M’Cheyne Bible Reading Plan
อาบียัมกษัตริย์ของยูดาห์
(2 พศด. 13:1-14:1)
15 อาบียัม[a] ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีที่สิบแปดที่เยโรโบอัมปกครองอิสราเอล เยโรโบอัมเป็นลูกชายของเนบัท 2 อาบียัมได้ปกครองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามปี แม่ของเขาชื่อมาอาคาห์ นางเป็นลูกสาวของอาบีชาโลม[b]
3 อาบียัมได้ทำบาปทุกอย่างเหมือนกับที่พ่อของเขาทำไว้ก่อนหน้าเขา ใจของเขาไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ไม่เหมือนกับใจของดาวิดบรรพบุรุษของเขาที่สัตย์ซื่อนั้น 4 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดได้ให้ตะเกียงแก่เขาหนึ่งดวงในเยรูซาเล็ม คือได้ตั้งลูกชายคนหนึ่งของดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา และทำให้เมืองเยรูซาเล็มแข็งแกร่ง 5 เพราะดาวิดได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ แล้วไม่ได้หันเหไปจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ได้สั่งเขาไว้ตลอดชั่วชีวิตของเขา ยกเว้นในเรื่องของอุรียาห์[c]ชาวฮิตไทต์เท่านั้น
6 [d] 7 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคของอาบียัม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้ในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ มีการทำสงครามกันระหว่างอาบียัมและเยโรโบอัม 8 อาบียัมล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และอาสาลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์อาสาของยูดาห์
(2 พศด. 14:1-2; 15:16-19)
9 ในปีที่ยี่สิบที่เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล อาสาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ 10 เขาครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสี่สิบเอ็ดปี ย่าของเขามีชื่อว่ามาอาคาห์ นางเป็นลูกสาวของอาบีชาโลม
11 อาสาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาทำ 12 เขาขับไล่พวกผู้ชายขายตัว ตามศาลเจ้าออกไปจากแผ่นดินนี้ และกำจัดพวกรูปเคารพทั้งหมดที่บรรพบุรุษของเขาได้สร้างทิ้งไว้ 13 เขายังปลดมาอาคาห์ แม่ของเขาออกจากตำแหน่งแม่ของกษัตริย์ เพราะนางได้สร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์ที่น่าขยะแขยงขึ้นมาต้นหนึ่ง อาสาโค่นเสาต้นนั้นทิ้งและเผาทิ้งในหุบเขาขิดโรน 14 ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการทั้งหลายทิ้ง แต่ใจของอาสายังสัตย์ซื่อกับพระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา 15 เขานำพวกเงิน ทองและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เขาและพ่อของเขาได้บนบานไว้ต่อพระยาห์เวห์ มาไว้ที่วิหารของพระยาห์เวห์
อาสาผูกมิตรกษัตริย์ของอารัม
(2 พศด. 16:6, 11-13)
16 ในยุคนั้น อาสากับกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลได้ทำสงครามกันอยู่ตลอดเวลา 17 กษัตริย์บาอาชาของอิสราเอลขึ้นไปต่อสู้กับยูดาห์และได้สร้างป้อมรามาห์ขึ้น เพื่อกันไม่ให้ใครเข้าออกจากแผ่นดินของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 18 กษัตริย์อาสาจึงเอาเงินและทองที่หลงเหลืออยู่ในคลังของวิหารของพระยาห์เวห์ และในวังของเขาเอง แล้วนำไปมอบให้กับพวกเจ้าหน้าที่ ให้เอาไปให้กับกษัตริย์เบนฮาดัดของอารัม ที่ปกครองอยู่ในเมืองดามัสกัส เบนฮาดัดเป็นลูกชายของทับริมโมน ทับริมโมนเป็นลูกชายของเฮซีโอน 19 อาสาให้คนของเขาพูดกับเบนฮาดัดว่า “เรามาเป็นพันธมิตรกันเถิด ให้เหมือนกับที่พ่อของเรากับพ่อของท่านเคยทำกันไว้ ดูสิ เราได้ส่งของขวัญเป็นเงินและทองมาให้ท่าน ขอท่านช่วยเลิกเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์บาอาชาของอิสราเอลด้วยเถิด เพื่อเขาจะได้ยกทัพกลับไปจากเรา”
20 เบนฮาดัดก็ตกลงเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์อาสา และส่งพวกแม่ทัพของกองทัพเขาไปโจมตีเมืองต่างๆของอิสราเอล เขาเอาชนะเมืองอิโยน เมืองดาน เมืองอาเบล-เบธมาอาคาห์ และหมู่บ้านทั้งหมดตามแถบทะเลสาบกาลิลี รวมถึงดินแดนนัฟทาลีทั้งหมดด้วย 21 เมื่อบาอาชารู้เรื่องเข้า เขาก็หยุดสร้างป้อมรามาห์และถอนทัพกลับไปที่ทีรซาห์ 22 แล้วกษัตริย์อาสาก็ได้มีคำสั่งไปถึงชาวยูดาห์ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ให้พวกเขาไปรื้อเอาหินและไม้ที่ป้อมรามาห์ที่บาอาชาสร้างค้างไว้ แล้วกษัตริย์อาสาก็เอาของเหล่านั้นมาสร้างเมืองเกบาขึ้นในเขตแดนของเบนยามินและสร้างเมืองมิสปาห์ด้วย
23 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์อาสา ความสำเร็จทุกอย่างของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำและเมืองต่างๆที่เขาสร้างขึ้น ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ แต่ตอนที่เขาแก่ตัวลง เท้าทั้งสองข้างของเขาเป็นโรค 24 แล้วอาสาก็ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่กับพวกเขาในเมืองของดาวิด บรรพบุรุษของเขา และเยโฮชาฟัทลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์นาดับแห่งอิสราเอล
25 นาดับลูกชายของเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ตรงกับปีที่สองที่อาสาเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ นาดับปกครองอยู่เหนืออิสราเอลเป็นเวลาสองปี 26 เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาเดินตามรอยพ่อเขาและทำบาปเหมือนกับพ่อซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลหลงไปทำบาปด้วย
27 บาอาชา ลูกชายของอาหิยาห์ จากครอบครัวอิสสาคาร์วางแผนฆ่านาดับ และได้ฆ่านาดับตายที่เมืองกิบเบโธนของชาวฟีลิสเตีย ตอนที่นาดับและอิสราเอลทั้งหมดกำลังล้อมเมืองนั้นอยู่ 28 บาอาชาฆ่านาดับในปีที่สามที่อาสาเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วบาอาชาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากนาดับ
กษัตริย์บาอาชาของอิสราเอล
29 ทันทีที่บาอาชาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาได้ฆ่าคนในครอบครัวของเยโรโบอัมทิ้งจนหมด เขาไม่ยอมไว้ชีวิตคนในครอบครัวนี้เลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับทำลายพวกเขาจนหมด ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยพูดไว้ผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ ผู้รับใช้ของพระองค์ 30 เป็นเพราะบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมที่ได้ทำไว้ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชาวอิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย และเพราะเขาได้ไปยั่วพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลให้โกรธ
31 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของนาดับและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอล 32 กษัตริย์อาสาและกษัตริย์บาอาชาทำสงครามกันตลอดเวลาในยุคของพวกเขา
33 ในปีที่สามที่อาสาเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ บาอาชา ลูกชายของอาหิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์อยู่ที่ทีรซาห์ เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมด และเขาครองราชย์อยู่เป็นเวลายี่สิบสี่ปี 34 เขาได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาเดินตามรอยเยโรโบอัม และทำบาปเหมือนกับเยโรโบอัม ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลหลงไปทำบาปด้วย
2 ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมต้องดิ้นรนต่อสู้มากขนาดไหนเพื่อพวกคุณ เพื่อคนที่อยู่เมืองเลาดีเซีย และคนอื่นๆที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน 2 ที่ผมทำทั้งหมดนี้ ก็เพราะผมอยากให้พวกเขาได้รับกำลังใจ อยากให้เขารักใคร่กลมเกลียวกัน อยากให้เขาได้รับพระพรอย่างเหลือล้น เนื่องจากความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่เกิดมาจากความเข้าใจของเขา แล้วก็อยากให้เขามีความรู้ถึงความจริงอันลึกลับของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง ความลับนั้นคือพระคริสต์ 3 สติปัญญาทั้งหมดและความรู้ทุกอย่าง เป็นขุมทรัพย์ที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในพระคริสต์
4 ที่ผมพูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะได้ไม่มีใครมาใช้เหตุผลต่างๆที่น่าฟังเพื่อหลอกลวงคุณ 5 ถึงแม้ตัวผมจะไม่ได้อยู่ แต่ใจของผมก็ยังอยู่กับคุณ และผมก็ดีใจที่ได้เห็นคุณอยู่ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความเชื่อที่มั่นคงในพระคริสต์
ใช้ชีวิตต่อไปในพระคริสต์
6 พวกคุณได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าอย่างไร ก็ขอให้ใช้ชีวิตร่วมกันกับพระองค์ต่อไปอย่างนั้น 7 คือคุณได้หยั่งรากลงไปในพระองค์แล้ว ให้พระองค์เป็นรากฐานของคุณต่อไป ให้ยึดมั่นในความเชื่อต่อไปเหมือนกับที่คุณได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว และให้ขอบคุณพระเจ้าอย่างล้นเหลือต่อไป
8 ระวังให้ดีอย่าให้ใครใช้หลักปรัชญาอันหลอกลวงและไร้ค่า เพื่อจับคุณไปเป็นเชลย เรื่องแบบนี้มนุษย์สอนสืบต่อกันมา คำสอนนั้นมาจากพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระคริสต์ 9 เพราะความเต็มบริบูรณ์ทั้งหมดของพระเจ้า ได้มาอยู่ในสภาพของร่างมนุษย์คือในร่างของพระคริสต์นั่นเอง 10 แล้วเมื่อคุณอยู่ในพระคริสต์ คุณก็เต็มบริบูรณ์เหมือนกัน พระคริสต์เป็นศีรษะเหนือพวกผู้ครอบครอง และเหนือพวกผู้มีสิทธิอำนาจทั้งสิ้นในจักรวาล
11 ในพระคริสต์พวกคุณก็ได้เข้าพิธีขลิบด้วย แต่ไม่ใช่พิธีขลิบที่มือมนุษย์ทำหรอก แต่คุณได้เข้าร่วมพิธีขลิบของพระคริสต์เอง ที่เกิดขึ้นตอนที่พระองค์สละร่างกายที่เป็นเนื้อหนังทิ้งตอนตาย 12 คุณได้ถูกฝังร่วมกันกับพระคริสต์ในพิธีจุ่มน้ำ และได้ฟื้นขึ้นจากความตายพร้อมกับพระองค์ เพราะคุณไว้วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ผู้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นมา 13 ตอนที่พวกคุณตายไปแล้วนั้น (เพราะความผิดบาปของคุณ และเพราะคุณไม่ใช่ยิวและไม่ได้เข้าพิธีขลิบ) พระเจ้าทำให้คุณมีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ พระองค์ได้ยกโทษความผิดบาปทั้งหมดของเรา 14 พระเจ้ายกเลิกข้อกล่าวหาพวกเราที่ได้บันทึกไว้ พระองค์เอามันไปตรึงที่กางเขน 15 พระเจ้าปราบปรามพวกผู้ครอบครองและพวกผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลายจนต้องวางอาวุธลง พระเจ้านำเขาไปเป็นเชลยในขบวนแห่แห่งชัยชนะ[a] ทำให้พวกนี้อับอายขายหน้าในที่สาธารณะ พระเจ้าทำอย่างนี้ได้เพราะความตายของพระคริสต์
กฎที่มนุษย์ตั้งขึ้นเอง
16 ดังนั้นอย่าให้ใครมาประจานพวกคุณเพราะสิ่งที่กินและดื่ม หรือในเรื่องงานเทศกาลทางศาสนา งานฉลองพระจันทร์ข้างขึ้น[b] หรือวันหยุดทางศาสนา 17 สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เงาของสิ่งที่จะตามมาภายหลัง แต่แก่นแท้ของสิ่งเหล่านี้คือพระคริสต์ 18 บางคนชอบที่จะขจัดกิเลสของตัวเอง และชอบนมัสการพระเจ้าด้วยกันกับทูตสวรรค์[c] เพราะเขาบอกว่าเขาเห็นสิ่งต่างๆในสวรรค์ผ่านทางนิมิตของเขา อย่าไปสนใจฟังพวกเขาเมื่อพวกเขาพูดว่าคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระเจ้าเพราะคุณไม่ได้ทำตามพวกเขา ความคิดอย่างนั้นเป็นแค่ความคิดของมนุษย์ที่ทำให้พวกเขาเย่อหยิ่งจองหองไม่เข้าเรื่อง 19 คนพวกนั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับศีรษะซึ่งก็คือพระคริสต์ พระคริสต์นี่เองเป็นแหล่งทำให้ร่างกายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยงดู และยึดส่วนต่างๆของร่างกายเข้าด้วยกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆทำให้ทั้งร่างเจริญเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าต้องการ
20 ในเมื่อคุณได้ตายร่วมกับพระคริสต์ และเป็นอิสระจากพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้แล้ว ทำไมคุณยังทำตัวเหมือนว่าตัวเองยังเป็นของโลกนี้อยู่ และยังยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ 21 เช่น “ห้ามจับ” “ห้ามชิม” หรือ “ห้ามแตะต้อง” 22 กฎพวกนี้มันเกี่ยวกับสิ่งของที่เมื่อเอามาใช้แล้วก็หมดไป กฎพวกนี้ก็เป็นแค่คำสั่งหรือคำสอนจากมนุษย์เท่านั้น 23 กฎพวกนี้ฟังดูฉลาดเข้าท่าทีเดียว พวกเขาเคร่งครัดในศาสนาที่มนุษย์คิดขึ้น ทำให้เขาต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อขจัดกิเลสของตัวเอง รวมทั้งทรมานร่างกายด้วย แต่มันไม่ได้ช่วยยับยั้งความอยากของสันดานเลย
กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับใช้ในงานศักดิ์สิทธิ์
45 เมื่อเจ้าแบ่งที่ดินเพื่อให้เป็นมรดกนั้น
เจ้าต้องถวายที่ดินส่วนหนึ่งให้แก่พระยาห์เวห์เพื่อให้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ โดยให้มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก[a] กว้างสองหมื่นศอก[b] พื้นที่ทั้งหมดนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ 2 จากเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ ให้แบ่งพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่ามีขนาดด้านละห้าร้อยศอก เพื่อให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และให้กันพื้นที่รอบๆส่วนนี้ออกมาอีกห้าสิบศอก เพื่อเป็นพื้นที่เปิดโล่ง
3 ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในเขตนี้จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตั้งอยู่
4 ในที่ดินทั้งหมด เขตนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกนักบวชอยู่กัน คือพวกนักบวชที่รับใช้อยู่ในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้าใกล้พระยาห์เวห์เพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์ มันจะเป็นที่ตั้งสำหรับบ้านของพวกเขา และเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย
5 พื้นที่ขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นที่ตั้งของพวกเมืองที่เป็นสมบัติของพวกชาวเลวีที่รับใช้อยู่ในวิหาร เพื่อให้พวกเขาใช้อยู่อาศัย
6 เจ้าต้องกำหนดบริเวณหนึ่ง มีขนาดกว้างห้าพันศอก ยาวสองหมื่นห้าพันศอก อยู่ถัดจากส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ที่ตรงนี้ให้เป็นที่อยู่ของชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมทั้งเป็นที่ตั้งของเมืองเยรูซาเล็มด้วย
กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับผู้นำอิสราเอล
7 เขตที่ติดกับเขตศักดิ์สิทธิ์ และติดกับเมืองเยรูซาเล็มไปทางตะวันตกและตะวันออก จะเป็นของผู้นำอิสราเอล
เขตนี้จะทอดยาวไปจากสุดเขตแดนทางทิศตะวันตก ไปถึงสุดเขตแดนทิศตะวันออก ขนานไปกับเขตแดนที่เป็นของแต่ละเผ่า 8 ที่ดินนี้จะเป็นสมบัติของผู้นำอิสราเอล และผู้นำของเราจะไม่กดขี่ประชาชนของเราอีกต่อไป แต่จะยินยอมให้ชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของที่ดินได้ตามเผ่าพันธุ์ของพวกเขา
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“พวกผู้นำของอิสราเอล พวกเจ้าได้ปล้นและโกงคนของเรามานานพอแล้ว หยุดความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหงซะ แล้วหันมาทำในสิ่งที่เที่ยงธรรมและถูกต้อง หยุดขับไล่ประชาชนของเราไปจากบ้านของพวกเขาได้แล้ว”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
กฎระเบียบเรื่องน้ำหนักและเครื่องตวง
10 “เจ้าต้องใช้เครื่องชั่งที่เที่ยงตรง ใช้เอฟาห์[c] และใช้บัท[d] ที่เที่ยงตรง 11 เอฟาห์กับบัทนั้นต้องมีขนาดเดียวกัน หนึ่งบัทต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์[e] และหนึ่งเอฟาห์ต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์เหมือนกัน
โฮเมอร์ต้องเป็นเครื่องวัดที่มาตรฐานสำหรับทั้งเอฟาห์และบัท
12 หนึ่งเชเขล[f] ต้องเท่ากับยี่สิบเกราห์
ยี่สิบเชเขลบวกยี่สิบห้าเชเขลบวกสิบห้าเชเขลต้องเท่ากับหนึ่งมินา[g]
กฎระเบียบเรื่องของถวาย
13 ต่อไปนี้คือของขวัญพิเศษที่เจ้าต้องนำมาถวาย
จากแต่ละโฮเมอร์ของข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ เจ้าต้องถวายหนึ่งส่วนหกเอฟาห์
14 ให้ถวายน้ำมันตามที่ได้กำหนดไว้โดยตวงเป็นบัท
จากน้ำมันแต่ละโคระ ให้แบ่งถวายหนึ่งส่วนสิบบัท[h]
(หนึ่งโคระเท่ากับสิบบัทหรือหนึ่งโฮเมอร์)
15 จากฝูงแกะทุกๆสองร้อยตัวที่ได้รับการเลี้ยงดูในทุ่งหญ้าของอิสราเอลที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ให้เลือกออกมาถวายหนึ่งตัว
ของพวกนี้ทั้งหมด จะเอามาเป็น เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อขจัดบาปต่างๆให้กับประชาชน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
16 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินต้องมอบของถวายต่างๆนี้ให้กับผู้นำอิสราเอล
17 ผู้นำอิสราเอลจะมีหน้าที่จัดหาเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และเครื่องดื่มบูชา สำหรับงานเทศกาลวันพระจันทร์ใหม่ วันหยุดทางศาสนา รวมทั้งงานเทศกาลทั้งหลายที่ได้กำหนดไว้ของครอบครัวชาวอิสราเอล
ผู้นำอิสราเอลจะจัดหาเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อใช้ขจัดบาปต่างๆสำหรับครอบครัวอิสราเอล
กฎระเบียบเรื่องเทศกาลต่างๆ
(อพย. 12:1-20; ลนต. 23:33-43)
18 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
ในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง เจ้าต้องนำวัวหนุ่มที่ไม่มีตำหนิใดๆมา และใช้มันทำพิธีเพื่อทำให้บริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นบริสุทธิ์
19 นักบวชต้องเอาเลือดของเครื่องบูชาชำระล้าง มาใส่ไว้ที่เสาประตูของวิหาร และใส่ตรงขอบด้านบนของทั้งสี่มุมของแท่นบูชา และใส่บนเสาประตูของลานด้านใน
20 เจ้าต้องทำพิธีนี้เหมือนกัน ในวันที่เจ็ดของเดือนนั้น สำหรับคนที่ทำบาปไปโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่รู้ โดยวิธีนี้เจ้าจะชำระวิหารให้บริสุทธิ์
21 ในวันที่สิบสี่ของเดือนนั้น เจ้าต้องจัดงานเทศกาลปลดปล่อยขึ้น งานเลี้ยงจะมีขึ้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ในระหว่างนี้ เจ้าจะต้องกินขนมปังที่ไม่ได้ใส่เชื้อฟู 22 ช่วงนี้ ผู้นำจะจัดหาวัวผู้มาตัวหนึ่ง เอามาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ให้กับทั้งตัวเขาและประชาชนทั้งหมดของแผ่นดิน
23 ตลอดทั้งเจ็ดวันของงานเลี้ยงนี้
ผู้นำต้องเป็นผู้จัดหาวัวตัวผู้เจ็ดตัว และแกะตัวผู้เจ็ดตัว ที่ไม่มีตำหนิใดๆมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์
และจัดหาแพะตัวผู้มาวันละตัว เอามาถวายเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง
24 เมื่อถวายวัวตัวผู้แต่ละตัว ผู้นำจะต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์[i]ด้วย
และเมื่อถวายแกะตัวผู้แต่ละตัว เขาต้องถวายเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์ พร้อมกับถวายน้ำมันหนึ่งฮิน[j] สำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์
25 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด และในช่วงเจ็ดวันของเทศกาลอยู่เพิง ผู้นำต้องจัดหาเครื่องบูชาเหล่านี้ไว้ด้วย คือพวกเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและน้ำมัน
พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์
1 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ ให้ชนชาติต่างๆสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
พระยาห์เวห์นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือทูตสวรรค์ที่มีปีก ให้โลกสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
2 พระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ในเมืองศิโยน
พระองค์นั้นมีอำนาจสูงส่งเหนือชนชาติทั้งสิ้น
3 ให้พวกเขาสรรเสริญชื่ออันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของพระองค์
พระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์
4 ข้าแต่กษัตริย์ผู้มีฤทธิ์เกรียงไกร ผู้ที่รักความยุติธรรม
พระองค์ได้ก่อตั้งความเที่ยงธรรม
พระองค์ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องให้กับคนของยาโคบ
5 ให้ยกย่องพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
และกราบลงต่อหน้าที่วางเท้าของพระองค์
พระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์
6 โมเสสและอาโรนอยู่ในกลุ่มของนักบวชของพระเจ้า
ซามูเอลก็อยู่ในพวกคนเหล่านั้นที่เรียกชื่อของพระองค์
คนเหล่านั้นอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และพระองค์ก็ตอบพวกเขา
7 พระองค์พูดกับพวกเขาจากเสาเมฆ
และพวกเขาก็เชื่อฟังกฎ
และบัญญัติต่างๆที่พระองค์มอบให้กับพวกเขา
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา พระองค์ตอบพวกเขาแล้ว
พวกเขาเห็นว่าพระองค์เป็นทั้งพระเจ้าที่ให้อภัย
และพระเจ้าที่ลงโทษด้วย สำหรับสิ่งชั่วๆที่พวกเขาทำ
9 ให้ยกย่องพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
และก้มกราบลงไปทางภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์
นมัสการพระยาห์เวห์ด้วยความร่าเริง
บทเพลงสดุดี แห่งการขอบพระคุณ
1 ทั่วทั้งแผ่นดินโลกเอ๋ย
โห่ร้องด้วยความยินดีให้กับพระยาห์เวห์
2 ให้นมัสการพระยาห์เวห์ด้วยความร่าเริง
และเข้ามาร้องเพลงด้วยความชื่นบานต่อหน้าพระองค์
3 ให้รู้ไว้เถิดว่า พระยาห์เวห์ เป็นพระเจ้า
พระองค์สร้างเราขึ้นมา เราจึงเป็นของพระองค์
เราเป็นชนชาติของพระองค์ เป็นแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
4 ให้ผ่านประตูทั้งหลายของพระองค์เข้ามาด้วยการขอบคุณ
ให้เข้ามาในลานวิหารทั้งหลายของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
ให้ขอบคุณพระองค์และสรรเสริญชื่อของพระองค์เถิด
5 เพราะพระยาห์เวห์นั้นดี
ความรักมั่นคงของพระองค์อยู่ตลอดไป
ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะคงอยู่ทุกชั่วอายุ
กษัตริย์สัญญาที่จะรักษาความยุติธรรม
บทเพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญนี้ให้กับพระองค์
และสรรเสริญพระองค์สำหรับความรักมั่นคง และความยุติธรรมของพระองค์
2 ข้าพเจ้าตั้งใจใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์
เมื่อไหร่หนอพระองค์จะมาหาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ต่างๆของข้าพเจ้า
ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ในวังของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าจะไม่ยอมวางสิ่งชั่วร้ายใดๆไว้ต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเกลียดการกระทำที่คดโกงทั้งหลายและข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นติดตัวข้าพเจ้าเลย
4 ขอให้ใจที่คดโกง ไปให้พ้นๆจากข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าจะไม่ยอมมีส่วนร่วมกับสิ่งชั่วร้าย
5 ข้าพเจ้าจะปิดปากคนที่ชอบแอบใส่ร้ายเพื่อนบ้านของเขา
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมอดกลั้นกับคนที่หยิ่งยโสและหลงตัวเอง
6 ข้าพเจ้ามองหาคนที่ไว้วางใจได้ในแผ่นดินที่จะมาทำงานให้กับข้าพเจ้า
เฉพาะคนที่มีชีวิตที่บริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะให้มารับใช้ข้าพเจ้า
7 คนที่ชอบหลอกลวงและชอบหักหลังจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า
และคนขี้โกหกก็จะไม่มีทางได้รับใช้ข้าพเจ้า
8 ทุกๆเช้า ข้าพเจ้าจะกำจัดคนชั่วทั้งหมดไปจากแผ่นดิน
ข้าพเจ้าจะขับไล่คนชั่วพวกนั้นออกไปจากเมืองของพระยาห์เวห์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International