M’Cheyne Bible Reading Plan
พระเจ้ามาปรากฏกับซาโลมอนอีก
(2 พศด. 7:11-22)
9 เมื่อซาโลมอนได้สร้างวิหารของพระยาห์เวห์และวังของกษัตริย์เสร็จสิ้นลง และได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการจะทำสำเร็จแล้ว 2 พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏตัวกับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง เหมือนกับที่พระองค์เคยปรากฏตัวกับเขามาแล้วในเมืองกิเบโอน 3 พระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า
“เราได้ยินคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนที่เจ้าได้พูดไว้ต่อหน้าเรา เราได้ทำให้วิหารแห่งนี้ ที่เจ้าได้สร้างขึ้นมาศักดิ์สิทธิ์แล้ว และชื่อของเราจะได้รับเกียรติจากที่นั่นตลอดไป เราจะเฝ้าดูและระลึกถึงที่นั่นเสมอ 4 ส่วนตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าใช้ชีวิตอยู่ต่อหน้าเราด้วยใจที่ซื่อตรงและถูกต้องเหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเจ้าทำ และทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง และรักษากฎและข้อบังคับทุกข้อของเรา
5 เราจะรักษาบัลลังก์ของตระกูลเจ้าให้มั่นคงอยู่เหนืออิสราเอลตลอดไป เหมือนกับที่เราได้สัญญาไว้กับดาวิด พ่อของเจ้า ตอนที่เราพูดว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดผู้สืบเชื้อสายที่จะขึ้นมานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล’
6 แต่ถ้าเจ้าหรือลูกหลานของเจ้าหันเหไปจากการติดตามเรา และไม่รักษาคำสั่งและกฎต่างๆที่เราได้ให้พวกเจ้าไว้ และไปรับใช้พวกพระอื่น และไปกราบไหว้พวกมัน 7 เราก็จะตัดอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่เราได้ให้พวกเขาไว้ และจะโยนวิหารแห่งนี้ที่เราได้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชื่อเสียงของเราให้พ้นสายตาเราไป แล้วอิสราเอลก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะและเย้ยหยันของชนชาติทั้งหลาย 8 วิหารนี้จะกลายเป็นซากปรักหักพัง[a] คนที่เดินผ่านไปมาจะตะลึงงัน และผิวปากเย้ย และถามกันว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้ทำอย่างนี้กับแผ่นดินนี้และวิหารหลังนี้เล่า’ 9 ประชาชนก็จะตอบว่า ‘เพราะพวกเขาละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ที่ได้นำบรรพบุรุษของพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และพวกเขาได้อ้าแขนโอบกอดพระอื่นๆและก้มกราบรับใช้พระเหล่านั้น พระยาห์เวห์จึงได้นำความหายนะอย่างนี้มาสู่พวกเขา’”
10 กษัตริย์ซาโลมอนได้ใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการสร้างตึกทั้งสองหลังนี้ ซึ่งก็คือวิหารของพระยาห์เวห์และวังของครอบครัวกษัตริย์ และในช่วงปลายปีที่ยี่สิบนี่เอง 11 กษัตริย์ซาโลมอนได้มอบเมืองยี่สิบเมืองในแคว้นกาลิลีให้กับกษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระ เพราะว่าฮีรามได้จัดหาไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบและทองคำให้กับเขาเท่าที่เขาอยากได้ 12 แต่เมื่อฮีรามออกจากเมืองไทระเพื่อไปตรวจดูเมืองเหล่านั้นที่ซาโลมอนได้มอบให้กับเขา เขากลับไม่พอใจพวกมัน 13 เขาถามไปว่า “น้องชาย นี่ท่านได้มอบเมืองประเภทไหนให้เรากันนะ” และเขาก็ได้เรียกเมืองเหล่านั้นว่า แผ่นดินคาบูล[b] ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 14 ฮีรามได้ส่งทองคำไปให้กับกษัตริย์ซาโลมอนใช้สร้างวิหาร ประมาณสี่ตัน[c]
งานอื่นๆที่ซาโลมอนได้ทำ
(2 พศด. 8:3-18)
15 กษัตริย์ซาโลมอนได้เกณฑ์คนงานมาสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ รวมทั้งวังของเขาเอง ตลอดจนเฉลียง[d] ต่างๆและกำแพงของเมืองเยรูซาเล็ม และสร้างเมืองฮาโซร์ เมืองเมกิดโดและเมืองเกเซอร์ขึ้นมาใหม่
16 (ในอดีตกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์เคยเข้าโจมตีและยึดเอาเมืองเกเซอร์ไว้ เขาได้เผาเมืองนี้และได้ฆ่าชาวคานาอันที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น เมื่อซาโลมอนแต่งงานกับลูกสาวของฟาโรห์ ฟาโรห์ก็ได้ยกเมืองนี้ให้เป็นสินสมรสกับลูกสาวของเขา คือเมียของซาโลมอนนั่นเอง 17 แล้วซาโลมอนก็ได้สร้างเมืองเกเซอร์นี้ขึ้นมาใหม่) ซาโลมอนได้สร้างเมืองเบธโฮโรนล่างขึ้นมา 18 และเขาก็ยังสร้างเมืองบาอาลัทและเมืองทามาร์ขึ้นมาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งในแผ่นดินของเขาด้วย 19 รวมทั้งสร้างเมืองต่างๆที่ใช้สำหรับเก็บข้าวของและเมืองสำหรับไว้รถรบ และม้าศึกทั้งหลายของเขา และสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากจะสร้าง ทั้งในเยรูซาเล็ม ในเลบานอนและตลอดทั่วทั้งเขตแดนที่เขาปกครองอยู่
20 มีชนชาติอื่นที่หลงเหลือในแผ่นดินนี้ที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอล คือชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส 21 คนเหล่านี้ เป็นเชื้อสายของคนเหล่านั้นที่ชาวอิสราเอลไม่สามารถฆ่าได้หมด ซาโลมอนได้บังคับคนเหล่านี้ให้มาเป็นทาสใช้แรงงาน อย่างที่พวกเขาเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ 22 แต่ส่วนชาวอิสราเอลแล้ว ซาโลมอนไม่ได้บังคับให้มาเป็นทาส พวกเขาได้มารับใช้เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เป็นผู้บังคับบัญชารถรบ และเป็นทหารขี่รถม้าของเขา
23 มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ห้าร้อยห้าสิบคนที่คอยดูแลโครงการต่างๆของกษัตริย์ซาโลมอน พวกเขามีหน้าที่คอยดูแลคนงาน
24 ลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์ได้ย้ายออกจากเมืองของดาวิดไปสู่วังที่ซาโลมอนได้สร้างไว้ให้กับนาง เขายังสร้างเฉลียงไว้ให้ด้วย
25 ซาโลมอนได้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นบูชาที่เขาได้สร้างไว้ให้กับพระยาห์เวห์ ปีละสามครั้ง และเขาได้เผาเครื่องหอมบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ และเขาก็ได้จัดการทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับวิหารจนเสร็จสิ้น
26 กษัตริย์ซาโลมอนยังได้สร้างกองเรือกำปั่นไว้ที่เมืองเอซีโอน-เกเบอร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเอโลทบนฝั่งทะเลแดงในแผ่นดินของเอโดม 27 และฮีรามได้ส่งพวกกะลาสีเรือที่ชำนาญทะเล ซึ่งเป็นคนของเขาให้ไปรับใช้อยู่ในกองเรือกำปั่นกับคนของซาโลมอน 28 พวกเขาได้เดินเรือไปถึงโอฟีร์และได้นำทองคำหนักประมาณสิบสี่ตันครึ่ง[e] กลับมาให้กษัตริย์ซาโลมอน
ลูกกับพ่อแม่
6 พวกคุณที่เป็นลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ของตน ในฐานะที่คุณมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง 2 กฎที่ว่า “ให้เกียรติพ่อแม่ของตน”[a] นี่เป็นกฎข้อแรกที่มีคำสัญญาพ่วงมาด้วย 3 “คือคุณจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่ง และอายุยืนยาวในแผ่นดินนี้”[b]
4 พวกคุณที่เป็นพ่อ อย่ายั่วยุลูกของตนให้โกรธ แต่ให้เลี้ยงดูเขาด้วยการอบรมสั่งสอน และเตือนสติตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต
ทาสกับเจ้านาย
5 พวกคุณที่เป็นทาส ต้องเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกนี้ ควรเกรงกลัวจนตัวสั่นด้วยความจริงใจ เหมือนที่ทำกับพระคริสต์ 6 อย่าทำเป็นขยันแค่ต่อหน้าเมื่อมีคนมองเพื่อประจบสอพลอ แต่ควรจะทำงานเหมือนกับเป็นทาสของพระคริสต์ ที่เต็มใจทำตามความต้องการของพระเจ้า 7 ให้เต็มใจรับใช้เหมือนกับที่ทำต่อองค์เจ้าชีวิตไม่ใช่ต่อมนุษย์ 8 จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ตาม ถ้าทำความดีก็จะได้รับสิ่งตอบแทนจากองค์เจ้าชีวิต
9 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณที่เป็นเจ้านายอย่าได้ข่มขู่ทาสของตน จำไว้ว่าเจ้านายของคุณและของเขาก็อยู่บนสวรรค์ และพระองค์ก็ไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร
จงสวมชุดเกราะของพระเจ้า
10 สุดท้ายนี้ ขอให้เข้มแข็งในองค์เจ้าชีวิต และในฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ แล้วพวกคุณจะสามารถยืนขึ้นต่อสู้แผนการของมารร้าย 12 เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่ต่อสู้กับพวกผู้ครอบครอง พวกผู้มีอำนาจ ต่อสู้กับพวกเทพเจ้าที่ครองโลกมืดนี้ และต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วร้ายในโลกฝ่ายวิญญาณ 13 เพราะอย่างนี้ ให้สวมชุดเกราะที่พระเจ้ามอบให้อย่างเต็มยศ เพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้เมื่อวันอันชั่วร้ายมาถึง และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว พวกคุณก็ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ 14 ดังนั้นให้ยืนหยัดไว้ เอาความจริงรัดเอวไว้เหมือนเข็มขัด เอาชีวิตที่พระเจ้าชอบใจมาสวมเป็นเกราะป้องกันอก 15 เอาใจที่พร้อมจะประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า 16 นอกจากนี้แล้ว ให้เอาความเชื่อเป็นโล่ ที่พวกคุณจะใช้กันลูกธนูไฟทั้งหมดที่มารร้ายยิงเข้าใส่ 17 ให้เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก และให้ถือดาบของพระวิญญาณ ซึ่งก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 18 ในทุกโอกาสและทุกเรื่องที่คุณอธิษฐานหรือขอร้อง ก็ให้อธิษฐานด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ ให้ตื่นตัวและอธิษฐานตลอดเวลาสำหรับทุกคนที่เป็นของพระเจ้า
19 ให้อธิษฐานเผื่อผมด้วย เพื่อเมื่อเวลาที่ผมเปิดปากพูด พระเจ้าจะให้คำพูดกับผม เพื่อผมจะได้เปิดเผยเรื่องลึกลับของข่าวดีนี้อย่างกล้าหาญ 20 ผมก็เป็นทูตของพระเจ้าที่กำลังประกาศข่าวดีนี้อยู่ในคุก ช่วยอธิษฐานให้ผมกล้าที่จะประกาศข่าวดีนี้ ตามที่ผมควรจะพูดด้วย
คำอวยพรสุดท้าย
21 ทีคิกัส ที่เป็นพี่น้องที่รัก และเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์เจ้าชีวิต จะเล่าเรื่องทั้งหมดของผมให้คุณฟังว่าเป็นอย่างไรบ้างและทำอะไรอยู่ 22 ผมส่งเขามาเพื่อคุณจะได้รู้ข่าวคราวของเราและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจคุณด้วย
23 ขอให้พระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้สันติสุข ความรักและความเชื่อกับพวกคุณ 24 ขอให้พระเจ้าให้ความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคนที่รักพระเยซูคริสต์เจ้าของเราอย่างไม่เสื่อมคลาย
ความตายของโกกกับกองทัพของเขา
39 เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดต่อต้านโกกแทนเราว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราต่อต้านเจ้า ไอ้โกก ผู้นำที่สำคัญที่สุด[a] แห่งเมเชคและทูบัล 2 เราจะทำให้เจ้าหันกลับและจะผลักเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากทางเหนืออันไกลโพ้น และส่งเจ้าไปยังเทือกเขาของอิสราเอล 3 แล้วเราจะตีให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูตกลงจากมือขวาของเจ้า 4 ทั้งเจ้าและกองทัพทั้งหมดของเจ้า รวมทั้งชนชาติทั้งหลายที่มากับเจ้า จะล้มลงบนเทือกเขาแห่งอิสราเอล เราจะให้เจ้าเป็นอาหารของนกที่กินซากและพวกสัตว์ป่า 5 เจ้าจะล้มตายกลางทุ่ง เพราะเราได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
6 “เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกก และบนพวกที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามเมืองชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 7 เราจะทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เราจะไม่ปล่อยให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีก และชนชาติต่างๆจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์คือผู้ศักดิ์สิทธิ์ในอิสราเอล” 8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “มันกำลังจะมาถึงแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ก็เป็นวันที่เราได้พูดถึงแล้ว”
9 “แล้วคนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ตามหัวเมืองต่างๆของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธทั้งหลายมาเป็นเชื้อเพลิง และเผาพวกมัน มีทั้งโล่เล็ก โล่ใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบอง หรือหอก พวกเขาจะใช้ของพวกนี้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึงเจ็ดปี 10 โดยไม่จำเป็นต้องไปหาฟืนตามทุ่ง หรือไปตัดไม้ในป่าเลย เพราะพวกเขาจะใช้อาวุธพวกนี้เป็นเชื้อเพลิง พวกเขาจะหยิบของจากซากศพของคนที่เคยปล้นพวกเขามา และขนเอาสิ่งของจากพวกที่เคยมาขนของจากพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
11 “ในวันนั้นเราจะจัดหลุมฝังศพให้กับโกกในอิสราเอล ในแถวหุบเขาของคนเหล่านั้นที่เดินผ่านไปมา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลตาย หลุมฝังศพนั้นจะไปขวางกั้นทางของพวกที่เดินทางผ่านไปมา เพราะโกกและฝูงชนมหึมาทั้งหมดของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจะมีชื่อว่าหุบเขาฝูงชนของโกก[b] 12 ครอบครัวชาวอิสราเอลจะใช้เวลาฝังศพพวกเขาถึงเจ็ดเดือน เพื่อที่จะชำระล้างแผ่นดินนั้น 13 ชาวบ้านทุกคนในแผ่นดินจะต้องช่วยกันฝังศพของพวกเขา และมันจะนำเกียรติมาให้กับคนอิสราเอล ในวันที่เราได้แสดงความยิ่งใหญ่ของเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
14 “พวกผู้ชายจะถูกจ้างเต็มเวลาให้ออกไปเก็บศพทั่วแผ่นดินและฝังมัน เพื่อชำระล้างแผ่นดิน มันจะใช้เวลาตั้งเจ็ดเดือน ที่จะค้นหาและฝังกระดูกเหล่านั้น 15 ในขณะที่พวกเขาค้นหาไปทั่วแผ่นดินนั้น เมื่อพบโครงกระดูกมนุษย์ ก็จะทำเครื่องหมายไว้ข้างๆและเครื่องหมายนั้นจะอยู่จนกว่าโครงกระดูกเหล่านั้นจะถูกฝังในหุบเขาฮาโมนโกก 16 (จะมีเมืองหนึ่งที่ชื่อฮาโมนาห์[c] อยู่ที่นั่นด้วย) นี่แหละเป็นวิธีที่พวกเขาจะชำระล้างแผ่นดิน”
17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เจ้าลูกมนุษย์ เรียกนกทุกชนิดและสัตว์ป่าทั้งหมดออกมา ให้บอกพวกมันว่า ‘มาชุมนุมกันเถอะ มารวมกันจากทั่วสารทิศ เพื่อมาร่วมกินกันในงานเซ่นไหว้ที่เราได้เตรียมไว้ให้กับเจ้านี้ เป็นการเซ่นไหว้เฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่บนเทือกเขาของอิสราเอล ที่นั่นเจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือด 18 เจ้าจะได้กินเนื้อของคนที่เก่งกล้า และดื่มเลือดของบรรดาเจ้าชายแห่งโลก ราวกับว่าพวกเขาเป็นแกะผู้และลูกแกะ เป็นแพะและวัวตัวผู้ พวกเขาทั้งหมดเป็นสัตว์ที่ได้รับการขุนจนอ้วนพีมาจากบาชาน 19 ในงานเซ่นไหว้ที่เราได้จัดเตรียมให้กับเจ้านี้ เจ้าจะได้กินไขมันจนอิ่มหนำและดื่มเลือดจนเมามาย 20 จากโต๊ะของเรา เจ้าจะได้กินทั้งม้าและคนขับรถม้า คนที่เก่งกล้าและทหารทุกประเภท จนกว่าเจ้าจะอิ่มหนำสำราญ’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
21 “เราจะแสดงความยิ่งใหญ่ของเราท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และทุกชนชาติจะได้เห็นการลงโทษที่เรานำมาและเห็นมือที่เราวางลงบนพวกเขา 22 จากวันนั้นเป็นต้นไป ครอบครัวชาวอิสราเอลจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 23 และชนชาติทั้งหลายจะรู้ว่า ที่ประชาชนชาวอิสราเอลต้องถูกเนรเทศนั้น เป็นเพราะบาปของพวกเขาเอง เราจึงได้หลบหน้าของเราจากพวกเขา และได้มอบพวกเขาไว้กับศัตรูทั้งหลายของพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดต้องล้มตายด้วยดาบ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา 24 เราได้ลงโทษพวกเขาอย่างสาสมกับความไม่บริสุทธิ์และการกบฏทั้งหลายของพวกเขา และเราได้หลบหน้าไปจากพวกเขา”
25 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ตอนนี้เราจะทำให้ยาโคบกลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม[d] เราจะเมตตาประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด และเราจะมีใจร้อนรนที่จะกู้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรากลับมา 26 เมื่อพวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของพวกเขา และไม่ต้องกลัวใครอีก พวกเขาจะได้ลืมความอับอายและความไม่ซื่อสัตย์ที่พวกเขาได้ทำกับเรา 27 เมื่อเราได้นำพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และได้รวบรวมพวกเขามาจากประเทศของศัตรูพวกเขา นี่เป็นการแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านทางพวกเขา ต่อหน้าต่อตาของประชาชนมากมาย 28 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้ว่าเราได้เนรเทศพวกเขาไปอยู่ท่ามกลางชาติต่างๆเราก็จะรวบรวมพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินของพวกเขา เราจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาสักคนเดียวไว้ที่นั่น 29 เราจะไม่หลบหน้าของเราไปจากพวกเขาอีก เพราะเราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนครอบครัวชาวอิสราเอล”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
หนังสือเล่มที่สี่
(สดุดี 90-106)
พระเจ้าคงอยู่ตลอดไปมนุษย์นั้นชั่วคราว
คำอธิษฐานของโมเสสคนของพระเจ้า
1 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต
พระองค์ได้เป็นที่ลี้ภัยของพวกเราตลอดมาทุกรุ่น
2 ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายจะเกิดมา
ก่อนที่พระองค์จะทำให้โลกนี้เกิดขึ้น
ตั้งแต่อดีตกาล ตราบจนชั่วนิรันดร์กาล พระองค์คือพระเจ้า
3 พระองค์ทำให้มนุษย์กลับไปเป็นผงคลีดิน
พระองค์พูดว่า “มนุษย์กลับไปเป็นดินซะ”
4 ข้าแต่พระเจ้า สำหรับพระองค์แล้วพันปีก็เหมือนกับแค่วันวานที่ผ่านไป
เหมือนกับแค่เสี้ยวหนึ่งของค่ำคืน[a]
5 และอีกพันปี ก็จะเป็นเหมือนหญ้าที่เปลี่ยนสีเท่านั้น
พวกมนุษย์นั้นเป็นเหมือนหญ้าที่งอกขึ้นในตอนเช้า
6 หญ้างอกขึ้นในตอนเช้า และเขียวไปทั่วในตอนเช้า
แล้วในตอนค่ำก็เหี่ยวแห้งไป
7 พวกเราตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวความเกรี้ยวโกรธของพระองค์
พวกเราถูกทำลายเพราะความโกรธของพระองค์
8 พระองค์วางความผิดทั้งหมดของเราไว้ต่อหน้าพระองค์
บาปทั้งหลายที่เราซ่อนเร้นไว้ก็ถูกตีแผ่อยู่ในความสว่างต่อหน้าพระองค์
9 วันทั้งหลายของพวกเราจบสิ้นลงเพราะความโกรธของพระองค์
เดือนปีของพวกเราจบสิ้นลงอย่างรวดเร็วเหมือนถอนหายใจ
10 ชีวิตเราก็แค่เจ็ดสิบปี
ถ้าเราแข็งแรง อาจจะอยู่ถึงแปดสิบปี
แม้แต่วันปีที่ดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก
ชีวิตก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเราก็หายวับไป
11 ใครเล่าได้สัมผัสความเกรี้ยวโกรธอย่างเต็มที่ของพระองค์
ใครเล่าได้สัมผัสความโกรธของพระองค์และความกลัวที่เกิดจากมัน
12 โปรดช่วยเราให้รู้จักนับวันเวลาอันแสนสั้นของพวกเรา
เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดกลับมาหาพวกเรา พระองค์จะถ่วงเวลาไปอีกนานแค่ไหน
โปรดสงสารพวกผู้รับใช้ของพระองค์
14 โปรดให้เราอิ่มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ทุกๆเช้า
แล้วพวกเราจะได้โห่ร้องด้วยความยินดีและมีความสุขไปชั่วชีวิต
15 โปรดให้พวกเรามีความสุขนานเท่ากับวันเวลาแห่งความทุกข์ทรมานที่พระองค์เคยหยิบยื่นให้กับเรานั้น
นานเท่ากับปีแห่งความทุกข์ระทมที่เราเจอมา
16 โปรดให้พวกเราผู้รับใช้ของพระองค์ได้เห็นการกระทำต่างๆของพระองค์
ให้ลูกหลานของพวกเราได้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจอันอัศจรรย์ของพระองค์
17 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกเรา
โปรดอวยพรพวกเราด้วยเถิด
โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
ใช่แล้ว โปรดให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นประสบผลสำเร็จ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International