Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 9

พระเจ้ามาปรากฏกับซาโลมอนอีก

(2 พศด. 7:11-22)

เมื่อซาโลมอนได้สร้างวิหารของพระยาห์เวห์และวังของกษัตริย์เสร็จสิ้นลง และได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการจะทำสำเร็จแล้ว พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏตัวกับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง เหมือนกับที่พระองค์เคยปรากฏตัวกับเขามาแล้วในเมืองกิเบโอน พระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า

“เราได้ยินคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนที่เจ้าได้พูดไว้ต่อหน้าเรา เราได้ทำให้วิหารแห่งนี้ ที่เจ้าได้สร้างขึ้นมาศักดิ์สิทธิ์แล้ว และชื่อของเราจะได้รับเกียรติจากที่นั่นตลอดไป เราจะเฝ้าดูและระลึกถึงที่นั่นเสมอ ส่วนตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าใช้ชีวิตอยู่ต่อหน้าเราด้วยใจที่ซื่อตรงและถูกต้องเหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเจ้าทำ และทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง และรักษากฎและข้อบังคับทุกข้อของเรา

เราจะรักษาบัลลังก์ของตระกูลเจ้าให้มั่นคงอยู่เหนืออิสราเอลตลอดไป เหมือนกับที่เราได้สัญญาไว้กับดาวิด พ่อของเจ้า ตอนที่เราพูดว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดผู้สืบเชื้อสายที่จะขึ้นมานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล’

แต่ถ้าเจ้าหรือลูกหลานของเจ้าหันเหไปจากการติดตามเรา และไม่รักษาคำสั่งและกฎต่างๆที่เราได้ให้พวกเจ้าไว้ และไปรับใช้พวกพระอื่น และไปกราบไหว้พวกมัน เราก็จะตัดอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่เราได้ให้พวกเขาไว้ และจะโยนวิหารแห่งนี้ที่เราได้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชื่อเสียงของเราให้พ้นสายตาเราไป แล้วอิสราเอลก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะและเย้ยหยันของชนชาติทั้งหลาย วิหารนี้จะกลายเป็นซากปรักหักพัง[a] คนที่เดินผ่านไปมาจะตะลึงงัน และผิวปากเย้ย และถามกันว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้ทำอย่างนี้กับแผ่นดินนี้และวิหารหลังนี้เล่า’ ประชาชนก็จะตอบว่า ‘เพราะพวกเขาละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ที่ได้นำบรรพบุรุษของพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และพวกเขาได้อ้าแขนโอบกอดพระอื่นๆและก้มกราบรับใช้พระเหล่านั้น พระยาห์เวห์จึงได้นำความหายนะอย่างนี้มาสู่พวกเขา’”

10 กษัตริย์ซาโลมอนได้ใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการสร้างตึกทั้งสองหลังนี้ ซึ่งก็คือวิหารของพระยาห์เวห์และวังของครอบครัวกษัตริย์ และในช่วงปลายปีที่ยี่สิบนี่เอง 11 กษัตริย์ซาโลมอนได้มอบเมืองยี่สิบเมืองในแคว้นกาลิลีให้กับกษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระ เพราะว่าฮีรามได้จัดหาไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบและทองคำให้กับเขาเท่าที่เขาอยากได้ 12 แต่เมื่อฮีรามออกจากเมืองไทระเพื่อไปตรวจดูเมืองเหล่านั้นที่ซาโลมอนได้มอบให้กับเขา เขากลับไม่พอใจพวกมัน 13 เขาถามไปว่า “น้องชาย นี่ท่านได้มอบเมืองประเภทไหนให้เรากันนะ” และเขาก็ได้เรียกเมืองเหล่านั้นว่า แผ่นดินคาบูล[b] ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 14 ฮีรามได้ส่งทองคำไปให้กับกษัตริย์ซาโลมอนใช้สร้างวิหาร ประมาณสี่ตัน[c]

งานอื่นๆที่ซาโลมอนได้ทำ

(2 พศด. 8:3-18)

15 กษัตริย์ซาโลมอนได้เกณฑ์คนงานมาสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ รวมทั้งวังของเขาเอง ตลอดจนเฉลียง[d] ต่างๆและกำแพงของเมืองเยรูซาเล็ม และสร้างเมืองฮาโซร์ เมืองเมกิดโดและเมืองเกเซอร์ขึ้นมาใหม่

16 (ในอดีตกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์เคยเข้าโจมตีและยึดเอาเมืองเกเซอร์ไว้ เขาได้เผาเมืองนี้และได้ฆ่าชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น เมื่อซาโลมอนแต่งงานกับลูกสาวของฟาโรห์ ฟาโรห์ก็ได้ยกเมืองนี้ให้เป็นสินสมรสกับลูกสาวของเขา คือเมียของซาโลมอนนั่นเอง 17 แล้วซาโลมอนก็ได้สร้างเมืองเกเซอร์นี้ขึ้นมาใหม่) ซาโลมอนได้สร้างเมืองเบธโฮโรนล่างขึ้นมา 18 และเขาก็ยังสร้างเมืองบาอาลัทและเมืองทามาร์ขึ้นมาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งในแผ่นดินของเขาด้วย 19 รวมทั้งสร้างเมืองต่างๆที่ใช้สำหรับเก็บข้าวของและเมืองสำหรับไว้รถรบ และม้าศึกทั้งหลายของเขา และสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากจะสร้าง ทั้งในเยรูซาเล็ม ในเลบานอนและตลอดทั่วทั้งเขตแดนที่เขาปกครองอยู่

20 มีชนชาติอื่นที่หลงเหลือในแผ่นดินนี้ที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอล คือชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส 21 คนเหล่านี้ เป็นเชื้อสายของคนเหล่านั้นที่ชาวอิสราเอลไม่สามารถฆ่าได้หมด ซาโลมอนได้บังคับคนเหล่านี้ให้มาเป็นทาสใช้แรงงาน อย่างที่พวกเขาเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ 22 แต่ส่วนชาวอิสราเอลแล้ว ซาโลมอนไม่ได้บังคับให้มาเป็นทาส พวกเขาได้มารับใช้เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เป็นผู้บังคับบัญชารถรบ และเป็นทหารขี่รถม้าของเขา

23 มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ห้าร้อยห้าสิบคนที่คอยดูแลโครงการต่างๆของกษัตริย์ซาโลมอน พวกเขามีหน้าที่คอยดูแลคนงาน

24 ลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์ได้ย้ายออกจากเมืองของดาวิดไปสู่วังที่ซาโลมอนได้สร้างไว้ให้กับนาง เขายังสร้างเฉลียงไว้ให้ด้วย

25 ซาโลมอนได้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นบูชาที่เขาได้สร้างไว้ให้กับพระยาห์เวห์ ปีละสามครั้ง และเขาได้เผาเครื่องหอมบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ และเขาก็ได้จัดการทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับวิหารจนเสร็จสิ้น

26 กษัตริย์ซาโลมอนยังได้สร้างกองเรือกำปั่นไว้ที่เมืองเอซีโอน-เกเบอร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเอโลทบนฝั่งทะเลแดงในแผ่นดินของเอโดม 27 และฮีรามได้ส่งพวกกะลาสีเรือที่ชำนาญทะเล ซึ่งเป็นคนของเขาให้ไปรับใช้อยู่ในกองเรือกำปั่นกับคนของซาโลมอน 28 พวกเขาได้เดินเรือไปถึงโอฟีร์และได้นำทองคำหนักประมาณสิบสี่ตันครึ่ง[e] กลับมาให้กษัตริย์ซาโลมอน

เอเฟซัส 6

ลูกกับพ่อแม่

พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน”[a] นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[b]

พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต

ทาสกับเจ้านาย

พวกคุณที่เป็นทาส ต้องเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกนี้ ควรเกรงกลัวจนตัวสั่นด้วยความจริงใจ เหมือนที่ทำกับพระคริสต์ อย่าทำเป็นขยันแค่ต่อหน้าเมื่อมีคนมองเพื่อประจบสอพลอ แต่ควรจะทำงานเหมือนกับเป็นทาสของพระคริสต์ ที่เต็มใจทำตามความต้องการของพระเจ้า ให้เต็มใจรับใช้เหมือนกับที่ทำต่อองค์เจ้าชีวิตไม่ใช่ต่อมนุษย์ จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ตาม ถ้าทำความดีก็จะได้รับสิ่งตอบแทนจากองค์เจ้าชีวิต

ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นเจ้านายอย่าได้ข่มขู่ทาสของตน จำไว้ว่าเจ้านายของคุณและของเขาก็อยู่บนสวรรค์ และพระองค์ก็ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร

จงสวมชุดเกราะของพระเจ้า

10 สุดท้ายนี้ ขอให้เข้มแข็งในองค์เจ้าชีวิต และในฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ แล้วพวกคุณจะสามารถยืนขึ้นต่อสู้แผนการของมารร้าย 12 เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับพวกผู้ครอบครอง พวกผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่ครองโลกมืดนี้ และต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วร้ายในโลกฝ่ายวิญญาณ 13 เพราะอย่างนี้ ให้สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ เพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อวันอันชั่วร้ายมาถึง และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว พวกคุณก็ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ 14 ดังนั้นให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงรัดเอวไว้เหมือนเข็มขัด เอาชีวิตที่พระเจ้าชอบใจมาสวมเป็นเกราะป้องกันอก 15 เอาใจที่พร้อมจะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า 16 นอกจากนี้แล้ว ให้เอาความเชื่อเป็นโล่ ที่พวกคุณจะใช้กันลูกธนูไฟทั้งหมดที่มารร้ายยิงเข้าใส่ 17 ให้เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก และให้ถือดาบของพระวิญญาณ ซึ่งก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 18 ในทุกโอกาสและทุกเรื่องที่คุณอธิษฐานหรือขอร้อง ก็ให้อธิษฐานด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ ให้ตื่นตัวและอธิษฐานตลอดเวลาสำหรับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า

19 ให้อธิษฐานเผื่อผมด้วย เพื่อเมื่อเวลาที่ผมเปิดปากพูด พระเจ้าจะให้คำพูดกับผม เพื่อผมจะได้เปิดเผยเรื่องลึกลับของข่าวดีนี้อย่างกล้าหาญ 20 ผมก็เป็นทูตของพระเจ้าที่กำลังประกาศข่าวดีนี้อยู่ในคุก ช่วยอธิษฐานให้ผมกล้าที่จะประกาศข่าวดีนี้ ตามที่ผมควรจะพูดด้วย

คำอวยพรสุดท้าย

21 ทีคิกัส ที่เป็นพี่น้องที่รัก และเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์เจ้าชีวิต จะเล่าเรื่องทั้งหมดของผมให้คุณฟังว่าเป็นอย่างไรบ้างและทำอะไรอยู่ 22 ผมส่งเขามาเพื่อคุณจะได้รู้ข่าวคราวของเราและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจคุณด้วย

23 ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้สันติสุข ความรักและความเชื่อกับพวกคุณ 24 ขอให้พระเจ้าให้ความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์เจ้าของเราอย่างไม่เสื่อมคลาย

เอเสเคียล 39

ความตายของโกกกับกองทัพของเขา

39 เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดต่อต้านโกกแทนเราว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราต่อต้านเจ้า ไอ้โกก ผู้นำที่สำคัญที่สุด[a] แห่งเมเชคและทูบัล เราจะทำให้เจ้าหันกลับและจะผลักเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากทางเหนืออันไกลโพ้น และส่งเจ้าไปยังเทือกเขาของอิสราเอล แล้วเราจะตีให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูตกลงจากมือขวาของเจ้า ทั้งเจ้าและกองทัพทั้งหมดของเจ้า รวมทั้งชนชาติทั้งหลายที่มากับเจ้า จะล้มลงบนเทือกเขาแห่งอิสราเอล เราจะให้เจ้าเป็นอาหารของนกที่กินซากและพวกสัตว์ป่า เจ้าจะล้มตายกลางทุ่ง เพราะเราได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

“เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกก และบนพวกที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามเมืองชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เราจะทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เราจะไม่ปล่อยให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีก และชนชาติต่างๆจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์คือผู้ศักดิ์สิทธิ์ในอิสราเอล” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “มันกำลังจะมาถึงแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ก็เป็นวันที่เราได้พูดถึงแล้ว”

“แล้วคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ตามหัวเมืองต่างๆของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธทั้งหลายมาเป็นเชื้อเพลิง และเผาพวกมัน มีทั้งโล่เล็ก โล่ใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบอง หรือหอก พวกเขาจะใช้ของพวกนี้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึงเจ็ดปี 10 โดยไม่จำเป็นต้องไปหาฟืนตามทุ่ง หรือไปตัดไม้ในป่าเลย เพราะพวกเขาจะใช้อาวุธพวกนี้เป็นเชื้อเพลิง พวกเขาจะหยิบของจากซากศพของคนที่เคยปล้นพวกเขามา และขนเอาสิ่งของจากพวกที่เคยมาขนของจากพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

11 “ในวันนั้นเราจะจัดหลุมฝังศพให้กับโกกในอิสราเอล ในแถวหุบเขาของคนเหล่านั้นที่เดินผ่านไปมา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลตาย หลุมฝังศพนั้นจะไปขวางกั้นทางของพวกที่เดินทางผ่านไปมา เพราะโกกและฝูงชนมหึมาทั้งหมดของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจะมีชื่อว่าหุบเขาฝูงชนของโกก[b] 12 ครอบครัวชาวอิสราเอลจะใช้เวลาฝังศพพวกเขาถึงเจ็ดเดือน เพื่อที่จะชำระล้างแผ่นดินนั้น 13 ชาวบ้านทุกคนในแผ่นดินจะต้องช่วยกันฝังศพของพวกเขา และมันจะนำเกียรติมาให้กับคนอิสราเอล ในวันที่เราได้แสดงความยิ่งใหญ่ของเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

14 “พวกผู้ชายจะถูกจ้างเต็มเวลาให้ออกไปเก็บศพทั่วแผ่นดินและฝังมัน เพื่อชำระล้างแผ่นดิน มันจะใช้เวลาตั้งเจ็ดเดือน ที่จะค้นหาและฝังกระดูกเหล่านั้น 15 ในขณะที่พวกเขาค้นหาไปทั่วแผ่นดินนั้น เมื่อพบโครงกระดูกมนุษย์ ก็จะทำเครื่องหมายไว้ข้างๆและเครื่องหมายนั้นจะอยู่จนกว่าโครงกระดูกเหล่านั้นจะถูกฝังในหุบเขาฮาโมนโกก 16 (จะมีเมืองหนึ่งที่ชื่อฮาโมนาห์[c] อยู่ที่นั่นด้วย) นี่แหละเป็นวิธีที่พวกเขาจะชำระล้างแผ่นดิน”

17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เจ้าลูกมนุษย์ เรียกนกทุกชนิดและสัตว์ป่าทั้งหมดออกมา ให้บอกพวกมันว่า ‘มาชุมนุมกันเถอะ มารวมกันจากทั่วสารทิศ เพื่อมาร่วมกินกันในงานเซ่นไหว้ที่เราได้เตรียมไว้ให้กับเจ้านี้ เป็นการเซ่นไหว้เฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่บนเทือกเขาของอิสราเอล ที่นั่นเจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือด 18 เจ้าจะได้กินเนื้อของคนที่เก่งกล้า และดื่มเลือดของบรรดาเจ้าชายแห่งโลก ราวกับว่าพวกเขาเป็นแกะผู้และลูกแกะ เป็นแพะและวัวตัวผู้ พวกเขาทั้งหมดเป็นสัตว์ที่ได้รับการขุนจนอ้วนพีมาจากบาชาน 19 ในงานเซ่นไหว้ที่เราได้จัดเตรียมให้กับเจ้านี้ เจ้าจะได้กินไขมันจนอิ่มหนำและดื่มเลือดจนเมามาย 20 จากโต๊ะของเรา เจ้าจะได้กินทั้งม้าและคนขับรถม้า คนที่เก่งกล้าและทหารทุกประเภท จนกว่าเจ้าจะอิ่มหนำสำราญ’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

21 “เราจะแสดงความยิ่งใหญ่ของเราท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และทุกชนชาติจะได้เห็นการลงโทษที่เรานำมาและเห็นมือที่เราวางลงบนพวกเขา 22 จากวันนั้นเป็นต้นไป ครอบครัวชาวอิสราเอลจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 23 และชนชาติทั้งหลายจะรู้ว่า ที่ประชาชนชาวอิสราเอลต้องถูกเนรเทศนั้น เป็นเพราะบาปของพวกเขาเอง เราจึงได้หลบหน้าของเราจากพวกเขา และได้มอบพวกเขาไว้กับศัตรูทั้งหลายของพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดต้องล้มตายด้วยดาบ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา 24 เราได้ลงโทษพวกเขาอย่างสาสมกับความไม่บริสุทธิ์และการกบฏทั้งหลายของพวกเขา และเราได้หลบหน้าไปจากพวกเขา”

25 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ตอนนี้เราจะทำให้ยาโคบกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม[d] เราจะเมตตาประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด และเราจะมีใจร้อนรนที่จะกู้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรากลับมา 26 เมื่อพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของพวกเขา และไม่ต้องกลัวใครอีก พวกเขาจะได้ลืมความอับอายและความไม่ซื่อสัตย์ที่พวกเขาได้ทำกับเรา 27 เมื่อเราได้นำพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และได้รวบรวมพวกเขามาจากประเทศของศัตรูพวกเขา นี่เป็นการแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านทางพวกเขา ต่อหน้าต่อตาของประชาชนมากมาย 28 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่าเราได้เนรเทศพวกเขาไปอยู่ท่ามกลางชาติต่างๆเราก็จะรวบรวมพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินของพวกเขา เราจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาสักคนเดียวไว้ที่นั่น 29 เราจะไม่หลบหน้าของเราไปจากพวกเขาอีก เพราะเราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนครอบครัวชาวอิสราเอล”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

สดุดี 90

หนังสือเล่มที่สี่

(สดุดี 90-106)

พระเจ้าคงอยู่ตลอดไปมนุษย์นั้นชั่วคราว

คำอธิษฐานของโมเสสคนของพระเจ้า

ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต
    พระองค์ได้เป็นที่ลี้ภัยของพวกเราตลอดมาทุกรุ่น
ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายจะเกิดมา
    ก่อนที่พระองค์จะทำให้โลกนี้เกิดขึ้น
    ตั้งแต่อดีตกาล ตราบจนชั่วนิรันดร์กาล พระองค์คือพระเจ้า

พระองค์ทำให้มนุษย์กลับไปเป็นผงคลีดิน
    พระองค์พูดว่า “มนุษย์กลับไปเป็นดินซะ”
ข้าแต่พระเจ้า สำหรับพระองค์แล้วพันปีก็เหมือนกับแค่วันวานที่ผ่านไป
    เหมือนกับแค่เสี้ยวหนึ่งของค่ำคืน[a]

และอีกพันปี ก็จะเป็นเหมือนหญ้าที่เปลี่ยนสีเท่านั้น
    พวกมนุษย์นั้นเป็นเหมือนหญ้าที่งอกขึ้นในตอนเช้า
หญ้างอกขึ้นในตอนเช้า และเขียวไปทั่วในตอนเช้า
    แล้วในตอนค่ำก็เหี่ยวแห้งไป

พวกเราตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวความเกรี้ยวโกรธของพระองค์
    พวกเราถูกทำลายเพราะความโกรธของพระองค์
พระองค์วางความผิดทั้งหมดของเราไว้ต่อหน้าพระองค์
    บาปทั้งหลายที่เราซ่อนเร้นไว้ก็ถูกตีแผ่อยู่ในความสว่างต่อหน้าพระองค์

วันทั้งหลายของพวกเราจบสิ้นลงเพราะความโกรธของพระองค์
    เดือนปีของพวกเราจบสิ้นลงอย่างรวดเร็วเหมือนถอนหายใจ
10 ชีวิตเราก็แค่เจ็ดสิบปี
    ถ้าเราแข็งแรง อาจจะอยู่ถึงแปดสิบปี
แม้แต่วันปีที่ดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก
    ชีวิตก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเราก็หายวับไป

11 ใครเล่าได้สัมผัสความเกรี้ยวโกรธอย่างเต็มที่ของพระองค์
    ใครเล่าได้สัมผัสความโกรธของพระองค์และความกลัวที่เกิดจากมัน
12 โปรดช่วยเราให้รู้จักนับวันเวลาอันแสนสั้นของพวกเรา
    เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดกลับมาหาพวกเรา พระองค์จะถ่วงเวลาไปอีกนานแค่ไหน
    โปรดสงสารพวกผู้รับใช้ของพระองค์
14 โปรดให้เราอิ่มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ทุกๆเช้า
    แล้วพวกเราจะได้โห่ร้องด้วยความยินดีและมีความสุขไปชั่วชีวิต
15 โปรดให้พวกเรามีความสุขนานเท่ากับวันเวลาแห่งความทุกข์ทรมานที่พระองค์เคยหยิบยื่นให้กับเรานั้น
    นานเท่ากับปีแห่งความทุกข์ระทมที่เราเจอมา
16 โปรดให้พวกเราผู้รับใช้ของพระองค์ได้เห็นการกระทำต่างๆของพระองค์
    ให้ลูกหลานของพวกเราได้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจอันอัศจรรย์ของพระองค์
17 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกเรา
    โปรดอวยพรพวกเราด้วยเถิด
    โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
    ใช่แล้ว โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International