M’Cheyne Bible Reading Plan
แม่หม้ายขอให้เอลีชาช่วย
4 เมียของคนหนึ่งในพวกผู้พูดแทนพระเจ้า[a]ร้องเรียกเอลีชาว่า “สามีของฉัน ที่เป็นผู้รับใช้ของท่านได้ตายไปแล้ว และท่านก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ แต่ตอนนี้ เจ้าหนี้ของเขากำลังจะมาเอาลูกชายสองคนของฉันไปเป็นทาส”
2 เอลีชาตอบนางว่า “จะให้เราช่วยอะไรหรือ บอกเราสิว่า ตอนนี้ในบ้านเจ้ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง” นางตอบว่า “ผู้รับใช้ท่านไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว นอกจากมีน้ำมันมะกอกอยู่ไหหนึ่ง”
3 เอลีชาจึงพูดว่า “ไปขอภาชนะเปล่าจากเพื่อนบ้านทั้งหมดของเจ้า อย่าขอแค่นิดเดียวนะ 4 แล้วเอาภาชนะพวกนั้นเข้าไปในบ้านและปิดประตูอยู่ในนั้นกับลูกชายสองคนของเจ้า แล้วให้เทน้ำมันใส่ภาชนะพวกนั้นให้เต็มทุกใบ แล้วแยกไว้ต่างหาก”
5 นางจึงจากมาและหลังจากที่นางปิดประตูอยู่ในบ้านกับลูกชายสองคนของนางแล้ว พวกเขาก็ได้นำภาชนะเปล่าหลายใบมาให้นาง นางก็เทน้ำมันลงในภาชนะเหล่านั้นไปเรื่อยๆ 6 ตอนที่ภาชนะเต็มหมดทุกใบแล้ว นางก็ยังบอกลูกชายว่า “เอาภาชนะมาให้แม่อีกใบซิ”
แต่ลูกคนหนึ่งตอบว่า “ภาชนะหมดแล้วครับ” แล้วน้ำมันก็หยุดไหลทันที
7 นางจึงไปบอกเรื่องนี้กับคนของพระเจ้า และเขาตอบนางว่า “นำน้ำมันเหล่านั้นไปขายและชดใช้หนี้สินของเจ้าเสีย แล้วเจ้าและลูกชายทั้งสองคนของเจ้าจะเลี้ยงชีพด้วยเงินส่วนที่เหลือนั้น”
เอลีชากับผู้หญิงในเมืองชูเนม
8 อยู่มาวันหนึ่ง เอลีชาไปถึงเมืองชูเนม มีผู้หญิงที่มีฐานะดีคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น นางชักชวนให้เขาอยู่กินอาหารกับนาง ดังนั้น ทุกครั้งที่เขาผ่านมา เขาก็จะแวะไปกินอาหารที่นั่น
9 นางพูดกับสามีของนางว่า “ฉันรู้ว่าชายคนนี้ที่แวะผ่านมาทางบ้านเราบ่อยๆเป็นคนที่พระเจ้าแยกออกมาเป็นพิเศษเพื่อพูดแทนพระองค์ 10 เราน่าจะสร้างห้องเล็กๆห้องหนึ่งบนดาดฟ้า และเอาเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และตะเกียงไปวางไว้ให้เขา เพื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาหาพวกเรา เขาก็จะได้พักอยู่ที่นั่น”
11 วันหนึ่งเมื่อเอลีชามาถึง เขาขึ้นไปห้องนั้น และนอนพักที่นั่น 12 เขาได้พูดกับเกหะซีคนใช้ของเขาว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นมาหน่อย”
คนใช้จึงไปเรียกนางขึ้นมา และนางก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของเขา 13 เอลีชาพูดกับคนรับใช้เขาว่า “บอกกับนางว่า ‘ท่านต้องยุ่งยากกับสิ่งต่างๆเหล่านี้เพราะพวกเราแท้ๆ ตอนนี้จะให้เราทำอะไรตอบแทนท่านได้บ้าง จะให้เราพูดกับกษัตริย์หรือกับแม่ทัพของกองทัพให้กับท่านไหม’”
นางตอบว่า “ฉันก็อยู่อย่างสบายอยู่แล้วท่ามกลางคนของฉัน”
14 เอลีชาพูดกับเกหะซีว่า “แล้วเราจะทำอะไรให้นางได้บ้างล่ะ”
เกหะซีได้ตอบว่า “คือว่านางไม่มีลูกชายและสามีของนางก็แก่แล้ว”
15 เอลีชาจึงพูดว่า “เรียกนางเข้ามาเถิด”
คนรับใช้จึงไปเรียกตัวนางเข้ามา และนางก็มายืนอยู่ที่ประตู 16 เอลีชาพูดว่า “ปีหน้าเวลานี้ ท่านจะได้อุ้มลูกชายคนหนึ่งในอ้อมแขนของท่าน”
นางค้านขึ้นมาว่า “คนของพระเจ้า อย่าได้พูดโกหกกับดิฉันผู้รับใช้ของท่านเลย”
17 แต่หญิงคนนั้นก็ตั้งท้องขึ้น และในปีต่อมาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ นางก็คลอดลูกชายคนหนึ่งเหมือนกับที่เอลีชาได้บอกกับนางไว้
18 เด็กคนนั้นเติบโตขึ้น และวันหนึ่งเขาออกไปหาพ่อของเขาซึ่งกำลังอยู่กับพวกคนเกี่ยวข้าว 19 เขาพูดกับพ่อว่า “โอย หัวหนู หัวหนู”
พ่อของเขาบอกกับคนใช้คนหนึ่งว่า “อุ้มเขาไปหาแม่ของเขาเถิด”
20 หลังจากนั้น คนใช้คนนั้นก็อุ้มเขาไปหาแม่ของเขา เด็กคนนั้นนั่งอยู่บนตักของนางจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้วเขาก็ตาย
21 นางขึ้นไปและวางลูกชายของนางลงบนเตียงของคนของพระเจ้า แล้วปิดประตูเดินออกไป 22 นางเรียกสามีของนางมาและพูดว่า “ช่วยให้คนใช้กับฉันคนหนึ่ง และลาตัวหนึ่งด้วย ฉันจะได้รีบไปหาคนของพระเจ้าคนนั้นและกลับมา”
23 เขาถามนางว่า “ทำไมต้องไปหาเขาวันนี้ด้วยเล่า นี่ยังไม่ถึงวันข้างขึ้น[b] หรือวันหยุดทางศาสนาเลย”
นางตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
24 นางผูกอานบนลาและพูดกับคนใช้ของนางว่า “นำทางไป ไม่ต้องลดความเร็วลงถ้าเราไม่ได้สั่งเจ้า”
25 นางจึงออกเดินทางไปและได้ไปเจอคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล
เมื่อเขาเห็นนางแต่ไกล คนของพระเจ้าพูดกับเกหะซี คนใช้ของเขาว่า “ดูสิ นั่นมันหญิงชาวชูเนมคนนั้นนี่ 26 วิ่งไปหานางสิ และถามนางว่า ‘ท่านสบายดีหรือเปล่า สามีของท่านและลูกของท่านสบายดีไหม’”
นางตอบว่า “ทุกคนสบายดี”
27 เมื่อนางมาถึงคนของพระเจ้าที่บนภูเขา นางเข้าไปกอดเท้าของเขา เกหะซีจะเข้ามาดึงตัวนางออกไป แต่คนของพระเจ้าพูดว่า “ปล่อยนางไว้เถิด นางกำลังเศร้าโศกเสียใจมาก แต่พระยาห์เวห์ได้ปิดบังเรื่องนี้และไม่ได้บอกให้เรารู้”
28 นางพูดว่า “เจ้านายของฉัน ฉันขอลูกชายจากท่านหรือยังไง ฉันพูดกับท่านว่า ‘อย่าหลอกฉันเลย’ ไม่ใช่หรือ”
29 เอลีชาพูดกับเกหะซีว่า “เสียบเสื้อคลุมของเจ้าไว้ในเข็มขัด ถือไม้เท้าของเราไว้และวิ่งไป ไม่ว่าเจ้าจะพบใครก็ตาม ไม่ต้องหยุดทักทาย และถ้ามีใครร้องทักทายเจ้า ก็อย่าตอบ ให้เอาไม้เท้าของเราไปวางบนหน้าของเด็กคนนั้น”
30 แต่แม่ของเด็กคนนั้นพูดว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้รู้แน่ขนาดนั้นเลยว่า ไม่มีทางที่ฉันจะออกไปจากที่นี่โดยไม่มีท่านไปด้วย”
เอลีชาจึงลุกขึ้นและไปกับนาง
31 เกหะซีล่วงหน้าไปก่อนและไปวางไม้เท้าไว้บนหน้าของเด็กคนนั้น แต่ไม่มีเสียงหรืออะไรที่แสดงว่ามีชีวิต เกหะซีจึงมาหาเอลีชาและบอกกับเขาว่า “เด็กยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย”
32 เมื่อเอลีชาไปถึงบ้านหลังนั้น เขาเห็นศพของเด็กคนนั้นนอนอยู่บนเตียงของเขา 33 เขาเข้าไปในห้องและปิดประตูอยู่ในห้องกันสองคนและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 34 แล้วเขาก็ขึ้นไปบนเตียงและไปนอนทับตัวเด็ก เอาปากทับปาก ตาทับตา มือทับมือ เมื่อเขาเหยียดตัวของท่านบนเด็กคนนั้น ร่างกายของเด็กคนนั้นก็เริ่มอุ่นขึ้น
35 เอลีชาลุกขึ้นและเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนั้น แล้วก็ขึ้นไปบนเตียงและเหยียดตัวออกทับบนตัวเด็กคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง เด็กคนนั้นก็จามออกมาเจ็ดครั้งและลืมตา
36 เอลีชาเรียกเกหะซีเข้ามาและพูดว่า “เรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นเข้ามา”
เกหะซีก็ไปเรียกตัวนางมา เมื่อนางเข้ามา เขาก็พูดว่า “อุ้มลูกชายของท่านไปได้แล้ว”
37 นางเข้าไปข้างใน ก้มกราบลงที่เท้าของเอลีชา แล้วนางก็อุ้มลูกชายของนางออกไป
เอลีชากับน้ำแกงที่เป็นพิษ
38 เมื่อเอลีชากลับมาที่กิลกาล และเกิดภาวะอดอยากแห้งแล้งไปทั่วแผ่นดินนั้น ในขณะที่กลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังชุมนุมอยู่กับเอลีชา เอลีชาบอกกับคนใช้ของเขาว่า “ตั้งหม้อใบใหญ่และทำน้ำแกงให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”
39 คนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาได้ออกไปในท้องทุ่ง เพื่อไปเก็บสมุนไพรและได้พบกับน้ำเต้าป่าเถาหนึ่งในป่า เขาได้เก็บผลน้ำเต้าห่อไว้ในเสื้อคลุมจนเต็ม เมื่อเขากลับมาถึง เขาได้หั่นมันใส่ลงไปในหม้อน้ำแกง โดยไม่รู้ว่าเป็นผลอะไร
40 เขาตักน้ำแกงแจกจ่ายให้คนเหล่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเริ่มกินมัน พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “คนของพระเจ้าเอ๋ย ความตายอยู่ในหม้อใบนี้” และพวกเขาก็ไม่ยอมกินมัน
41 เอลีชาพูดว่า “เอาแป้งมาให้หน่อย” เขาใส่แป้งลงไปในหม้อนั้นและพูดว่า “ตักมันให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”
และน้ำแกงหม้อนั้นก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ
เอลีชาเลี้ยงกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้า
42 ชายคนหนึ่งที่มาจากบาอัล-ชาลิชาห์นำอาหารที่ทำจากการเก็บเกี่ยวจากผลผลิตแรกของปี มาให้กับคนของพระเจ้าคนนั้น คือมีขนมปังบาร์เลย์ยี่สิบก้อน พร้อมกับปลายเมล็ดข้าวใหม่ในกระสอบของเขา เอลีชาพูดว่า “นำมันไปแจกจ่ายให้กับประชาชนกินเถิด”
43 แต่คนใช้ของเอลีชาถามว่า “อาหารแค่นี้จะพอแจกให้กับคนเป็นร้อยได้ยังไงกัน”
แต่เอลีชาตอบว่า “นำไปแจกให้ประชาชนกินเถิด เพราะพระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเขาจะได้กินมันและยังมีเหลือ’”
44 แล้วเขาก็แจกจ่ายอาหารให้กับคนเหล่านั้น และพวกเขาก็กินกันและยังมีอาหารเหลืออยู่อีก เป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์
1 จากเปาโล ผู้เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามคำสั่งของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด และของพระเยซูคริสต์ผู้เป็นความหวังของเรา
2 ถึงทิโมธี ลูกที่แท้จริงในความเชื่อ
ขอให้พระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณ
คำเตือนเรื่องคำสอนที่ผิดๆ
3 ตอนที่ผมเดินทางต่อไปที่แคว้นมาซิโดเนียนั้น ผมได้ขอร้องให้คุณอยู่ที่เมืองเอเฟซัสต่อ เพื่อคุณจะได้สั่งให้คนบางคนเลิกสอนเรื่องที่ผิดๆเสียที 4 และสั่งให้พวกเขาเลิกสนใจนิยายปรัมปราต่างๆและรายชื่อของบรรพบุรุษที่ไม่รู้จักจบสิ้นได้แล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรในแผนงานของพระเจ้า มีแต่จะทำให้ทะเลาะกันเปล่าๆเพราะแผนงานของพระเจ้านั้น จะสำเร็จได้ด้วยความเชื่อ 5 ที่ผมสั่งอย่างนี้ ก็เพื่อให้เกิดความรักขึ้น ซึ่งเป็นความรักที่มาจากใจอันบริสุทธิ์ ใจที่ไม่ฟ้องว่าผิด และความเชื่อที่จริงใจ 6 บางคนได้หลงจากสิ่งเหล่านี้ แล้วหันไปพูดเรื่องไร้สาระ 7 พวกเขาอยากจะเป็นครูสอนกฎของโมเสสกัน แต่ตัวเขากลับไม่เข้าใจเรื่องที่ตัวเองพูดหรือยืนยันเลย
8 เรารู้ว่ากฎนั้นดี ถ้ารู้จักใช้อย่างถูกต้อง 9 และเราก็รู้ด้วยว่า กฎนั้นไม่ได้มีไว้ใช้กับคนที่ทำตามใจพระเจ้า แต่มีไว้ใช้กับคนที่ทำผิดกฎ พวกชอบแหกกฎ คนที่ไม่มีศาสนาและคนบาป คนที่ไม่มีศีลธรรม และคนที่หยาบช้า พวกที่ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ พวกฆาตกร 10 คนที่ทำผิดทางเพศ คนที่เป็นเกย์[a] คนที่ค้าขายทาส คนโกหก คนที่ให้การเท็จในศาล และคนที่ชอบทำในสิ่งที่ขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ 11 คำสอนนี้สอดคล้องกับข่าวดี เรื่องความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้ทรงเกียรติ พระเจ้าได้มอบข่าวดีนี้ให้กับผม
ขอบคุณความเมตตาของพระเจ้า
12 ผมขอบคุณพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา ผู้ที่ให้กำลังกับผม ที่ผมขอบคุณก็เพราะพระองค์เห็นว่าผมเป็นคนที่ซื่อสัตย์ และได้แต่งตั้งผมให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ 13 ถึงแม้ว่าแต่ก่อนนี้ ผมเคยพูดดูหมิ่นพระองค์ ข่มเหงคนของพระองค์ และเป็นคนโหดร้าย แต่พระเจ้าก็ยังเมตตาผม เพราะเห็นว่าผมทำไปเพราะยังไม่เชื่อ และไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ 14 องค์เจ้าชีวิตของเราได้มอบความเมตตาพร้อมกับความเชื่อ และความรักที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ให้กับผมอย่างล้นเหลือ
15 คำพูดนี้เชื่อถือได้และคุ้มค่าที่จะรับเอาไว้ ซึ่งคำพูดนี้ก็คือ พระเยซูคริสต์ได้มาในโลกนี้เพื่อช่วยให้คนบาปหลุดพ้น และผมเองก็เลวที่สุดในพวกคนบาปนั้น 16 แต่ก็เพราะอย่างนี้ พระเจ้าถึงได้เมตตาผม พระเยซูคริสต์ได้แสดงความอดทนอย่างถึงที่สุดต่อคนเลวที่สุดอย่างผม เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งหลายที่จะมาไว้วางใจในพระองค์ และมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป 17 ขอให้พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ของคนทุกยุคทุกสมัย ผู้ไม่มีวันตาย ผู้ไม่มีใครมองเห็นได้ และผู้เป็นพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียว ได้รับเกียรติและสง่าราศี อยู่เสมอและตลอดไป อาเมน
18 ทิโมธี ลูกเอ๋ย สิ่งที่ผมสั่งไว้นี้ ก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดเกี่ยวกับคุณไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อว่าเมื่อคุณทำตามคำสั่งนี้ คุณจะได้ต่อสู้อย่างดี 19 ยึดความเชื่อที่คุณมีอยู่ในพระคริสต์ไว้ให้มั่น และรักษาใจที่ฟ้องถูกผิดไว้ให้ดี เพราะมีบางคนทิ้งใจที่ฟ้องถูกผิดนี้ไป ทำให้ความเชื่อของเขาถูกทำลายไปเหมือนเรือแตก 20 ในคนพวกนั้นก็มีฮีเมเนอัสและอเล็กซานเดอร์รวมอยู่ด้วย ผมจึงมอบพวกเขาให้กับซาตาน เพื่อพวกเขาจะได้รับบทเรียนว่าไม่ควรดูหมิ่นพระเจ้าอีกต่อไป
ดาเนียลเห็นนิมิตที่มีแกะตัวผู้และแพะ
8 ในปีที่สามที่กษัตริย์เบลชัสซาร์ขึ้นครองราชย์ ผม ดาเนียลก็ได้เห็นนิมิตอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้เห็นนิมิตครั้งแรกไปแล้ว
2 ในนิมิตผมเห็นตัวผมเองอยู่ในเขตของวัง วังนี้อยู่ที่เมืองสุสา ในจังหวัดเอลาม ในนิมิตนั้นผมเห็นตัวผมเองกำลังอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำอุลัย
3 ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นแกะตัวผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมแม่น้ำ มันมีเขาสูงใหญ่คู่หนึ่ง เขาข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง เขาข้างที่ยาวกว่านั้นงอกขึ้นมาทีหลัง
4 ผมเห็นแกะตัวผู้ตัวนั้นวิ่งตะลุยไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ตัวไหนต้านทานมันได้ ไม่มีสัตว์ตัวไหนสามารถยืนขวางมันได้ และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเหยื่อของมันได้ มันทำทุกอย่างตามที่มันอยากทำ และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
5 ขณะที่ผมจ้องมองอยู่นั้น ก็มีแพะตัวผู้ มาจากทางทิศตะวันตก เหาะข้ามไปเหนือพื้นผิวโลก เท้าของมันไม่ได้แตะพื้นเลย แพะตัวผู้นี้มีเขาที่โดดเด่นมากอยู่ระหว่างตาของมัน 6 แล้วมันก็วิ่งห้อเต็มกำลังไปที่แกะผู้ที่มีสองเขาที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ ที่ผมเห็นก่อนหน้านี้ 7 ผมเห็นมันวิ่งเข้าใส่แกะผู้ตัวนั้นอย่างแรง ตอนที่มันพุ่งชนนี้ ทำให้เขาทั้งสองของแกะตัวผู้นั้นหัก แกะตัวผู้นั้นก็ไม่สามารถต่อสู้กับมันได้ แพะตัวผู้นี้ก็เหวี่ยงแกะนั่นลงกับพื้น แล้วกระทืบซ้ำ ไม่มีใครช่วยแกะตัวผู้นั้นให้พ้นจากพละกำลังของมันได้เลย
8 จากนั้นแพะตัวผู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ในขณะที่มันมีกำลังถึงจุดสูงสุดนั้น เขาอันใหญ่ของมันได้หักไป แล้วมีเขาที่โดดเด่นสี่อันงอกขึ้นมาแทนที่[a] เขาทั้งสี่อันนี้ แต่ละอันชี้ไปคนละทิศ 9 มีเขาเล็กๆอันหนึ่งงอกออกมาจากเขาอันหนึ่งในสี่อันนี้ เขาเล็กๆนี้ได้งอกขึ้นมาใหญ่โตมุ่งไปทางทิศใต้ มุ่งไปทางทิศตะวันออก และมุ่งไปยังที่ที่สวยงาม[b] 10 เขาอันนี้งอกขึ้นไปถึงสวรรค์ มันเหวี่ยงเอาดวงดาวและดาวเคราะห์ต่างๆล่วงลงมาบนโลก แล้วก็เหยียบย่ำพวกมัน 11 เขาอันนี้แข็งแกร่งขึ้น และได้ท้าทายพระเจ้า ผู้เป็นจอมทัพสวรรค์ และมันได้เอาเครื่องเผาบูชาประจำวันของพระองค์ไป และทำลายวิหารของพระองค์ด้วย 12 การมีอำนาจเหนือเครื่องเผาบูชาประจำวันของพระเจ้าถือว่าเป็นการกบฏ แต่พระเจ้าจะปล่อยให้กองทัพนั้นทำอย่างนั้น และกองทัพนั้นจะเหวี่ยงความจริงลงบนพื้นโลก และกองทัพนั้นก็จะสำเร็จในทุกเรื่องที่มันทำ
13 ผมได้ยินผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งพูดขึ้น แล้วผู้ศักดิ์สิทธิ์อีกท่านหนึ่งก็ถามผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านที่พูดขึ้นนั้นว่า
“สิ่งต่างๆเหล่านี้ในภาพนิมิต จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แล้วเครื่องเผาบูชาประจำวันนี้จะถูกยกเลิกไปอีกนานแค่ไหน การกบฏที่มุ่งทำลายนี้จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน พระเจ้าจะปล่อยให้วิหารตกอยู่ในกำมือของศัตรูไปอีกนานแค่ไหน และกองทัพสวรรค์จะถูกเหยียบย่ำไปอีกนานแค่ไหน”
14 ท่านบอกกับผมว่า “มันจะเป็นอย่างนี้ไปอีก สองพันสามร้อยเย็นและเช้า[c] แล้ววิหารนั้นก็จะได้รับการฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม”[d]
ความหมายของนิมิตนั้น
15 ตอนที่ผมดาเนียล กำลังดูนิมิตอยู่นั้น และพยายามจะเข้าใจความหมายของมัน จู่ๆก็มีผู้หนึ่งดูเหมือนมนุษย์มายืนอยู่ข้างหน้าผม
16 แล้วผมก็ได้ยินเสียงมนุษย์ ออกมาจากเหนือบนแม่น้ำอุลัยว่า “กาเบรียล[e] อธิบายนิมิตนี้ให้ชายคนนั้นฟังหน่อยสิ”
17 ผู้นั้นก็เลยเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่ เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ผมก็ตกใจกลัวจนล้มลงซบหน้าลงกับพื้น เขาบอกกับผมว่า “มนุษย์เอ๋ย ให้รู้ไว้เถอะว่า นิมิตนั้นเป็นเรื่องของเวลาของจุดสิ้นสุดนั้น”
18 ในขณะที่ท่านกำลังพูดกับผมนั้น ผมกำลังนอนซบหน้าอยู่กับพื้น แล้วผมก็เคลิ้มหลับไป แต่ท่านก็มาสะกิดผมและพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน
19 แล้วพูดว่า “ฟังนะ เรากำลังจะบอกเจ้าว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อช่วงเวลาแห่งความโกรธแค้นของพระเจ้าใกล้จะถึงจุดจบนั้น เมื่อเวลาที่ได้กำหนดไว้นั้นมาถึง มันก็จะถึงจุดสิ้นสุด
20 แกะผู้ที่มีสองเขาที่เจ้าเห็นนั้นหมายถึงพวกกษัตริย์ของอาณาจักรมีโดเปอร์เซีย
21 ส่วนแพะตัวผู้นั้น หมายถึงอาณาจักรของกรีซ เขาอันใหญ่ที่อยู่ระหว่างดวงตาของมันก็คือกษัตริย์องค์แรก 22 เขาอันนั้นที่หักไปในขณะที่มีอีกสี่เขางอกขึ้นมาแทนนั้น ก็คืออาณาจักรสี่อาณาจักร ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่กษัตริย์องค์แรกนั้นตายไป แต่ทั้งสี่อาณาจักรนี้จะไม่แข็งแรงเท่ากับกษัตริย์องค์แรก
23 เมื่อเวลาครอบครองของพวกเขาใกล้สิ้นสุดลง และเมื่อพวกเขาได้ทำชั่วอย่างสุดๆแล้ว แล้วกษัตริย์ที่ดูโหดเหี้ยมและเก่งกาจในการหลอกลวง จะขึ้นมายึดอำนาจ 24 พระองค์จะมีพลังแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่มากเท่ากษัตริย์องค์แรก พระองค์จะทำลายล้างอย่างน่าตกตะลึง พระองค์จะสำเร็จในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ พระองค์จะทำลายหลายคนของพวกผู้ศักดิ์สิทธิ์
25 พระองค์จะหลอกลวงได้อย่างเก่งกาจ เพราะด้วยเล่ห์เหลี่ยมและอำนาจของพระองค์ พระองค์จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่างๆด้วยความกล้าหาญ พระองค์จะทำลายคนของพระเจ้าได้อย่างง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ก็จะต่อต้านจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด แต่กษัตริย์องค์นี้ก็จะถูกทำลาย โดยไม่ใช่เป็นฝีมือของมนุษย์เลย
26 คำอธิบายของนิมิตเกี่ยวกับเวลาเย็นและเวลาเหล่านั้นเชื่อถือได้ ส่วนเจ้า ดาเนียล ให้เก็บเรื่องนิมิตนี้ไว้เป็นความลับก่อน เพราะมันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกนานหลังจากนี้”
27 ผม ดาเนียล ได้ล้มป่วยลงหลายวัน จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นกลับไปทำงานให้กษัตริย์เหมือนเดิม นิมิตนี้ทำให้ผมกลุ้มใจมาก เพราะผมไม่เข้าใจมัน
คำสรรเสริญจากคนที่พระยาห์เวห์ช่วยกู้จากความตาย
1 ข้าพเจ้ารักพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ฟังเสียงของข้าพเจ้า
และฟังคำอ้อนวอนต่างๆของข้าพเจ้า
2 พระองค์เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
ดังนั้นข้าพเจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
3 ครั้งหนึ่งเชือกแห่งความตายได้มัดตัวข้าพเจ้าไว้
ข้าพเจ้าติดอยู่ในบ่วงแห่งแดนผู้ตาย
ข้าพเจ้าเดือดร้อนและทนทุกข์ทรมาน
4 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้โปรดเถิดช่วยชีวิตของข้าพเจ้าด้วย”
5 พระยาห์เวห์นั้นมีน้ำใจและทำในสิ่งที่ถูกต้อง
พระเจ้าของเรานั้นเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
6 พระองค์ปกป้องคนที่อ่อนต่อโลก
และเมื่อข้าพเจ้าหมดสิ้นหนทาง พระองค์ก็ช่วยกู้ข้าพเจ้าไว้
7 ดังนั้นจิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย
สงบนิ่งอย่างเดิมได้แล้ว เพราะพระยาห์เวห์นั้นได้ดูแลเจ้าแล้ว
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากความตาย
ช่วยดวงตาของข้าพเจ้าให้พ้นจากหยาดน้ำตา
ช่วยเท้าของข้าพเจ้าให้พ้นจากการสะดุดล้ม
9 ข้าพเจ้าจะรับใช้พระยาห์เวห์ต่อไป
ในดินแดนของคนเป็นนี้
10 ข้าพเจ้าได้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ แม้แต่ตอนที่ข้าพเจ้าพูดว่า
“ข้าพเจ้าเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส”
11 หรือแม้แต่ในตอนที่ข้าพเจ้ากลัดกลุ้ม
และพูดว่า “มนุษย์ทุกคนหลอกลวง”
12 ข้าพเจ้าจะตอบแทนพระยาห์เวห์อย่างไรดี
ให้สมกับสิ่งดีๆที่พระองค์ทำให้กับข้าพเจ้า
13 พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจะถวายเหล้าองุ่นเป็นเครื่องบูชา
ข้าพเจ้าจะประกาศถึงสิ่งต่างๆที่พระยาห์เวห์ได้ทำ
14 ข้าพเจ้าจะแก้บนทั้งหลายต่อพระยาห์เวห์
ต่อหน้าคนทั้งหมดของพระองค์
15 ชีวิตของคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์นั้นมีค่ามากในสายตาของพระองค์
เมื่อพวกเขาเผชิญกับความตาย พระองค์ก็เป็นห่วงมาก
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์
ใช่แล้ว ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพระองค์ เป็นเด็กที่เกิดจากสาวใช้คนหนึ่งของพระองค์
พระองค์ได้ปลดปล่อยข้าพเจ้าจากโซ่ตรวนแห่งความตาย
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบคุณแด่พระองค์
ข้าพเจ้าจะให้เกียรติกับชื่อของพระยาห์เวห์
18 ข้าพเจ้าจะแก้บนทั้งหลายต่อพระยาห์เวห์
ต่อหน้าคนทั้งหมดของพระองค์
19 ข้าพเจ้าจะทำอย่างนี้
ในบริเวณลานวิหารของพระยาห์เวห์ที่อยู่ใจกลางเมืองเยรูซาเล็ม
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International