Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 8

การอุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

(2 พศด. 5:2-6:40)

แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ได้เรียกพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล พวกหัวหน้าเผ่าและพวกหัวหน้าครอบครัวของชาวอิสราเอลทุกคน ให้มาพบที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อให้มาเป็นพยานในการย้ายหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์จากเมืองของดาวิด คือเมืองศิโยน ขึ้นไปยังวิหาร แล้วคนเหล่านั้นทั้งหมดของอิสราเอลก็ได้มาอยู่ร่วมกับกษัตริย์ซาโลมอน ในช่วงงานเทศกาล ในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด

เมื่อพวกผู้อาวุโสทั้งหมดของอิสราเอลมาถึง นักบวชทั้งหลายก็ได้ยกหีบแห่งข้อตกลงขึ้น และพวกเขาได้นำหีบของพระยาห์เวห์ออกมา รวมทั้งเต็นท์นัดพบ และเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดภายในเต็นท์ พวกนักบวชและบรรดาชาวเลวี แบกของเหล่านั้นไว้ และกษัตริย์ซาโลมอนกับผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอลที่ได้มารวมตัวอยู่กับเขาก็ไปอยู่ต่อหน้าหีบนั้น และได้ถวายแกะและวัวจำนวนมหาศาลจนนับไม่ถ้วนเป็นเครื่องบูชา แล้วพวกนักบวชก็นำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เข้าไปในที่ของมันในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่อยู่ด้านในสุดของวิหาร และวางหีบนั้นไว้ที่ใต้ปีกของทูตสวรรค์มีปีกสององค์นั้น ทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์กางปีกออกเหนือที่วางหีบนั้น และเงาของทูตสวรรค์นั้นก็ทอดยาวลงบนหีบและที่คานหามทั้งหมด คานหามเหล่านั้นยาวมาก จนปลายของคานนั้นสามารถมองเห็นได้จากห้องศักดิ์สิทธิ์หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น แต่คนที่อยู่นอกห้องศักดิ์สิทธิ์ ก็จะมองไม่เห็น และคานเหล่านี้ยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้ ในหีบนั้น ไม่มีสิ่งอื่นใด นอกจากแผ่นหินสองแผ่นที่โมเสสได้ใส่ลงไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่ภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงกับชาวอิสราเอล หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากประเทศอียิปต์แล้ว

10 หลังจากที่พวกนักบวชออกไปจากห้องโถงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็เกิดกลุ่มเมฆ[a] ขึ้นในวิหารของพระยาห์เวห์ 11 กลุ่มเมฆนั้น ทำให้พวกนักบวชไม่สามารถทำพิธีใดๆในนั้นได้เลย เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์ ได้เข้าครอบคลุมวิหารของพระองค์แล้ว 12 แล้วซาโลมอนก็พูดว่า

“พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า
    พระองค์จะอาศัยอยู่ในเมฆดำทะมึนนั้น[b]
13 เราได้สร้างวิหารที่งามสง่าอย่างยิ่งสำหรับพระองค์
    เป็นสถานที่ที่พระองค์จะได้มาอาศัยอยู่ตลอดไป”

14 แล้วกษัตริย์ก็ได้หันไปหาคนอิสราเอลทั้งหมดที่ยืนชุมนุมกันอยู่ที่นั่น และขอให้พระเจ้าอวยพรพวกเขา

15 แล้วซาโลมอนก็พูดว่า

“ขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล มือของพระองค์นั้นได้ทำให้เกิดความสำเร็จลุล่วง ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์เองกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าว่า 16 ‘ตั้งแต่วันที่เราได้พาอิสราเอลชนชาติของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เรายังไม่เคยเลือกเมืองหนึ่งเมืองใดจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เพื่อที่จะใช้สร้างวิหารเป็นเกียรติให้กับชื่อของเราเลย[c] แต่ตอนนี้เราได้เลือกดาวิดมา เพื่อให้เขามาปกครองอิสราเอลชนชาติของเรานั้น’

17 ดาวิดพ่อของข้าพเจ้าเคยคิดอยู่ในใจว่า เขาจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งให้เป็นเกียรติกับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 18 แต่พระยาห์เวห์ได้พูดกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าว่า ‘ที่เจ้าคิดอยู่ในใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งสำหรับชื่อของเรานั้น นับเป็นสิ่งที่ดี 19 แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ใช่คนที่จะได้สร้างวิหารนั้น ลูกชายของเจ้าต่างหากจะเป็นคนสร้างวิหารนั้นให้กับชื่อของเรา ลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเอง’

20 พระยาห์เวห์ได้รักษาสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ เราได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากดาวิดพ่อของเรา และตอนนี้ เราก็ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอลเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ และเราก็ได้สร้างวิหารหลังนั้นสำหรับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว 21 เราได้จัดสถานที่ขึ้นแห่งหนึ่งภายในวิหารนั้นเพื่อใช้วางหีบ ซึ่งในหีบนั้นมีข้อตกลงของพระยาห์เวห์ใส่อยู่ เป็นข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา ตอนที่พระองค์ได้นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์”

22 แล้วซาโลมอนก็ไปยืนอยู่ต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ตรงหน้าที่ชุมนุมอิสราเอลทั้งหมด เขากางแขนออกและชูขึ้นบนฟ้าสวรรค์ 23 และเขาก็พูดว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่จะเหมือนกับพระองค์ ไม่ว่าบนสวรรค์หรือในแผ่นดินโลก พระองค์เป็นผู้ที่รักษาข้อตกลงแห่งความรักอันมั่นคงกับพวกผู้รับใช้ของพระองค์ที่เชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของเขา 24 พระองค์ได้รักษาข้อตกลงกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์และในวันนี้พระองค์ก็ได้ทำให้คำสัญญานั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยมือของพระองค์ 25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ขอรักษาสัญญาอื่นๆที่พระองค์ได้ทำไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ด้วยเถิด พระองค์พูดว่า ‘ดาวิด ถ้าลูกหลานของเจ้าระมัดระวังในทุกๆสิ่งที่พวกเขาทำ เพื่อที่จะเดินอยู่ต่อหน้าเราเหมือนกับที่เจ้าได้ทำไว้ เจ้าจะไม่มีวันขาดคนที่จะมานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเราเลย’ 26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ในตอนนี้ขอให้พระองค์ทำให้คำพูดของพระองค์ที่ได้สัญญาไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นความจริงด้วยเถิด

27 แต่ พระเจ้า พระองค์จะอาศัยอยู่กับพวกเราบนโลกนี้จริงๆหรือ แม้แต่ฟ้าสวรรค์และสวรรค์ชั้นสูงสุดนั้นยังไม่สามารถรองรับพระองค์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับวิหารที่เราได้สร้างขึ้นหลังนี้เล่า 28 แต่โปรดฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของผู้รับใช้คนนี้ของพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดฟังเสียงร่ำร้องและคำอธิษฐานที่ผู้รับใช้ของพระองค์ กำลังอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันนี้ 29 ในอดีต พระองค์พูดว่า ‘ชื่อของเราจะสถิตอยู่ที่นั่น’ ขอให้ดวงตาของพระองค์เฝ้ามองวิหารหลังนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ได้อธิษฐานตอนหันหน้าเข้าหาสถานที่นี้ด้วยเถิด 30 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพวกเขาอธิษฐานหันหน้ามายังสถานที่นี้ด้วยเถิด ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานจากบนฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้ยินแล้ว ขอโปรดยกโทษให้กับพวกเราด้วยเถิด

31 เมื่อคนหนึ่งคนใดทำผิดต่อเพื่อนบ้านของเขา และต้องสาบาน เมื่อเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 32 ขอโปรดรับฟังจากบนฟ้าสวรรค์และตัดสินพวกผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด ขอพระองค์ตัดสินโทษคนที่ทำผิด โดยให้ความผิดของเขาตกลงบนหัวของเขาเอง และประกาศความบริสุทธิ์ของคนที่บริสุทธิ์ โดยให้รางวัลกับเขาตามความบริสุทธิ์ของเขา

33 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะทำความผิดบาปต่อพระองค์ และเมื่อพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และสรรเสริญชื่อของพระองค์ และมาอธิษฐานร้องขอต่อพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 34 โปรดฟังพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ และอภัยให้กับความบาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และนำพวกเขากลับสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาด้วยเถิด

35 หรือเมื่อพระองค์ปิดสวรรค์ไม่ให้ฝนตกลงมา เพราะประชาชนของพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ถ้าพวกเขาหันหน้ามาทางวิหารอธิษฐาน และสรรเสริญชื่อของพระองค์ และหันจากบาปของพวกเขา เพราะพระองค์ได้ลงโทษพวกเขา 36 ก็ขอโปรดฟังจากสวรรค์และให้อภัยบาปของพวกผู้รับใช้พระองค์คืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ โปรดสอนพวกเขาให้ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง และขอพระองค์ช่วยส่งฝนให้ตกลงมาบนแผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้เป็นมรดกกับประชาชนของพระองค์ด้วยเถิด

37 เมื่อเกิดภาวะอดอยาก หรือมีโรคระบาดบนแผ่นดิน หรือเกิดโรคซีดในพืช หรือเกิดเชื้อราทำลายพืช หรือมีตั๊กแตนวัยบินหรือวัยคลานมาทำลายพืชผล หรือมีศัตรูมาล้อมพวกเขาไว้ในเมืองของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความหายนะหรือโรคร้ายอะไร ที่เกิดขึ้นก็ตาม 38 แล้วอิสราเอลชนชาติของพระองค์ หรือคนหนึ่งคนใด ได้สำนึกผิด เพราะได้รับความทุกข์ทรมานนั้น และได้ยื่นมือไปยังวิหารแห่งนี้ และอธิษฐานหรืออ้อนวอนต่อพระองค์ 39 ขอพระองค์ได้โปรดฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดยกโทษและช่วยพวกเขาด้วย มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้จิตใจของมนุษย์ทุกคน อย่างนั้นได้โปรดตอบแทนพวกเขาตามการกระทำของพวกเขาด้วยเถิด 40 เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยำเกรงพระองค์ตลอดวันเวลาที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา

41 ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพวกเขาได้เดินทางมาจากแดนไกล เพราะชื่อเสียงของพระองค์ 42 เพราะพวกเขาได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และมืออันทรงพลัง และแขนที่ยื่นออกมาพร้อมที่จะช่วย เมื่อคนต่างชาตินั้นหันหน้ามาทางวิหารนี้และอธิษฐาน 43 ขอพระองค์ได้โปรดฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดทำทุกอย่างตามที่คนต่างชาติคนนั้นขอจากพระองค์ด้วยเถิด เพื่อชนทุกชาติบนโลกนี้จะได้รู้จักชื่อเสียงของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนกับที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ทำ และเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่าวิหารหลังนี้ที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นมาเป็นของพระองค์

44 เมื่อประชาชนของพระองค์ไปรบกับศัตรูของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตามที่พระองค์ส่งพวกเขาไป และเมื่อพวกเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ โดยหันหน้าไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระองค์ 45 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนสวรรค์ และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด

46 เมื่อพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ เพราะไม่มีใครหรอกที่ไม่ทำบาปเลย และพระองค์โกรธพวกเขาและส่งพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูที่เข้ามาจับพวกเขาไปเป็นเชลย และพาไปอยู่ในแผ่นดินของศัตรูไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม 47 ถ้าพวกเขาสำนึกผิดตอนอยู่ในแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับไปนั้น และพวกเขาได้กลับตัวกลับใจ แล้วได้อ้อนวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้ที่จับพวกเขาไปนั้น และพวกเขาพูดว่า ‘พวกเราได้ทำบาป และทำผิดไปแล้ว พวกเราได้ทำตัวเลวมาก’ 48 และถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของพวกเขาในแผ่นดินของศัตรูที่ได้จับตัวพวกเขาไป และได้อธิษฐานต่อพระองค์โดยหันหน้ามาทางแผ่นดินของตัวเอง ที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และได้หันไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระองค์ 49 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์นั้น และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด 50 และโปรดยกโทษให้กับชนชาติของพระองค์ ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์ไป แล้วโปรดให้อภัยต่อการทรยศทั้งสิ้นที่พวกเขาทำต่อพระองค์ และโปรดทำให้ผู้ที่จับพวกเขาไป สงสารพวกเขาด้วยเถิด 51 เพราะพวกเขาเป็นชนชาติของพระองค์และเป็นสมบัติของพระองค์ เป็นคนที่พระองค์ได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากเตาหลอมเหล็กนั้น

52 ขอให้ดวงตาของพระองค์ มองดูการอ้อนวอนของผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาร้องเรียกหาพระองค์ ขอให้พระองค์ฟังพวกเขา 53 เพราะพระองค์ได้แยกพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ เพื่อที่จะให้พวกเขามาเป็นสมบัติของพระองค์เอง เหมือนกับที่พระองค์เคยสัญญาไว้ผ่านโมเสสผู้รับใช้พระองค์ เมื่อครั้งที่พระองค์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ได้นำบรรพบุรุษของพวกข้าพเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์”

ซาโลมอนอวยพรที่ประชุม

54 เมื่อซาโลมอนอธิษฐานและอ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์เสร็จแล้ว เขาก็ลุกไปจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ตรงที่เขาได้คุกเข่าลงและยกมือขึ้นสู่ฟ้า 55 เขาได้ยืนขึ้นและอวยพรคนอิสราเอลทั้งหมดที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น ด้วยเสียงอันดังว่า

56 “ขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ ผู้ที่ได้ให้อิสราเอลชนชาติของพระองค์ได้หยุดพัก ตามที่พระองค์เคยให้สัญญาไว้ ไม่มีคำสัญญาดีๆสักเรื่องของพระองค์ที่ได้ให้ไว้ผ่านทางโมเสสผู้รับใช้พระองค์ ได้ล้มเหลวไป 57 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเราอยู่กับพวกเราเหมือนที่พระองค์เคยอยู่กับบรรพบุรุษของพวกเรา ขอให้พระองค์อย่าได้ละทิ้งพวกเราไปเลย 58 ขอให้พระองค์หันเหจิตใจของพวกเราให้มาอยู่กับพระองค์ เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งสิ้นของพระองค์ และเพื่อเราจะได้รักษาพวกคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหลายของพระองค์ ที่พระองค์ได้สั่งไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา 59 และขอให้คำพูดเหล่านี้ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้อ้อนวอนต่อหน้าพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราทั้งกลางวันและกลางคืน และขอให้พระองค์ช่วยเหลือผู้รับใช้คนนี้ของพระองค์ และช่วยเหลืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ ตามความจำเป็นในแต่ละวัน 60 เพื่อว่าทุกชนชาติบนโลกนี้ จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าองค์อื่นอีก 61 อย่างนั้น ขอให้ทุ่มเทตัวเองอย่างเต็มที่ให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และใช้ชีวิตตามกฎทั้งหลายของพระองค์ และรักษาคำสั่งทั้งหลายของพระองค์ อย่างที่ทำในวันนี้”

ซาโลมอนถวายเครื่องบูชา

(2 พศด. 7:4-11)

62 แล้วกษัตริย์และประชาชนอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ถวายเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ 63 ซาโลมอนได้ถวายสัตว์เหล่านี้เพื่อเป็นเครื่องสังสรรค์บูชาให้แก่พระยาห์เวห์ คือวัวสองหมื่นสองพันตัว แกะหนึ่งแสนสองหมื่นตัว แล้วกษัตริย์กับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้อุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

64 ในวันเดียวกันนั้น กษัตริย์ได้ทำการอุทิศส่วนกลางของลานที่อยู่ด้านหน้าวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อว่าเขาจะได้ใช้ที่นั่นเป็นที่ถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และส่วนไขมันสัตว์ของเครื่องสังสรรค์บูชา เพราะแท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่ตั้งไว้ตรงหน้าพระยาห์เวห์นั้นเล็กเกินไปสำหรับเครื่องบูชาทั้งหมดนี้

65 แล้วซาโลมอนก็ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง[d] ขึ้นในเวลานั้น และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็มาร่วมงานกับเขาด้วย เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่มาก มีประชาชนมากันตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทไปไกลจนถึงลำธารอียิปต์ พวกเขาได้เฉลิมฉลองกันต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา เป็นเวลาเจ็ดวัน[e] 66 แล้วในวันที่แปด ซาโลมอนก็ไปส่งประชาชนกลับบ้าน พวกเขาได้อวยพรให้กับกษัตริย์ และก็กลับบ้านไปด้วยจิตใจร่าเริงยินดี เนื่องจากสิ่งดีๆทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับดาวิดผู้รับใช้พระองค์และให้กับอิสราเอลชนชาติของพระองค์

เอเฟซัส 5

ในฐานะที่เป็นลูกที่รักของพระเจ้า ก็ให้เลียนแบบพระองค์ ให้ใช้ชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์รักเราด้วย พระองค์ได้สละชีวิตเพื่อเรา เป็นเหมือนเครื่องถวาย และเครื่องบูชาที่หอมหวานให้กับพระเจ้า

เรื่องความผิดบาปทางเพศ เรื่องลามกทุกอย่าง หรือความมักมากในกาม แม้แต่จะพูดถึงก็อย่าเลย เพราะมันไม่เหมาะกับคนที่เป็นของพระเจ้า รวมทั้งการพูดจาหยาบคายไร้สาระไม่เป็นเรื่อง หรือพูดตลกลามก ก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น แต่ควรจะพูดขอบคุณพระเจ้าดีกว่า ให้พวกคุณรู้เอาไว้เลยว่าทุกคนที่ทำผิดบาปทางเพศ ไม่บริสุทธิ์ หรือมักมากในกาม[a] ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ จะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า

อย่าให้ใครมาหลอกลวงพวกคุณด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะเรื่องอย่างนี้แหละที่ทำให้พระเจ้าลงโทษคนพวกนั้นที่ไม่เชื่อฟัง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปมีส่วนร่วมกับคนพวกนั้นเลย เมื่อก่อนนี้พวกคุณเคยเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้เป็นความสว่างแล้ว เพราะมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต อย่างนั้นก็ให้ใช้ชีวิตให้สมกับที่เป็นลูกของความสว่างนั้น (เพราะผลของความสว่างคือความดีทุกอย่าง ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ และการพูดความจริง) 10 ให้พยายามค้นหาว่าองค์เจ้าชีวิตชอบใจอะไรบ้าง 11 อย่ามีส่วนกับการกระทำต่างๆของความมืดที่ไร้ประโยชน์นั้น แต่ให้ชีวิตบริสุทธิ์ของพวกคุณเปิดโปงเรื่องพวกนั้นออกมาดีกว่า 12 เพราะแม้แต่จะพูดถึงเรื่องลับๆที่พวกเขาทำกัน ก็ยังน่าละอายเลย 13 แต่ความสว่างนั้นทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน 14 เพราะความสว่างจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันส่องนั้นกลายเป็นความสว่างไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่มีคำพูดว่า

“ตื่นได้แล้ว เจ้าที่หลับอยู่
    ลุกขึ้นมาจากความตายสิ
แล้วพระคริสต์จะส่องสว่างใส่เจ้า”

15 ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าพวกคุณใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนโง่ แต่ให้เป็นเหมือนคนฉลาด 16 ให้ฉวยโอกาสที่จะทำดี เพราะทุกวันนี้มีแต่ความชั่วร้าย 17 ฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่ แต่ให้เข้าใจว่าองค์เจ้าชีวิตต้องการให้คุณทำอะไร 18 อย่าเมาเหล้าองุ่น มันจะทำให้คุณเสียคนได้ แต่ให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณดีกว่า 19 คือร้องเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และเพลงจากพระวิญญาณให้กันและกัน และให้ร้องเพลงสรรเสริญองค์เจ้าชีวิตจากใจ 20 และขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราเสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในฐานะเป็นคนของพระเยซูคริสต์เจ้า[b]

สามีกับภรรยา

21 ให้ยินยอมซึ่งกันและกัน เพราะยำเกรงพระคริสต์

22 พวกคุณที่เป็นภรรยา ให้ยินยอมสามี เหมือนที่ยินยอมองค์เจ้าชีวิต 23 เพราะสามีคือศีรษะของภรรยา เหมือนกับที่พระคริสต์เป็นศีรษะของหมู่ประชุม คือพระองค์เองเป็นผู้ช่วยให้รอดของร่างกาย 24 แต่หมู่ประชุมยินยอมพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรจะยินยอมสามีของตนในทุกเรื่องอย่างนั้นด้วย

25 พวกคุณที่เป็นสามี ให้รักภรรยาของตนเหมือนกับที่พระคริสต์รักหมู่ประชุมของพระองค์ และได้สละพระองค์เองเพื่อประโยชน์ของหมู่ประชุม 26 ที่พระคริสต์ทำอย่างนี้ก็เพื่อชำระล้างหมู่ประชุมของพระองค์ ให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำและถ้อยคำของพระองค์ 27 เพื่อพระองค์จะได้มอบหมู่ประชุมที่สง่างามให้กับพระองค์เอง เป็นเจ้าสาวที่ไม่มีตำหนิ ริ้วรอย หรือความบกพร่องอะไรเลย แต่จะบริสุทธิ์หมดจดทุกอย่าง 28 สามีก็เหมือนกัน ควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักร่างกายของตนเอง คนที่รักภรรยาก็รักตัวเองนั่นแหละ 29 เพราะไม่มีใครหรอกที่เกลียดร่างกายของตนเอง มีแต่จะเลี้ยงดูและเอาใจใส่ เหมือนกับที่พระคริสต์เลี้ยงดูและเอาใจใส่หมู่ประชุมของพระองค์ 30 เพราะเราเป็นอวัยวะในร่างกายของพระองค์ 31 เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดเอาไว้ว่า “ดังนั้นผู้ชายจะจากพ่อและแม่ของเขา ไปเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยาของตน และเขาทั้งสองจะเป็นร่างกายเดียวกัน”[c] 32 เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับมาก และผมเอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับสายสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์กับหมู่ประชุมของพระองค์ 33 อย่างไรก็ตาม พวกคุณแต่ละคน ต้องรักภรรยาของตน เหมือนกับรักตนเอง ส่วนภรรยาจะต้องเคารพสามีของตน

เอเสเคียล 38

พระยาห์เวห์ต่อต้านโกก

38 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าไปทางโกก ซึ่งเป็นดินแดนของมาโกก ผู้นำที่สำคัญที่สุด[a] ของเมเชคกับทูบัล ให้พูดแทนเราต่อต้านเขา ให้บอกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้โกก ผู้นำคนสำคัญที่สุดของเมเชคและทูบัล เราต่อต้านเจ้า เราจะให้เจ้าหันกลับ เราจะเอาตะขอเกี่ยวไว้ที่กรามของเจ้า และนำเจ้าออกไปพร้อมกับกองทัพทั้งหมดของเจ้า ที่มีม้า มีทหารม้าที่ติดอาวุธเต็มอัตราศึก มีกองทัพใหญ่ที่ถือโล่ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทหารแต่ละคนถือดาบอยู่ มีชาวเปอร์เซีย ชาวเอธิโอเปีย[b] และชาวพูตอยู่กับพวกเขาด้วย ทุกคนถือโล่และสวมหมวกเหล็ก ยังมีชนชาติโกเมอร์กับกองทัพทั้งหมดของเขา มีชนชาติเบธโทการมาห์[c] ที่มาจากทางเหนือที่ไกลโพ้นพร้อมกับกองทัพทั้งหมดของเขา ซึ่งคนเหล่านี้ได้อยู่ในกองทัพกับเจ้า

ให้เตรียมตัว และพร้อมอยู่เสมอ ทั้งเจ้ากับกองทัพทั้งหมดที่มาอยู่ร่วมกับเจ้า ให้ทุกคนพร้อมที่จะรับคำสั่งของเจ้า หลังจากผ่านพ้นไปนาน เจ้าจะถูกเรียกให้ออกรบ ในอนาคตอันไกลโพ้น เจ้าจะบุกรุกเข้าไปในแผ่นดินที่ได้ฟื้นตัวขึ้นจากสงคราม ประชาชนในดินแดนแห่งนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชนชาติ เพื่อจะไปที่เทือกเขาแห่งอิสราเอล ซึ่งเคยถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน พวกเขาถูกพาออกมาจากชนชาติต่างๆ ในเวลานั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้อยู่กันอย่างปลอดภัย เจ้ากับกองทัพทั้งหมดของเจ้าและชาติอื่นๆที่อยู่กับเจ้า จะขึ้นไปโจมตีพวกเขา พวกเจ้าจะบุกขึ้นไปเหมือนกับพายุลูกหนึ่ง เจ้าจะเป็นเหมือนกับเมฆที่ปกคลุมแผ่นดินแห่งนั้น”’”

10 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ในวันนั้น ความคิดมากมายจะแล่นเข้ามาในหัวของเจ้า และเจ้าจะคิดแผนการชั่วร้ายขึ้น 11 เจ้าจะพูดว่า ‘เราจะบุกดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีหมู่บ้านต่างๆที่ไม่มีกำแพงล้อมรอบ ไม่มีประตูเมือง หรือสลักประตูเลย 12 เราจะปล้นและขนเอาทรัพย์สินของพวกเขาไป เราจะสู้รบต่อสถานที่ต่างๆซึ่งเคยเป็นซากปรักหักพังแต่ตอนนี้กลับมีผู้คนอาศัยอยู่ เราจะสู้รบกับชนชาติที่ถูกรวบรวมมาจากหลายชนชาติ เป็นชนชาติที่ได้ฝูงสัตว์เลี้ยงและข้าวของ และอาศัยอยู่ในใจกลางแผ่นดินโลก’

13 เชบาและเดดานกับบรรดาพ่อค้าแห่ง ทารชิช รวมทั้งนักธุรกิจที่ร่ำรวยทั้งหลายของมัน จะพูดกับเจ้าว่า ‘ที่ท่านมานี่ เพื่อมาปล้นพวกเขาหรือ ที่ท่านรวบรวมคนของท่านมาเพื่อมาขนข้าวของและขนเอาเงินทองของพวกเขาอย่างนั้นหรือ เพื่อมาเอาฝูงสัตว์เลี้ยงและบรรดาสินค้าของพวกเขาหรือ เพื่อจะยึดของๆพวกเขาหรือ’

14 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับโกกแทนเราว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ในเวลานั้นพวกเจ้าจะสังเกตเห็นว่าประชาชนชาวอิสราเอลของเราอยู่กันอย่างปลอดภัย 15 แล้วพวกเจ้าจะลงมาจากบ้านเมืองของเจ้าที่อยู่ทางเหนืออันไกลโพ้นนั้น ทั้งเจ้าและชนชาติมากมายที่อยู่กับเจ้า ทุกคนล้วนขี่ม้า เป็นฝูงชนมหึมา เป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร 16 เจ้าจะลุยไปข้างหน้าเพื่อสู้รบกับประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เหมือนกับเมฆที่เข้าปกคลุมแผ่นดินนี้ ไอ้โกก ในอนาคตอันไกลโพ้นนั้น เราจะนำเจ้ามาสู้รบกับแผ่นดินของเรา แล้วเราจะได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเรา ด้วยการเอาชนะเจ้าต่อหน้าต่อตาชนชาติทั้งหลาย เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักเรา’”

17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้โกก เจ้าก็เป็นคนนั้นแหละ ที่เราเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าชาวอิสราเอลคนรับใช้ของเรา ในตอนนั้น พวกเขาได้ทำนายเป็นเวลาหลายปีว่า เราจะนำเจ้ามาต่อสู้กับพวกเขา”

18 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนั้น เมื่อโกกเข้าโจมตีแผ่นดินอิสราเอล ความโกรธของเราจะพลุ่งพล่านขึ้น

19 เราขอประกาศด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าและด้วยความโกรธที่พลุ่งขึ้น ว่าในวันนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงขึ้นในแผ่นดินอิสราเอล 20 ปลาในทะเล นกบนท้องฟ้า สัตว์ป่าในท้องทุ่ง รวมทั้งสัตว์เล็กๆทั้งหมดที่เลื้อยคลานอยู่บนพื้นดิน และผู้คนทั้งหมดบนผืนแผ่นดินนี้ จะสั่นเทิ้มอยู่ต่อหน้าเรา ภูเขาจะถูกคว่ำลง หน้าผาจะแตกกระจายและกำแพงทั้งหมดจะล้มลงมาบนดิน”

21 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “เราจะเรียกดาบ[d] มาต่อสู้กับโกกบนเทือกเขาทุกลูกของเรา แล้วพวกโกกก็จะต่อสู้กันเองด้วยดาบ 22 เราจะตัดสินลงโทษโกกด้วยโรคระบาดและการฆ่าฟัน เราจะเทฝนลงมาอย่างบ้าคลั่ง จะมีลูกเห็บและไฟกำมะถัน ตกลงมาบนเขาและกองทัพของเขา รวมทั้งชนชาติมากมายที่มากับเขาด้วย 23 เราจะได้แสดงความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านทางเหตุการณ์เหล่านี้ เราจะทำให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในสายตาของชนชาติทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

สดุดี 89

พระยาห์เวห์จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับดาวิดหรือเปล่า

บทเพลงมัสคิลของเอธาน จากตระกูลเอศราค

ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ
    ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศด้วยปากของข้าพเจ้าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ให้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
เพราะข้าพเจ้าว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
    ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะอยู่นานตราบเท่าท้องฟ้า”
พระองค์พูดว่า “เราทำข้อตกลงกับผู้ที่เราเลือกไว้
    เราให้คำสัตย์สาบานไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า
เราจะตั้งราชวงศ์ของเจ้าตลอดไป
    เราจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าให้คงอยู่ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน” เซลาห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชาวสวรรค์จะสรรเสริญพระองค์สำหรับการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
    ที่ชุมนุมของทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะสรรเสริญความสัตย์ซื่อของพระองค์
มีใครบ้างในฟ้าสวรรค์ที่จะมาเท่าเทียมกับพระยาห์เวห์ได้
    มีใครท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลายที่จะมาเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้
เมื่อทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาชุมนุมกันที่สภา พวกเขาต่างยำเกรงพระยาห์เวห์
    พระองค์นั้นยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามกว่าทูตสวรรค์เหล่านั้นที่อยู่ล้อมรอบพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดเหมือนกับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์มีฤทธิ์อำนาจและสัตย์ซื่อในทุกเรื่อง
พระองค์ปกครองทะเลที่ปั่นป่วน
    และเมื่อคลื่นโหมกระหน่ำพระองค์ปราบพวกมันให้สงบลง
10 พระองค์บดขยี้สัตว์ประหลาดในทะเลที่ชื่อ ราหับ[a]
    พระองค์ทำให้พวกศัตรูของพระองค์แตกกระเจิงด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
11 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ รวมทั้งทุกสิ่งในโลกเป็นของพระองค์
    พระองค์สร้างพวกมันขึ้นมาทั้งสิ้น
12 พระองค์สร้างทิศเหนือและทิศใต้
    ภูเขาทาโบร์ และภูเขาเฮอร์โมนเต้นและร้องสรรเสริญชื่อของพระองค์ด้วยความยินดี
13 พระองค์มีแขนอันทรงพลัง
    มือของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยฤทธิ์เดช มือขวาของพระองค์ชูขึ้นในชัยชนะ
14 อาณาจักรของพระองค์ตั้งอยู่บนความดีงามและความยุติธรรม
    ความจงรักภักดีและความเชื่อถือได้เดินแถวอยู่ตรงหน้าพระองค์
15 คนเหล่านั้นที่เรียนรู้ที่จะร้องสรรเสริญพระองค์ มีเกียรติจริงๆ
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดำเนินชีวิตในความสว่างที่ส่องออกมาจากใบหน้าของพระองค์
16 พวกเขาชื่นชมยินดีที่จะสรรเสริญชื่อของพระองค์ตลอดทั้งวัน
    พวกเขาได้รับชัยชนะเนื่องจากความยุติธรรมของพระองค์
17 เพราะพระองค์เป็นพละกำลังอันทรงเกียรติของพวกเขา
    และพวกเราได้รับชัยชนะ[b] เมื่อพระองค์พอใจพวกเรา
18 เพราะโล่กำบัง[c] ของพวกเรามาจากพระยาห์เวห์
    กษัตริย์ของพวกเรามาจากองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล[d]

19 ครั้งหนึ่ง พระองค์พูดในนิมิตกับพวกที่สัตย์ซื่อกับพระองค์ว่า “เราได้ให้ความช่วยเหลือกับนักรบคนหนึ่ง
    เรายกย่องคนหนุ่มคนหนึ่งจากคนธรรมดาทั่วไป
20 เราพบดาวิด ผู้รับใช้ของเรา
    และเราเจิมเขาด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
21 มือของเราจะค้ำจุนเขาไว้
    แขนของเราจะทำให้เขาแข็งแรง
22 พวกศัตรูของเขาจะไม่ชนะเขาด้วยเล่ห์เพทุบาย
    ไม่มีทางที่คนชั่วจะสามารถชนะเขาได้
23 เราจะบดขยี้ศัตรูของเขาต่อหน้าเขา
    เราจะฟาดคนเหล่านั้นที่เกลียดชังเขาให้ล้มลง
24 ความสัตย์ซื่อและความรักมั่นคงของเราจะคงอยู่กับเขา
    และเขาจะได้รับชัยชนะจากฤทธิ์อำนาจของเรา
25 เราจะแผ่ขยายอำนาจของเขาให้อยู่เหนือทะเลและแม่น้ำ[e]
26 เขาจะพูดกับเราว่า ‘พระองค์คือพ่อของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้าและหินกำบังที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด’
27 เราจะให้เขาเป็นลูกชายหัวปีของเรา
    เป็นผู้สูงสุดเหนือกษัตริย์ทั้งปวงบนโลกนี้
28 ความรักมั่นคงของเราจะอยู่กับเขาตลอดไป
    ข้อตกลงระหว่างเรากับเขาจะมั่นคง
29 เราจะตั้งราชวงศ์ของเขาไว้ตลอดไป
    อาณาจักรของเขาจะคงอยู่ต่อไปนานตราบเท่ากับฟ้าสวรรค์
30 ถึงแม้ลูกหลานของเขาจะละทิ้งกฎของเรา
    และไม่เชื่อฟังกฎระเบียบของเรา
31 ถึงแม้พวกเขาจะละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆของเรา
    และไม่รักษาคำสั่งต่างๆของเรา
32 แล้วเราจะลงโทษพวกเขาสำหรับความผิดต่างๆของเขา
    และหวดเขาสำหรับความผิดบาปของเขา
33 แต่เราก็จะไม่มีวันเอาความรักมั่นคงของเราไปจากดาวิด
    เราจะไม่มีวันหักหลังหรือไม่สัตย์ซื่อต่อเขา
34 เราจะไม่มีวันละเมิดคำมั่นสัญญาที่เราทำกับเขา
    เราจะไม่มีวันกลับคำพูดในสิ่งที่เราสัญญากับเขา
35 เราได้สาบานครั้งเดียวตลอดไปโดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นประกัน
    และเราจะไม่โกหกดาวิด
36 ราชวงศ์ของเขาจะคงอยู่ตลอดไป
    บัลลังก์ของเขาจะคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไปเหมือนดวงอาทิตย์
37 มันจะคงอยู่ตลอดไปเหมือนดวงจันทร์
    มันจะมั่นคงเหมือนท้องฟ้า” เซลาห์

38 แต่พระเจ้า พระองค์ได้ละทิ้งกษัตริย์และจากไป
    พระองค์โกรธผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้
39 พระองค์ยกเลิกข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้รับใช้ของพระองค์
    พระองค์ลบหลู่มงกุฎของเขาด้วยการโยนทิ้งลงดิน
40 พระองค์พังกำแพงรอบเมืองของเขาจนหมดสิ้น
    พระองค์ทำให้พวกป้อมปราการของเขากลายเป็นซากปรักหักพัง
41 คนที่เดินผ่านไปมาก็ได้ปล้นเขา
    ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบต่างพากันพูดเหยียดหยามเขา
42 พระองค์ทำให้พวกศัตรูของเขาชูมือ-ขวาขึ้นในชัยชนะ
    และทำให้ศัตรูทั้งหลายของเขาเฉลิมฉลองกัน
43 พระองค์หันคมดาบของเขาไปจากศัตรูของเขา
    และไม่ยอมช่วยเขาสู้รบ
44 พระองค์ทำให้สง่าราศีของเขาจบสิ้นลง
    และขว้างบัลลังก์ของเขาจากที่ของมันลงบนดิน
45 พระองค์ทำให้เขาแก่ก่อนวัย
    และห่อเขาไว้ในความละอาย เซลาห์

46 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน พระองค์จะซ่อนตัวพระองค์ตลอดไปหรือ
    ความโกรธของพระองค์จะเผาผลาญไปอีกนานแค่ไหน
47 อย่าลืมว่า ชีวิตข้าพเจ้านั้นสั้นเหลือเกิน
    พระองค์สร้างมนุษย์ทุกคนให้มาพบกับจุดจบที่ว่างเปล่า
48 จะมีใครมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องตาย
    ใครจะเอาตัวรอดจากอำนาจของความตาย เซลาห์

49 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ความรักมั่นคงของพระองค์ที่พระองค์แสดงในอดีตหายไปไหน
    เป็นความรักที่พระองค์เคยสาบานไว้กับดาวิดด้วยความสัตย์ซื่อ
50 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดระลึกถึงความอับอายที่พวกผู้รับใช้ของพระองค์ต้องทน
    คำเยาะเย้ยจากชนชาติทั้งหลายที่ข้าพเจ้าต้องแบกรับไว้เต็มอก
51 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ศัตรูของพระองค์เยาะเย้ย
    พวกเขาเยาะเย้ยกษัตริย์ที่พระองค์ได้เจิมไว้

52 สรรเสริญพระยาห์เวห์ ตลอดไป
    เอเมน[f] และเอเมน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International