M’Cheyne Bible Reading Plan
เอลีชากับหัวขวาน
6 กลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้ามาพูดกับเอลีชาว่า “ดูเถิด สถานที่ที่พวกเราใช้นัดพบกับท่านมันเล็กเกินไปแล้วสำหรับพวกเรา 2 พวกเราไปที่แม่น้ำจอร์แดนกันเถิด พวกเราทุกคนสามารถหาเสามาคนละต้นและมาสร้างเป็นที่อยู่อาศัยกัน เพื่อเราจะได้อยู่กันที่นั่น”
และเอลีชาพูดว่า “ไปเถิด”
3 แล้วคนหนึ่งในหมู่พวกเขาพูดขึ้นมาว่า “ท่านจะไม่ไปกับพวกเราผู้รับใช้ท่านด้วยหรือ” เอลีชาตอบว่า “ไปสิ”
4 แล้วเขาก็ไปกับคนเหล่านั้น พวกเขาไปถึงแม่น้ำจอร์แดนและเริ่มตัดต้นไม้ลงหลายต้น 5 มีคนหนึ่งกำลังโค่นต้นไม้ลง หัวขวานของเขากระเด็นตกลงไปในน้ำ เขาร้องออกมาว่า “แย่แล้ว นายท่าน นั่นเป็นขวานที่ขอยืมคนอื่นมา”
6 คนของพระเจ้า[a] คนนั้นถามเขาว่า “มันตกลงไปตรงไหน”
เมื่อเขาชี้ให้ดูจุดที่มันตกลงไป เอลีชาก็ตัดไม้มากิ่งหนึ่งและโยนลงไปที่นั่น ทำให้หัวขวานเหล็กลอยขึ้นมา 7 เขาพูดว่า “หยิบหัวขวานขึ้นมาสิ” แล้วชายคนนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา
กษัตริย์อารัมกับเอลีชา
8 ในเวลานั้นกษัตริย์ของชาวอารัมกำลังทำสงครามอยู่กับอิสราเอล หลังจากที่กษัตริย์ของชาวอารัมได้ปรึกษากับพวกผู้นำทหารของเขาแล้ว เขาพูดว่า “เราจะจัดตั้งค่ายของเราขึ้นที่ตรงนั้น”
9 คนของพระเจ้าได้ส่งข่าวมาถึงกษัตริย์ของอิสราเอลว่า “ระวัง อย่าผ่านไปทางนั้น เพราะพวกอารัมกำลังลงไปที่นั่น”
10 กษัตริย์ของอิสราเอลจึงส่งข่าวไปเตือนคนของพระองค์ที่อยู่ตรงแถวนั้น ตามที่คนของพระเจ้าได้เตือนพระองค์มา เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง พวกเขาจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นในที่เหล่านั้น
11 สิ่งนี้ทำให้กษัตริย์ของอารัมโกรธมาก เขาเรียกตัวพวกผู้นำทหารของเขาเข้ามาและถามพวกเขาว่า “บอกเราสิว่า มีใครในพวกเราที่ไปเข้าข้างกษัตริย์ของอิสราเอล”
12 ผู้นำทหารคนหนึ่งตอบว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ไม่มีใครไปทำอย่างนั้นหรอก แต่เอลีชาผู้พูดแทนพระเจ้าที่อยู่ในอิสราเอล เป็นผู้บอกกษัตริย์ของอิสราเอล ถึงทุกสิ่งที่ท่านพูดไปในห้องนอนของท่าน”
13 กษัตริย์จึงสั่งไปว่า “ไปค้นหามาว่าคนผู้นี้อยู่ที่ไหน เราจะได้ส่งคนไปจับตัวเขามา”
แล้วก็มีรายงานกลับมาว่า “เขาอยู่ในเมืองโดธาน”
14 กษัตริย์จึงส่งกองทหารม้าและพวกรถรบพร้อมกับกองทัพที่แข็งแกร่งไปที่นั่น พวกเขาไปในเวลากลางคืนและไปล้อมเมืองเอาไว้ 15 เมื่อคนรับใช้ของเอลีชาคนของพระเจ้าตื่นขึ้นมา และออกไปข้างนอกแต่เช้าตรู่ มีกองทัพทหารม้ากองหนึ่งและพวกรถรบกำลังล้อมเมืองอยู่
คนใช้คนนั้นจึงถามว่า “แย่แล้ว นายท่าน พวกเราจะทำยังไงดี”
16 ผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นตอบว่า “ไม่ต้องกลัว พวกที่อยู่ฝ่ายเรามีมากกว่าพวกที่อยู่ฝ่ายนั้นเสียอีก”
17 เอลีชาอธิษฐานว่า “ข้าแต่ พระยาห์เวห์ ได้โปรดเปิดตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น”
แล้วพระยาห์เวห์ก็ได้เปิดตาของคนรับใช้คนนั้น และเขาเห็นว่าเนินเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยทหารม้าและรถรบที่ลุกเป็นไฟอยู่รอบๆตัวเอลีชา
18 เมื่อศัตรูตรงมาที่ตัวเอลีชา เขาก็อธิษฐานกับพระยาห์เวห์ว่า “ช่วยโจมตีคนพวกนี้ให้ตาบอดด้วยเถิด”
พระองค์จึงโจมตีคนพวกนั้นให้ตาบอดตามที่เอลีชาขอ 19 เอลีชาบอกกับพวกเขาว่า “ไม่ใช่ทางนี้ ไม่ใช่เมืองนี้ ตามเรามา เราจะนำพวกเจ้าไปหาคนนั้นที่พวกเจ้ากำลังตามหาอยู่” และเขาก็นำคนเหล่านั้นไปที่เมืองสะมาเรีย[b]
20 หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในเมืองแล้ว เอลีชาพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของคนเหล่านี้ด้วยเถิด เพื่อพวกเขาจะได้มองเห็น”
แล้วพระยาห์เวห์ก็เปิดตาของพวกเขา และพวกเขาก็มองเห็นและพบว่าพวกเขาอยู่ในเมืองสะมาเรีย 21 เมื่อกษัตริย์ของอิสราเอลเห็นพวกเขา ก็ถามเอลีชาว่า “ท่านพ่อของเรา จะให้เราฆ่าพวกมันหรือเปล่า ฆ่าพวกมันเลยดีไหม”
22 เอลีชาตอบว่า “อย่าเลย คนพวกนี้ที่ท่านกะจะฆ่านั้น ท่านจับมาได้ด้วยดาบหรือธนูของท่านเองหรือยังไง จัดหาอาหารและน้ำมาให้พวกเขากินและดื่มเถิด แล้วปล่อยให้พวกเขากลับไปหาเจ้านายของพวกเขา”
23 กษัตริย์ของอิสราเอลจึงได้จัดเตรียมอาหารมื้อใหญ่ ให้กับคนเหล่านั้น และหลังจากที่พวกเขากินและดื่มเสร็จแล้ว กษัตริย์ก็ส่งคนเหล่านั้นกลับไป และพวกเขาก็กลับไปหาเจ้านายของพวกเขา แล้วกองโจรจากอารัมก็ไม่มาปล้นแผ่นดินของอิสราเอลอีก
สะมาเรียถูกโอบล้อม
24 ต่อมาภายหลัง กษัตริย์เบนฮาดัดของชาวอารัมได้รวบรวมกองทัพทั้งหมดของเขาและเคลื่อนพลเข้ามาล้อมเมืองสะมาเรียไว้ 25 เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้นในเมือง พวกเขาล้อมเมืองอยู่นานมากจนกระทั่งแม้แต่หัวลาหัวหนึ่งยังขายกันเป็นเงินหนึ่งกิโลกรัม[c] และขี้ของนกพิราบศูนย์จุดสามลิตร[d] ขายเป็นเงินประมาณหกสิบกรัม[e]
26 เมื่อกษัตริย์ของอิสราเอลเดินผ่านไปบนกำแพง หญิงคนหนึ่งมาร่ำร้องกับเขาว่า “โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”
27 กษัตริย์ตอบว่า “ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ช่วยเจ้าแล้ว เราเองจะช่วยได้ยังไง ลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่นยังมีอะไรเหลืออยู่อีกหรือ” 28 แล้วเขาถามนางว่า “เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรหรือ”
นางตอบว่า “หญิงคนนี้บอกดิฉันว่า ‘ฆ่าลูกชายของเจ้าเถิด พวกเราจะได้กินเขาในวันนี้ แล้วพรุ่งนี้พวกเราก็จะกินลูกชายของฉัน’ 29 พวกเราก็เลยต้มลูกชายของดิฉันกินกัน วันต่อมาดิฉันพูดกับนางว่า ‘เอาลูกชายของเจ้ามาสิ เราจะได้กินตัวเขา’ แต่นางได้ซ่อนลูกนางไว้”
30 เมื่อกษัตริย์ได้ยินคำพูดของหญิงคนนี้ เขาก็ฉีกเสื้อคลุมของเขา เมื่อเขาเดินต่อไปตามกำแพง ประชาชนต่างมองดูเขาและเห็นว่ากษัตริย์สวมเสื้อกระสอบไว้ข้างใน
31 กษัตริย์พูดว่า “ถ้าหัวของเอลีชาลูกชายของชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้ ขอให้พระเจ้าลงโทษเราอย่างแสนสาหัส”
32 กษัตริย์ก็เลยส่งคนตามหาเอลีชา ตอนนั้นเอลีชากำลังนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง และพวกผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่กับเขาด้วย แต่ก่อนที่คนๆนั้นจะมาถึง เอลีชาพูดกับพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นว่า “พวกท่านรู้หรือเปล่าว่า เจ้าฆาตกรคนนี้ได้ส่งคนมาตัดหัวของเรา ดูเอาไว้ เมื่อคนที่เขาส่งมานั้นมาถึง ให้ปิดประตูและขวางเขาไว้ เราได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้านายเขาตามหลังเขามา”
33 ในขณะที่เขากำลังคุยอยู่กับผู้ใหญ่เหล่านั้น คนที่กษัตริย์ส่งมานั้น[f] ก็มาถึง และกษัตริย์ก็พูดว่า “เหตุร้ายในครั้งนี้มาจากพระยาห์เวห์ แล้วเราจะยังฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์อีกทำไม”
พวกผู้นำในหมู่ประชุมของพระเจ้า
3 คำพูดต่อไปนี้เป็นจริงและเชื่อถือได้ คือคำพูดที่ว่า ถ้าใครอยากจะเป็นผู้ดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้า[a] แสดงว่าคนนั้นอยากจะทำงานที่ดี 2 ผู้ดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้า จะต้องเป็นคนที่ไม่มีที่ติ มีเมียแค่คนเดียว ควบคุมตัวเองได้ มีสติรอบคอบ น่านับถือ ยินดีต้อนรับแขกแปลกหน้า และสอนเก่ง 3 ต้องไม่ขี้เมา ไม่ชอบต่อยตี แต่สุภาพอ่อนโยน ไม่ชอบโต้เถียง ไม่โลภเงินทอง 4 ต้องรู้จักเอาใจใส่คนในครัวเรือนของตนเป็นอย่างดี ต้องมีลูกที่ว่านอนสอนง่ายและให้ความเคารพยำเกรงเขาอย่างยิ่ง 5 (เพราะถ้าคนในครัวเรือนของตนเองยังเอาไม่รอด แล้วจะมาดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้าได้อย่างไร) 6 เขาจะต้องไม่ใช่คนที่เพิ่งมาเชื่อใหม่ๆ เพราะดีไม่ดีเขาอาจจะเหลิงได้ แล้วถูกลงโทษแบบเดียวกับมาร 7 นอกจากนั้น เขาจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีในหมู่คนภายนอกด้วย เพื่อจะได้ไม่อับอายขายหน้าเพราะถูกคนต่อว่า และเข้าไปติดกับดักของมาร
พวกผู้รับใช้พิเศษ
8 ผู้รับใช้พิเศษ[b]ก็เหมือนกัน จะต้องเป็นคนที่น่านับถือ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่ขี้เหล้า ไม่โลภเงินทอง 9 ต้องยึดมั่นข้อลึกลับในหลักความเชื่อที่พระเจ้าได้เปิดเผยให้เรารู้แล้วด้วยใจที่ไม่ฟ้องว่าผิด 10 ให้คนพวกนี้ผ่านการทดสอบเสียก่อน ถ้าไม่มีข้อเสื่อมเสีย ก็ค่อยให้เขามารับใช้ 11 ผู้ช่วยพิเศษที่เป็นผู้หญิง[c]ก็เหมือนกัน จะต้องเป็นคนที่น่านับถือ ต้องไม่ใส่ร้ายคนอื่น แต่ต้องเป็นคนที่รู้จักควบคุมตนเอง และไว้ใจได้ในทุกเรื่อง 12 ผู้รับใช้พิเศษที่เป็นผู้ชาย ต้องมีเมียแค่คนเดียว ต้องดูแลคนในครัวเรือนของตน และอบรมลูกๆเป็นอย่างดี 13 เพราะคนที่ทำหน้าที่ผู้รับใช้พิเศษนั้นจะเป็นที่นับถือ และตัวเขาเองจะมีความมั่นใจในความเชื่อที่เขามีต่อพระเยซูคริสต์มากขึ้น
ความลับในศาสนาเรา
14 ถึงแม้ผมหวังว่าจะได้มาเยี่ยมคุณในเร็วๆนี้ แต่ผมก็ยังเขียนข้อความเหล่านี้มาให้ 15 เพื่อว่าถ้าผมมาช้า คุณจะได้รู้ว่าสมาชิกในบ้านเรือนของพระเจ้านั้นจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง บ้านเรือนนี้คือหมู่ประชุมของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และหมู่ประชุมนี้เป็นเสาหลักและรากฐานแห่งความจริง 16 ไม่ต้องสงสัยเลย นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของความลับในศาสนาอันแท้จริงของเรา คือ
พระคริสต์ได้มาปรากฏในร่างของมนุษย์
พระวิญญาณได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง
เหล่าทูตสวรรค์ก็เห็น
เรื่องของพระองค์ได้ถูกประกาศไปทั่วทุกชนชาติ
ผู้คนในโลกต่างเชื่อในพระองค์
และพระเจ้าได้รับพระองค์ขึ้นไปสู่สง่าราศีอันยิ่งใหญ่
ดาเนียลมีนิมิตที่แม่น้ำไทกริส
10 ในปีที่สาม[a]ของกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย พระเจ้าได้เปิดเผยเรื่องหนึ่งให้กับดาเนียลรู้ (ดาเนียลมีอีกชื่อหนึ่งว่าเบลเทชัสซาร์) เรื่องที่เปิดเผยนี้เชื่อถือได้ มันเข้าใจยาก แต่คำอธิบายได้มาถึงดาเนียลในนิมิต
2 ในเวลานั้น ผม ดาเนียล เป็นทุกข์เศร้าโศกอยู่ถึงสามอาทิตย์เต็มๆ 3 ผมไม่ได้กินอาหารที่อร่อยๆ ไม่มีเนื้อหรือเหล้าองุ่นตกเข้าปากผมเลย ผมไม่ได้เอาน้ำมันทาผิวหรือน้ำมันใส่ผมเป็นเวลาถึงสามอาทิตย์เต็มๆ
4 แล้วในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง ในขณะที่ผมยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอันยิ่งใหญ่นั้น คือแม่น้ำไทกริส
5 ผมเงยหน้าขึ้นมาและมองเห็นชายคนหนึ่ง สวมผ้าคลุมลินิน เขาคาดเข็มขัดที่ทำจากทองของเมืองอุฟาส
6 ร่างกายของเขาดูเหมือนพลอยระยิบระยับ ใบหน้าของเขาส่องสว่างเหมือนฟ้าแลบ ดวงตาของเขาเหมือนกับคบไฟที่ลุกโชติช่วง แขนและขาของเขาดูเหมือนทองเหลืองที่ขัดมัน เมื่อเขาพูด เสียงของเขาก็ฟังเหมือนเสียงของฝูงชนกลุ่มใหญ่
7 ผม ดาเนียล เห็นนิมิตนี้แค่คนเดียว คนอื่นๆที่อยู่กับผมไม่ได้เห็นนิมิตนี้ แต่พวกเขาตกใจกลัวมากและวิ่งหนีไปแอบ 8 เหลือผมคนเดียว ในขณะที่ผมจ้องมองนิมิตอันยิ่งใหญ่นั้น ผมก็หมดเรี่ยวแรงไป หน้าผมก็ซีดเหมือนคนตาย เรี่ยวแรงก็เหือดหายไปหมด 9 แล้วผมก็ได้ยินเขาพูด เมื่อได้ยินเสียงเขา ผมก็ตกอยู่ในภวังค์ นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น
10 แล้วมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจับและโยกผม และช่วยพยุงให้ผมยันตัวขึ้นมาด้วยมือและเข่า
11 แล้วเขาก็พูดกับผมว่า “ดาเนียล ชายที่พระเจ้ารัก ให้ตั้งใจฟังสิ่งที่เรากำลังจะบอกกับเจ้านี้ ลุกขึ้นมา เพราะเราถูกส่งมาหาเจ้า” เมื่อเขาพูดอย่างนั้นกับผม ผมก็ยืนขึ้นตัวสั่น 12 แล้วเขาก็บอกผมว่า “ดาเนียล ไม่ต้องกลัว เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตั้งใจจะเข้าใจและตัดสินใจที่จะอดอาหารและถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าของเจ้า พระเจ้าก็ได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และเราก็ได้มาเพราะคำอธิษฐานของเจ้านั้น 13 เทพเจ้าผู้เป็นเจ้าฟ้าแห่งอาณาจักรเปอร์เซียต่อต้านเราอยู่เป็นเวลายี่สิบเอ็ดวัน แต่ทันใดนั้น มีคาเอล หนึ่งในพวกเจ้าฟ้าชั้นผู้นำ ก็ได้มาช่วยเรา ตอนที่เราถูกทิ้งไว้คนเดียวกับพวกกษัตริย์ของเปอร์เซีย 14 เรามาเพื่อช่วยให้เจ้าเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนของเจ้าในอนาคต เพราะยังจะมีอีกนิมิตหนึ่งมา ที่พูดถึงวันเวลานั้นที่จะต้องอธิบายให้เข้าใจ”
15 ตอนที่เขาพูดสิ่งนี้ ผมได้แต่ก้มมองที่พื้นพูดอะไรไม่ออก
16 แล้วมีผู้หนึ่งที่ดูเหมือนมนุษย์ได้มาแตะริมฝีปากของผม ผมจึงสามารถอ้าปากพูดได้ แล้วผมก็บอกผู้นั้นที่ยืนอยู่ต่อหน้าผมว่า “ท่านครับ หลังจากที่ผมเห็นนิมิตนั้น ผมก็ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด และผมก็หมดเรี่ยวแรง 17 แล้วจะให้ผมผู้รับใช้ของท่านพูดอะไรกับท่านเจ้านายของผมได้ล่ะครับ ถึงเดี๋ยวนี้ก็เถอะ ผมก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจ”
18 แต่แล้วผู้นั้นที่ดูเหมือนมนุษย์ก็จับตัวผมอีกครั้ง และทำให้ผมมีเรี่ยวแรงขึ้น
19 แล้วเขาก็พูดว่า “อย่ากลัวไปเลย พระเจ้ารักเจ้า ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีกับเจ้า อย่าได้ท้อใจไปเลย เข้มแข็งไว้” ขณะที่เขาพูดกับผม ผมก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นและพูดออกไปว่า “ท่านครับ พูดต่อไปเถอะครับ เพราะตอนนี้ผมได้เรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว”
20-21 แล้วเขาก็พูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่า ทำไมเราถึงมาหาเจ้า เรามาเพื่อบอกเจ้าว่ามีอะไรเขียนไว้ในหนังสือแห่งความจริง แต่ตอนนี้เราจะต้องกลับไปสู้รบกับพวกเจ้าฟ้าแห่งเปอร์เซีย เมื่อเราจากไป เจ้าฟ้าแห่งกรีซก็จะเข้ามา ไม่มีใครช่วยเราสู้รบกับพวกเจ้าฟ้านี้ นอกจากมีคาเอลผู้เป็นเจ้าฟ้าของคนของเจ้า
เพลงยกย่องคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์
อาเลฟ[a]
1 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่เดินตามทางอันบริสุทธิ์
และคนเหล่านั้นที่ทำตามคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์
2 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่รักษากฎต่างๆของพระองค์
และแสวงหาพระองค์อย่างสุดหัวใจ
3 พวกเขาไม่ทำผิดต่อใคร
พวกเขาเดินในทางต่างๆของพระองค์
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำสั่งต่างๆกับพวกเรา
พระองค์ต้องการให้พวกเราทำตามอย่างเคร่งครัด
5 ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า
ข้าพเจ้าจะรักษากฎระเบียบต่างๆของพระองค์อย่างสัตย์ซื่อ
6 แล้วข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องอับอาย
เมื่อข้าพเจ้าศึกษาบัญญัติทั้งหมดของพระองค์
7 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
เมื่อข้าพเจ้าเรียนเรื่องกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมของพระองค์
8 อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะข้าพเจ้าเชื่อฟังกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
เบธ
9 คนหนุ่มๆจะรักษาชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร
ก็ด้วยการรักษาคำบัญชาของพระองค์
10 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดหัวใจ
อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าหลงไปจากบัญญัติต่างๆของพระองค์เลย
11 ข้าพเจ้าเก็บรักษาคำสัญญาของพระองค์ไว้ในใจ
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ได้รับการสรรเสริญ
โปรดสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
13 ริมฝีปากของข้าพเจ้าท่องกฎเกณฑ์ทุกข้อ
ที่ออกมาจากปากของพระองค์
14 ข้าพเจ้ามีความสุขที่ติดตามทางแห่งกฎต่างๆของพระองค์
เหมือนความสุขของคนที่ได้ทรัพย์สมบัติมากมาย
15 ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงคำสั่งต่างๆของพระองค์
และจับตาดูวิถีทางทั้งหลายของพระองค์
16 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
และข้าพเจ้าไม่ลืมคำบัญชาของพระองค์
กิเมิล
17 ให้รางวัลกับผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
เพื่อข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่และเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์
18 โปรดเปิดตาของข้าพเจ้าให้สังเกตเห็นสิ่งน่าทึ่งทั้งหลาย
ในคำสั่งสอนของพระองค์ด้วยเถิด
19 ข้าพเจ้าอยู่ในโลกนี้แค่ชั่วคราว
ขออย่าได้ซ่อนบัญญัติต่างๆของพระองค์ไปจากข้าพเจ้าเลย
20 จิตใจของข้าพเจ้ากระหายอยากที่จะเรียนรู้
กฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์อยู่ตลอดเวลา
21 พระองค์ประณามคนที่เย่อหยิ่งจองหองพวกนั้น
พวกเขาถูกสาปแช่งเพราะหลงไปจากบัญญัติต่างๆของพระองค์
22 ข้าพเจ้ารักษากฎต่างๆของพระองค์
ดังนั้น โปรดเอาความอับอายและความอัปยศอดสูไปจากข้าพเจ้าด้วยเถิด
23 ถึงแม้เหล่าผู้นำทั้งหลายจะนั่งจับกลุ่มกันพูดใส่ร้ายข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จะยังคงใคร่ครวญอยู่กับกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
24 กฎต่างๆของพระองค์ให้ความสุขกับข้าพเจ้า
มันให้คำแนะนำดีๆกับข้าพเจ้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International