M’Cheyne Bible Reading Plan
พระเจ้าพูดต่อต้านเบธเอล
13 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนของพระเจ้าคนหนึ่งซึ่งมาจากยูดาห์ให้ไปที่เมืองเบธเอล เขาไปถึงในขณะที่เยโรโบอัมกำลังยืนถวายเครื่องหอมอยู่ข้างแท่นบูชา 2 พระยาห์เวห์สั่งให้ชายคนนั้นพูดต่อต้านแท่นบูชานั้นว่า
“แท่นบูชา แท่นบูชา พระยาห์เวห์พูดกับเจ้าว่า ‘ลูกชายคนหนึ่งชื่อโยสิยาห์จะเกิดจากครอบครัวของดาวิด ตอนนี้พวกนักบวชกำลังถวายเครื่องหอมบนเจ้า แต่โยสิยาห์จะจับพวกนักบวชของสถานที่นมัสการต่างๆนี้ มาเผาเป็นเครื่องสังเวยบนเจ้า และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า[a]’”
3 และในวันเดียวกันนั้น คนของพระเจ้าก็ได้ให้ลางบอกเหตุว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง เขาพูดว่า “เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าพระยาห์เวห์ได้พูดผ่านทางเรา คือแท่นบูชาจะปริแตกออกและขี้เถ้าบนนั้นจะหกกระจาย”
4 เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมได้ยินสิ่งที่คนของพระเจ้าร้องออกมาต่อต้านแท่นบูชาที่เบธเอล เขาก็ยื่นมือจากแท่นบูชาชี้ไปที่ชายคนนั้น และพูดว่า “จับตัวมันไว้” แต่มือที่เขายื่นออกไปชี้ชายคนนั้นกลับเป็นอัมพาตไป จนไม่สามารถดึงกลับมาได้ 5 และแท่นบูชาก็ได้ปริแตกออกและขี้เถ้าบนนั้นก็ได้หกกระจาย ซึ่งเป็นไปตามลางบอกเหตุที่คนของพระเจ้าได้ให้ไว้ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ 6 แล้วกษัตริย์ก็ได้พูดกับคนของพระเจ้านั้นว่า “ช่วยร้องขอต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน และอธิษฐานให้กับเรา เพื่อให้มือเรากลับมาเหมือนเดิมด้วยเถิด”
คนของพระเจ้าคนนั้นจึงได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และมือของกษัตริย์ก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม 7 กษัตริย์ได้พูดกับคนของพระเจ้าว่า “กลับไปบ้านกับเราเถิด ไปกินอาหารกับเรา แล้วเราจะให้ของขวัญกับท่าน”
8 แต่คนของพระเจ้าคนนั้นตอบกษัตริย์ไปว่า “ถึงแม้ท่านจะให้สมบัติของท่านครึ่งหนึ่งกับเรา เราก็จะไม่ไปกับท่าน เราจะไม่กินหรือดื่มในที่นี่ 9 เพราะเราได้รับคำสั่งจากพระยาห์เวห์มาว่า ‘เจ้าต้องไม่กินหรือดื่มหรือกลับเส้นทางเดิมที่เจ้ามา’”
10 เขาจึงใช้ถนนอีกสายและไม่ได้ใช้เส้นทางเดิมตอนมาเบธเอล
11 ในตอนนั้นมีผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล และพวกลูกชาย[b]ของเขา ได้กลับมาบอกเขา ถึงสิ่งที่คนของพระเจ้าคนนั้นได้ทำไปในวันนั้นที่เบธเอล พวกเขายังได้บอกพ่อของเขาในสิ่งที่ชายคนนั้นได้พูดกับกษัตริย์ด้วย 12 พ่อของเขาถามพวกลูกชายว่า “เขาไปทางไหนแล้ว” พวกลูกชายก็ชี้ไปทางที่คนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ ใช้เดินไป 13 แล้วชายแก่คนนั้นก็ได้พูดกับพวกลูกๆของเขาว่า “ผูกอานลาให้กับพ่อหน่อย” เมื่อพวกลูกชายผูกอานลาให้กับเขาแล้ว เขาก็ขึ้นขี่มัน
14 เขาได้ขี่ลาตัวนั้นตามหลังคนของพระเจ้าไป และพบชายคนนั้นนั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊ค เขาก็เข้าไปถามว่า “ท่านคือคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์หรือ”
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว เราเอง”
15 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆนั้น จึงได้พูดกับชายนั้นว่า “ไปบ้านเราเถิด ไปกินอาหารด้วยกัน”
16 คนของพระเจ้าคนนั้นพูดว่า “เราไม่สามารถหันกลับไปกับท่านได้ และไม่สามารถกินหรือดื่มกับท่านในสถานที่แห่งนี้ด้วย 17 พระยาห์เวห์ได้บอกกับเราไว้ว่า ‘เจ้าต้องไม่กินหรือดื่มที่นั่นหรือกลับทางเส้นเดิมที่ใช้มานั้น’”
18 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้นตอบว่า “เราก็เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่งเหมือนกับท่าน และทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้พูดกับเราด้วยคำพูดของพระยาห์เวห์ว่า ‘นำเขากลับบ้านไปกับท่าน เพื่อให้เขาได้กินและดื่ม’” (แต่จริงๆแล้วผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้โกหกเขา)
19 คนของพระเจ้าคนนั้นจึงได้กลับไปกับเขา ไปร่วมกินและดื่มในบ้านเขา 20 ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ คำพูดของพระยาห์เวห์ก็มาถึงผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆที่ได้พาเขากลับมา 21 เขาร้องออกมาต่อหน้าคนของพระเจ้าคนนั้นที่มาจากยูดาห์ว่า “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เจ้าขัดขืนคำพูดของพระยาห์เวห์และไม่ทำตามคำสั่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ 22 เจ้ากลับมา กินและดื่มในสถานที่ที่พระองค์บอกเจ้าว่าไม่ให้มากินหรือดื่ม ดังนั้น ร่างกายของเจ้าจะไม่ได้ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเจ้า’”
23 เมื่อคนของพระเจ้าคนนั้นกินและดื่มเสร็จแล้ว พวกเขาได้ผูกอานไว้บนหลังลาให้กับเขา เป็นลาของผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆนั้นที่นำเขากลับมา 24 แล้วเขาก็จากไป ในระหว่างทางนั้น สิงโตตัวหนึ่งมาเจอกับเขาบนถนนนั้นและได้ฆ่าเขา ศพของเขาก็ถูกทิ้งอยู่บนถนนนั้นโดยมีลาและสิงโตตัวนั้นยืนอยู่ข้างๆ 25 มีคนผ่านทางมาเห็นศพของเขาถูกโยนทิ้งอยู่ที่นั่น โดยมีสิงโตยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ได้เข้าไปบอกคนในเมืองที่ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้นอาศัยอยู่
26 เมื่อผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้ ที่ไปรับชายคนนั้นกลับมาจากการเดินทางของเขาได้ยินเรื่องนี้เข้า เขาพูดว่า “นั่นคือคนของพระเจ้าที่ขัดคำสั่งของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ได้มอบเขาให้กับสิงห์ตัวนั้นซึ่งมันก็ได้ขย้ำเขาและฆ่าเขา เหมือนกับคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้เตือนเขาไว้” 27 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้ พูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “ผูกอานลาให้กับพ่อหน่อย” พวกเขาก็ทำตาม 28 แล้วเขาก็ออกไปดูศพของชายคนนั้นที่ถูกโยนทิ้งอยู่บนถนน โดยมีลาและสิงห์ตัวนั้นยืนอยู่ข้างๆ สิงห์ตัวนั้นไม่ได้กินศพนั้นและไม่ได้ขย้ำลาตัวนั้นด้วย
29 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้น จึงเอาศพของชายคนนั้นที่เป็นคนของพระเจ้า ขึ้นวางบนหลังลา และนำเขากลับมาที่เมือง เพื่อไว้ทุกข์ให้เขาและฝังเขา 30 แล้วคนแก่คนนี้ ก็วางศพนั้นไว้ในหลุมฝังศพของเขาเอง พวกเขาก็ไว้ทุกข์ให้ชายคนนั้นและพูดว่า “โถ่ น้องชายของเรา” 31 หลังจากที่ได้ฝังศพชายคนนั้นแล้ว ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้พูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “เมื่อพ่อตาย ให้ฝังศพของพ่อไว้ในหลุมเดียวกับที่ได้ฝังคนของพระเจ้าคนนั้น วางกระดูกของพ่อไว้ข้างๆกระดูกของเขา 32 เพราะสิ่งที่เขาได้ประกาศ โดยคำพูดของพระยาห์เวห์ ที่ต่อต้านแท่นบูชาในเบธเอลและต่อต้านศาลเจ้าตามสถานนมัสการตามเมืองต่างๆของเมืองสะมาเรียนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
33 แต่ถึงจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นก็ตาม เยโรโบอัมก็ยังไม่ยอมหันกลับจากทางชั่วของเขา เขากลับแต่งตั้งพวกนักบวชที่มาจากคนหลายๆประเภท[c] เหมือนเคย จะเป็นใครก็ได้ที่เขาอยากให้เป็นนักบวช เขาก็จะอุทิศคนนั้นให้กับสถานที่สูงเหล่านั้น 34 เรื่องนี้เป็นบาปสำหรับครอบครัวเยโรโบอัม ที่ทำให้ครอบครัวนี้ถูกตัดและถูกทำลายไปจากผืนแผ่นดินโลก
สิ่งที่ต้องทำ
4 พี่น้องที่รัก ผมอยากเจอพวกคุณมาก ผมชื่นชมพวกคุณมาก คุณเป็นความภาคภูมิใจของผม ขอให้ตั้งมั่นคงในองค์เจ้าชีวิตเถิด
2 ผมได้ขอร้อง ยูโอเดีย กับ สินทิเค ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในองค์เจ้าชีวิต
3 เพื่อนรัก น้องเป็นเพื่อนร่วมงาน ผม ขอร้องให้น้องไปช่วยผู้หญิงสองคนนี้ให้ดีกัน ทั้งสองคนนี้ได้ทำงานอย่างหนักในการประกาศข่าวดีร่วมกับผม พร้อมกับเคลเมนต์และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆของผม ชื่อของคนเหล่านี้ได้จดไว้แล้วในหนังสือแห่งชีวิต[a]
4 ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิตตลอดเวลา ขอย้ำอีกที ให้ยินดีเถอะ
5 ขอให้ทุกคนได้เห็นถึงความสุภาพอ่อนโยนและความเมตตาปรานีของคุณ องค์เจ้าชีวิตกำลังจะกลับมา 6 เลิกกังวลได้แล้ว แต่ให้อธิษฐานในทุกๆสถานการณ์ และขอในสิ่งที่คุณต้องการจากพระเจ้า และเมื่ออธิษฐานก็ให้ขอบคุณพระเจ้าด้วย 7 แล้วสันติสุขที่มาจากพระเจ้า ซึ่งดีกว่าสันติสุขที่มาจากแผนงานต่างๆของมนุษย์[b] จะปกป้องรักษาจิตใจ และความคิดของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์
8 สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ อะไรก็ตามที่จริง ที่น่านับถือ ที่ถูกต้อง ที่บริสุทธิ์ ที่น่ารัก ที่น่ายกย่อง นั่นคืออะไรก็ตามที่ยอดเยี่ยมและน่าสรรเสริญ ให้เอาใจใส่ในเรื่องเหล่านั้น 9 ให้ฝึกฝนในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณได้เรียนรู้มา ได้รับมา ได้ยินมาจากผม และได้เห็นผมทำด้วย แล้วพระเจ้าแห่งสันติสุขจะอยู่กับคุณ
เปาโลขอบคุณคริสเตียนชาวฟีลิปปี
10 ผมดีใจและขอบคุณองค์เจ้าชีวิตมาก เพราะในที่สุดพวกคุณก็กลับมาห่วงใยผมอีก อันที่จริงคุณห่วงใยผมตลอดมาอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสแสดงออกมาเท่านั้นเอง 11 ผมไม่ได้พูดอย่างนี้เพราะผมขัดสน เพราะผมเรียนรู้ที่จะพอใจไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม 12 ผมรู้ว่าจะพอใจได้อย่างไรทั้งตอนที่ขัดสน และตอนที่มีอย่างเหลือเฟือ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ผมได้เรียนรู้เคล็ดลับว่าจะอยู่อย่างไร ในเวลาที่อิ่มท้องหรือหิวโหย ในเวลาที่มีเหลือเฟือหรือขาดแคลน 13 พระคริสต์ให้ผมมีกำลังที่จะทนได้กับทุกสิ่ง
14 แต่เป็นสิ่งที่ดี ที่พวกคุณได้มาช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของผม 15 พวกคุณชาวฟีลิปปีรู้อยู่แล้วว่า ในสมัยแรกๆที่ผมได้จากแคว้นมาซิโดเนียไปประกาศข่าวดีนั้น นอกจากพวกคุณแล้วไม่มีหมู่ประชุมไหน ที่มามีส่วนร่วมกับผมในการช่วยเหลือกันและกัน 16 ตอนที่ผมอยู่เมืองเธสะโลนิกา พวกคุณได้ส่งของมาช่วยเหลือผมครั้งแล้วครั้งเล่า 17 ไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมอยากจะได้ของอีก แต่ผมอยากให้คุณได้รับสิ่งตอบแทนในส่วนที่คุณควรจะได้ 18 คุณได้จ่ายคืนผมครบถ้วนแล้ว และมากเกินไปด้วยซ้ำ ผมมีครบทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว และผมได้รับของที่คุณฝากมากับเอปาโฟรดิทัสแล้ว ของฝากพวกนั้นเป็นเหมือนกับเครื่องบูชาที่หอมหวาน ที่พระเจ้ายอมรับและพอใจ 19 พระเจ้าของผมจะให้ทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณ จากความมั่งคั่งอันมหาศาลของพระองค์ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ 20 ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา ได้รับเกียรติทั้งตอนนี้ และตลอดไป อาเมน
21 ช่วยทักทายคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนในพระเยซูคริสต์ด้วย พี่น้องที่อยู่กับผมที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้กับพวกคุณทุกคน 22 คนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้พวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพวกนั้นที่ทำงานให้กับซีซาร์ 23 ขอให้ความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้าอยู่กับพวกคุณทุกคนด้วย
สง่าราศีของพระยาห์เวห์กลับคืนสู่วิหารของพระองค์
43 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมไปที่ประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก 2 และผมได้เห็นรัศมีของพระเจ้าของชาวอิสราเอล ส่องออกมาจากทางทิศตะวันออกนั้น เสียงดังเหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และพื้นดินได้สว่างจ้าไปด้วยแสงจากรัศมีของพระองค์
3 นิมิตที่ผมเห็นนั้นเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งที่พระองค์ได้มาเพื่อทำลายเมือง และเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นที่คลองเคบาร์ และผมก็ซบหน้าลงกับดิน
4 รัศมีของพระยาห์เวห์ได้เข้าสู่วิหารทางประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
5 แล้วพระวิญญาณ[a] ได้ยกผมขึ้น และนำผมเข้าสู่ลานด้านใน และรัศมีของพระยาห์เวห์ได้แผ่ไปทั่ววิหาร 6 ในขณะที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ข้างๆผม ผมได้ยินเสียงของผู้หนึ่งดังออกมาจากภายในวิหารพูดกับผม
7 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์
นี่คือที่ตั้งบัลลังก์ของเรา และเป็นที่วางฝ่าเท้าของเรา
นี่คือที่ที่เราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลตลอดไป ทั้งครอบครัวชาวอิสราเอลกับพวกกษัตริย์ของพวกเขา จะไม่ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องเสื่อมเสียอีก ด้วยการขายตัว[b] ของพวกเขา และด้วยการถวายของขวัญให้กับพวกวิญญาณของกษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาในงานศพของกษัตริย์เหล่านั้น
8 กษัตริย์ของพวกเขาสร้างธรณีประตูวังและเสาประตูวังของพวกเขาติดกับของเราเลย มีแค่ผนังกั้นระหว่างเรากับพวกเขาเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพวกเขาทำตัวน่ารังเกียจ พวกเขาก็ได้ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสียไป เราถึงได้ทำลายพวกเขาตอนที่เราโกรธ 9 ให้พวกเขาหยุดขายตัว และให้หยุดถวายของขวัญให้กับพวกกษัตริย์ที่ตายแล้วของพวกเขา แล้วเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป
10 เจ้าลูกมนุษย์เอ๋ย ให้บรรยายเรื่องวิหารนี้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลฟัง เพื่อพวกเขาจะได้อับอายในบาปทั้งหลายของพวกเขา และให้พวกเขาพิจารณาถึงแผนผังของวิหารนี้ 11 แล้วพวกเขาจะได้ละอายต่อสิ่งทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำไป ให้พวกเขารู้จักรูปแบบของวิหารนี้ ทั้งการจัดวาง พวกทางออกและทางเข้า รวมทั้งกฎระเบียบและคำสั่งทั้งหมดของมัน ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ไว้ต่อหน้าพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รักษากฎทั้งหลายของเรา และทำตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดของเรา
12 นี่คือกฎของวิหาร คือบริเวณรอบๆวิหารทั้งหมดบนยอดเขา จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นั่นคือกฎของวิหาร
แท่นบูชา
13 ต่อไปนี้คือขนาดของแท่นบูชา โดยวัดเป็นศอก ให้หนึ่งศอกยาวเท่ากับหนึ่งศอกกับอีกหนึ่งฝ่ามือ
แท่นบูชานี้มีร่องน้ำอยู่รอบๆฐานของมัน ลึกหนึ่งศอก กว้างหนึ่งศอก
ตรงริมของร่องน้ำ มีขอบสูงขึ้นมาหนึ่งคืบ และต่อไปนี้คือความสูงของแท่นบูชา
14 จากก้นของร่องน้ำ ขึ้นมาถึงส่วนบนสุดของที่กั้นอันต่ำ สูงสองศอก หนาหนึ่งศอก จากที่กั้นอันต่ำสุดนี้ขึ้นไปถึงที่กั้นอันสูงสุด สูงสี่ศอก หนาหนึ่งศอก
15 เตาไฟของแท่นบูชาสูงสี่ศอก
และที่มุมทั้งสี่ของเตาไฟนั้น มีเชิงงอนสี่อันยื่นขึ้นมา
16 เตาไฟของแท่นบูชานั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสองศอก
17 ที่กั้นอันสูงนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสี่ศอก มีขอบสูงครึ่งศอก มีรางน้ำขนาดหนึ่งศอกอยู่รอบๆฐานของแท่น บันไดของแท่นบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก”
18 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
นี่คือกฎระเบียบต่างๆสำหรับแท่นบูชา เมื่อเจ้าสร้างมันเสร็จแล้ว เพื่อเจ้าจะได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาบนมัน และซัดเลือดใส่ข้างแท่นบูชา
19 เจ้าต้องใช้วัวหนุ่มหนึ่งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เจ้าต้องนำมันมาให้กับนักบวชชาวเลวี ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของศาโดก พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้เรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
20 “เจ้าต้องเอาเลือดของมันมาส่วนหนึ่ง มาใส่ที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชา และที่มุมทั้งสี่ของที่กั้นชั้นบนสุดที่ถัดจากเตาลงมา และขอบที่อยู่รอบมัน อย่างนี้เจ้าจะทำให้แท่นบูชานั้นบริสุทธิ์และชำระมัน
21 เจ้าต้องเอาวัวหนุ่มที่ถูกถวายเป็นเครื่องบูชา และให้เอาไปเผาในที่ที่ได้กำหนดไว้ภายในบริเวณวิหาร ที่อยู่นอกตึกของวิหาร
22 ในวันที่สอง เจ้าต้องถวายแพะผู้ตัวหนึ่งที่ไม่มีตำหนิใดๆเพื่อเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และเจ้าต้องทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ อย่างที่ทำตอนถวายวัวหนุ่มนั้น
23 เมื่อเจ้าทำพิธีชำระแท่นบูชาเสร็จแล้ว
เจ้าต้องถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งที่มาจากฝูง ทั้งสองตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ
24 เจ้าต้องถวายพวกมันต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกนักบวชต้องโรยเกลือลงบนพวกมัน และนำพวกมันไปถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์
25 เจ้าจะต้องจัดหาแพะตัวผู้ตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ทุกๆวันเป็นเวลาเจ็ดวัน และเจ้ายังต้องจัดหาวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับแกะผู้ตัวหนึ่งจากฝูง สัตว์ทั้งหมดต้องไม่มีตำหนิใดๆ
26 พวกนักบวชต้องชำระแท่นบูชา และทำให้มันบริสุทธิ์ เป็นเวลาเจ็ดวัน อย่างนี้พวกเขาจะได้อุทิศแท่นบูชานี้ให้กับพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ 27 เมื่อพวกเขาทำจนครบเจ็ดวันแล้ว ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไป พวกนักบวชต้องถวายเครื่องเผาบูชาของเจ้า และเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นบูชานั้น แล้วเราจะยอมรับเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
นมัสการและเชื่อฟังพระยาห์เวห์
1 มาเถิด ให้พวกเรามาร้องเพลงด้วยความชื่นบานให้กับพระยาห์เวห์กันเถิด
ให้โห่ร้องสรรเสริญหินกำบังผู้ช่วยให้รอดของเราเถิด
2 ให้พวกเราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการขอบพระคุณเถิด
ให้ร้องเพลงและเล่นดนตรีให้กับพระองค์เถิด
3 เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่
พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เหนือพระเจ้าทั้งปวง
4 เพราะโลกนี้ทั้งหมดเป็นของพระองค์
ตั้งแต่พวกถ้ำที่ลึกที่สุด จนถึงพวกยอดเขาที่สูงที่สุด
5 ทะเลทั้งหลายที่พระองค์สร้าง
และผืนดินทั้งหลายที่พระองค์ปั้นแต่งขึ้น ล้วนเป็นสมบัติของพระองค์
6 มาเถิด ให้พวกเรากราบลงนมัสการพระองค์
และคุกเข่าลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ ผู้สร้างพวกเรา
7 เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเรา
และเราเป็นชนชาติที่พระองค์เลี้ยงดู
คือแกะที่พระองค์นำด้วยมือของพระองค์
ขอเพียงแค่เจ้าฟังเสียงของพระองค์ในวันนี้
พระองค์พูดว่า
8 “อย่าได้มีใจดื้อรั้นเหมือนกับที่บรรพบุรุษของเจ้าทำที่เมรีบาห์
และเหมือนกับในวันนั้นที่มัสสาห์[a] ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
9 ที่นั่น พวกเขาลองดีกับเราและทดสอบเรา
ทั้งๆที่พวกเขาเคยเห็นสิ่งที่เราทำไปแล้วก็ตาม
10 เราสะอิดสะเอียนคนรุ่นนั้นนานถึงสี่สิบปี
เราว่า ‘คนพวกนั้นมีใจที่หลงผิดไป ไม่เคยเรียนรู้ทางต่างๆของเรา’
11 ดังนั้น ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า
‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเราเลย’”
ให้ทุกชนชาติสรรเสริญพระยาห์เวห์
(1 พศด. 16:23-33)
1 ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์
ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงแด่พระยาห์เวห์กันเถิด
2 ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ สรรเสริญชื่อของพระองค์
ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
3 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
4 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
พระองค์น่าเกรงขามกว่าพระเจ้าทั้งปวง
5 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นรูปเคารพที่ไร้ค่า
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
6 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
อำนาจและความงดงามอยู่ในวิหารของพระองค์
7 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
8 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
ให้นำเครื่องกำนันมาให้พระองค์ในลานวิหารของพระองค์เถิด
9 ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์[b]
มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
10 ประกาศให้ทุกชนชาติรู้ว่า “พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ พระองค์ตั้งโลกนี้ไว้อย่างมั่นคง
มันจะไม่มีวันสั่นคลอน พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างยุติธรรม”
11 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
12 ขอให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
และขอให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
13 เพราะพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
พระองค์จะตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรมและตัดสินชนชาติต่างๆอย่างสัตย์ซื่อ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International