M’Cheyne Bible Reading Plan
ราชินีแห่งเชบามาเยี่ยมซาโลมอน
(2 พศด. 9:1-28)
10 เมื่อราชินีแห่งเชบาได้ยินถึงชื่อเสียงของซาโลมอน ที่นำเกียรติยศมาให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ นางก็ได้มาทดสอบเขาด้วยคำถามยากๆมากมาย 2 นางมาถึงเมืองเยรูซาเล็มพร้อมกับข้าราชการมากมายของนาง มีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศชนิดต่างๆ ทองคำเป็นอันมาก รวมทั้งพลอยมีค่า นางได้มาหาซาโลมอนและได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจนางกับเขา 3 ซาโลมอนตอบคำถามของนางได้หมด ไม่มีสักข้อที่ยากเกินไปจนเขาไม่สามารถอธิบายให้กับนางได้ 4 เมื่อราชินีแห่งเชบาได้เห็นความฉลาดหลักแหลมของซาโลมอน รวมทั้งวังที่เขาได้สร้างขึ้นมา 5 ตลอดจนอาหารต่างๆบนโต๊ะของเขา ที่นั่งของพวกเจ้าหน้าที่ของเขา พวกผู้รับใช้ของเขาที่สวมเสื้อคลุมยาวที่ยืนคอยรับใช้อยู่ พวกผู้ถือถ้วยของเขาและเครื่องเผาบูชาทั้งหลายที่เขาถวายอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ นางก็รู้สึกตกตะลึงจนลืมหายใจ
6 นางพูดกับกษัตริย์ว่า “ข่าวที่เราได้ยินตอนอยู่ประเทศของเราเกี่ยวกับความสำเร็จต่างๆและความเฉลียวฉลาดของท่านล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น 7 แต่เราไม่เคยเชื่อสิ่งเหล่านี้มาก่อน จนกระทั่งเราได้มาเห็นกับตาของเราเอง อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เราได้ยินมา ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเฉลียวฉลาดหรือความร่ำรวยของท่าน ท่านก็ยังมีมากกว่าข่าวที่เราได้ยินมา 8 พวกภรรยาของท่าน[a]นี่ช่างได้เกียรติจริงๆ พวกเจ้าหน้าที่ของท่านนี่ช่างได้เกียรติจริงๆ ผู้ที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าท่านตลอดเวลา และได้ฟังสติปัญญาของท่าน 9 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ผู้ที่ได้ชื่นชมในตัวท่านและได้วางท่านไว้บนบัลลังก์ของอิสราเอล เป็นเพราะความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพระยาห์เวห์ต่ออิสราเอล พระองค์จึงทำให้ท่านได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อรักษาความยุติธรรมและความถูกต้องไว้”
10 และนางก็ได้ให้ทองคำหนักสี่พันหนึ่งร้อยสี่สิบกิโลกรัม[b] เครื่องเทศจำนวนมาก และพลอยต่างๆให้กับกษัตริย์ และไม่เคยมีการนำเครื่องเทศเข้ามามากมายเท่ากับที่ราชินีแห่งเชบาได้นำเข้ามาให้กษัตริย์ซาโลมอนในครั้งนี้อีกเลย
11 (กองกำปั่นเรือของฮีรามได้นำทองคำมาจากโอฟีร์ และจากที่นั่น เขาได้นำไม้จันทน์แดง[c] บรรทุกกลับมาด้วยหลายลำเรือและเพชรพลอยอีกมากมาย 12 กษัตริย์ได้ใช้ไม้แก่นจันทน์แดงทำเสาสำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ และวังของเขา แล้วยังเอาไม้แก่นจันทน์แดงไปทำเป็นพิณเล็ก และพิณใหญ่ให้กับพวกนักร้อง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีใครนำไม้แก่นจันทน์แดงเข้ามา หรือเห็นมากมายอย่างนี้อีกเลย)
13 กษัตริย์ซาโลมอนได้ให้ของทุกอย่างกับราชินีเชบาตามที่อยากได้หรือขอ นอกเหนือจากของขวัญที่กษัตริย์ให้กับนางอยู่แล้ว แล้วนางก็จากไปและกลับไปประเทศของนางพร้อมกับพวกข้าราชการของนาง
14 ทองคำที่ซาโลมอนได้รับมาแต่ละปีมีน้ำหนักประมาณยี่สิบสามตัน[d] 15 ยังไม่รวมรายได้[e] ที่ได้มาจากพวกพ่อค้าและจากการค้าขายต่างๆ และจากพวกกษัตริย์ของอาระเบียและพวกผู้ว่าการทั้งหลายในแผ่นดินนั้น
16 กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างโล่ขนาดใหญ่จำนวนสองร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้ว โดยใช้ทองคำหนักประมาณเจ็ดกิโลกรัม[f] ต่อโล่หนึ่งอัน 17 เขายังได้สร้างโล่ขนาดเล็กสามร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้ว โดยใช้ทองคำประมาณเกือบสองกิโลกรัม[g] ต่อโล่หนึ่งอัน กษัตริย์ซาโลมอนได้นำโล่เหล่านี้ไปวางไว้ในวังที่มีชื่อเรียกว่า “ป่าของเลบานอน”
18 แล้วกษัตริย์ก็ได้สร้างบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ฝังงาช้างและบุด้วยทองคำอย่างดี 19 บัลลังก์นี้มีบันไดหกขั้นและที่พนักพิงมียอดกลม มีที่วางแขนอยู่ที่ด้านข้างทั้งสองข้าง โดยมีสิงห์ยืนอยู่ข้างละหนึ่งตัว 20 และยังมีสิงห์อีกสิบสองตัวซึ่งแต่ละตัวยืนอยู่ที่ปลายสุดทั้งสองข้างของบันไดแต่ละขั้น บันไดมีทั้งหมดหกขั้น ไม่มีอาณาจักรไหนมีของอย่างนี้เลย 21 ถ้วยเครื่องดื่มของซาโลมอนทุกใบล้วนทำจากทองคำ และเครื่องเรือน[h] ทุกอย่างในวังแห่งป่าของเลบานอนก็ทำจากทองคำบริสุทธิ์ทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ทำขึ้นจากเงิน เพราะในยุคของซาโลมอนนั้นเงินแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
22 กษัตริย์มีกองเรือกำปั่นซึ่งแล่นอยู่ในทะเลร่วมกับกองเรือของกษัตริย์ฮีราม กองเรือนี้จะกลับมาสามปีครั้งโดยจะบรรทุกทองคำ เงินและงาช้างรวมทั้งลิงใหญ่และลิงบาบูนมาด้วย
23 กษัตริย์ซาโลมอนล้ำหน้ากษัตริย์ทุกองค์ในโลกนี้ ในเรื่องความร่ำรวยและความเฉลียวฉลาด 24 โลกทั้งโลกต่างพากันมาขอเข้าพบซาโลมอน เพื่อที่จะได้ฟังความเฉลียวฉลาดของเขาที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในใจของเขา 25 ปีแล้วปีเล่า ทุกๆคนที่มาต่างก็นำของขวัญมาให้เขา ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทองคำ เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องเทศ ม้าหรือล่อ
26 กษัตริย์ซาโลมอนได้สะสมรถรบและม้าไว้มากมาย เขามีรถรบอยู่หนึ่งพันสี่ร้อยคันและมีม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันตัว เขาได้เก็บรักษาพวกมันไว้ตามเมืองต่างๆที่เขาได้สร้างขึ้นมา และได้เก็บไว้ในเมืองเยรูซาเล็มกับเขาด้วย 27 กษัตริย์ได้ทำให้เงินมีมากมายในเมืองเยรูซาเล็มเหมือนก้อนหิน และทำให้ไม้สนซีดาร์มีอย่างเกลื่อนกลาดเหมือนกับไม้มะเดื่อตามเชิงเขา 28 พวกม้าของกษัตริย์ซาโลมอนก็เป็นม้านำเข้าจากอียิปต์และจากเมืองคูเอ โดยพวกพ่อค้าของกษัตริย์เป็นผู้ซื้อพวกม้าเหล่านั้นมาจากเมืองคูเอ 29 รถรบสามารถนำเข้ามาได้จากอียิปต์ เป็นเงินหนักเกือบเจ็ดกิโลกรัม ต่อคัน และม้าเป็นเงินหนักเกือบสองกิโลกรัม และพวกเขาก็ได้ส่งพวกม้าและรถรบออกไปขายต่อให้กับพวกกษัตริย์ของชาวฮิตไทต์และกษัตริย์ของชาวอารัม ผ่านทางพ่อค้าของกษัตริย์ซาโลมอน
1 จากเปาโลและทิโมธี พวกทาสของพระเยซูคริสต์
ถึงคนของพระเจ้าทุกคนที่มีส่วนร่วมในพระเยซูคริสต์ในเมืองฟีลิปปี รวมทั้งพวกผู้ดูแล และพวกผู้รับใช้พิเศษ[a]
2 ผมขอพระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้าให้ความเมตตาและให้สันติสุขกับพวกคุณด้วยเถิด
คำอธิษฐานของเปาโล
3 ผมขอบคุณพระเจ้าของผมทุกครั้งที่ผมคิดถึงพวกคุณ 4 ผมดีใจตลอดเวลาที่ผมอธิษฐานขอพระเจ้าให้กับคุณทุกคน 5 ผมดีใจเพราะพวกคุณได้ร่วมประกาศข่าวดีกับผม ตั้งแต่วันแรกที่คุณเชื่อจนถึงเดี๋ยวนี้ 6 พระเจ้าได้เริ่มต้นการงานที่ดีในพวกคุณ และผมแน่ใจว่าพระองค์จะทำงานนี้ต่อไปจนกว่าจะสำเร็จในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา
7 สมควรแล้วที่ผมจะคิดอย่างนี้กับพวกคุณทุกคน เพราะคุณอยู่ในใจผม เพราะคุณคอยสนับสนุนงานของพระเจ้าที่พระองค์ให้ผมทำ ทั้งเวลาที่ผมติดคุกอยู่และเวลาที่ผมแก้ตัวเพื่อพระองค์และพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับข่าวดีนี้ 8 พระเจ้าเป็นพยานได้ ผมคิดถึงพวกคุณทุกคนมากๆ ผมรักคุณเหมือนกับที่พระเยซูคริสต์รักคุณ
9 ผมอธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณมีความรักอย่างเปี่ยมล้น ด้วยความรู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเข้าใจว่าจะทำอย่างไรในทุกๆสถานการณ์ 10 เพื่อคุณจะได้เลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด และจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดบาปในวันที่พระคริสต์กลับมา 11 คุณจะได้เต็มไปด้วยความดีงามที่มาจากฤทธิ์อำนาจที่พระเยซูคริสต์ให้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติและคำสรรเสริญ
ปัญหาของเปาโลในการประกาศ
12 พี่น้องครับ ผมอยากให้คุณรู้ว่าเหตุการณ์ร้ายที่ได้เกิดขึ้นกับผมนี้ ความจริงแล้วได้ช่วยทำให้ข่าวดีแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น 13 ตอนนี้ ทหารรักษาวังของจักรพรรดิโรมัน รวมทั้งคนอื่นๆทุกคนที่นี่รู้ว่าผมถูกล่ามโซ่อยู่นี้ก็เพื่อพระคริสต์ 14 นอกจากนั้นการที่ผมติดคุกทำให้พี่น้องส่วนใหญ่ที่นี่พึ่งความช่วยเหลือขององค์เจ้าชีวิตมากขึ้น พวกเขามีใจกล้ามากขึ้นที่จะประกาศเรื่องพระคริสต์อย่างไม่กลัวใคร
15 จริงอยู่บางคนประกาศเรื่องของพระคริสต์ เพราะอิจฉาและอยากชิงดีชิงเด่น แต่ก็มีคนที่ประกาศเพราะความหวังดีด้วยเหมือนกัน 16-17 พวกแรกนั้นประกาศเพราะอยากชิงดีชิงเด่นกับผม และเพราะมีความตั้งใจที่ไม่ดี คือพวกเขาคิดว่าจะเพิ่มความทุกข์ให้กับผมในระหว่างที่ผมยังติดคุกอยู่ แต่คนอื่นๆนั้นประกาศเพราะความรัก พวกเขารู้ว่าพระเจ้าให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องข่าวดีอันนั้น
18 อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะทำเพราะมีแรงจูงใจที่ผิดหรือทำเพราะหวังดี สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องพระคริสต์ก็ได้ประกาศออกไปอยู่ดี ซึ่งทำให้ผมดีใจ ใช่แล้ว ผมจะยังดีใจต่อไปอีก 19 เพราะรู้ว่าทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับผมนี้จะนำผมไปถึงความรอดโดยคำอธิษฐานของคุณและโดยพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าได้ให้กับผม 20 ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผมคาดหวังอย่างยิ่งว่า ผมจะไม่ต้องอับอายในเรื่องอะไรเลย แต่จะกล้าหาญมาก (เหมือนกับที่เคยกล้าหาญมาตลอด) และพระเยซูคริสต์จะได้รับเกียรติเพราะตัวผม ไม่ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือจะตายก็ตาม 21 ในความคิดของผม จะอยู่ก็อยู่เพื่อพระคริสต์ ถ้าจะตายก็ถือว่าได้กำไร[b] 22 แต่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมก็จะทำงานให้เป็นประโยชน์ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี 23 สองทางนี้มันเลือกยากมาก จริงๆแล้วผมอยากจะตายและไปอยู่กับพระคริสต์ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดีกว่ามาก 24 แต่มันจะดีกว่าสำหรับพวกคุณ ที่ผมจะอยู่ในร่างนี้ต่อไป 25 เมื่อผมมั่นใจอย่างนี้ ผมจึงรู้ว่าผมจะอยู่ต่อไปเพื่อช่วยคุณทุกคนให้เจริญขึ้นและมีความสุขกับความเชื่อที่คุณมี 26 ดังนั้น คุณก็จะยกย่องพระเยซูคริสต์เพราะเรื่องของผม เมื่อผมกลับมาอยู่กับคุณอีกครั้งหนึ่ง
27 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสอดคล้องกับข่าวดีของพระคริสต์ แล้วไม่ว่าผมจะมาเจอคุณหรือแค่ได้ฟังข่าวคราวของคุณ ผมจะได้รู้ว่าคุณได้ตั้งมั่นคงอยู่ในพระวิญญาณองค์เดียวกัน และได้ต่อสู้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อความเชื่อที่เกิดมาจากข่าวดีนั้น 28 แล้วคุณก็จะไม่กลัวคนที่ต่อต้านคุณเลยสักนิดเดียว เพราะความเป็นหนึ่งเดียวและความกล้าของคุณ จะทำให้เห็นว่าพวกมันจะถูกทำลาย แต่พวกคุณจะได้รับความรอด ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากพระเจ้า 29 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะพระเจ้าไม่ได้ให้คุณมีสิทธิ์แค่มาเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น แต่ให้มาทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย 30 ตอนนี้พวกคุณกำลังต่อสู้ เหมือนกับที่คุณเคยเห็นผมต้องต่อสู้มาก่อน และยังได้ยินอีกว่าผมก็กำลังต่อสู้อยู่เดี๋ยวนี้ด้วย
วิหารหลังใหม่
40 ในปีที่ยี่สิบห้าหลังจากที่พวกเราถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย[a] ในช่วงต้นปี ตรงกับวันที่สิบของเดือน[b] ซึ่งเป็นสิบสี่ปีหลังจากที่เมืองเยรูซาเล็มล่มสลาย ในวันนั้นเองมือของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่บนตัวผม และพระองค์ได้พาผมไปที่นั่น
2 ในนิมิตจากพระเจ้า พระองค์ได้พาผมไปที่แผ่นดินอิสราเอล และวางผมลงบนภูเขาที่สูงลิบลิ่ว มีหมู่ตึกตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขานั้น ซึ่งดูเหมือนกับเป็นเมืองเมืองหนึ่ง 3 พระองค์พาผมไปที่นั่น และผมได้เห็นชายผู้หนึ่ง เขาดูเหมือนทองสัมฤทธิ์ เขายืนอยู่ที่ประตู ในมือถือเชือกลินินไว้เส้นหนึ่ง กับไม้สำหรับวัดความยาว 4 ชายคนนั้นพูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้มองดูด้วยตาของเจ้า ฟังด้วยหูของเจ้า และให้ความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากำลังจะแสดงให้เจ้าดูนี้ เพราะที่เอาตัวเจ้ามาก็เพื่อให้เห็นสิ่งเหล่านี้ ให้บอกกับครอบครัวของชาวอิสราเอลทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็น”
5 ผมได้เห็นกำแพงที่ล้อมรอบบริเวณวิหาร
ไม้วัดในมือของชายผู้นั้นมีความยาวหกศอก
แต่ละศอกยาวเท่ากับหนึ่งศอกกับอีกหนึ่งฝ่ามือ[c] เขาได้วัดกำแพงนั้น มันมีความหนาเท่ากับหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด[d]
6 แล้วชายผู้นั้นได้ไปที่ประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เขาขึ้นบันไดและไปวัดธรณีประตู มันลึกเข้าไปหนึ่งไม้วัด 7 ห้องทั้งหลายของยาม มีความยาวหนึ่งไม้วัดและกว้างหนึ่งไม้วัด และพวกผนังที่กั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องมีความหนาห้าศอก และธรณีประตูที่อยู่ถัดจากระเบียงด้านหน้า ที่หันหน้าไปทางวิหาร มีความลึกเท่ากับหนึ่งไม้วัด 8 แล้วเขาก็วัดระเบียงหอประตู[e] 9 มันลึกแปดศอก และผนังที่ติดกับประตูมีความหนาสองศอก[f] ระเบียงด้านหน้าของประตูทางเข้านั้นหันหน้าเข้าหาวิหาร 10 ข้างในประตูด้านตะวันออก มีห้องยามอยู่สามห้องเรียงกันอยู่ทั้งสองฝั่ง ทั้งสามห้องมีขนาดเท่ากัน และผนังที่กั้นแต่ละห้องก็มีขนาดเดียวกัน 11 แล้วเขาก็วัดความกว้างของทางเข้าประตู มันกว้างสิบศอก และทางเดินข้างในประตูกว้างสิบสามศอก 12 ที่หน้าห้องยามแต่ละห้องนั้นมีขอบกั้นลึกเข้าไปหนึ่งศอก ห้องยามเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ขนาดกว้างยาวหกศอก
13 แล้วเขาก็วัดระยะจากส่วนบนสุดของผนังหลังห้องหนึ่งไปสุดส่วนบนสุดของผนังหลังของอีกห้องหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม ยาวเท่ากับยี่สิบห้าศอก 14 เขาวัดไปจนถึงระเบียง ได้ห้าสิบศอก[g] 15 ระยะทางจากทางเข้าประตูไปจนสุดระเบียงด้านหน้ายาวห้าสิบศอก 16 มีหน้าต่างแคบๆ[h]อยู่ตามห้องยามแต่ละห้องอยู่ตรงผนังด้านนอก และตรงระเบียงด้วย ด้านกว้างของหน้าต่างอยู่ด้านในของทางเข้า ด้านแคบอยู่ด้านนอก บนผนังมีการสลักลายต้นปาล์มมากมาย
ลานด้านนอก
17 แล้วเขาก็นำผมออกมาที่ลานด้านนอก ที่นั่นผมได้เห็นห้องมากมายและพื้นหินที่ทำไว้รอบๆลานนั้น มีห้องอยู่สามสิบห้องเรียงรายไปรอบๆพื้นหินนั้น 18 พื้นหินนั้นเลียบไปตามด้านข้างของพวกประตูและด้านกว้างกับด้านยาวเท่ากัน นี่คือพื้นหินด้านล่าง 19 แล้วชายผู้นั้นก็วัดระยะจากด้านในของประตูด้านล่างไปถึงด้านนอกของลานด้านใน ทางด้านตะวันออกมีความยาวหนึ่งร้อยศอก ซึ่งเท่ากับทางด้านเหนือ
20 แล้วเขาก็วัดความยาวและความกว้างของประตูที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นทางที่จะไปสู่ลานด้านนอก 21 ที่ประตูนี้ มีห้องยามอยู่ด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องแต่ละด้านและระเบียงนั้นมีขนาดเท่ากับของประตูแรกคือลึกเข้าไปห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 22 พวกหน้าต่างของมัน รวมทั้งระเบียงของมัน กับลายต้นปาล์มนั้น มีขนาดเดียวกับของประตูด้านตะวันออก ด้านนอกของประตูมีบันไดเจ็ดขั้นขึ้นสู่ประตู และสุดทางอีกด้านหนึ่งของบันไดมีระเบียงอยู่ 23 ตรงข้ามลานด้านนอกจากประตูทิศเหนือ มีประตูเข้าสู่ลานด้านใน เหมือนกับประตูด้านตะวันออก ชายผู้นั้นวัดระยะทางจากประตูหนึ่งไปถึงอีกประตูหนึ่งที่ด้านตรงข้ามได้หนึ่งร้อยศอก
24 แล้วเขาได้นำผมไปทางทิศใต้ และผมได้เห็นประตูหนึ่งที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดขนาดของพวกผนังกั้นและระเบียงของประตูด้านใต้ได้ขนาดเท่ากับของสองประตูทางด้านเหนือกับด้านตะวันออก 25 ที่ประตูทางเข้ากับระเบียงนั้นมีหน้าต่างโดยรอบเหมือนกับประตูอื่นๆ ประตูลึกเข้าไปห้าสิบศอกและกว้างยี่สิบห้าศอก 26 มีบันไดเจ็ดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้ และสุดทางอีกด้านหนึ่งของบันไดมีระเบียงอยู่ พวกผนังกั้นทั้งสองด้านของประตูนั้นมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ 27 ที่ลานด้านในก็มีประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้เหมือนกัน และชายผู้นี้ได้วัดระยะทางจากประตูด้านในนี้ไปถึงประตูด้านนอกที่อยู่ทางทิศใต้มีความยาวหนึ่งร้อยศอก
ลานด้านใน
28 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมเข้าไปที่ลานด้านในผ่านทางประตูทิศใต้ เขาวัดขนาดประตูทิศใต้ได้ขนาดเดียวกันกับประตูอื่น 29 ห้องยามทั้งหลาย ผนังกำแพง และระเบียงของประตูนี้ ก็มีขนาดเดียวกันกับของประตูอื่นๆ มีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูทางเข้าลึกเข้าไปห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 30 [i] 31 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้
32 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมเข้าไปที่ลานด้านในและเดินไปทางทิศตะวันออกของลานนั้น เขาวัดขนาดของประตู มันมีขนาดเดียวกันกับประตูของด้านอื่นๆ 33 พวกห้องยาม รวมทั้งพวกผนังกั้น และระเบียงก็มีขนาดเดียวกันกับด้านอื่นๆ มีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูทางเข้านี้ลึกห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 34 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูทั้งสองด้านมีลวดลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้
35 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมไปที่ประตูทางทิศเหนือ เขาวัดขนาดของประตู มันมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ 36 ห้องยามทั้งหลาย พวกผนังกั้น และระเบียงก็มีขนาดเดียวกันกับด้านอื่นๆ และมีช่องหน้าต่างอยู่รอบๆประตู และตรงระเบียงด้วย ประตูนี้ลึกห้าสิบศอก กว้างยี่สิบห้าศอก 37 ระเบียงหันไปทางลานด้านนอก พวกผนังที่กั้นอยู่ข้างในประตูทั้งสองด้านมีลายต้นปาล์มประดับอยู่ และที่ปลายอีกด้านหนึ่งมีบันไดแปดขั้นขึ้นสู่ประตูนี้
ห้องสำหรับจัดเตรียมเครื่องบูชา
38 ที่ระเบียงของประตู มีประตูที่นำไปสู่ห้องๆหนึ่ง ที่ใช้สำหรับชำระล้างสัตว์ ที่จะเป็นเครื่องเผาบูชาทั้งตัว 39 แต่ละด้านของระเบียง มีโต๊ะตั้งอยู่ด้านละสองตัว เป็นโต๊ะสำหรับฆ่าสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องเผาบูชาทั้งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และเป็นเครื่องบูชาชดเชย 40 ที่ผนังด้านนอกของระเบียง ตรงบันไดที่นำขึ้นไปสู่ประตูเหนือนั้น มีโต๊ะตั้งอยู่ข้างละสองตัว 41 รวมเป็นโต๊ะสี่ตัวอยู่ที่ด้านในของประตูทางเข้า และอีกสี่ตัวอยู่ด้านนอก รวมทั้งหมดแปดตัว โต๊ะพวกนี้ใช้สำหรับฆ่าสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องบูชา 42 ยังมีโต๊ะอีกสี่ตัวที่ทำจากหินที่สกัดแล้วที่ใช้ในการเตรียมเครื่องเผาบูชาทั้งตัว โต๊ะแต่ละตัวยาวหนึ่งศอกครึ่ง กว้างหนึ่งศอกครึ่ง และสูงหนึ่งศอก บนนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้ฆ่าเครื่องเผาบูชาทั้งตัว และฆ่าสัตว์บูชาอื่นๆ 43 มีตะขอสองง่ามจำนวนหนึ่งแขวนติดอยู่รอบๆกำแพง แต่ละอันยาวหนึ่งฝ่ามือ[j] โต๊ะเหล่านี้ใช้สำหรับวางเนื้อของเครื่องบูชา
ห้องนักบวช
44 หลังจากออกมาจากประตูด้านใน มีห้องอยู่สองห้อง[k] อยู่ที่ลานด้านใน ห้องหนึ่งอยู่ฝั่งประตูทิศเหนือหันหน้าไปทางใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ฝั่งประตูทิศใต้[l] หันหน้าไปทางทิศเหนือ 45 ชายผู้นั้นพูดกับผมว่า “ห้องที่หันหน้าไปทางทิศใต้นั้น เป็นห้องสำหรับนักบวชที่ทำหน้าที่เป็นยามสำหรับวิหาร 46 ส่วนห้องที่หันหน้าไปทางทิศเหนือนั้น เป็นห้องสำหรับนักบวชที่ทำหน้าที่เป็นยามสำหรับแท่นบูชา พวกนักบวชเหล่านี้ทุกคนเป็นลูกหลานของศาโดก พวกเขาเป็นลูกหลานของเลวีเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้พระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์[m]” 47 แล้วชายผู้นั้นได้วัดขนาดของลานด้านใน ลานนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ยาวหนึ่งร้อยศอก กว้างหนึ่งร้อยศอก และมีแท่นบูชาตั้งอยู่ด้านหน้าวิหาร
ระเบียงของวิหาร
48 ชายผู้นั้นได้พาผมไปที่ระเบียงของวิหารและเขาได้วัดขนาดของผนังทั้งสองด้านของระเบียงนั้น แต่ละด้านหนาห้าศอก และกว้างสามศอก ทางเข้ากว้างสิบสี่ศอก 49 ระเบียงนี้กว้างยี่สิบศอก มีระยะจากด้านหน้าถึงด้านหลังสิบสองศอก มีบันไดสิบขั้นขึ้นสู่ระเบียงนี้ และมีเสาสองต้นตั้งอยู่ที่ข้างประตูของระเบียงนี้ ด้านละต้น
ปลอดภัยอยู่ในพระเจ้า
1 พวกเจ้าที่พักอยู่ในที่กำบังแห่งพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
2 ให้พูดกับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือที่ลี้ภัยและป้อมปราการของข้าพเจ้า
เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าผู้ที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ”
3 พระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากตาข่ายของนักล่านก
พระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากโรคร้ายแรง
4 พระองค์จะกางปีกออกเหนือท่านและให้ท่านหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์นั้น
ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะเป็นโล่และกำแพงป้องกันภัยให้กับท่าน
5 ท่านจะไม่ต้องกลัวการโจมตีในตอนกลางคืน
หรือการจู่โจมด้วยลูกธนูในตอนกลางวัน
6 ท่านจะไม่ต้องกลัวโรคที่ย่องเข้ามาตอนกลางคืน
หรือความเจ็บป่วยที่เข้ามาปล้นในตอนกลางวัน
7 คนเป็นพันอาจจะล้มตายอยู่ข้างท่าน
คนเป็นหมื่นอาจจะล้มตายอยู่ทางขวาของท่าน
แต่จะไม่มีอันตรายย่างกรายเข้ามาหาท่านเลย
8 ใช่แล้ว ท่านจะเห็นสิ่งเหล่านี้กับตาท่านเอง
ท่านจะได้เห็นคนชั่วร้ายได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม
9 เพราะท่านเอาพระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
ท่านให้พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดเป็นที่ปลอดภัยของท่าน
10 ดังนั้น จึงไม่มีความหายนะใดๆแตะต้องท่าน
ไม่มีโรคระบาดใดๆเข้าไปในเต็นท์ของท่านได้
11 เพราะไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็ตาม
พระเจ้าจะมอบหมายให้พวกทูตสวรรค์คอยคุ้มครองท่าน
12 ทูตสวรรค์เหล่านั้นจะเอามือยกท่านขึ้น
เพื่อเท้าท่านจะได้ไม่ต้องกระแทกก้อนหิน
13 ท่านจะเดินบนพวกสิงโตและงูเห่า
และเหยียบย่ำพวกสิงโตดุร้ายและพวกงูพิษได้
14 พระยาห์เวห์พูดว่า “เขารักเรา ดังนั้น เราจะช่วยเหลือเขา
เราจะวางเขาไว้บนที่สูงที่ปลอดภัยเพราะเขารู้จักเราจริงๆ
15 เมื่อเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราจะตอบเขา
เราอยู่กับเขาในยามที่เขาทุกข์ยาก
เราช่วยให้เขาพ้นภัยและทำให้เขามีเกียรติ
16 เราจะทำให้เขาเต็มอิ่มด้วยชีวิตที่ยืนยาว
แล้วให้เขาเห็นว่าเราสามารถช่วยให้เขารอดได้”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International