเราประกาศกับคนที่ไม่ใช่ยิวเพื่อเขาจะได้รอดด้วย แต่คนยิวพวกนี้พยายามขัดขวางไม่ให้เราทำ เมื่อพวกเขาทำอย่างนี้ เขาก็เพิ่มความบาปขึ้นเรื่อยๆจนเต็ม แล้วในที่สุดพระเจ้าก็ได้ลงโทษพวกเขา
เปาโลอยากจะมาเยี่ยมพวกเขาอีก
17 พี่น้องครับ เราก็ถูกแยกจากคุณแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่เราจากกันแค่กาย ใจนั้นยังอยู่กับคุณ เราอยากจะเจอหน้าคุณจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว 18 อันที่จริงเราได้พยายามที่จะมาหาคุณ ที่แน่ๆอย่างน้อยตัวผมเอง เปาโล ก็ได้พยายามแล้วพยายามอีก แต่ซาตานก็ขัดขวางพวกเราไว้ 19 แล้วใครกันล่ะจะเป็นความหวัง เป็นความชื่นชมยินดี หรือเป็นรางวัลที่เราจะคุยโอ้อวดได้ต่อหน้าพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์กลับมา ก็พวกคุณนั่นแหละ 20 พวกคุณเป็นความภาคภูมิใจและความชื่นชมยินดีของพวกเรา
ดาเนียลถูกพาไปที่บาบิโลน
1 ในปีที่สาม ที่เยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์[a] กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน[b] ได้ยกทัพมาล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ 2 พระยาห์เวห์ได้มอบเยโฮยาคิม กษัตริย์ของยูดาห์ไว้ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน พร้อมกับสิ่งของเครื่องใช้ส่วนหนึ่งจากวิหารของพระเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์นำของเหล่านั้นกลับไปไว้ที่วิหารของเทพเจ้าของพระองค์ที่บาบิโลน พระองค์วางสิ่งของเครื่องใช้เหล่านั้นไว้ในคลังของเทพเจ้านั้น
3 จากนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็สั่งให้อัชเปนัส ที่เป็นหัวหน้าข้าราชการ ให้ไปคัดเลือกเด็กหนุ่มๆที่เป็นเชลยชาวอิสราเอล จากเชื้อพระวงศ์ จากพวกคนชั้นสูง 4 เด็กพวกนี้จะต้องมีร่างกายที่สมประกอบทุกอย่าง ต้องมีหน้าตาหล่อเหลา สามารถเรียนรู้ทุกวิชา มีความรู้รอบตัว และหัวไว สามารถยืนรับใช้กษัตริย์ในวังได้ อัชเปนัสจะต้องสอนให้พวกเขารู้ภาษาและวรรณคดีของชาวบาบิโลน
5 กษัตริย์ตัดสินใจว่าจะให้เด็กหนุ่มพวกนี้ได้รับส่วนแบ่งอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นทุกวัน เหมือนกับอาหารและเหล้าองุ่นที่กษัตริย์กินและดื่ม อัชเปนัสจะต้องอบรมดูแลเด็กๆพวกนี้เป็นเวลาสามปี เมื่อครบกำหนดแล้วก็ให้นำพวกเขามารับราชการอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ 6 ในท่ามกลางเด็กหนุ่มๆเหล่านี้ มีดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ สี่คนนี้มาจากเผ่ายูดาห์
7 อัชเปนัสตั้งชื่อใหม่ให้กับเด็กหนุ่มๆพวกนี้ เป็นภาษาบาบิโลน ดาเนียลมีชื่อใหม่ว่า เบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ มีชื่อใหม่ว่าชัดรัค มิชาเอลมีชื่อใหม่ว่าเมชาค และอาซาริยาห์ มีชื่อใหม่ว่า เอเบดเนโก
8 ดาเนียลตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาจะไม่กินอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นอย่างเดียวกับที่กษัตริย์กินและดื่ม เพื่อดาเนียลจะได้ไม่แปดเปื้อนเป็นมลทินไป ดังนั้นเขาจึงขออนุญาตอัชเปนัส หัวหน้าข้าราชการ ที่จะทำอย่างนั้น เพื่อรักษาตัวเองไม่ให้แปดเปื้อนเป็นมลทินไป
9 พระเจ้าทำให้หัวหน้าข้าราชการมีความเมตตาปรานีต่อดาเนียล 10 หัวหน้าข้าราชการพูดกับดาเนียลว่า “ข้ากลัวกษัตริย์ ที่เป็นเจ้านายของข้า พระองค์จัดสรรปันส่วนอาหารและเครื่องดื่มมาให้เจ้า พระองค์อาจจะถามว่า ทำไมเจ้าถึงดูซูบผอมนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กหนุ่มๆรุ่นเดียวกัน แล้วทีนี้เจ้าก็จะทำให้ข้าถูกกษัตริย์ลงโทษ”
11 หัวหน้าข้าราชการได้แต่งตั้งคนหนึ่งมาควบคุมดูแล ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และ อาซาริยาห์ ดาเนียลจึงไปพูดกับผู้ควบคุมคนนี้ว่า 12 “ขอให้ทดลองพวกเรา ผู้รับใช้ของท่านดูก่อนสักสิบวัน ในช่วงนี้ ให้พวกเรากินแต่ผักกับน้ำ 13 แล้วท่านถึงค่อยเอาพวกเราไปเปรียบเทียบกับเด็กพวกนั้นที่กินอาหารอย่างดีจากกษัตริย์ หลังจากนั้นท่านจะทำอะไรกับพวกเราผู้รับใช้ของท่าน แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร”
14 ผู้ควบคุมดูแลก็ยอมรับข้อเสนอของดาเนียล จึงได้ทดลองพวกเขาดูสิบวัน 15 เมื่อครบสิบวันแล้ว ปรากฏว่าดาเนียลและเพื่อนๆกลับดูดีกว่า และสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงกว่าเด็กพวกนั้นที่กินอาหารอย่างดีของกษัตริย์เสียอีก 16 ดังนั้นผู้ควบคุมดูแล จึงเอาอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นที่ดาเนียลและเพื่อนๆควรจะกินไปเสีย และให้ผักกับพวกเขาแทน
17 พระเจ้าประทานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวรรณคดีทุกประเภทและการศึกษาทุกวิชาให้กับเด็กสี่คนนี้ ดาเนียลยังสามารถตีความหมายของนิมิตต่างๆและทำนายฝันได้ด้วย
18 เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์กำหนดให้พาตัวพวกเด็กหนุ่มๆทุกคนเข้าเฝ้า หัวหน้าข้าราชการก็นำพวกเขามาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 19 กษัตริย์พูดคุยกับเด็กๆทุกคน และเห็นว่าไม่มีเด็กคนไหนสามารถเทียบกับ ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ได้เลย กษัตริย์จึงแต่งตั้งให้พวกเขามารับราชการอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ 20 เมื่อไหร่ก็ตามที่กษัตริย์ขอคำแนะนำ ที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเป็นพิเศษ พระองค์ก็พบว่าคำแนะนำของเด็กหนุ่มทั้งสี่นี้ก็ดีกว่าคำแนะนำของพวกหมอดู และพวกทำสะเดาะเคราะห์ในราชอาณาจักรของพระองค์ถึงสิบเท่า 21 ดาเนียลรับราชการอยู่ในวังนั้นเรื่อยมาจนถึงปีแรกที่ไซรัสขึ้นเป็นกษัตริย์[c]
บุญคุณของพระยาห์เวห์ต่อชาวอิสราเอล
1 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ ให้กระจายชื่อเสียงของพระองค์ออกไป
ให้บอกกับชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ทำ
2 ร้องเพลงให้กับพระองค์ ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระองค์เถิด
ใคร่ครวญถึงสิ่งน่าทึ่งทั้งหมดที่พระองค์ได้ทำ
3 โอ้อวดถึงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เถิด
ขอให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระยาห์เวห์มีความสุขเถิด
4 แสวงหาพระยาห์เวห์ และพละกำลังที่มาจากพระองค์เถิด
แสวงหาหน้าของพระองค์อยู่เสมอ
5-6 ลูกหลานของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระเจ้าเอ๋ย
ลูกหลานของยาโคบพวกที่พระเจ้าเลือกเอ๋ย
ขอให้ท่านระลึกถึงเรื่องน่าทึ่งทั้งหลายที่พระเจ้าทำ
ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆและคำตัดสินทั้งหลายที่ออกมาจากปากของพระองค์
7 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
คำตัดสินทั้งหลายของพระองค์จะเป็นจริงอย่างนั้นในทุกหนแห่งทั่วโลก
8 พระองค์ไม่เคยลืมข้อตกลงของพระองค์
คือคำสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับคนของพระองค์ตลอดไปเป็นพันรุ่น
9 พระองค์จะรักษาคำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม
และคำสาบานของพระองค์ที่ให้ไว้กับอิสอัค
10 พระองค์ทำให้มันเป็นกฎสำหรับยาโคบ
และเป็นข้อตกลงให้กับอิสราเอลตลอดไป
11 พระองค์พูดว่า “เราจะมอบดินแดนคานาอันให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตลอดไป”
12 พระองค์ทำสิ่งนี้ตอนที่พวกเขายังมีกันอยู่ไม่กี่คน
และยังเป็นคนต่างด้าวแค่กระจุกเดียวในดินแดนนั้นอยู่เลย
13 พวกเขาเร่ร่อนพเนจรจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
14 แต่พระเจ้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงพวกเขา
พระองค์เตือนพวกกษัตริย์ทั้งหลายว่า
15 “อย่าแตะต้องคนเหล่านั้นที่เราได้เลือกไว้[a]
อย่าได้ทำร้ายพวกผู้พูดแทนเรา”
16 พระองค์ทำให้เกิดการกันดารอาหารขึ้นในแผ่นดิน
พระองค์ตัดเสบียงทั้งหมดของพวกเขา
17 แล้วพระองค์ได้ส่งชายคนหนึ่งไปอียิปต์ก่อนคนอื่นๆ
นั่นคือ โยเซฟ ผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 คนพวกนั้นทำร้ายเขาด้วยการล่ามโซ่ไว้ที่ข้อเท้า
และใส่ปลอกเหล็กไว้ที่คอของเขา
19 จนกระทั่งสิ่งที่โยเซฟได้ทำนายไว้เป็นจริง
และพระคำของพระยาห์เวห์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพูดถูก
20 แล้วกษัตริย์ก็มีคำสั่งให้ไปนำตัวโยเซฟมาและหักโซ่ตรวนของเขา
ผู้นำชนชาตินั้นก็ปล่อยเขาออกจากคุก
21 กษัตริย์แต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลวัง
และให้เป็นผู้ดูแลจัดการทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด
22 กษัตริย์ให้อำนาจกับโยเซฟอย่างเต็มที่เหนือข้าราชการของเขา
โยเซฟสอนพวกที่ปรึกษาอาวุโสของกษัตริย์
23 หลังจากนั้น อิสราเอลก็เข้ามาอยู่ที่อียิปต์
ยาโคบอยู่อย่างคนต่างด้าวในดินแดนของฮาม[b]
24 พระองค์ทำให้คนของพระองค์ทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล
จนมีจำนวนมากกว่าศัตรูของเขา
25 พระยาห์เวห์เปลี่ยนใจของคนอียิปต์ให้หันมาเกลียดชังคนของพระองค์
และให้พวกเขาพากันวางแผนร้ายต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์
26 แล้วพระองค์ก็ส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์
และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือก
27 พระองค์ให้สองคนนี้ทำการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ให้ชนชาติของพระองค์เห็น
พวกเขาทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ส่งความมืดทึบลงมา
แต่ชาวอียิปต์ก็ไม่ยอมฟังพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำของพวกเขากลายเป็นเลือด
และฆ่าพวกปลาของพวกเขา
30 แผ่นดินของพวกเขามีฝูงกบเต็มไปหมด
ไม่เว้นแม้แต่พวกห้องส่วนตัวของกษัตริย์
31 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง
ฝูงเหลือบก็มา ฝูงริ้นก็รุกล้ำเข้ามาทั่วแผ่นดิน
32 พระองค์ทำให้ฝนของพวกเขากลายเป็นลูกเห็บ
และทำให้เกิดสายฟ้าแลบในแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายไร่องุ่น และต้นมะเดื่อ
พระองค์ทำให้ต้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆไปทั่วเขตแดนของพวกเขา
34 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง พวกตั๊กแตนวัยบินและตั๊กแตนวัยกระโดด
ก็กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
35 พวกตั๊กแตนกินพืชผักทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
และกินพืชผลทั้งหลายจากดินเสียสิ้น
36 แล้วจากนั้น พระองค์ก็ฆ่าลูกชายหัวปีของพวกเขาทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
ลูกที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของพ่อ
37 พระองค์นำพวกอิสราเอลออกไปพร้อมกับเงินและทองไปด้วย
พระองค์ไม่ปล่อยให้มีใครสักคนในพวกเผ่าของพระองค์สะดุดล้ม
38 ชาวอียิปต์ต่างดีใจที่ชาวอิสราเอลออกไปได้
เพราะพวกเขารู้สึกกลัวพวกอิสราเอล
39 พระองค์กางก้อนเมฆของพระองค์ออกปกคลุมอยู่เหนือคนอิสราเอล
และยังให้เพลิงไฟไว้ส่องสว่างในตอนกลางคืน
40 เมื่ออิสราเอลร้องขออาหาร พระองค์ก็นำนกกระทามาให้
นอกจากนั้นพระองค์ก็ยังให้อาหารจากสวรรค์กับพวกเขากินจนอิ่มหนำ
41 พระองค์ตีก้อนหินแตกเป็นช่อง
น้ำก็ไหลพุ่งออกมาสู่แผ่นดินที่แห้งแล้งเหมือนกับแม่น้ำ
42 เพราะพระองค์ระลึกถึงคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ที่ให้ไว้กับอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
43 พระองค์นำชนชาติของพระองค์ออกจากอียิปต์อย่างมีความสุข
คนเหล่านี้ที่พระองค์เลือกมาโห่ร้องด้วยความยินดี
44 แล้วพระองค์ก็มอบแผ่นดินต่างๆของชนชาติอื่นๆให้กับพวกเขา
พวกเขาได้กรรมสิทธิ์ในไร่นาที่คนต่างชาติลงมือลงแรงทำไว้
45 ที่พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์
และรักษาคำสั่งสอนของพระองค์อย่างระมัดระวัง
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International