M’Cheyne Bible Reading Plan
กษัตริย์กับผู้หญิงชาวชูเนม
8 ในเวลานั้นเอลีชาพูดกับหญิงชาวชูเนมที่เขาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นคืนชีพขึ้นมา[a] ว่า “ให้ท่านกับครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ท่านจะสามารถเลี้ยงชีพอยู่ได้ เพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เกิดความอดอยากขึ้นในแผ่นดินนี้ มันจะยาวนานถึงเจ็ดปี”
2 หญิงคนนั้นทำตามที่คนของพระเจ้าบอก นางและครอบครัวของนางได้ย้ายออกจากเมืองและไปอยู่ในดินแดนของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลาเจ็ดปี 3 และเมื่อครบเจ็ดปี นางก็กลับมาจากดินแดนของชาวฟีลิสเตีย
และนางได้ไปพบกับกษัตริย์เพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน
4 กษัตริย์กำลังคุยอยู่กับเกหะซีคนรับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อย ถึงเรื่องยิ่งใหญ่ต่างๆที่เอลีชาเคยทำไป”
5 ในขณะที่เกหะซีกำลังเล่าให้กษัตริย์ฟังว่า เอลีชาทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร หญิงคนที่เอลีชาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นขึ้น ก็ได้เข้ามาหากษัตริย์ นางมาขอบ้านและที่ดินของนางคืนจากกษัตริย์ เกหะซีพูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า หญิงคนนี้แหละ ที่เอลีชาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นขึ้นมา”
6 กษัตริย์ถามหญิงคนนั้นว่านางต้องการอะไร และนางได้บอกกับเขาไป
กษัตริย์จึงมอบหมายเรื่องของนางให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจัดการ กษัตริย์สั่งเขาว่า “คืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของนางให้กับนาง รวมทั้งรายได้จากที่ดินของนางนับตั้งแต่วันที่นางออกจากประเทศนี้ไปจนถึงวันนี้”
เบนฮาดัดถูกฆ่าตาย
7 เอลีชาไปที่เมืองดามัสกัส ตอนที่กษัตริย์เบนฮาดัดของชาวอารัมกำลังไม่สบาย เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์ว่า “คนของพระเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว”
8 กษัตริย์จึงพูดกับฮาซาเอลว่า “ให้ท่านนำของขวัญไปพบกับคนของพระเจ้าคนนั้น และให้เขาถามพระยาห์เวห์ว่า เราจะหายป่วยในครั้งนี้หรือไม่”
9 ฮาซาเอลไปพบเอลีชา และเอาของขวัญที่ดีที่สุดหลายอย่างในดามัสกัส บรรทุกเต็มหลังอูฐสี่สิบตัว เขาได้เข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเอลีชาและพูดว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดของอารัมลูกชายของท่านส่งเรามาถามท่านว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่’”
10 เอลีชาตอบว่า “ให้ไปบอกเขาว่า ‘ท่านจะหายป่วยแน่’ แต่พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเขาจะตาย”
11 เอลีชาจ้องมองฮาซาเอลด้วยสายตาเขม็งไม่ขยับเขยื้อนอยู่นานจนกระทั่งฮาซาเอลเริ่มรู้สึกอึดอัด แล้วคนของพระเจ้าก็เริ่มร้องไห้ออกมา 12 ฮาซาเอลถามเขาว่า “เจ้านายของเราร้องไห้ทำไม” เขาตอบว่า “ก็เพราะเรารู้ว่าท่านจะเป็นอันตรายกับชาวอิสราเอลทั้งหลายอย่างไรบ้างนะสิ ท่านจะเผาป้อมปราการทุกแห่ง ท่านจะฆ่าคนหนุ่มของพวกเขาด้วยดาบ ท่านจะฟาดเด็กเล็กลงบนพื้นเป็นชิ้นๆและจะแหวกท้องหญิงที่มีครรภ์”
13 ฮาซาเอลพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านที่เป็นเพียงหมาตัวหนึ่งจะทำร้ายพวกท่านถึงขนาดนั้นได้อย่างไรกัน”
เอลีชาตอบไปว่า “พระยาห์เวห์ได้แสดงให้เราเห็นว่าท่านจะได้เป็นกษัตริย์ของชาวอารัม”
14 แล้วฮาซาเอลก็จากเอลีชาและกลับไปหาเจ้านายของเขา เมื่อเบนฮาดัดถามเขาว่า “เอลีชาได้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง”
ฮาซาเอลตอบเขาไปว่า “เขาบอกกับข้าพเจ้าว่าท่านจะหายป่วยอย่างแน่นอน”
15 แต่ในวันต่อมา ฮาซาเอลเอาผ้าหนาๆชุบน้ำจนเปียกชุ่มและเอามันโปะไว้บนหน้าของกษัตริย์จนกระทั่งเขาขาดใจตาย แล้วฮาซาเอลก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเบนฮาดัด
เยโฮรัมปกครองยูดาห์
(2 พศด. 21:1-20)
16 เยโฮรัมลูกชายของเยโฮชาฟัทขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่ห้าที่โยรัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โยรัมเป็นลูกชายของอาหับ[b] 17 ตอนที่เยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุสามสิบสองปี และเขาครองราชย์อยู่แปดปีในเมืองเยรูซาเล็ม 18 เยโฮรัมเดินตามรอยของกษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ เขาใช้ชีวิตเหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำไว้ เพราะเขาแต่งงานกับลูกสาวของอาหับ เขาได้ทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ 19 อย่างไรก็ตาม เพราะพระยาห์เวห์เห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้พระองค์ พระองค์จึงไม่ทำลายยูดาห์ พระองค์เคยสัญญาว่าจะรักษาตะเกียงไว้ดวงหนึ่งสำหรับดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป
20 ในยุคของเยโฮรัม ชาวเอโดมได้กบฏต่อยูดาห์และตั้งกษัตริย์ของตัวเองขึ้น
21 เยโฮรัม[c] กับกองทัพรถรบของเขาจึงยกไปที่ศาอีร์ ชาวเอโดมเข้าล้อมเขาและล้อมพวกผู้บังคับบัญชารถรบทั้งหลายของเขาไว้ แต่เขาลุกขึ้นและตีฝ่าออกมาได้ในตอนกลางคืน แต่กองทัพของเขาหนีกลับบ้านไป 22 พวกเอโดมจึงได้กบฏ และแยกตัวออกจากยูดาห์จนถึงทุกวันนี้
และในช่วงเดียวกันนั้น พวกลิบนาห์ก็ได้กบฏ แยกตัวออกจากยูดาห์ด้วย
23 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของเยโฮรัม และทุกๆอย่างที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์
24 เยโฮรัมล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่กับพวกเขาในเมืองของดาวิด และอาหัสยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
อาหัสยาห์ปกครองยูดาห์
(2 พศด. 22:1-6)
25 อาหัสยาห์ ลูกชายของเยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบสองที่โยรัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โยรัมเป็นลูกชายของอาหับ 26 ตอนที่อาหัสยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุยี่สิบสองปี และเขาครองราชย์อยู่หนึ่งปีในเมืองเยรูซาเล็ม แม่ของเขาชื่อว่านางอาธาลิยาห์ เป็นหลานสาวของกษัตริย์อมรีแห่งอิสราเอล 27 อาหัสยาห์เดินตามรอยของครอบครัวอาหับ และได้ทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำไว้ เพราะเขาได้แต่งงานกับครอบครัวของอาหับ
28 อาหัสยาห์ร่วมกับโยรัม ลูกชายของอาหับ ออกไปสู้รบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัม ที่ราโมท-กิเลอาด ชาวอารัมทำให้โยรัมได้รับบาดเจ็บ 29 กษัตริย์โยรัมจึงกลับไปที่ยิสเรเอล เพื่อรักษาบาดแผลที่ชาวอารัมได้ทำร้ายเขาไว้ที่ราโมท-กิเลอาดตอนที่เขาสู้รบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัม อาหัสยาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ลูกชายของเยโฮรัมได้ไปที่ยิสเรเอลเพื่อเยี่ยมเยียนกษัตริย์โยรัมลูกชายของอาหับที่บาดเจ็บอยู่
กฎการอยู่ร่วมกัน
5 อย่าด่าว่าคนที่สูงอายุ แต่ให้เตือนเหมือนคนๆนั้นเป็นพ่อ ส่วนพวกหนุ่มๆก็ให้เตือนเหมือนพวกเขาเป็นพี่น้อง 2 ส่วนหญิงสูงอายุก็ให้เตือนเหมือนเธอเป็นแม่ ส่วนสาวๆ ก็ให้เตือนเหมือนพวกเธอเป็นพี่น้อง ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง 3 ให้เกียรติพวกแม่ม่ายที่ไม่มีญาติพี่น้อง 4 แต่ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ให้ลูกหลานพวกนั้นเรียนรู้ที่จะทำตามศาสนาคือ ให้ดูแลครอบครัวของพวกเขา ซึ่งเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้ที่เลี้ยงดูเขามา เพราะพระเจ้าชอบให้ทำอย่างนี้ 5 ส่วนแม่ม่ายที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาฝากความหวังไว้กับพระเจ้าและอธิษฐานอ้อนวอนทั้งวันทั้งคืน 6 แต่แม่ม่ายที่ปล่อยตัวปล่อยใจก็ถือว่าตายทั้งเป็นแล้ว 7 ให้สั่งเรื่องเหล่านี้ด้วย จะได้ไม่มีใครโดนตำหนิ 8 แต่ถ้ามีใครไม่ยอมเลี้ยงดูญาติพี่น้องโดยเฉพาะครอบครัวของตัวเอง เขาก็ได้ทิ้งความเชื่อแล้ว และแย่ยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก
9 ส่วนแม่ม่ายที่จะขึ้นทะเบียนแม่ม่ายที่หมู่ประชุมสนับสนุนได้นั้น จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่าหกสิบปี มีสามีเพียงคนเดียว 10 ต้องมีชื่อเสียงดีในหลายด้าน เช่น เคยเลี้ยงดูลูกๆ เคยต้อนรับแขกแปลกหน้า เคยล้างเท้าให้กับคนเหล่านั้นที่เป็นของพระเจ้า เคยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และทุ่มเทในการทำความดีทุกอย่าง
11 แต่อย่าให้แม่ม่ายที่ยังสาวๆอยู่ ขึ้นทะเบียนแม่ม่ายเลย เพราะเมื่อพวกเธอได้อุทิศตัวให้กับพระคริสต์แล้ว แต่เกิดราคะตัณหาขึ้นมาอยากจะแต่งงานใหม่อีก 12 ก็จะถูกประณามได้ว่าผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าตั้งแต่แรก 13 นอกจากนั้น ยังจะทำให้พวกเธอเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว เที่ยวไปบ้านโน้นบ้านนี้ ไม่ใช่แต่จะขี้เกียจเท่านั้น แต่ยังชอบนินทา ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีกด้วย และชอบพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด 14 ดังนั้น ผมจึงอยากให้แม่ม่ายที่ยังสาวนั้นแต่งงานใหม่และมีลูกเสีย และดูแลบ้านเรือนของพวกเธอเพื่อไม่ให้คนที่ต่อต้านเราตำหนิได้ 15 ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะมีแม่ม่ายบางคนได้หันตามซาตานไปแล้ว
16 ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เป็นผู้เชื่อ และมีญาติพี่น้องเป็นแม่ม่าย ก็ขอให้เขาช่วยเหลือญาติพวกนั้นด้วย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อหมู่ประชุมนั้นจะได้ไปช่วยเหลือแม่ม่ายที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
17 ผู้นำอาวุโสที่เป็นผู้นำที่ดีนั้น สมควรจะได้รับเกียรติเป็นสองเท่า โดยเฉพาะคนที่ทุ่มเทให้กับการเทศนาและสั่งสอน 18 เพราะมีข้อพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัว ขณะที่มันกำลังนวดข้าว”[a] และ “คนงานก็สมควรจะได้รับค่าจ้างของตน”[b]
19 ถ้ามีใครมากล่าวหาผู้นำอาวุโสก็อย่าเพิ่งเชื่อ นอกจากจะมีพยานสองสามคนยืนยัน 20 ถ้าผู้นำอาวุโสนั้นยังคงทำบาปต่อไป ให้ประณามเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่ประชุมของพระเจ้า เพื่อคนอื่นๆจะได้กลัว 21 ผมขอสั่งอย่างเด็ดขาดต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูคริสต์และพวกทูตสวรรค์ที่พระองค์ได้เลือกไว้ว่า คุณจะต้องรักษาและทำตามสิ่งเหล่านี้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังและไม่เล่นพรรคเล่นพวก
22 ไม่ต้องรีบร้อนวางมือบนใครเพื่อจะแต่งตั้งเขาในการทำงานขององค์เจ้าชีวิต อย่ามีส่วนร่วมในบาปของคนอื่น หมั่นรักษาตนเองให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ
23 อย่าดื่มแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว แต่ให้ดื่มเหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ในการย่อยอาหารและอาการเจ็บป่วยที่คุณเป็นอยู่บ่อยๆ
24 บาปของบางคนก็เห็นชัดเจน ใครๆก็รู้ว่าเขาจะต้องถูกตัดสินลงโทษ แต่บาปของบางคนจะเห็นได้ทีหลัง 25 ก็เหมือนกับความดีของบางคนก็เห็นชัดเจนทันที แต่ความดีที่ยังไม่เห็นก็จะไม่ถูกซ่อนไว้ตลอดไป
12 ในเวลานั้นเอง เจ้าชายมีคาเอลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เฝ้ารักษาประชาชนของเจ้าก็จะยืนขึ้น แล้วก็จะถึงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่คนพวกนี้เป็นชนชาติขึ้นมาจนถึงเวลานั้น แต่ ดาเนียล ในเวลานั้นคนของเจ้าทุกคน ที่มีชื่อเขียนอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็จะรอดชีวิต
2 และคนเป็นจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ในดินก็จะฟื้นขึ้นมา บางคนฟื้นขึ้นมาสู่ชีวิตนิรันดร์ และบางคนฟื้นขึ้นมาสู่ความอับอายและถูกปฏิเสธตลอดนิรันดร์
3 พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาด จะส่องสว่างจ้าเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว คนพวกนี้ที่ได้นำคนจำนวนมากมาใช้ชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจ ก็จะส่องสว่างเหมือนหมู่ดาวตลอดชั่วนิรันดร์
4 ส่วนเจ้า ดาเนียล ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และปิดผนึกหนังสือเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น คนเป็นจำนวนมากจะเดินทางไปโน่นไปนี่ และความรู้ก็จะเพิ่มขึ้น”
5 หลังจากนั้น ขณะที่ผม ดาเนียล กำลังจ้องมองอยู่นั้น จู่ๆก็มีคนอีกสองคนยืนอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำด้านนี้ ส่วนอีกคนอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
6 คนหนึ่งในสองคนนั้น ถามคนที่สวมชุดผ้าลินิน (คือคนที่ยืนอยู่เหนือน้ำ) ว่า “อีกนานไหมกว่าเรื่องเลวร้ายพวกนี้จะเกิดขึ้น”
7 ผมได้ยินเสียงผู้ชายคนที่สวมชุดผ้าลินิน (คือคนที่ยืนอยู่เหนือน้ำ) เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนสวรรค์ และสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิจว่า
“อีกหนึ่งปี สองปี และครึ่งปี เมื่ออำนาจของเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์แตกสลายจบสิ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น”
8 ผมได้ยินแต่ไม่เข้าใจ ผมก็เลยถามว่า “ท่านครับ แล้วเหตุการณ์เหล่านี้จะจบลงยังไงครับ”
9 เขาพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ดาเนียล ให้เจ้าดำเนินชีวิตของเจ้าต่อไป เพราะว่าเรื่องพวกนี้เป็นความลับ เรื่องนี้จะถูกปิดผนึกไว้จนกว่าจะถึงเวลาของจุดจบนั้น
10 คนจำนวนมากจะได้รับการชำระล้างให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ คนชั่วจะทำชั่ว จะไม่มีคนชั่วสักคนที่เข้าใจ แต่พวกผู้นำที่เฉลียวฉลาดจะเข้าใจ
11 นับตั้งแต่วันที่การถวายเครื่องบูชาประจำวันถูกยกเลิกไป จนถึงวันที่สิ่งน่าขยะแขยงที่ก่อให้เกิดความน่าสะพรึงกลัวถูกตั้งขึ้นมา รวมเวลาทั้งสิ้นหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบวัน
12 คนที่รอและยังรอดชีวิตอยู่จนถึงหนึ่งพันสามร้อยสามสิบห้าวันก็จะเป็นคนที่จะได้รับเกียรติ
13 เอาละ ดาเนียล สำหรับเจ้า ให้ดำเนินชีวิตของเจ้าต่อไปอย่างซื่อสัตย์จนถึงจุดจบ เจ้าจะได้พักผ่อน แล้วตอนสุดท้ายนั้นเจ้าก็จะฟื้นขึ้นมารับรางวัลของเจ้า”
ไซอิน
49 โปรดระลึกถึงคำสัญญาที่ให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
คำสัญญานั้นทำให้ข้าพเจ้ามีความหวัง
50 คำสัญญาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
นี่แหละคือคำปลอบโยนของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
51 แม้ว่า คนหยิ่งยโสจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนก็ตาม
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยหันไปจากคำสั่งสอนของพระองค์
52 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังระลึกถึงกฎเกณฑ์ต่างๆที่พระองค์ให้นานมาแล้วนั้น
และมันก็ปลอบใจข้าพเจ้า
53 ข้าพเจ้าโกรธจับใจต่อคนชั่วช้าเหล่านั้น
ที่ละทิ้งคำสั่งสอนของพระองค์ไป
54 ข้าพเจ้าร้องเพลงเรื่องกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
ในทุกหนแห่งที่ข้าพเจ้าพักอาศัย
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืน ข้าพเจ้าก็ยังระลึกถึงชื่อเสียงของพระองค์
ข้าพเจ้าก็เลยรักษาคำสั่งสอนของพระองค์
56 ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ
คือที่ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์
เฮธ
57 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นส่วนแบ่งของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
58 ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
โปรดเมตตาข้าพเจ้าอย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้
59 ข้าพเจ้าคิดถึงทางทั้งหลายของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจหันเท้าของข้าพเจ้ากลับมาหากฎต่างๆของพระองค์
60 ข้าพเจ้ารีบทำตามบัญญัติต่างๆของพระองค์
อย่างไม่รอช้า
61 ถึงข้าพเจ้าจะติดอยู่ในกับดักของคนชั่ว
ข้าพเจ้าก็ไม่เคยลืมคำสั่งสอนของพระองค์
62 ในตอนกลางคืน ข้าพเจ้าลุกขึ้นมา
เพื่อขอบคุณพระองค์สำหรับกฎเกณฑ์ต่างๆอันยุติธรรมของพระองค์
63 ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
เป็นเพื่อนกับทุกคนที่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โลกนี้เต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
โปรดสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วย
เท็ธ
65 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ดีต่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้
66 โปรดสอนสติปัญญาและความรู้ให้กับข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าวางใจในบัญญัติของพระองค์
67 เมื่อก่อนนั้น ข้าพเจ้าทุกข์ทรมานและกำลังหลงทางไป
แต่เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าเชื่อฟังสิ่งที่พระองค์บอก
68 พระองค์ดีและทำดี
ช่วยสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
69 คนหยิ่งจองหองที่โกหกใส่ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้ายังรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์อย่างสุดหัวใจ
70 คนพวกนั้นโง่เขลา
แต่ข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับคำสั่งสอนของพระองค์
71 มันเป็นสิ่งที่ดี ที่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์นั้น
เพราะมันทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้กฎระเบียบต่างๆของพระองค์
72 คำสั่งสอนจากปากของพระองค์
ก็มีค่ายิ่งกว่าทองคำและเงินหลายพันชั่ง
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International