Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 4-5

อาณาจักรของซาโลมอน

กษัตริย์ซาโลมอนได้ปกครองชนชาติอิสราเอลทั้งหมด และต่อไปนี้คือข้าราชการระดับสูงทั้งหมดของเขา

อาซาริยาห์ลูกชายของศาโดกเป็นนักบวช

เอลีโฮเรฟและอาหิยาห์ลูกชายของชิชา เป็นเลขานุการ

เยโฮชาฟัทลูกชายของอาหิลูดเป็นผู้จดบันทึก

เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา เป็นแม่ทัพ

ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นนักบวช

อาซาริยาห์ลูกชายของนาธัน เป็นหัวหน้าดูแลพวกผู้ว่าการเขตต่างๆ

ศบุดลูกชายของนาธันเป็นนักบวชและเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์

อาหิชาร์ทำหน้าที่ดูแลภายในวัง

อาโดนีรัมลูกชายของอับดาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่ถูกเกณฑ์มา

ซาโลมอนยังมีผู้ว่าการเขตต่างๆอีกสิบสองคน ทำหน้าที่ดูแลชนชาติอิสราเอลทั้งหมด ซึ่งพวกเขาจะช่วยเหลือในการจัดหาเสบียงอาหารให้กับกษัตริย์และครอบครัวกษัตริย์ทั้งหมด ผู้ว่าการแต่ละคนจะต้องจัดส่งเสบียงอาหารมาให้หนึ่งเดือนในหนึ่งปี และต่อไปนี้คือชื่อของพวกเขา

เบนเฮอร์ เป็นผู้ว่าอยู่ในแถบเนินเขาเอฟราอิม

เบนเดเคอร์ เป็นผู้ว่าสำหรับ มาคาส ชาอัลบิม เบธเชเมชและเอโลน-เบธฮานัน

10 เบนเฮเสด เป็นผู้ว่าใน อารุบโบท (โสโคห์และแผ่นดินเฮเฟอร์ทั้งหมดอยู่ใต้อำนาจเขา)

11 เบนอาบีนาดับ เป็นผู้ว่าใน นาฟาทโดร์ (เขาแต่งงานกับทาฟัทลูกสาวของซาโลมอน)

12 บาอานาลูกชายของอาหิลูด เป็นผู้ว่าในทาอานาคเมกิดโดและเบธชานทั้งหมดซึ่งอยู่ถัดจากศาเรธานและอยู่ทางด้านใต้ของยิสเรเอล และตั้งแต่เบธชานถึงอาเบลเมโฮลาห์เลยไปถึงอีกฝากหนึ่งของโยกเมอัม

13 เบนเกเบอร์ เป็นผู้ว่าใน ราโมทกิเลอาด (ยาอีร์ลูกชายของมนัสเสห์ที่ได้ตั้งรกรากอยู่ในกิเลอาดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา รวมทั้งเขตอารโกบในบาชานและเมืองอีกหกสิบเมืองในนั้นที่มีกำแพงสูงใหญ่และมีดานประตูที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ด้วย)

14 อาหินาดับลูกชายของอิดโด เป็นผู้ว่าในมาหะนาอิม

15 อาหิมาอัส เป็นผู้ว่าในนัฟทาลี (เขาได้แต่งงานกับบาเสมัทลูกสาวของซาโลมอน)

16 บาอานาลูกชายของหุชัย เป็นผู้ว่าในอาเชอร์และเบอาโลท

17 เยโฮชาฟัทลูกชายของปารูอาห์ เป็นผู้ว่าในอิสสาคาร์

18 ชิเมอีลูกชายของเอลา เป็นผู้ว่าในเบนยามิน

19 เกเบอร์ลูกชายของอุรี เป็นผู้ว่าในแผ่นดินกิเลอาด (ซึ่งเคยเป็นของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์และกษัตริย์โอกของบาชาน) เขาเป็นผู้ว่าการเพียงคนเดียวที่ปกครองเขตนั้น

20 ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลมีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนเม็ดทรายบนหาดทราย พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุข และมีกินมีดื่มกันอย่างเหลือเฟือ

21 ซาโลมอนได้ปกครองเหนือพวกอาณาจักรทั้งสิ้น ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินของชาวฟีลิสเตียและไปจนสุดเขตแดนของประเทศอียิปต์ ประเทศเหล่านี้ได้ส่งส่วย[a] และอยู่ภายใต้อำนาจของซาโลมอนตลอดชีวิตของซาโลมอน[b]

22 เสบียงอาหารที่ซาโลมอนกับทุกคนในวังจะต้องใช้กินกันในแต่ละวัน คือ

แป้งอย่างดีสามสิบโคเร[c]

แป้งหยาบหกสิบโคเร[d]

23 วัวที่เลี้ยงในคอกสัตว์จนอ้วนพีสิบตัว

วัวที่เลี้ยงในทุ่งหญ้ายี่สิบตัว

แกะหนึ่งร้อยตัว

รวมทั้งกวาง เนื้อทรายและละมั่งตัวผู้[e] อีกหลายตัว และสัตว์ปีกที่ขุนไว้แล้ว

24 ซาโลมอนปกครองอยู่เหนือแผ่นดินทั้งหมดและเหนือกษัตริย์ทั้งหลายที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส จากทิฟสาห์ไปจนถึงกาซา และมีสันติภาพอยู่รอบด้าน 25 ตลอดช่วงชีวิตของซาโลมอน ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลตั้งแต่ดานจนถึงเบเออร์เชบา ทุกคนต่างมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย นั่งอยู่ใต้เถาองุ่นและต้นมะเดื่อของตน

26 ซาโลมอนมีคอกขังม้าแต่ละตัวอยู่สี่พัน[f] คอก เป็นม้าสำหรับลากรถรบ และมีทหารบนรถม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันคน 27 ผู้ว่าของแต่ละเขต เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจัดส่งเสบียงอาหารให้กษัตริย์และคนทั้งหมดที่นั่งกินร่วมโต๊ะกับกษัตริย์ พวกเขาต่างก็ส่งเสบียงมาตามเดือนของตน และไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย 28 พวกเขายังได้นำข้าวบาร์เลย์และฟางสำหรับพวกม้าลากรถรบและพวกม้าอื่นๆไปเก็บไว้ตามสถานที่ของมัน

ความเฉลียวฉลาดของซาโลมอน

29 พระเจ้าได้ให้ซาโลมอนมีความเฉลียวฉลาดและการมองที่ทะลุปรุโปร่งและมีความเข้าใจมากมายเหมือนกับเม็ดทรายบนชายหาด 30 ความเฉลียวฉลาดของซาโลมอนนั้นเหนือกว่าความฉลาดของทุกคนในฝั่งตะวันออก และเหนือกว่าความเฉลียวฉลาดทั้งสิ้นของคนในประเทศอียิปต์ 31 เขาฉลาดกว่าใครๆทั้งหมด แม้แต่เอธานชาวเอสราห์ หรือพวกลูกชายของมาโฮล คือเฮมาน คาลโคล์ และดารดา ชื่อเสียงของซาโลมอนได้เลื่องลือไปทั่วทุกชาติที่อยู่ล้อมรอบ 32 เขาได้พูด คำสุภาษิต ไว้ถึงสามพันข้อ และบทเพลงต่างๆของเขาก็มีจำนวนถึงหนึ่งพันกับห้าเพลง

33 ซาโลมอนได้บรรยายถึงชีวิตของพืช ตั้งแต่ต้นสนซีดาร์ของเลบานอนไปจนถึงต้นหุสบที่งอกออกมาจากกำแพงต่างๆ เขายังสอนเกี่ยวกับพวกสัตว์และนก สัตว์เลื้อยคลาน[g] และปลา 34 คนจากทุกชาติต่างก็มาฟังความเฉลียวฉลาดของซาโลมอน ซึ่งคนเหล่านี้ถูกส่งมาจากกษัตริย์ทั่วโลกที่ได้ข่าวเกี่ยวกับความเฉลียวฉลาดของเขา

ซาโลมอนเตรียมวัตถุสร้างวิหาร

(2 พศด. 2:1-18)

เมื่อฮีรามกษัตริย์ของเมืองไทระได้ยินว่าซาโลมอนได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพ่อของเขา กษัตริย์ฮีรามจึงได้ส่งทูตของเขาไปหาซาโลมอน เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีของดาวิดตลอดมา ซาโลมอนจึงได้ส่งข้อความนี้มาถึงฮีรามว่า

“ท่านก็รู้ว่าดาวิดพ่อของข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะสร้างวิหารเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาได้ เพราะต้องคอยสู้รบกับพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบเขา จนกระทั่งพระยาห์เวห์ได้ปราบพวกศัตรูให้อยู่ใต้เท้าของเขา แต่ตอนนี้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ให้ข้าพเจ้าหยุดพักจากสงครามแล้วในทุกๆด้าน และไม่มีการต่อสู้หรือความหายนะใดๆอีก

ข้าพเจ้าจึงตั้งใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ตามที่พระยาห์เวห์ได้เคยบอกไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า ‘ลูกชายของเจ้าคนที่เราจะให้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์แทนเจ้านั้น จะเป็นผู้สร้างวิหารเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา’ อย่างนั้น ช่วยสั่งคนให้ตัดต้นสนซีดาร์ของเลบานอนไว้ให้กับข้าพเจ้าด้วย คนของข้าพเจ้าจะทำงานร่วมกับคนของท่าน และข้าพเจ้าจะจ่ายเงินให้กับท่านสำหรับคนของท่าน ตามจำนวนค่าจ้างที่ท่านกำหนดมา ท่านก็รู้ว่าข้าพเจ้าไม่มีคนที่มีความชำนาญในการตัดไม้[h] เหมือนกับชาวซีโดน”

เมื่อฮีรามได้ยินข้อความของซาโลมอน ก็รู้สึกพอใจอย่างมากและพูดว่า “วันนี้ เราขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ให้ลูกชายที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งกับดาวิดเพื่อที่จะปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้” ฮีรามได้ส่งข้อความไปถึงซาโลมอนว่า

“เราได้รับข้อความที่ท่านส่งถึงเราแล้ว และจะทำตามทุกอย่างที่ท่านต้องการ เราจะจัดหาไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบให้กับท่าน บรรดาคนของเราจะชักลากไม้เหล่านี้ลงมาจากเลบานอนไปที่ทะเล และเราจะเอาไม้เหล่านี้ผูกรวมกันล่องเป็นแพไปตามทะเลจนถึงสถานที่ที่ท่านกำหนดไว้ และที่นั่นเราจะแยกพวกมันออก และท่านก็สามารถเอามันไปได้ ท่านสามารถตอบแทนเราได้ ด้วยการส่งเสบียงอาหารให้กับคนในวังของเรากินกัน”

10 ฮีรามจึงได้จัดส่งไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบให้กับซาโลมอนตามที่เขาต้องการทุกอย่าง 11 ซาโลมอนก็ได้ให้แป้งสาลีสี่ล้านสี่แสนลิตร[i] เป็นอาหารให้กับคนในวังของฮีราม และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สี่แสนสี่หมื่นลิตร[j] ซาโลมอนทำอย่างนี้ให้กับฮีรามปีแล้วปีเล่า

12 พระยาห์เวห์ให้ความเฉลียวฉลาดกับซาโลมอน ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับเขา ฮีรามและซาโลมอนก็ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรต่อกันและอยู่กันอย่างสันติ

13 กษัตริย์ซาโลมอนได้เกณฑ์พวกแรงงานมาจากทั่วทั้งอิสราเอลรวมสามหมื่นคน 14 เขาได้ส่งคนเหล่านั้นออกไปที่เลบานอนโดยแบ่งเวรกันไป เวรละหนึ่งหมื่นคนต่อเดือน เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในเลบานอนหนึ่งเดือนและได้อยู่ที่บ้านของพวกเขาสองเดือน อาโดนีรัมทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมคนงาน 15 ซาโลมอนมีคนแบกหามอยู่เจ็ดหมื่นคนและมีคนตัดหินแปดหมื่นคนที่ทำงานอยู่ในแถบเนินเขา 16 มีหัวหน้าคนงานอีกสามพันสามร้อยคนที่ทำหน้าที่ดูแลงานในโครงการและคอยสั่งงานคนงาน 17 กษัตริย์ซาโลมอนได้สั่งให้พวกเขาตัดหินก้อนใหญ่ๆที่มีราคาแพงออกมาจากเหมืองหิน เพื่อใช้หินที่ตกแต่งแล้วนี้วางเป็นฐานรากของวิหาร 18 ช่างแกะสลักของซาโลมอนและฮีรามและคนจากเกบาล[k] ต่างตัดแต่งไม้และหินเพื่อนำมาสร้างเป็นวิหาร

เอเฟซัส 2

จากความตายไปสู่ชีวิต

เมื่อก่อนพวกคุณตายไปแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำบาป พวกคุณเคยใช้ชีวิตตามทางชั่วของโลกนี้ ตามผู้มีอำนาจในย่านฟ้าอากาศซึ่งเป็นวิญญาณที่กำลังทำงานอยู่ภายในตัวของคนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ครั้งหนึ่งพวกเราทุกคนก็เคยใช้ชีวิตอย่างคนพวกนั้นเหมือนกัน คือชอบทำตามกิเลสตัณหาของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสนั้น ซึ่งโดยสันดานของเราแล้ว เราก็สมควรที่จะถูกลงโทษเหมือนพวกเขานั่นแหละ

แต่พระเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา เพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อเรา พระองค์จึงให้เรามีชีวิตอยู่คู่กับพระคริสต์ ทั้งๆที่เราเคยตายไปแล้ว เพราะไม่เชื่อฟัง (ที่พวกคุณรอดนั้น ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า) พระเจ้าทำให้พวกเราฟื้นขึ้นจากความตายด้วยกันกับพระคริสต์ และให้เรานั่งกับพระคริสต์บนบัลลังก์ในโลกฝ่ายวิญญาณ ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทำอย่างนี้ เพื่อแสดงให้ยุคต่อๆไปได้เห็นความเมตตากรุณาที่พระองค์ให้กับเรา เป็นความเมตตากรุณาอันมหาศาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเรามีส่วนในพระเยซูคริสต์ ที่พวกคุณรอดนั้นเป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ผ่านมาทางความเชื่อของคุณ ไม่ได้มาจากตัวของคุณเอง แต่เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า มันไม่ได้เป็นผลมาจากการกระทำของใคร เพื่อจะได้ไม่มีใครโอ้อวดได้ 10 เพราะเราเป็นผลงานของพระเจ้าที่พระองค์สร้างผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ เพื่อให้เราทำสิ่งดีๆที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วให้เราทำ

ความเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์

11 คุณไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิว พวกคนยิวที่เรียกตัวเองว่า “พวกเข้าพิธีขลิบ” ก็ได้เรียกพวกคุณว่า “พวกไม่ได้เข้าพิธีขลิบ” 12 จำไว้ว่า ในตอนนั้น พวกคุณยังไม่มีพระคริสต์ ไม่ได้รวมอยู่ในชุมชนชาวอิสราเอล และไม่มีส่วนร่วมในข้อตกลงต่างๆที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ คุณใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แบบไม่มีความหวัง และไม่มีพระเจ้า 13 เมื่อก่อนพวกคุณอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้พระเจ้าได้นำคุณเข้ามาใกล้พระองค์ โดยเลือดของพระเยซูคริสต์ 14 พระคริสต์ทำให้เกิดสันติภาพขึ้นระหว่างเรา พระองค์ทำให้คนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวกลายเป็นพวกเดียวกัน และโดยความตายของพระองค์ พระองค์ได้ทำลายกำแพงแห่งความเกลียดชังที่แบ่งแยกเราลง 15 พระองค์ได้ล้มเลิกกฎเกณฑ์และกฎข้อปฏิบัติต่างๆของโมเสส เพื่อจะสร้างสันติภาพขึ้นมา ด้วยการนำเอาคนสองฝ่ายมาสร้างเป็นคนใหม่ขึ้นในพระองค์ 16 พระองค์ได้ทำลายความเป็นศัตรูกันของคนสองฝ่าย และทำให้เขากลับมาคืนดีกันกับพระเจ้าในกายเดียวกัน ผ่านทางความตายของพระคริสต์บนไม้กางเขน 17 ดังนั้นพระองค์จึงมาประกาศข่าวดีเรื่องสันติภาพนี้กับพวกที่อยู่ห่างไกลพระเจ้า (คือพวกคุณที่ไม่ใช่ยิว) และกับคนยิวที่อยู่ใกล้พระเจ้าด้วย 18 เพราะโดยทางพระคริสต์พวกเราทั้งสองฝ่าย ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ชิดพระบิดาผ่านทางพระวิญญาณองค์เดียวกัน

19 ผลที่ตามมาก็คือ พวกคุณไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าและไม่ได้เป็นคนต่างด้าวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพลเมืองเดียวกันกับคนของพระเจ้า และเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าด้วย 20 พวกคุณคืออาคารที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา รากฐานของอาคารนี้เป็นพวกศิษย์เอกของพระเยซู และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และมีพระเยซูคริสต์เป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด 21 ในพระคริสต์นั้น ทุกส่วนของอาคารถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน และเจริญขึ้นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้กับองค์เจ้าชีวิต 22 ในพระคริสต์นั้น พวกคุณกำลังถูกก่อขึ้นมาด้วยกันกับคนอื่นๆให้เป็นที่อยู่ของพระวิญญาณของพระเจ้า

เอเสเคียล 35

พระยาห์เวห์พูดต่อต้านภูเขาเสอีร์แห่งเอโดม

35 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าของเจ้าไปทางภูเขาเสอีร์ ให้พูดแทนเราต่อต้านมัน และบอกมันว่า

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
ภูเขาเสอีร์ เราต่อต้านเจ้า
    เราจะยื่นมือของเราออกตีเจ้าและทำให้เจ้ารกร้างว่างเปล่า
เราจะเปลี่ยนเมืองต่างๆของเจ้าให้กลายเป็นซากปรักหักพัง
    เจ้าจะรกร้าง
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
เพราะเจ้าได้เกลียดอิสราเอลตั้งแต่ยุคโบราณ
และมอบชาวอิสราเอลให้ถูกฆ่า
    ในช่วงที่พวกเขาเผชิญกับความหายนะ
    ในช่วงที่การลงโทษของพวกเขาได้มาถึงจุดสุดยอด’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะมอบพวกเจ้าไปสู่การนองเลือด และมันจะไล่ตามพวกเจ้าไป พวกเจ้าไม่เกลียดการนองเลือด อย่างนั้นการนองเลือดจะไล่ตามพวกเจ้าไป เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและจะไม่ให้มีใครเดินทางผ่านไปมาที่นั่น เราจะทำให้เทือกเขาของพวกเจ้าเต็มไปด้วยซากศพที่ถูกฆ่า

พวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบจะล้มลงตามพวกเนินเขา หุบเขาและในธารน้ำที่เหือดแห้งของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเป็นที่รกร้างตลอดไป เมืองต่างๆของเจ้าจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

10 เป็นเพราะเจ้าได้พูดว่า ‘ชนชาติอิสราเอลและยูดาห์ ประเทศทั้งสอง[a] นี้จะตกเป็นของเรา และเราจะยึดพวกมันไว้’ ทั้งๆที่ เรา ยาห์เวห์จะอยู่ที่นั่นก็ตาม” 11 ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะทำกับเจ้าให้สาสมกับความโกรธและความอิจฉาที่เจ้าได้แสดงออกด้วยความเกลียดชังต่อพวกเขา การที่เราจัดการกับเจ้าอย่างนี้ เราจะทำให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในหมู่คนอิสราเอล 12 แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้ยินสิ่งต่างๆที่พวกเจ้าพูดดูถูกเทือกเขาของอิสราเอลไว้ เจ้าพูดว่า ‘พวกมันถูกทิ้งให้ร้างและถูกมอบให้พวกเรากลืนกิน’ 13 เจ้าคุยโม้โอ้อวดทับถมเรา และพูดต่อต้านเราอย่างไม่ยั้งคิด และเราก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด”

14 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “โลกทั้งโลกจะเฉลิมฉลองรื่นเริงกัน เพราะเราได้ทำให้เจ้ารกร้างว่างเปล่า 15 เพราะเจ้าเฉลิมฉลองรื่นเริงกัน ตอนที่ดินแดนของชาวอิสราเอลกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ภูเขาเสอีร์และเอโดมทั้งหมด ทั้งหมดเลย เราจะทำกับเจ้าอย่างนั้น เจ้าจะต้องรกร้างว่างเปล่า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

สดุดี 85

โปรดให้เรามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์แสดงความชอบต่อแผ่นดินของพระองค์
    และทำให้คนของยาโคบกลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม
พระองค์อภัยให้กับความผิดของคนของพระองค์
    และกลบเกลื่อนความบาปทั้งหมดของพวกเขา เซลาห์

พระองค์ถอนความโกรธทั้งหมดของพระองค์ไป
    พระองค์กลับหันหลังให้กับความเดือดดาลของพระองค์
ตอนนี้ พระเจ้า องค์เจ้าชีวิตของพวกเรา โปรดช่วยให้เรากลับไปมีสภาพดีเหมือนเดิม
    หยุดโกรธเคืองพวกเราด้วยเถิด
พระองค์จะเกรี้ยวกราดพวกเราอยู่อย่างนี้ไปตลอดหรือ
    พระองค์จะกริ้วโกรธไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานหรือ
พระองค์จะให้ชีวิตใหม่กับเราอีกครั้ง ใช่ไหม
    แล้วคนของพระองค์จะได้มีความสุขในพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อพวกเรา
    และช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิด

ข้าพเจ้าจะฟังสิ่งที่พระเจ้าพูด
    แน่นอน พระยาห์เวห์จะสัญญาให้คนที่จงรักภักดีต่อพระองค์อยู่เย็นเป็นสุข
    แต่พวกเขาจะต้องไม่หันกลับไปทำเรื่องโง่ๆของพวกเขาอีก
ในไม่ช้าพระองค์จะช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์อย่างแน่นอน
    และแผ่นดินของเราจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระองค์

10 ความรักมั่นคงของพระเจ้าและความสัตย์ซื่อของพระองค์จะมาพบกัน
    ความชอบธรรมและสันติสุขของพระองค์จะมาจูบกัน
11 ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะงอกขึ้นมาจากแผ่นดิน
    และความดีงามของพระองค์จะมองลงมาจากฟ้าสวรรค์
12 พระยาห์เวห์เองจะให้สิ่งดีๆกับพวกเรา
    และแผ่นดินของเราก็จะผลิตผลของมัน
13 ความชอบธรรมจะเดินอยู่เบื้องหน้าพระองค์
    และจัดเตรียมทางให้กับเท้าของพระองค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International