M’Cheyne Bible Reading Plan
ลูกชายของเยโรโบอัมตาย
14 ในเวลานั้นอาบียาห์ลูกชายของเยโรโบอัมไม่สบาย 2 เยโรโบอัมได้พูดกับเมียของเขาว่า “ไปปลอมตัวสิเพื่อคนจะได้ไม่รู้ว่าน้องคือเมียของพี่ แล้วให้น้องไปหาอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าที่ชิโลห์ เขาคือคนที่เคยบอกพี่ว่า พี่จะได้เป็นกษัตริย์เหนือประชาชนพวกนี้ 3 ให้เอาขนมปังไปสิบก้อน ขนมเค้ก น้ำเชื่อมผลไม้หนึ่งไห แล้วให้ไปหาเขา เขาจะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเรา”
4 เมียของเยโรโบอัมจึงทำตามที่เขาบอก และไปบ้านของอาหิยาห์ในชิโลห์ ตอนนั้น อาหิยาห์มองไม่เห็นแล้ว สายตาของเขาใช้การไม่ได้เพราะเขาแก่มาก 5 แต่พระยาห์เวห์บอกกับอาหิยาห์ว่า “เมียของเยโรโบอัมกำลังจะมาหาเจ้า เพื่อถามเจ้าเกี่ยวกับลูกชายของนาง เพราะเด็กคนนั้นไม่สบาย เมื่อนางมาถึง ให้เจ้าตอบนางไปว่าอย่างนี้ๆ นางจะปลอมตัวมา”
6 เมื่ออาหิยาห์ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางที่ประตู เขาจึงพูดว่า “เข้ามาเถิด เมียของเยโรโบอัม ทำไมต้องปลอมตัวมาด้วย พระเจ้าให้เราบอกข่าวร้ายกับท่าน 7 ให้ไปบอกเยโรโบอัมว่า ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้ว่าอย่างนี้ เราได้ยกเจ้าขึ้นมาจากท่ามกลางประชาชน และทำให้เจ้าเป็นผู้นำเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา 8 เราได้ฉีกอาณาจักรจากครอบครัวของดาวิดและยกมันให้กับเจ้า แต่เจ้าไม่เหมือนกับดาวิดผู้รับใช้เรา ผู้ซึ่งรักษาคำสั่งของเราและทำตามเราอย่างสุดใจของเขา เขาได้ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา 9 แต่เจ้ากลับทำความชั่วไว้มากมายกว่าคนอื่นๆที่เคยมีชีวิตอยู่ก่อนหน้าเจ้า เจ้าได้สร้างพวกพระอื่นสำหรับตัวเจ้าเอง คือรูปเคารพที่หล่อจากเหล็ก เจ้ายั่วเราให้โกรธและเหวี่ยงเราทิ้งไปข้างหลังเจ้า 10 เพราะอย่างนี้ เยโรโบอัม เราจะนำความหายนะมาสู่ครอบครัวของเจ้า เราจะตัดผู้ชายทุกคนในอิสราเอลออกจากเจ้า ทั้งทาสและคนที่ไม่ใช่ทาส เราจะเผาบ้านของเจ้าเหมือนกับเผามูลสัตว์จนกว่ามันจะมอดไหม้ไปหมด 11 พวกหมาจะมากินซากคนของเจ้าที่ตายอยู่ในเมือง และพวกนกบนท้องฟ้าจะมากินคนที่ตายอยู่ในชนบท พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้’”
12 แล้วอาหิยาห์ก็พูดว่า “ส่วนตัวเจ้า กลับบ้านไปเถอะ ทันทีที่เจ้าก้าวเท้าเข้าไปในเมือง ลูกชายของเจ้าจะตาย 13 อิสราเอลทั้งหมดจะไว้ทุกข์ให้กับเขาและฝังศพเขา เขาจะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเยโรโบอัมที่จะได้รับการฝัง เพราะเขาเป็นผู้เดียวในครอบครัวของเยโรโบอัมที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลยังเห็นว่ามีความดีอยู่บ้าง 14 พระยาห์เวห์จะยกคนหนึ่งขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลสำหรับพระองค์เอง เขาเป็นผู้ที่จะตัดครอบครัวของเยโรโบอัมทิ้งไปในวันนี้ ใช่แล้ว ในเวลานี้เลย 15 พระยาห์เวห์จะทำลายอิสราเอล เหมือนกับต้นอ้อที่โอนเอียงไปในน้ำ พระองค์จะถอนรากถอนโคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่ดีแห่งนี้ที่พระองค์ได้ยกให้กับพวกบรรพบุรุษของพวกเขาก่อนหน้านี้ และพระองค์จะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปไกลเลยแม่น้ำยูเฟรติสไป เพราะพวกเขาได้ยั่วให้พระยาห์เวห์โกรธ โดยการสร้างพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ขึ้น 16 พระองค์จะให้อิสราเอลพ่ายแพ้ เพราะบาปต่างๆที่เยโรโบอัมได้ทำไป รวมทั้งบาปที่เขาได้ให้ชาวอิสราเอลทำด้วย”
17 แล้วเมียของเยโรโบอัมก็ลุกขึ้นจากไป นางกลับมาถึงเมืองทีรซาห์ ทันทีที่นางก้าวเท้าข้ามธรณีประตูของบ้านเข้ามา เด็กชายคนนั้นก็ตาย 18 พวกเขาฝังเด็กไว้และอิสราเอลทั้งหมดก็ไว้ทุกข์ให้เขาเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ผ่านทางอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้พระองค์
19 เหตุการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเยโรโบอัม ทั้งสงครามและวิธีการปกครองของเขาได้จดบันทึกไว้แล้วในสมุดประวัติของบรรดากษัตริย์ของอิสราเอล 20 เยโรโบอัมได้ครองราชย์อยู่ยี่สิบสองปีและได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และนาดับลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
เรโหโบอัม กษัตริย์ของยูดาห์
(2 พศด. 11:5-12:16)
21 ส่วนเรโหโบอัมลูกชายของซาโลมอนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์อยู่ในยูดาห์ เขามีอายุสี่สิบเอ็ดปี ตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่เป็นเวลาสิบเจ็ดปีในเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเมืองที่พระยาห์เวห์ได้เลือกออกมาจากบรรดาเผ่าต่างๆของอิสราเอล เพื่อที่จะเป็นที่ที่ชื่อของพระองค์จะได้รับเกียรติ แม่ของเรโหโบอัมชื่อนาอามาห์เป็นชาวอัมโมน
22 ชาวยูดาห์ได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ บาปที่พวกเขาทำ ยั่วให้พระยาห์เวห์เกิดความหวงแหน พวกเขาทำให้พระยาห์เวห์โกรธ พวกเขาได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าที่พวกบรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำไว้เสียอีก 23 พวกเขาได้จัดตั้งสถานที่นมัสการขึ้นหลายแห่งสำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาได้ตั้งก้อนหินศักดิ์สิทธิ์และพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ไว้ตามเนินเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้ทุกต้นที่มีกิ่งก้านแผ่ออกมา 24 ยังมีพวกผู้ชายขายตัวตามพวกศาลเจ้าในแผ่นดินนั้นด้วย ประชาชนต่างทำตามเรื่องน่าสะอิดสะเอียนทั้งหลายของชนชาติเหล่านั้น ที่พระยาห์เวห์เคยขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล
25 ในปีที่ห้าของกษัตริย์เรโหโบอัม กษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ได้ขึ้นมาโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม 26 เขาได้ขนเอาทรัพย์สมบัติต่างๆไปจากวิหารของพระยาห์เวห์ และจากวังของกษัตริย์ เขาได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปรวมทั้งพวกโล่ทองคำที่ซาโลมอนได้ทำขึ้นด้วย 27 ดังนั้น กษัตริย์เรโหโบอัมจึงได้สร้างโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาแทนที่ของเหล่านั้น และมอบพวกมันไว้กับพวกทหารยามที่เข้าเวรอยู่หน้าประตูวัง 28 และทุกครั้งที่กษัตริย์จะเข้าไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ พวกทหารยามก็จะถือโล่เหล่านี้ไปด้วย และหลังจากนั้นก็จะเอากลับไปเก็บไว้ในห้องของยาม
29 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเรโหโบอัมและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้หมดแล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ 30 มันเป็นยุคที่มีสงครามเกิดขึ้นตลอดเวลาระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัม
31 เรโหโบอัมก็ได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ ของเขาและถูกฝังรวมกับพวกเขาอยู่ในเมืองของดาวิด แม่ของเขาชื่อนาอามาห์ นางเป็นชาวอัมโมน และอาบียัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
1 จากเปาโล ที่เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามใจของพระเจ้า และจากทิโมธีพี่น้องของเรา
2 ถึงคนที่เป็นของพระเจ้าในเมืองโคโลสี ซึ่งเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ในพระคริสต์ ขอพระเจ้าพระบิดาของเราให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณ
3 พวกเราขอบคุณพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสมอ เมื่อเราอธิษฐานเผื่อคุณ 4 เพราะเราได้ยินเรื่องความไว้วางใจที่คุณมีในพระเยซูคริสต์ และได้ยินเรื่องความรักที่คุณมีต่อคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคน 5 ความไว้วางใจและความรักนี้ เกิดมาจากความหวังที่เก็บไว้สำหรับพวกคุณในสวรรค์ ความหวังนี้พวกคุณได้ยินมาก่อนแล้วในถ้อยคำแห่งความจริง ซึ่งก็หมายถึงข่าวดีนั้น 6 ที่มาถึงพวกคุณแล้ว ข่าวดีนี้กำลังเกิดผลและขยายไปทั่วโลกเหมือนกับที่กำลังเกิดผลในหมู่พวกคุณ นับตั้งแต่วันแรกที่คุณได้ยิน และเข้าใจถึงความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับความเมตตากรุณาของพระเจ้า 7 คุณได้เรียนรู้เรื่องนี้จากเอปาฟรัสเพื่อนที่เป็นทาสของพระคริสต์ด้วยกันกับเรา เรารักเขามาก เขาก็เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระคริสต์ เพื่อประโยชน์ต่อพวกคุณ 8 เขามาบอกพวกเราให้รู้ถึงความรักที่คุณมีผ่านทางพระวิญญาณ
9 เพราะอย่างนี้ เราถึงไม่เคยหยุดอธิษฐานให้พวกคุณเลย นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้ยินเรื่องของพวกคุณ
เราขอให้พระเจ้าเติมพวกคุณให้เต็มไปด้วยความรู้ถึงความต้องการของพระองค์คือให้มีความเฉลียวฉลาดทุกอย่าง และมีความเข้าใจที่มาจากพระวิญญาณด้วย 10 เราอธิษฐานอย่างนี้ เพื่อคุณจะใช้ชีวิตให้สมกับเป็นคนขององค์เจ้าชีวิต แล้วจะได้เอาใจพระองค์ในทุกเรื่อง คือเกิดผลในการทำดีทุกอย่าง และรู้จักพระเจ้ามากขึ้น 11 ให้เข้มแข็งขึ้นด้วยพลังอำนาจทั้งสิ้นที่มาจากฤทธิ์อำนาจมหาศาลของพระองค์ เพื่อคุณจะได้บากบั่นมานะและทรหดอดทน
12 พวกคุณจะได้ขอบคุณพระบิดาด้วยความชื่นชมยินดี พระบิดาได้ทำให้คุณเหมาะสมที่จะได้รับส่วนแบ่งในมรดกซึ่งอยู่ในอาณาจักรที่สว่างไสวร่วมกับคนที่เป็นของพระเจ้า 13 พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และนำเราเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระบุตร ซึ่งก็คือพระบุตรที่พระเจ้ารัก 14 พระองค์ได้ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระและอภัยบาปต่างๆของเราด้วย
เมื่อเรามองดูพระคริสต์เราเห็นพระเจ้า
15 พระคริสต์เป็นภาพสะท้อนของพระเจ้าผู้ที่ตามนุษย์มองไม่เห็น พระคริสต์เป็นลูกหัวปีที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา 16 พระเจ้าใช้พระคริสต์สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในสวรรค์หรือบนโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นพวกวิญญาณที่นั่งบนบัลลังก์ หรือพวกผู้ครอบครองแผ่นดิน หรือพวกผู้ปกครอง หรือพวกผู้มีสิทธิอำนาจ พระคริสต์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับพระองค์ 17 ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกสร้างขึ้นมา ก็มีพระองค์อยู่แล้ว และทุกอย่างยังคงอยู่ได้ก็เพราะพระองค์ยึดมันไว้ด้วยกัน 18 พระองค์เป็นศีรษะของร่างกาย ซึ่งก็คือหมู่ประชุมของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้น เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้เป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง 19 เพราะพระเจ้าตัดสินใจว่าจะให้ความเต็มบริบูรณ์ของพระองค์อยู่ในตัวพระคริสต์ 20 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบนโลกและในสวรรค์กลับมาคืนดีกับพระองค์ คือทำให้เกิดสันติภาพขึ้น ด้วยเลือดของพระคริสต์ที่หลั่งบนไม้กางเขนนั้น
21 ในอดีตนั้นพวกคุณเคยเหินห่างจากพระเจ้า และมีใจที่เป็นศัตรูกับพระองค์ เพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่ตัวเองทำ 22 แต่เดี๋ยวนี้พระเจ้าทำให้คุณกลับมาคืนดีกับพระองค์ โดยการตายของพระคริสต์ในร่างมนุษย์นี้ พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะได้ถวายคุณต่อหน้าพระเจ้าอย่างคนบริสุทธิ์ ไม่มีข้อเสื่อมเสียและไม่มีข้อกล่าวหา 23 แต่คุณจะต้องยืนหยัดและยึดมั่นในความเชื่อต่อไป และไม่เลิกหวังในข่าวดีที่คุณได้ยินแล้วนั้น ข่าวดีนี้เป็นสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้วกับทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้านี้ ผมเปาโล ได้มาเป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนี้
งานที่เปาโลทำเพื่อหมู่ประชุมของพระเจ้า
24 ผมดีใจที่ในขณะนี้ผมกำลังทนทุกข์เพื่อพวกคุณ และมีความทุกข์ที่ยังเหลืออยู่ที่พระคริสต์จะต้องแบกอยู่อีก ผมกำลังทำให้ความทุกข์ที่เหลือนี้สำเร็จในตัวผม ผมทำทั้งหมดนี้เพื่อร่างกายของพระองค์ คือหมู่ประชุมของพระองค์ 25 พระเจ้าได้มอบหมายให้ผมมาเป็นผู้รับใช้หมู่ประชุมของพระองค์เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพวกคุณ เพื่อประกาศถ้อยคำของพระเจ้าอย่างครบถ้วนให้กับพวกคุณ 26 ความจริงที่ลึกลับนี้ได้ถูกซ่อนไว้มาหลายยุคหลายสมัย แต่ตอนนี้พระเจ้าได้เปิดเผยให้กับพวกคนที่เป็นของพระองค์ 27 พระเจ้าอยากให้คนที่เป็นของพระองค์รู้ว่า ความจริงอันลึกลับที่ได้เปิดเผยในหมู่คนที่ไม่ใช่ยิวนั้น รุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ความจริงอันลึกลับนั้นคือ พระคริสต์ผู้อยู่ในพวกคุณนั้นเอง ทำให้เราเกิดความหวังที่จะได้มีส่วนร่วมในเกียรติของพระเจ้า 28 เราประกาศเรื่องของพระคริสต์ เราเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนด้วยปัญญาทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อเราจะได้นำทุกคนไปอยู่ต่อหน้าพระเจ้าอย่างเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในพระคริสต์ 29 นี่เป็นเหตุที่ผมต่อสู้ ตรากตรำทำงานอย่างหนัก โดยพึ่งฤทธิ์เดชของพระคริสต์ที่ทำงานอย่างมากมายมหาศาลอยู่ในตัวผม
ประตูด้านนอกทางทิศตะวันออก
44 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมกลับไปที่ประตูด้านนอกของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ประตูนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมันก็ปิดอยู่
2 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ประตูนี้ต้องปิดอยู่เสมอ ไม่มีใครมีสิทธิ์เปิดมัน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออกทางประตูนี้ มันต้องปิดอยู่เสมอ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้เข้ามาทางประตูนี้
3 มีแต่ผู้นำของอิสราเอลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ที่ในประตูนี้ เพื่อจะกินอาหารต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาต้องเข้ามาทางระเบียงของประตูและออกไปทางเดียวกัน”
ความศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร
4 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมผ่านเข้าไปทางประตูทิศเหนือ ไปถึงด้านหน้าของวิหาร ผมมองดูและเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์เต็มวิหารของพระองค์ และผมได้ซบหน้าลงกับดิน
5 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า
“เจ้าลูกมนุษย์ สนใจดีๆ ดูดีๆและฟังดีๆถึงทุกสิ่งที่เราบอกกับเจ้า ที่เกี่ยวกับกฎระเบียบของวิหารของพระยาห์เวห์ ให้สังเกตทางเข้าและทางออกทั้งหมดของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ดี
6 ให้พูดกับครอบครัวอิสราเอลที่ชอบกบฏว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ครอบครัวอิสราเอล ให้หยุดการประพฤติอันน่ารังเกียจทั้งหมดของพวกเจ้าซะ 7 นอกจากการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างอื่นของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังได้นำพวกชาวต่างชาติที่ไม่ได้ขลิบทั้งใจและกาย เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ทำให้วิหารของเราเสื่อมไป ในขณะที่เจ้าถวายอาหารให้กับเราซึ่งก็คือไขมันและเลือดนั้น อย่างนี้พวกเจ้าได้ละเมิดข้อตกลงที่มีต่อเรา
8 แทนที่พวกเจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้า ในการเฝ้ายามพวกของศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับให้คนต่างชาติเข้ามาเฝ้ายามแทนในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา”’”
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“ห้ามพวกคนต่างชาติที่ยังไม่ได้ขลิบทั้งใจและกายเข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถึงจะเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลก็ตาม
10 แต่พวกชาวเลวีจะเข้ามา คือคนเหล่านั้นที่ปลีกตัวห่างไปจากเราตอนที่ชาวอิสราเอลหลงทางไป พวกชาวเลวีที่หันไปจากเราและไปติดตามพวกรูปเคารพ จะต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น
11 พวกเขาจะยังทำหน้าที่ยามในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา รับใช้อยู่ที่ประตูวิหาร และฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆสำหรับประชาชน และยืนอยู่ต่อหน้าประชาชนเพื่อรับใช้พวกเขา 12 แต่เราได้ยกมือสาบานไว้ว่า พวกเขาต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น เพราะพวกเขาเคยไปรับใช้คนเหล่านั้นต่อหน้าพวกรูปเคารพของพวกเขา และทำให้ครอบครัวชาวอิสราเอลทำบาป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
13 “อย่างนี้ พวกเขาจะต้องไม่เข้าใกล้เพื่อรับใช้เราในฐานะนักบวช หรือเข้าใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม หรือเข้าใกล้เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา พวกเขาต้องทนรับความอับอายจากการทำตัวที่น่ารังเกียจของพวกเขา
14 แต่เราจะตั้งให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นยาม และจัดการกับภาระทั้งหลายที่จะต้องทำในวิหารนั้น
15 แต่พวกนักบวชที่เป็นชาวเลวี และเป็นลูกหลานของศาโดก ที่เคยทำหน้าที่อยู่ภายในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างซื่อสัตย์ เมื่อครั้งที่ชาวอิสราเอลหันเหไปจากเรานั้น พวกเขามีสิทธิ์เข้ามาใกล้เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา พวกเขามีสิทธิ์ยืนอยู่ต่อหน้าเรา เพื่อถวายเครื่องบูชาที่เป็นส่วนไขมันและเลือดนั้นให้กับเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
16 “พวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา และเข้ามาใกล้โต๊ะของเรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา และพวกเขาจะทำหน้าที่เฝ้ายามสำหรับเรา
17 เมื่อพวกนักบวชนี้เข้าสู่ประตูลานด้านใน พวกเขาต้องสวมเสื้อลินิน พวกเขาต้องไม่สวมเสื้อผ้าที่ทำจากขนแกะ ในขณะที่ทำพิธีอยู่ที่ประตูลานด้านในหรือภายในวิหาร
18 พวกเขาต้องสวมผ้าโพกหัวที่ทำจากลินินและใส่ผ้าชั้นในที่ทำจากลินินไว้รอบเอวของพวกเขา พวกเขาต้องไม่สวมสิ่งใดๆก็ตามที่จะทำให้มีเหงื่อ 19 เมื่อพวกเขาออกไปสู่ลานด้านนอกที่ประชาชนอยู่ พวกเขาต้องถอดเสื้อผ้าที่ใส่ในขณะทำพิธีออก และต้องทิ้งเสื้อผ้าชุดนั้นไว้ในพวกห้องศักดิ์สิทธิ์ และสวมเสื้อผ้าชุดอื่นแทน อย่างนั้น จะได้ไม่มีใครไปถูกเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเป็นอันตราย[a]
20 พวกเขาต้องไม่โกนหัวหรือปล่อยให้ผมยาว แต่พวกเขาต้องเล็มผมอยู่เป็นประจำ
21 ห้ามนักบวชดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้าไปในลานด้านใน
22 พวกเขาต้องไม่แต่งงานกับแม่หม้าย หรือกับหญิงที่หย่ากับสามีมาแล้ว
พวกเขาจะต้องแต่งงานกับหญิงพรหมจรรย์ที่เป็นลูกหลานของชาวอิสราเอล หรือแต่งกับแม่หม้ายของนักบวชเท่านั้น
23 พวกเขาต้องสอนประชาชน ให้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์กับของธรรมดาทั่วๆไป และสอนให้พวกเขารู้จักวิธีแยกแยะว่าอะไรบริสุทธิ์และอะไรไม่บริสุทธิ์
24 เมื่อมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
พวกนักบวชต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน และต้องตัดสินเรื่องนั้นตามกฎระเบียบของเรา
พวกเขาต้องรักษากฎทุกข้อและข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวกับงานเทศกาลต่างๆที่เราได้กำหนดขึ้น และพวกเขาจะต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวันหยุดทางศาสนาของเราไว้
25 พวกนักบวชต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ ด้วยการเข้าใกล้คนตาย แต่ถ้าคนตายเป็นพ่อหรือแม่ ลูกชายหรือลูกสาว พี่ชายหรือน้องชาย พี่สาวหรือน้องสาวของเขาที่ยังไม่ได้แต่งงาน เขาจะได้รับอนุญาตให้ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ได้ 26 หลังจากที่เขาได้รับการชำระตัวแล้ว เขาต้องรออยู่เจ็ดวันก่อนที่จะกลับไปทำหน้าที่ในวิหาร
27 ในวันที่เขาเข้าในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ถึงลานด้านในเพื่อจะรับใช้ในบริเวณศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาชำระล้างให้กับตัวเองก่อน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
28 นี่จะเป็นมรดกที่พวกนักบวชจะได้รับ คือเราเองเป็นมรดกของพวกเขา เจ้าต้องไม่ให้เขาถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินใดๆในอิสราเอล เราเองเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา
29 พวกเขาจะกินเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องบูชาชดเชย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอิสราเอลนำมาถวายให้แก่พระยาห์เวห์จะเป็นของพวกเขา
30 ผลผลิตชุดแรกของพืชทุกชนิด และของถวายพิเศษทุกชนิด จะเป็นของพวกนักบวช เจ้าต้องให้ส่วนที่ดีที่สุดของแป้งดิบของเจ้ากับพวกเขา เพื่อเจ้ากับครอบครัวจะได้รับพร
31 แล้วพวกนักบวชต้องไม่กินอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนกหรือสัตว์อื่นๆที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฉีกทึ้งจนตาย
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์เหนือทุกสิ่ง
1 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี ขอให้หมู่เกาะทั้งหลายเฉลิมฉลองกัน
2 หมู่เมฆและความมืดทึบอยู่ล้อมรอบพระองค์
ความยุติธรรมและความเป็นธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์
3 เปลวไฟนำอยู่เบื้องหน้าพระองค์
และเผาไหม้ศัตรูของพระองค์ทุกด้าน
4 สายฟ้าของพระองค์ทำให้โลกสว่างไสว
แผ่นดินโลกเห็นและสั่นเทิ้ม
5 ภูเขาก็หลอมละลายราวกับขี้ผึ้งอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์
ผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตของแผ่นดินโลก
6 ฟ้าสวรรค์เล่าขานคุณความดีของพระองค์
และทุกชนชาติเห็นรัศมีของพระองค์
7 คนเหล่านั้นที่นมัสการรูปบูชาและภาคภูมิใจในรูปเคารพของเขาจะถูกทำให้อับอายขายหน้า
และพวกพระเจ้าทั้งหลายจะต้องก้มลงกราบพระองค์
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ศิโยนได้ยินพวกคำตัดสินต่างๆของพระองค์และเฉลิมฉลอง
หมู่บ้านทั้งหลายของยูดาห์ต่างชื่นชมยินดีด้วยเหมือนกัน
9 เพราะ พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
พระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าทั้งปวงมากนัก
10 พวกเจ้าที่รักพระยาห์เวห์ ให้เกลียดชังความชั่วสิ
พระองค์ปกป้องชีวิตของคนที่จงรักภักดีต่อพระองค์
พระองค์ช่วยกู้เขาจากเงื้อมมือของคนชั่ว
11 แสงสว่างส่องลงมายังคนที่ทำสิ่งถูกต้อง
และคนใจซื่อตรงจะมีความสุข
12 พวกเจ้าคนดีทั้งหลาย ให้เฉลิมฉลองกันในพระยาห์เวห์
ให้สรรเสริญชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ให้ทุกสิ่งทุกอย่างสรรเสริญพระยาห์เวห์
บทเพลงสดุดี
1 ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ทำสิ่งที่น่าทึ่งทั้งหลาย
มือขวาอันทรงฤทธิ์และแขนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้นำชัยชนะมาสู่พระองค์
2 พระยาห์เวห์แสดงอำนาจในการช่วยกู้ของพระองค์
พระองค์ได้แสดงความยุติธรรมของพระองค์ให้ชนชาติต่างๆเห็น
3 พระองค์ระลึกถึงความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ที่พระองค์มีต่ออิสราเอล
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็เห็นอำนาจในการช่วยกู้ของพระเจ้าของเรา
4 ชาวโลกทั้งหลายให้ตะโกนเรียกพระยาห์เวห์
ให้เปล่งเสียงออกมาเป็นเพลงแห่งความสุขและเล่นดนตรีกันเถิด
5 ให้เล่นดนตรีเพื่อเป็นเกียรติแด่พระยาห์เวห์
โดยใช้พิณและเครื่องดนตรีอื่นๆ
6 ให้เป่าปี่และแตรเขาสัตว์
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ผู้เป็นกษัตริย์
7 ให้ท้องทะเลและทุกชีวิตในทะเลนั้นร้องคำราม
ให้แผ่นดินโลกและทุกชีวิตบนโลกนั้นโห่ร้อง
8 ให้แม่น้ำทั้งหลายปรบมือ
ให้ภูเขาทั้งหลายเต้นรำด้วยความยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
9 พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้ พระองค์จะตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรม
และตัดสินชนชาติต่างๆอย่างเป็นธรรม
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International