M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาโลมอนสร้างวิหาร
(2 พศด. 3:1-14; 4:1-10, 19-22; 5:1)
6 เป็นเวลาสี่ร้อยแปดสิบปี[a] หลังจากที่ชาวอิสราเอลได้อพยพออกมาจากประเทศอียิปต์ ในเดือนศิฟ ซึ่งเป็นเดือนที่สองของปี ตรงกับปีที่สี่ที่ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ซาโลมอนได้เริ่มสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้น 2 วิหารที่กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างขึ้นให้พระยาห์เวห์นั้นมีขนาดยาวหกสิบศอก[b] กว้างยี่สิบศอก[c] และสูงสามสิบศอก[d] 3 ด้านหน้าของห้องโถงใหญ่ของวิหาร มีระเบียงที่ยื่นออกมาสิบศอก และมีความกว้างยี่สิบศอกซึ่งเท่ากับความกว้างของวิหารพอดี 4 พระองค์ได้สร้างช่องหน้าต่างแคบๆหลายบานไว้ด้านบนของผนังวิหาร[e] ช่องหน้าต่างนี้ด้านในเล็กกว่าด้านนอก 5 ซาโลมอนได้สร้างห้องโดยรอบ ติดกับผนังรอบห้องโถงใหญ่และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ห้องพวกนี้มีสามชั้น 6 ฝาผนังด้านนอกของห้องโถงใหญ่นั้น ด้านล่างหนากว่าด้านบนเป็นหยักบ่าเข้าไป เพื่อจะได้วางไม้คาน ไม้คานจะได้ไม่ทะลุฝาผนังเข้าไป จึงทำให้พวกห้องด้านบนกว้างกว่าพวกห้องด้านล่าง พวกห้องชั้นล่างสุดกว้างห้าศอก[f] ชั้นที่สองกว้างหกศอก[g] และชั้นที่สามกว้างเจ็ดศอก[h] 7 ในการก่อสร้างวิหารนี้ จะใช้แต่หินที่ได้รับการตัดแต่งเรียบร้อยแล้วจากเหมืองหินเท่านั้น ก็เลยไม่มีเสียงค้อน หรืออีเต้อ หรือเครื่องมืออื่นๆที่ทำจากเหล็ก
8 ทางเข้าห้องพวกนี้ อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตรงด้านทิศใต้ของวิหาร ข้างในมีบันไดขึ้นจากชั้นหนึ่งไปชั้นสอง และจากชั้นสองไปชั้นสาม
9 ซาโลมอนก็ได้สร้างวิหารนั้นจนเสร็จสมบูรณ์ พระองค์ได้สร้างหลังคาวิหาร โดยมีขื่อและแผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์ 10 แล้วพระองค์ได้สร้างพวกห้องที่ล้อมรอบวิหารจนเสร็จ แต่ละห้องสูงห้าศอก และมีพวกไม้คานที่ทำจากสนซีดาร์วางพาดอยู่บนหยักบ่าของฝาผนังวิหาร
11 คำพูดของพระยาห์เวห์มาถึงซาโลมอนว่า 12-13 “ถ้าหากเจ้าทำตามกฎต่างๆของเรา ทำตามข้อบังคับทุกข้อและรักษาคำสั่งทุกอย่างของเรา และใช้ชีวิตตามนั้น เราก็จะทำตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดพ่อของเจ้า เราจะอาศัยอยู่ในท่ามกลางชาวอิสราเอลในวิหารนี้ที่เจ้ากำลังสร้างขึ้น และเราจะไม่ละทิ้งประชาชนชาวอิสราเอลของเรา”
14 ซาโลมอนจึงได้สร้างวิหารหลังนั้นจนเสร็จสมบูรณ์
15 พระองค์ใช้แผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์ กรุผนังด้านในที่ทำจากหินโดยรอบ ตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดาน และปูทับพื้นหินทั้งหมดในวิหารด้วยแผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนสามใบ 16 ที่ด้านในสุดของวิหาร พระองค์ใช้แผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์กั้นห้องขึ้นมาตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน มีขนาดยาวยี่สิบศอก เพื่อให้เป็นห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 17 ห้องโถงใหญ่ด้านหน้ามีขนาดยาวสี่สิบศอก[i] 18 ภายในวิหารใช้ไม้สนซีดาร์ที่แกะสลักลายน้ำเต้า[j] และลายดอกไม้บานกรุไว้จนหมด ไม่เห็นส่วนที่เป็นหินเลย
19 ซาโลมอนได้สร้างห้องศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านในสุดของวิหารจนเสร็จ เพื่อใช้เป็นที่วางหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ 20 ห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้มีขนาดยาวยี่สิบศอก[k] กว้างยี่สิบศอกและสูงยี่สิบศอก เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์บุทับไว้ที่ด้านในของห้อง และเขาได้สร้างแท่นเผาเครื่องหอมที่ทำจากไม้สนซีดาร์ตั้งไว้ตรงหน้าห้องนี้ และเอาทองบุแท่นเผาเครื่องหอมนี้ 21 ซาโลมอนบุทองคำบริสุทธิ์ไว้ที่ด้านในของวิหาร และใช้โซ่ทองคำกั้นไว้ที่หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ได้บุทองคำไว้แล้ว 22 แล้วด้านในของวิหารก็บุทองคำไว้ทั้งหมด แท่นเผาเครื่องหอมที่ตั้งอยู่หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ก็บุทองคำด้วย
23 ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เขาได้ใช้ไม้มะกอกสร้างเป็นทูตสวรรค์มีปีก ไว้สององค์ แต่ละองค์มีความสูงสิบศอก 24 ปีกข้างหนึ่งของทูตองค์แรก มีความยาวห้าศอก ปีกอีกข้างหนึ่งยาวห้าศอก วัดจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งยาวสิบศอก 25 ทูตสวรรค์มีปีกองค์ที่สองก็วัดได้สิบศอกด้วย ทั้งสององค์มีขนาดและรูปร่างเหมือนกัน 26 ทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์นั้นสูงสิบศอกเท่ากัน 27 ซาโลมอนได้วางทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์ไว้ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ปีกข้างหนึ่งของทูตสวรรค์ทั้งสองนั้นแตะกันอยู่ตรงกลางห้อง ส่วนปีกอีกข้างของทูตทั้งสองนั้นก็ไปติดกับฝาผนังแต่ละด้าน 28 และทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์นั้นก็มีทองคำบุอยู่
29 บนฝาผนังด้านในของห้องโถงใหญ่และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น มีทั้งรูปทูตสวรรค์มีปีก รูปต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน สลักอยู่มากมาย 30 พื้นของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และห้องโถงใหญ่ของวิหาร บุด้วยทองคำ 31 ตรงทางเข้าของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คนงานได้เอาไม้มะกอกมาสร้างเป็นประตูขึ้นสองบาน และทำกรอบประตูเป็นรูปห้าเหลี่ยม[l] 32 ซาโลมอนให้พวกช่างทำบานประตูทั้งสองนั้นจากไม้มะกอก และแกะสลักรูปทูตสวรรค์มีปีก ต้นปาล์มและดอกไม้บานไว้มากมาย และบุด้วยทองคำ
33 ตรงทางเข้าห้องโถงใหญ่ พวกเขาได้ใช้ไม้มะกอกมาทำกรอบประตูเป็นรูปสี่เหลี่ยม 34 พวกเขาได้เอาไม้สนสามใบมาสร้างเป็นสองประตู แต่ละประตูก็มีบานประตูสองบานที่พับได้ 35 พวกช่างได้แกะสลักลายทูตสวรรค์มีปีก ต้นปาล์มและดอกไม้ไว้บนบานประตูเหล่านั้น และบุด้วยทองคำ
36 แล้วพวกช่างก็ได้เอาหินที่ตัดแต่งแล้วมาสร้างเป็นกำแพงล้อมรอบลานด้านในไว้ กำแพงแต่ละด้านสร้างขึ้นด้วยหินที่ตัดแต่งแล้วสามชั้น กับไม้สนซีดาร์อีกหนึ่งชั้น
37 พวกเขาเริ่มก่อสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นในเดือนศิฟ (เป็นเดือนที่สองของปี) ซึ่งตรงกับปีที่สี่ที่กษัตริย์ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 38 วิหารสร้างเสร็จในปีที่สิบเอ็ดที่ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ ในเดือนบูล (ซึ่งเป็นเดือนที่แปดของปี) วิหารก็สร้างเสร็จตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ทุกอย่าง ซาโลมอนได้ใช้เวลาในการสร้างวิหารทั้งหมดเจ็ดปี
หน้าที่การงานของเปาโลเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิว
3 นี่เป็นเหตุที่ผมอธิษฐานเผื่อพวกคุณ ผมเองเปาโลเป็นนักโทษเพราะรับใช้พระเยซูคริสต์และพวกคุณที่ไม่ใช่คนยิว 2 พวกคุณคงรู้แล้วว่าพระเจ้าได้มอบหมายงานนี้ให้กับผม เพื่อช่วยเหลือพวกคุณ 3 พระเจ้าเปิดเผยแผนการลับของพระองค์ให้ผมรู้ ตามที่ผมเขียนมาแล้วอย่างย่อๆ 4 ถ้าคุณอ่านแล้ว คุณก็จะรู้ว่าผมเข้าใจเรื่องแผนการลับของพระคริสต์ขนาดไหน 5 ในสมัยก่อน พระเจ้าไม่ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ให้ใครรู้ แต่ในสมัยนี้ พระองค์ได้เปิดเผยแผนการลับนี้ ผ่านทางพระวิญญาณให้กับคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นศิษย์เอกของพระคริสต์และให้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า 6 แผนการลับนี้คือ คนที่ไม่ใช่ยิวจะได้รับมรดกร่วมกันกับคนยิว เป็นอวัยวะในร่างกายเดียวกัน มีส่วนร่วมในคำสัญญาที่พระเจ้าทำไว้ในพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะข่าวดีที่ประกาศอยู่นี้
7 ผมมาเป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนั้น งานนี้เป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับผม ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 8 ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเล็กน้อยกว่าคนที่เล็กน้อยที่สุดในหมู่คนที่เป็นของพระเจ้า แต่พระเจ้าก็ยังมอบพระพรนี้ให้กับผมคือให้ผมประกาศกับคนที่ไม่ใช่ยิวเรื่องความมั่งคั่งของพระคริสต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความเข้าใจ 9 ทำให้ทุกคนเห็นชัดเจนถึงแผนการลับนี้ ที่พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้เก็บซ่อนไว้ตั้งแต่สร้างโลกมา 10 พระเจ้าเก็บซ่อนแผนการลับนี้ไว้เพื่อว่าตอนนี้พระองค์จะได้ใช้หมู่ประชุมของพระองค์เปิดเผยสติปัญญาอันหลากหลายของพระองค์ให้กับพวกผู้ครอบครอง และพวกผู้มีอำนาจในโลกฝ่ายวิญญาณ 11 พระองค์ทำอย่างนี้ตามจุดประสงค์ที่อยู่ในใจของพระองค์ตั้งแต่แรกมา และเรื่องนี้พระองค์ก็ได้ทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์ องค์เจ้าชีวิตของเรา 12 พวกเราที่มีส่วนในพระเยซูคริสต์ กล้าและมีความมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เพราะเราไว้วางใจในพระคริสต์ 13 ผมอธิษฐานขอให้พวกคุณไม่ท้อแท้เพราะเห็นผมต้องเดือดร้อน ที่ผมเดือดร้อนก็เพื่อประโยชน์ของพวกคุณ เพื่อที่พวกคุณจะได้รับศักดิ์ศรีด้วย
ความรักของพระคริสต์
14 นี่เป็นเหตุที่ผมได้คุกเข่าลงอธิษฐานต่อหน้าพระบิดา 15 คำว่า “ครอบครัว”[a] แม้จะในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก ก็มาจากคำว่า “พระบิดา” นี่แหละ 16 ขอให้พระเจ้าที่มั่งคั่งมหาศาล ช่วยให้พวกคุณมีพลังใจที่เข้มแข็งผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ 17 ขอให้พระคริสต์ตั้งมั่นคงอยู่ในใจของคุณเพราะคุณไว้วางใจในพระองค์ ขอให้ลงรากลึกมั่นคงในความรัก 18 ผมอธิษฐานให้พวกคุณและคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนสามารถเข้าใจว่า ความรักที่พระคริสต์มีต่อเรานั้นมันกว้าง ยาว สูง และลึกขนาดไหน 19 ขอให้เข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ ที่เกินกว่าจะเข้าใจได้ เพื่อคุณจะได้เต็มไปด้วยความบริบูรณ์ของพระเจ้า
20 พระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่งมากยิ่งกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ในตัวเรา 21 ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติทั้งจากหมู่ประชุมของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์ทุกยุคทุกสมัยตลอดไป อาเมน
พระยาห์เวห์พูดให้กำลังใจเทือกเขาของอิสราเอล
36 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเรากับเทือกเขาของอิสราเอล และบอกพวกเขาว่า ‘เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์เถิด 2 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ศัตรูพูดถึงเจ้าไว้ว่า ไชโย เทือกเขาโบราณตกเป็นของพวกเราแล้ว”’”
3 ดังนั้นให้พูดแทนเราต่อเทือกเขาอิสราเอล ให้บอกไปว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกเขาได้ทำลายล้างและเข้ามาเหยียบย่ำเจ้าจากทุกๆด้าน จนเจ้าตกเป็นสมบัติของชนชาติอื่นๆและตกเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านนินทา และถูกใส่ร้ายป้ายสี’”
4 อย่างนั้น เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเถิด นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับเทือกเขา เนินเขาทั้งหลาย ลำธารที่เหือดแห้ง หุบเขา กับที่รกร้างว่างเปล่า และเมืองร้างต่างๆที่ถูกปล้นและถูกคนชาติอื่นที่อยู่รอบๆเยาะเย้ย 5 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “แน่นอน เรากำลังพูดต่อต้านชนชาติอื่นๆที่เหลือ และต่อต้านเอโดมทั้งหมด ด้วยความเร่าร้อนที่จะปกป้องเกียรติของเรา เพราะพวกมันได้ริบเอาแผ่นดินของเราไปเป็นของพวกมันเอง ด้วยความดีอกดีใจ พวกมันปล้นชิงดินแดนไปเป็นทุ่งหญ้าของพวกมัน”
6 “ดังนั้นให้พูดแทนเราเกี่ยวกับแผ่นดินอิสราเอล และพูดกับบรรดาเทือกเขา เนินเขา ลำธารที่เหือดแห้ง และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด เราพูดด้วยความเร่าร้อนที่จะปกป้องเกียรติของเรา เพราะเจ้าถูกชนชาติอื่นๆรังเกียจ’”
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรายกมือขึ้นสาบานว่า ‘ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเจ้าจะถูกรังเกียจด้วย’”
8 “แต่เจ้า เทือกเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลให้กับชาวอิสราเอลของเราเพราะพวกเขาจะกลับบ้านในเร็ววันนี้ 9 เราอยู่ฝ่ายเจ้า และจะหันมาสนใจเจ้า เจ้าจะได้รับการไถหว่าน 10 และเราจะให้ประชากรของเจ้าทวีคูณ คือครอบครัวชาวอิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆจะเต็มไปด้วยผู้คน และซากปรักหักพังทั้งหลายจะได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ 11 เราจะให้จำนวนคนและสัตว์บนเจ้าทวีคูณ และพวกเขารวมทั้งพวกสัตว์เหล่านั้นจะออกลูกหลานและจะมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งถิ่นฐานลงบนเจ้าเหมือนในอดีตและเราจะอวยพรเจ้ามากกว่าแต่ก่อน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 12 เราจะทำให้ประชาชน คือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เดินบนเจ้า พวกเขาจะเป็นเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นของที่พวกเขามีสิทธิ์ใช้ได้ เจ้าจะไม่มีวันพรากลูกหลานของพวกเขาไปจากพวกเขาได้อีก”
13 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ประชาชนพูดกับเจ้าว่า ‘เจ้าเขมือบผู้คนและเอาลูกหลานไปเสียจากชนชาติของเจ้าเอง’ 14 แต่ต่อไปนี้ เจ้าจะไม่ได้เขมือบผู้คนหรือเอาลูกหลานไปจากชนชาติเจ้าอีกต่อไป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 15 “เราจะทำให้เจ้าไม่ต้องฟังคำเยาะเย้ยจากชนชาติอื่นๆอีกแล้ว และไม่ต้องถูกเชื้อชาติอื่นๆรังเกียจ และไม่ต้องเป็นเหตุทำให้ชนชาติตัวเองต้องล่มสลายอีกต่อไปแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
พระเจ้าจะปกป้องชื่อเสียงของพระองค์
16 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกว่า 17 “เจ้าลูกมนุษย์ เมื่อชาวอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินนี้สกปรก ด้วยความประพฤติและสิ่งต่างๆที่พวกเขาทำ การกระทำของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ในสายตาเราเหมือนผู้หญิงที่มีประจำเดือน[a] 18 เราจึงเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา เพราะพวกเขาได้ทำให้แผ่นดินนี้เปื้อนเลือดเหมือนกัน ด้วยการฆ่าคนบริสุทธิ์ และทำให้แผ่นดินนี้สกปรกด้วยรูปเคารพขี้ๆเหล่านั้น 19 เราเคยให้พวกเขากระเจิดกระเจิงไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย พวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆ เราได้ตัดสินพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขาแล้ว 20 และพวกเขาไปที่ไหนก็ตามในท่ามกลางชนชาติต่างๆ พวกเขาได้ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่ เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงพวกเขาไว้ว่า ‘คนพวกนี้เป็นคนของพระยาห์เวห์ แต่ก็ยังต้องออกไปจากแผ่นดินของตัวเองอยู่ดี’[b]
21 แต่เรารู้สึกเป็นห่วงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ที่ครอบครัวชาวอิสราเอลได้ทำให้เสื่อมไปในหมู่ชนชาติที่พวกเขาไปอยู่นั้น 22 ดังนั้นให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เรื่องที่เราจะทำต่อไปนี้ อย่าเข้าใจว่าเราเห็นแก่พวกเจ้านะ จริงๆแล้วเราเห็นแก่ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ที่พวกเจ้าได้ทำให้เสื่อมเสียไปแล้วในหมู่ชนชาติที่เจ้าไปอยู่นั้น 23 เราจะกู้ชื่ออันยิ่งใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นกลับมา ชื่อที่เสื่อมเสียไปแล้วในท่ามกลางชนชาติต่างๆเป็นชื่อที่เจ้าได้ทำให้เสื่อมเสียไปแล้วในหมู่พวกเขา แล้วชนชาติเหล่านั้นจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเราแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาพวกเขา ตอนนำเจ้ากลับมา’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
24 “เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชนชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้ากลับสู่แผ่นดินของเจ้าเอง 25 เราจะประพรมน้ำสะอาดลงบนเจ้า และเจ้าก็จะสะอาด เราจะชำระเจ้าจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย และจากพวกรูปเคารพขี้ๆของเจ้า 26 เราจะให้หัวใจดวงใหม่แก่เจ้า และเอาวิญญาณใหม่วางไว้ในตัวเจ้า เราจะเอาหัวใจหิน[c]ออกจากเจ้า และให้หัวใจที่มีเลือดเนื้อ[d]แก่เจ้าแทน 27 เราจะใส่พระวิญญาณของเราไว้ในเจ้า[e] และทำให้เจ้ามาทำตามกฎระเบียบต่างๆของเรา และรักษากฎทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด 28 เจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นคนของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 29 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลายของเจ้า เราจะให้เมล็ดข้าวงอกงามและเพิ่มขึ้นมากมาย และเราจะไม่นำความอดอยากมาให้กับเจ้าอีก 30 เราจะเพิ่มจำนวนผลไม้บนต้นและพืชพันธุ์ในท้องทุ่ง เพื่อเจ้าจะไม่ต้องอับอายท่ามกลางชนชาติต่างๆเพราะอดอยาก 31 แล้วเจ้าจะได้รู้สึกตัวถึงวิถีทางอันเลวทรามและการกระทำที่ชั่วร้ายของเจ้า เจ้าจะรู้สึกขยะแขยงตัวเองเพราะบาปเหล่านั้นกับการทำตัวที่น่ารังเกียจนั้น”
32 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “ครอบครัวชาวอิสราเอลเอ๋ย เราอยากให้เจ้ารู้ว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก ให้ละอายใจและอับอายต่อการกระทำของเจ้าเถิด”
33 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งหลายของเจ้า เราจะตั้งรกรากให้พวกเจ้าใหม่ตามเมืองต่างๆและเราจะสร้างซากปรักหักพังทั้งหลายขึ้นมาใหม่ 34 ที่ดินที่รกร้างจะได้รับการไถหว่านแทนที่จะถูกทิ้งร้างอยู่อย่างนั้น ต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมา 35 พวกเขาจะพูดว่า ‘แผ่นดินที่เคยถูกทิ้งร้างนี้กลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆที่เคยเป็นซากปรักหักพัง รกร้างว่างเปล่า เดี๋ยวนี้กลับมีกำแพงล้อมรอบอย่างแน่นหนาและมีผู้คนอาศัยอยู่’
36 แล้วชาติต่างๆที่อยู่ล้อมรอบเจ้าที่ยังเหลือรอด จะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่เคยถูกทำลายไปแล้วให้กลับคืนมาใหม่ และได้เพาะปลูกลงในที่ที่เคยรกร้างมาแล้วขึ้นใหม่ เรายาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดออกไปแล้ว และเราก็จะทำให้สำเร็จ”
37 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยอมฟังคำอ้อนวอนของครอบครัวชาวอิสราเอลอีก และจะทำสิ่งเหล่านี้เพื่อพวกเขา เราจะทำให้ประชาชนของพวกเขาทวีคูณเหมือนฝูงแกะ 38 พวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนฝูงแพะแกะที่นำมาอยู่รวมกันในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเป็นเครื่องบูชา ในช่วงเทศกาลต่างๆที่กำหนดไว้ แล้วเมืองต่างๆที่เคยพังทลายไป จะเต็มไปด้วยฝูงชน แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
อธิษฐานขอความช่วยเหลือให้ชนะศัตรู
คำอธิษฐานของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าเป็นคนยากจนและขัดสน
2 ปกป้องชีวิตของข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อพระองค์
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ที่ฝากความไว้วางใจในพระองค์
3 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ตลอดทั้งวัน
4 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความสุขด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้ายกชีวิตของข้าพเจ้าให้กับพระองค์
5 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างดีเลิศ และพร้อมที่จะให้อภัย
พระองค์เต็มไปด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกหาพระองค์
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดให้ความสนใจกับคำขอร้องของข้าพเจ้าด้วยเถิด
7 ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ ในยามที่มีความทุกข์ยาก
เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า
8 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนกับพระองค์
ไม่มีสักองค์ที่สามารถทำสิ่งที่พระองค์ทำได้
9 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์สร้างคนทุกชาติทุกภาษา
พวกเขาทุกคนจะมากราบอยู่ต่อหน้าพระองค์
และให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
10 เพราะพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และทำสิ่งต่างๆที่เหลือเชื่อ
มีแต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้า
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยสอนแนวทางต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตที่สัตย์ซื่อเหมือนกับพระองค์
โปรดรวบรวมจิตใจของข้าพเจ้าให้ยำเกรงชื่อของพระองค์สุดจิตสุดใจ
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
และข้าพเจ้าจะให้เกียรติต่อชื่อของพระองค์ตลอดไป
13 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นยอดเยี่ยมสำหรับข้าพเจ้า
และพระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดจากแดนคนตาย
14 ข้าแต่พระเจ้า พวกคนหยิ่งยโสโจมตีข้าพเจ้า
พวกอันธพาลตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
และคนเหล่านี้ไม่ยำเกรงพระองค์
15 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างเป็นพระเจ้าที่อดทน มีเมตตากรุณา
เต็มไปด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์ซื่อ
16 ดังนั้น โปรดหันมาหาข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ อย่างนั้นขอให้พละกำลังกับข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระองค์เหมือนกับที่แม่ของข้าพเจ้าเป็น อย่างนั้น ขอช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
17 โปรดแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยอมรับข้าพเจ้า
เพื่อคนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าจะได้เห็นและอับอาย
พวกเขาจะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่ช่วยเหลือและปลอบโยนข้าพเจ้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International