Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 3

โยรัมได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล

โยรัม[a] ลูกชายของอาหับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบแปดที่กษัตริย์เยโฮชาฟัทปกครองยูดาห์ โยรัมได้ครองราชย์อยู่สิบสองปี กษัตริย์โยรัมทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่เขาไม่ได้ทำสิ่งที่พ่อแม่ของเขาทำ คือเขาได้ทำลายหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลที่พ่อของเขาได้สร้างเอาไว้ แต่ว่า เขาได้ทำบาปตามอย่างของเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ผู้ที่เป็นต้นเหตุให้ชนชาติอิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย โยรัมไม่ยอมหันเหไปจากสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้เลย

กษัตริย์โมอับกบฏต่ออิสราเอล

ในเวลานั้นกษัตริย์เมชาของโมอับได้เลี้ยงแกะไว้มากมาย และเขาต้องจัดหาลูกแกะหนึ่งแสนตัวและขนแกะตัวผู้หนึ่งแสนผืนให้กับกษัตริย์ของอิสราเอล แต่หลังจากกษัตริย์อาหับตาย กษัตริย์ของโมอับได้กบฏต่อกษัตริย์ของอิสราเอล

กษัตริย์โยรัมจึงยกทัพออกจากเมืองสะมาเรีย ได้รวบรวมพลจากทั่วทั้งอิสราเอลมา กษัตริย์โยรัมยังได้ส่งข่าวนี้ไปถึงกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์ด้วยว่า “กษัตริย์โมอับได้กบฏต่อเราแล้ว ท่านจะไปช่วยเราสู้รบกับพวกโมอับไหม”

เยโฮชาฟัทตอบมาว่า “ท่านกับเราก็เป็นหนึ่งเดียวกันทหารของเราก็เป็นทหารของท่าน พวกม้าของเราก็เป็นพวกม้าของท่าน”

กษัตริย์สามองค์มาหาเอลีชา

เยโฮชาฟัทถามว่า “เราจะใช้เส้นทางไหนเข้าโจมตีดี”

โยรัมตอบว่า “ผ่านทางทะเลทรายเอโดม”

กษัตริย์ของอิสราเอลจึงออกเดินทางไปกับกษัตริย์ของยูดาห์พร้อมกับกษัตริย์ของเอโดม หลังจากที่เดินทางไปได้เจ็ดวัน ในกองทัพก็ไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยไม่ว่าสำหรับคนหรือสัตว์ที่มากับกองทัพ 10 กษัตริย์ของอิสราเอลอุทานออกมาว่า “อะไรกันนี่ นี่พระยาห์เวห์เรียกพวกเราที่เป็นกษัตริย์ทั้งสามคนให้มาอยู่ด้วยกันก็เพื่อที่จะมอบพวกเราให้กับพวกโมอับอย่างนั้นหรือ”

11 แต่เยโฮชาฟัทถามว่า “ไม่มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์อยู่ที่นี่สักคนเลยหรือ พวกเราจะได้ถามพระยาห์เวห์ผ่านทางเขาได้”

มีข้าราชการคนหนึ่งของกษัตริย์อิสราเอลตอบว่า “เอลีชาลูกชายของชาฟัทอยู่ที่นี่ เขาเคยรับใช้เอลียาห์มาก่อน”[b]

12 เยโฮชาฟัทพูดว่า “คำพูดของพระยาห์เวห์อยู่กับเขา”

กษัตริย์ของอิสราเอลและเยโฮชาฟัทรวมทั้งกษัตริย์ของเอโดมได้ลงไปพบเอลีชา

13 เอลีชาพูดกับกษัตริย์ของอิสราเอลว่า “ข้าไปเกี่ยวอะไรกับท่านด้วย ไปหาพวกผู้พูดแทนพระทั้งหลายของพ่อแม่ท่านสิ”

กษัตริย์ของอิสราเอลตอบว่า “ไม่ไปหรอก เรามาหาเจ้าก็เพราะเป็นพระยาห์เวห์นั่นแหละ ที่ได้เรียกพวกเราทั้งสามคนที่เป็นกษัตริย์ออกมา เพื่อจะมอบพวกเราให้กับพวกโมอับ”

14 เอลีชาจึงพูดว่า “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่ข้าพเจ้ารับใช้ มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า หากไม่มีกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์อยู่ด้วย ข้าพเจ้าก็จะไม่มองหรือให้ความสนใจเจ้าแม้แต่นิดเดียว 15 แต่ตอนนี้พานักเล่นพิณมาให้ข้าพเจ้าสักหนึ่งคน”

ในขณะที่นักเล่นพิณกำลังดีดพิณอยู่ ฤทธิ์[c] ของพระยาห์เวห์ก็ได้ลงมาอยู่ที่เอลีชา 16 และเขาก็พูดว่า “พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘ขุดหลุมไปให้ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้’ 17 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘เจ้าจะไม่เห็นลมหรือฝน แต่ในหุบเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยน้ำ แล้วตัวเจ้า ฝูงวัวและสัตว์อื่นๆของเจ้าจะได้ดื่มมัน’ 18 ในสายตาของพระยาห์เวห์ เรื่องนี้เรื่องเล็ก พระองค์จะมอบโมอับไว้ในมือของเจ้าด้วย 19 เจ้าจะได้ทำลายเมืองที่เป็นป้อมปราการและเมืองหลักๆทุกเมืองของพวกมัน เจ้าจะได้โค่นต้นไม้ดีๆทุกต้นของพวกมัน เจ้าจะได้ถมตาน้ำทั้งหมดและทำลายทุ่งนาดีๆทุกแห่งด้วยก้อนหิน”

20 เช้าวันใหม่ ตรงกับเวลาถวายเครื่องสัตวบูชาของช่วงเช้า ที่นั่นเองได้มีน้ำไหลมาจากทางทิศที่เมืองเอโดมตั้งอยู่ และแผ่นดินแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำ

21 เมื่อชาวโมอับทั้งหมดได้ยินว่ากษัตริย์ทั้งสามองค์ได้ขึ้นมาสู้รบกับพวกเขา พวกผู้ชายทุกคนตั้งแต่หนุ่มไปจนแก่ที่สามารถถืออาวุธได้ ต่างถูกเกณฑ์มาประจำการอยู่ตามแนวชายแดน 22 เมื่อพวกโมอับตื่นขึ้นในตอนเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ส่องแสงลงบนผิวน้ำ พวกโมอับมองเห็นน้ำนั้นเหมือนกับเลือด 23 พวกเขาพูดกันว่า “นั่นมันเลือดนี่นา กษัตริย์เหล่านั้นคงจะต่อสู้กันเองและฆ่ากันตายไปแล้วแน่นอน พวกเราไปปล้นเอาของพวกมันกันเถอะ”

24 แต่เมื่อชาวโมอับมาถึงในค่ายของอิสราเอล ชาวอิสราเอลได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกเขา จนพวกโมอับต้องหนีไป และชาวอิสราเอลได้บุกเข้าในแผ่นดินนั้น และฆ่าพวกโมอับ 25 พวกอิสราเอลได้ทำลายเมืองต่างๆลงและแต่ละคนก็รื้อหิน ขว้าง[d]เข้าใส่ทุ่งนาดีๆจนทุ่งนาทุกแห่งเต็มไปด้วยหิน พวกเขาได้ถมตาน้ำทั้งหมดและโค่นต้นไม้ดีๆลงจนหมด มีแต่เมืองคีร์หะเรเชท ที่ยังมีพวกรั้วหินวางอยู่ในที่ของมัน แต่เมื่อพวกทหารที่ใช้เชือกสลิงล้อมเมืองนั้นไว้ พวกเขาก็เอาชนะมันได้เหมือนกัน

26 เมื่อกษัตริย์ของโมอับเห็นว่าเขาพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้ เขาจึงนำทหารที่ถือดาบไปด้วยเจ็ดร้อยคน พยายามตีฝ่าเข้าไปให้ถึงตัวกษัตริย์เอโดม แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ 27 แล้วกษัตริย์โมอับก็เอาตัวลูกชายคนโตของเขาที่จะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขานั้น มาเผาเป็นเครื่องเผาบูชาบนกำแพงเมือง เกิดความโกรธแค้นอย่างใหญ่หลวงขึ้นต่อชาวอิสราเอล พวกอิสราเอลจึงถอยทัพกลับไปยังแผ่นดินของพวกเขา

2 เธสะโลนิกา 3

อธิษฐานให้เราด้วย

สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ช่วยอธิษฐานให้เราด้วย ขอให้ถ้อยคำขององค์เจ้าชีวิตแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วและเป็นที่นับถือ เหมือนกับที่พวกคุณนับถือ ขอให้พระเจ้าช่วยให้เราปลอดภัยจากพวกหัวดื้อ และพวกคนชั่ว (เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อในองค์เจ้าชีวิต)

แต่องค์เจ้าชีวิตนั้นซื่อสัตย์ พระองค์จะให้พลังและจะคุ้มครองพวกคุณจากมารร้าย เรามั่นใจว่าองค์เจ้าชีวิตจะช่วยคุณให้ทำตามคำสั่งสอนของเรา และจะช่วยให้คุณทำต่อไปอีกอย่างแน่นอน ขอให้องค์เจ้าชีวิตนำคุณให้มีความรักแบบเดียวกับพระเจ้าและมีความอดทนอดกลั้นแบบเดียวกับพระคริสต์

ให้ทำงาน อย่าขี้เกียจ

พี่น้องครับ ขอสั่งด้วยอำนาจของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเราว่า อยู่ให้ห่างจากพวกพี่น้องที่ขี้เกียจหลังยาวทุกคนที่ไม่ทำตามคำสั่งสอนที่เราให้ไว้ เพราะพวกคุณก็รู้ว่าควรจะทำตามเรา ตอนที่อยู่กับคุณเราไม่ได้ขี้เกียจหลังยาวเลย เราไม่เคยกินของใครฟรีๆ เราได้ทำงานหนัก อาบเหงื่อต่างน้ำทั้งวันทั้งคืน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระให้กับใคร จริงๆแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือจากพวกคุณ แต่เราอยากจะทำตัวเป็นแบบอย่างให้คุณทำตาม 10 เราถึงได้ตั้งกฎขึ้นมาตอนที่อยู่กับคุณว่า “ถ้าใครไม่ทำงาน ก็ไม่ต้องกิน”

11 เราได้ยินมาว่า มีคุณบางคนขี้เกียจหลังยาวไม่ยอมทำงาน เที่ยวยุ่งแต่เรื่องของชาวบ้าน 12 เราขอสั่งและเตือนคนอย่างนี้ด้วยอำนาจของพระเยซูคริสต์เจ้าว่า ให้เขาทำมาหากินด้วยลำแข้งของตัวเองและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร 13 ส่วนพี่น้องที่เหลืออย่าเพิ่งเบื่อหน่ายท้อแท้ที่จะทำดี

14 ถ้ามีใครไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของเราในจดหมายฉบับนี้ หมายหัวเอาไว้และอย่าไปคบหาด้วย เพื่อเขาจะได้อับอายขายหน้า 15 อย่ามองว่าเขาเป็นศัตรู แต่ให้เตือนเขาในฐานะที่เป็นพี่น้องคนหนึ่ง

คำพูดสุดท้าย

16 ขอให้องค์เจ้าชีวิตผู้เป็นแหล่งที่มาของสันติสุข ให้คุณมีสันติสุขอยู่ทุกเวลาในทุกๆทาง และขอให้พระองค์อยู่กับคุณทุกคน

17 ผม เปาโล ได้เขียนคำทักทายนี้ ด้วยลายมือของผมเอง นี่เป็นลายเซ็นต์ของผมในจดหมายทุกฉบับ ผมเขียนอย่างนี้แหละ

18 ขอให้พระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรามีเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคน

ดาเนียล 7

ดาเนียลฝันถึงสัตว์สี่ชนิด

ในปีแรกที่เบลชัสซาร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของบาบิโลน ในขณะที่ดาเนียลนอนหลับอยู่บนเตียง เขาก็ได้เห็นนิมิตในความฝัน หลังจากนั้นเขาก็จดสิ่งที่เขาเห็นในความฝันนั้น ดาเนียลเขียนว่า

“คืนหนึ่งในขณะที่ผมกำลังเห็นนิมิต ในทันใดนั้นผมก็เห็นลมที่มาจากทั้งสี่ทิศกำลังพัดอยู่ และสายลมเหล่านั้นกำลังปลุกปั่นน้ำในทะเลอันยิ่งใหญ่ แล้วสัตว์ขนาดใหญ่สี่ตัวก็โผล่ขึ้นมาจากทะเล แต่ละตัวมีลักษณะแตกต่างกันไป สัตว์ตัวแรกดูเหมือนสิงโต ที่มีปีกเหมือนนกอินทรี พอผมจ้องมองมัน ปีกของมันก็ถูกกระชากหลุดไป แล้วสิงโตตัวนี้ก็ถูกยกขึ้นจากพื้น ขึ้นมายืนสองขาเหมือนกับมนุษย์ แล้วมันก็ได้รับจิตใจของมนุษย์

จากนั้นผมก็เห็นสัตว์อีกตัวหนึ่ง สัตว์ตัวที่สองนี้ดูเหมือนหมี มันขยับตัวข้างหนึ่งขึ้น ในปากของมันคาบกระดูกซี่โครงสามซี่ มันได้รับคำสั่งว่า ‘ลุกขึ้นซะ แล้วกินเนื้อให้มากๆ’

หลังจากนั้นผมก็มองเห็นสัตว์อีกตัวหนึ่ง สัตว์ตัวนี้เหมือนเสือดาว ที่มีปีกเหมือนนกอยู่สี่ปีกบนหลังของมัน และมีหัวสี่หัว มันได้รับการแต่งตั้งให้ปกครองอาณาจักรแห่งหนึ่ง

หลังจากนั้น ขณะที่ผมกำลังจ้องมองนิมิตในฝันในคืนนั้น ผมก็เห็นสัตว์ตัวที่สี่ มันดูน่าสยดสยอง มีพลังมหาศาล และมีฟันเหล็กที่ใหญ่โต มันกินและบดเคี้ยวสัตว์ต่างๆมากมาย และเหยียบย่ำเศษที่เหลือนั้นใต้เท้า มันดูแตกต่างจากสัตว์ตัวก่อนๆและมันมีเขาสิบเขา

ขณะที่ผมกำลังจ้องมองเขาของมัน จู่ๆก็มีเขาเล็กๆอีกเขาหนึ่งงอกออกมาท่ามกลางเขาอื่นๆและดันเขาสามเขาที่มีอยู่ก่อนแล้วหลุดไป เขาอันเล็กนี้ มีดวงตาเหมือนดวงตามนุษย์ และมีปากที่คุยโม้โอ้อวด

การลงโทษสัตว์ตัวที่สี่

ขณะที่ผมกำลังจ้องมองอยู่ ก็มีการจัดวางบัลลังก์ต่างๆเข้าที่ของมัน
    และพระองค์ผู้นั้นที่อยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ได้มานั่งบนบัลลังก์อันหนึ่ง
เสื้อผ้าของพระองค์สีขาวเหมือนหิมะ
    ผมของพระองค์ก็ขาวเหมือนขนแกะที่สะอาด
บัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวไฟ
    ล้อของบัลลังก์ก็เป็นไฟที่ลุกโชติช่วง
10 มีไฟไหลออกมาเป็นลำธารจากตรงหน้าพระองค์
มีทูตสวรรค์เป็นร้อยล้านองค์ มายืนคอยรับใช้พระองค์
    มีคนหลายร้อยล้านคนมายืนคอยรับใช้พระองค์
ศาลก็เริ่มเปิดพิจารณาคดี
    และหนังสือทั้งหลายก็ถูกเปิดออก

11 ผมได้มองดูสิ่งเหล่านั้น ตั้งแต่เวลาที่ผมได้ยินเขาอันเล็กนั้นคุยโม้โอ้อวด จนถึงเวลาที่สัตว์ตัวที่สี่นั้นถูกฆ่าและเหวี่ยงทิ้งลงไปในไฟ 12 ส่วนสัตว์ที่เหลืออีกสามตัว ก็ถูกยึดเอาอำนาจที่ใช้ปกครองอาณาจักรไป แต่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

13 เมื่อผมเพ่งมองสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในนิมิตตอนกลางคืน จู่ๆก็มีท่านผู้หนึ่งที่ดูเหมือนมนุษย์[a] มาพร้อมกับกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า ท่านผู้นี้ได้เข้ามาถึงพระองค์ผู้นั้นที่อยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ท่านผู้นี้ก็ถูกนำตัวให้เข้ามาใกล้พระองค์ผู้นั้น 14 แล้วท่านผู้นี้ก็ได้รับสิทธิอำนาจ สง่าราศี และตำแหน่งกษัตริย์ ชนทุกชาติทุกภาษาจะคอยรับใช้ท่านผู้นี้ สิทธิอำนาจของท่านผู้นี้จะดำรงอยู่ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด ตำแหน่งกษัตริย์ของท่านผู้นี้จะไม่มีวันถูกทำลาย

ความหมายของนิมิตของดาเนียล

15 แล้วผม ดาเนียล ก็เริ่มกลุ้มใจ เพราะนิมิตพวกนี้ที่อยู่ในหัวของผมทำให้ผมตกใจกลัว

16 ผมเดินเข้าไปหาผู้รับใช้คนหนึ่งในหมู่ผู้รับใช้ที่ยืนอยู่ที่นั่นและถามเขาว่า

‘เรื่องทั้งหมดนี้จริงๆแล้วหมายความว่าอะไรครับ’

เขาพูดกับผมและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง

17 ‘สัตว์ใหญ่สี่ตัวนี้ หมายถึงอาณาจักรสี่อาณาจักรที่จะขึ้นมามีอำนาจบนโลกนี้ 18 และหลังจากนั้นพวกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ผู้สูงสุด ก็จะได้รับตำแหน่งกษัตริย์และจะครอบครองตลอดไป’

19 แล้วตอนนั้นผมก็อยากรู้ความหมายที่แท้จริงของสัตว์ตัวที่สี่ที่ดูแตกต่างไปจากตัวอื่นๆแถมยังดูน่าสยดสยอง มีพลังมหาศาล มีฟันเหล็ก และกงเล็บทองแดง มันบดเคี้ยวสัตว์ทั้งหลาย และเหยียบย่ำเศษที่เหลือไว้ใต้เท้าของมัน

20 แล้วผมก็อยากรู้ด้วยว่าเขาทั้งสิบบนหัวของมัน หมายถึงอะไร และเขาอันสุดท้ายที่ดันเขาสามเขาที่ขึ้นอยู่ก่อน คือเขาอันที่มีดวงตาและปากที่คุยโม้โอ้อวดตัวเอง และมันดูโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆ

21 ในขณะที่ผมกำลังจ้องดูอยู่นั้นเอง เขาอันนั้นก็เริ่มทำสงครามกับเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์และยังชนะพวกเขาอีกด้วย 22 จนกระทั่งพระองค์ผู้นั้นที่อยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มาถึง และให้ความเป็นธรรมกับเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ผู้สูงสุด และเวลานั้นก็มาถึงเมื่อเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับตำแหน่งกษัตริย์

23 และผู้รับใช้คนนั้นก็อธิบายให้ผมฟังว่า

‘สัตว์ตัวที่สี่ก็หมายถึงว่าจะมีอาณาจักรที่สี่ที่แตกต่างจากอาณาจักรที่มีมาก่อน อาณาจักรนี้จะเขมือบทั้งโลกและเหยียบย่ำบดขยี้โลกนั้น

24 ส่วนเขาทั้งสิบของมันก็คือกษัตริย์สิบองค์ของอาณาจักร หลังจากกษัตริย์สิบองค์นี้แล้ว ก็จะมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งมา ที่ต่างจากกษัตริย์องค์ก่อนๆและกษัตริย์องค์นี้ก็จะมาโค่นล้มกษัตริย์สามองค์แรก

25 กษัตริย์องค์นี้จะพูดไม่ดีเกี่ยวกับพระเจ้าสูงสุดและจะข่มเหงเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นเวลาช้านาน

กษัตริย์องค์นี้จะพยายามเปลี่ยนแปลงเวลาของเทศกาลต่างๆและกฎเกณฑ์ต่างๆและเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์องค์นี้ หนึ่งปี สองปี และครึ่งปี

26 แล้วศาลก็เริ่มเปิดพิจารณาคดี และกษัตริย์องค์นี้จะถูกโค่นอำนาจและถูกทำลายอย่างราบคาบ

27 หลังจากนั้น ตำแหน่งกษัตริย์ สิทธิอำนาจ รวมทั้งความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรทุกอาณาจักรในโลกจะถูกมอบให้กับกลุ่มคนพวกนั้นที่เป็นของเหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ผู้สูงสุด กลุ่มคนพวกนั้นจะครอบครองตำแหน่งกษัตริย์ไปชั่วนิจนิรันดร์ และผู้มีอำนาจทุกคนจะต้องรับใช้และเชื่อฟังพวกเขา’

28 เรื่องที่ผมฝันก็จบลงอย่างนี้ สำหรับตัวผม ดาเนียล ความฝันนี้ทำให้ผมตกใจกลัวจนหน้าซีด แต่ผมก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ”

สดุดี 114-115

การอัศจรรย์ของพระยาห์เวห์ตอนนำอิสราเอลออกจากอียิปต์

เมื่อคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
    เมื่อครอบครัวของยาโคบออกมาจากดินแดนต่างชาตินั้น
ยูดาห์ก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    และอิสราเอลก็กลายเป็นอาณาจักรของพระองค์

ทะเลเห็นพวกเขา และวิ่งหนีไป
    ส่วนแม่น้ำจอร์แดนก็หันกลับไป
ส่วนพวกภูเขาก็โลดเต้น ราวกับพวกแกะตัวผู้
    พวกเนินเขาก็กระโดดโลดเต้น ราวกับพวกลูกแกะ

ทะเลเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น เจ้าถึงต้องวิ่งหนีไป
    แม่น้ำจอร์แดนเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น เจ้าถึงต้องหันกลับไป
พวกภูเขาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าถึงโลดเต้น
    ราวกับพวกแกะตัวผู้
พวกเนินเขาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าถึงโลดเต้น
    ราวกับพวกลูกแกะ

แผ่นดินโลกเอ๋ย ให้สั่นคลอนอยู่ต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต
    ต่อหน้าพระเจ้าของยาโคบ
พระองค์คือผู้ที่เปลี่ยนหินให้กลายเป็นสระน้ำ
    พระองค์เปลี่ยนหินผาให้กลายเป็นตาน้ำ

ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ไม่ใช่ในรูปเคารพ

ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าให้เกียรติกับพวกเราเลย เกียรตินั้นเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
    เพราะพระองค์มีความรักมั่นคงและมีความสัตย์ซื่อ
คนต่างชาติพวกนั้น พูดกันได้ยังไงว่า
    “พระเจ้าของพวกมันอยู่ที่ไหน”

พระเจ้าของเราอยู่ในสวรรค์
    และพระองค์อยากจะทำอะไรพระองค์ก็จะทำอย่างนั้น
แต่พวกพระเจ้าของชนชาติต่างๆนั้นสิ
    เป็นแค่รูปปั้นทองและเงิน เป็นแค่ฝีมือมนุษย์
พวกรูปปั้นนั้น
    มีปากแต่พูดไม่ได้ มีตาแต่มองไม่เห็น
มีหูแต่ฟังไม่ได้
    มีจมูกแต่ดมกลิ่นไม่ได้
มีมือแต่รู้สึกไม่ได้ มีเท้าแต่เดินไม่ได้
    และไม่มีเสียงออกมาจากลำคอของพวกมัน
คนเหล่านั้นที่สร้างพวกรูปปั้นนั้น ในที่สุดก็จะเป็นอย่างรูปปั้นนั้น
    คนเหล่านั้นที่ไว้วางใจในพวกรูปปั้นนั้น ก็จะจบลงอย่างนั้นเหมือนกัน

อิสราเอลเอ๋ย ฝากความไว้วางใจในพระยาห์เวห์เถิด
    พระองค์เป็นผู้ช่วยและโล่ของเจ้า
10 ครอบครัวอาโรนเอ๋ย ฝากความไว้วางใจในพระยาห์เวห์เถิด
    พระองค์เป็นผู้ช่วยและโล่ของเจ้า
11 พวกที่ยำเกรงพระยาห์เวห์เอ๋ย ฝากความไว้วางใจในพระยาห์เวห์เถิด
    พระองค์เป็นผู้ช่วยและโล่ของเจ้า

12 พระยาห์เวห์ระลึกถึงพวกเรา พระองค์จะอวยพรเรา
    พระองค์จะอวยพรครอบครัวของอิสราเอล
    พระองค์จะอวยพรครอบครัวของอาโรน
13 พระยาห์เวห์จะอวยพรพวกนั้นที่ยำเกรงพระองค์
    ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดไปถึงคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

14 ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้พวกเจ้าเพิ่มพูน
    ทั้งพวกเจ้าและลูกหลานของเจ้า
15 ขอให้พวกเจ้าได้รับพระพรจากพระยาห์เวห์ ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

16 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระยาห์เวห์
    แต่พระองค์มอบแผ่นดินโลกให้กับพวกเราที่เป็นมนุษย์
17 คนตายแล้ว จะไม่สรรเสริญพระยาห์เวห์
    คือทุกคนที่ล่วงลงสู่โลกแห่งความเงียบนั้น
18 แต่พวกเราจะสรรเสริญพระยาห์เวห์ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไปจนตลอดกาล
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International