M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาโลมอนกับเมียทั้งหลายของเขา
11 กษัตริย์ซาโลมอนได้ไปหลงรักกับหญิงชาวต่างชาติอีกหลายคนนอกเหนือไปจากลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์ เช่น หญิงชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม ชาวไซดอนและชาวฮิตไทต์ 2 ผู้หญิงเหล่านี้มาจากชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์เคยบอกกับชาวอิสราเอลไว้ก่อนหน้านี้ว่า “พวกเจ้าต้องไม่แต่งงานกับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะเปลี่ยนใจของพวกเจ้าให้หันไปติดตามพระของพวกเขา” แต่อย่างไรก็ตาม ซาโลมอนได้ไปหลงรักพวกนาง 3 ซาโลมอนมีเมียเจ็ดร้อยคน ที่เกิดมาจากครอบครัวของกษัตริย์ต่างชาติ และมีเมียน้อยสามร้อยคน และเมียทั้งหลายของเขาก็ได้ชักชวนเขาให้หลงผิดไป 4 เมื่อซาโลมอนแก่ตัวลง พวกเมียของเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนใจของซาโลมอนให้หันไปหาพระอื่น และใจของเขาก็ไม่ได้สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เหมือนอย่างที่ใจของดาวิดพ่อของเขาสัตย์ซื่อ 5 เขาได้ไปติดตามพระอัชโทเรท[a] ซึ่งเป็นพระผู้หญิงของชาวไซดอน และพระมิลโคมพระที่น่ารังเกียจของพวกชาวอัมโมน 6 อย่างนี้ ซาโลมอนได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาไม่ได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยติดตาม
7 บนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ซาโลมอนได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระเคโมชพระที่น่ารังเกียจของชาวโมอับและให้กับพระโมเลค พระที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน 8 เขาได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระของเมียชาวต่างชาติทั้งหลายของเขา พวกนางก็ได้เผาเครื่องหอม และถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพระของพวกนางที่นั่น
9 พระยาห์เวห์โกรธซาโลมอน เพราะใจเขาได้หันเหไปจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลผู้ที่เคยปรากฏตัวแก่เขาถึงสองครั้ง 10 ถึงแม้ว่าพระองค์ได้เคยห้ามซาโลมอนไม่ให้ติดตามพระอื่นมาแล้ว แต่ซาโลมอนก็ไม่รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์ 11 พระยาห์เวห์จึงพูดกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้ามีความคิดอย่างนี้ และเป็นเพราะเจ้าไม่รักษาข้อตกลงและคำสั่งสอนของเรา ซึ่งเราได้สั่งเจ้าเอาไว้ เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าแน่ และยกมันให้กับลูกน้องของเจ้า 12 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดพ่อของเจ้า เราจะไม่ทำอย่างนี้ในช่วงที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เราจะฉีกมันออกจากมือของลูกชายเจ้า 13 แต่เราจะไม่ฉีกมันออกจนหมดทั้งอาณาจักร เราจะเหลือให้เขาเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราและเพื่อเห็นแก่เมืองเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกไว้”
พวกศัตรูของซาโลมอน
14 แล้วพระยาห์เวห์ได้ยกฮาดัดขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอน ฮาดัดเป็นชาวเอโดมที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์แห่งเอโดม 15 ในอดีตนั้น ดาวิดเคยต่อสู้กับเมืองเอโดม แม่ทัพโยอาบซึ่งเป็นแม่ทัพของเขา ได้ขึ้นไปที่นั่นเพื่อฝังศพทหารที่ถูกฆ่า แล้วเขาก็ได้ฆ่าผู้ชายทั้งหมดในเมืองเอโดม 16 โยอาบและชาวอิสราเอลทั้งหมดได้อยู่ที่เอโดมเป็นเวลาหกเดือน จนกว่าจะได้ฆ่าพวกผู้ชายทั้งหมดในเอโดม 17 ในขณะนั้นฮาดัดยังเป็นเด็กอยู่ เขาได้หลบหนีไปประเทศอียิปต์พร้อมกับพวกข้าราชการชาวเอโดมส่วนหนึ่ง ซึ่งเคยรับใช้พ่อของเขามาก่อน 18 พวกเขาได้ออกเดินทางจากมีเดียนไปสู่ปารานแล้วได้พาคนจากปารานไปกับพวกเขาด้วย พวกเขาเดินทางไปอียิปต์ไปหากษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ กษัตริย์ฟาโรห์ได้ให้บ้านและที่ดินส่วนหนึ่งรวมทั้งเสบียงอาหารกับฮาดัด
19 กษัตริย์ฟาโรห์ชอบฮาดัดมากและได้ยกน้องสาวของราชินีทาเปเนสเมียเขาให้แต่งงานกับฮาดัด 20 น้องสาวของทาเปเนสได้คลอดลูกชายคนหนึ่งให้ฮาดัด ชื่อว่าเกนูบัท ราชินีทาเปเนสได้นำตัวเด็กคนนี้เข้าไปเลี้ยงในวังของกษัตริย์ เกนูบัทจึงได้อาศัยอยู่ที่นั่นกับลูกๆของกษัตริย์ฟาโรห์
21 ในขณะที่ฮาดัดอยู่ในอียิปต์ เขาได้ยินว่าดาวิดได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว และแม่ทัพโยอาบก็ตายไปแล้วด้วยเหมือนกัน ฮาดัดจึงพูดกับกษัตริย์ฟาโรห์ว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าจะได้กลับไปประเทศของข้าพเจ้า”
22 กษัตริย์ฟาโรห์จึงถามเขาว่า “อยู่กับเราที่นี่ แล้วเจ้ายังขาดอะไรอีกหรือ ถึงได้ขอที่จะกลับไปประเทศของเจ้า”
ฮาดัดตอบว่า “ไม่ขาดอะไรเลยครับท่าน แต่ได้โปรดให้ข้าพเจ้าไปเถิด”
23 พระเจ้ายังได้ยกเรโซนลูกชายของเอลียาดาขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอนอีกคนหนึ่ง เรโซนคนนี้เคยหลบหนีไปจากกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งโศบาห์ ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา 24 หลังจากที่ดาวิดได้ทำลายกองทัพของโศบาห์ เรโซนได้รวบรวมคนจากรอบๆตัวเขาขึ้นมาตั้งตัวขึ้นเป็นผู้นำกองโจร กองโจรกลุ่มนี้ได้ไปที่เมืองดามัสกัส และได้ตั้งหลักแหล่งและเข้าครอบครองเมืองนั้น 25 เรโซนได้กลายเป็นกษัตริย์ของอารัม เขาได้กลายเป็นศัตรูของอิสราเอลนานตลอดชั่วอายุของซาโลมอน และได้ร่วมสร้างปัญหาพร้อมกับฮาดัดด้วย
26 เยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ได้กบฏต่อซาโลมอนด้วย เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน เขาเป็นคนเอฟราอิมที่มาจากเมืองเศเรดาห์ แม่ของเขาเป็นแม่หม้ายชื่อว่าเศรุวาห์
27 นี่คือสาเหตุที่เขากบฏต่อกษัตริย์ ซาโลมอนกำลังสร้างเฉลียง[b] และซ่อมช่องโหว่ของกำแพงเมืองของดาวิด พ่อของเขา 28 ในเวลานั้น เยโรโบอัมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ซาโลมอนก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ทำงานได้ดี จึงได้แต่งตั้งให้เขาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่มาจากครอบครัวโยเซฟ[c] 29 ในช่วงนั้น เยโรโบอัมได้เดินทางไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าจากชิโลห์ได้พบเขาบนถนนนั้น ตอนนั้น อาหิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่อยู่ ทั้งสองคนเดินทางออกไปแถบชานเมืองตามลำพังสองคน 30 และอาหิยาห์ได้ถอดเสื้อคลุมตัวใหม่ที่เขาสวมอยู่ออกและฉีกมันออกเป็นสิบสองชิ้น
31 แล้วอาหิยาห์ได้พูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านเอาไปสิบชิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด ‘ดูไว้ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรนี้ออกมาจากมือของซาโลมอนและจะให้เจ้าสิบเผ่า 32 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราและเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหลายของอิสราเอล เราจะให้หนึ่งเผ่ากับครอบครัวของดาวิด 33 เราจะทำสิ่งนี้เพราะซาโลมอนละทิ้งเรา[d]และไปบูชาพระอัชโทเรทพระผู้หญิงของชาวไซดอน พระเคโมชของชาวโมอับและพระมิลโคมของชาวอัมโมน และไม่ยอมใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และยังไม่ยอมทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ไม่ยอมรักษากฎและข้อบังคับต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยรักษา 34 แต่เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากซาโลมอนหรอก เราได้ให้เขาเป็นผู้ปกครองตลอดชั่วชีวิตของเขา เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราซึ่งเราได้เลือกขึ้นมาและเป็นผู้ที่ได้รักษาคำสั่งต่างๆและกฎทุกข้อของเรา 35 เราจะเอาอาณาจักรนี้ไปจากลูกชายของซาโลมอน และให้มันไว้กับเจ้าสิบเผ่า 36 เราจะให้เผ่าหนึ่งกับลูกชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้เราจะได้มีตะเกียงหนึ่งดวงอยู่ต่อหน้าเราในเยรูซาเล็มตลอดไป เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้เพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของเรา 37 ส่วนเจ้าเยโรโบอัม เราจะรับเจ้าไว้และเจ้าจะได้ปกครองทุกแห่งที่เจ้าต้องการ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 38 ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เราสั่งเจ้า และใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ด้วยการรักษากฎและคำสั่งต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดผู้รับใช้เราได้ทำมา เราจะอยู่กับเจ้า เราจะสร้างเจ้าให้เป็นราชวงศ์ที่ยั่งยืน อย่างกับที่เราเคยสร้างให้กับดาวิด และเราจะยกอิสราเอลให้กับเจ้า 39 เราจะลงโทษลูกหลานของดาวิด เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปนี้ แต่จะไม่ลงโทษเขาตลอดไป’”
40 เพราะอย่างนี้ ซาโลมอนจึงพยายามฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมได้หลบหนีไปอียิปต์ในทันที ไปหากษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งซาโลมอนตาย
ซาโลมอนตาย
(2 พศด. 9:29-31)
41 เหตุการณ์อื่นในยุคของซาโลมอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ รวมทั้งความเฉลียวฉลาดที่เขาได้แสดงออกมา ได้เขียนไว้ในหนังสือประวัติของซาโลมอน 42 ซาโลมอนได้ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม และปกครองอิสราเอลทั้งหมดเป็นเวลาสี่สิบปี 43 แล้วเขาก็ได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝัง[e] อยู่ในเมืองของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา และเรโหโบอัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
เป็นหนึ่งเดียวกันและดูแลกันและกัน
2 ดังนั้น ถ้าพวกคุณได้รับกำลังใจเพราะมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าได้รับการปลอบใจจากความรัก ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพราะมีส่วนร่วมในพระวิญญาณ และได้รับความรักใคร่เอ็นดูและความเห็นอกเห็นใจ
2 ผมก็ขอให้คุณทำสิ่งที่จะให้ความสุขกับผมอย่างเต็มที่ คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน เป็นใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน
3 อย่าทำอะไรที่ชิงดีชิงเด่นกัน หรือเพราะหลงคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ให้ถ่อมตัวลง และมองคนอื่นว่าสำคัญกว่าตัวเอง 4 อย่าให้ใครคิดเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว แต่ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย
ตามแบบอย่างของพระเยซู
5 ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยคิด ทำ และรู้สึกอย่างนี้ เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ 6 คือถึงแม้พระองค์จะมีสภาพเป็นพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ได้คิดที่จะใช้ความเท่าเทียมกับพระเจ้าของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของพระองค์เองเลย
7 แต่พระองค์ได้ทิ้งความเป็นตัวของพระองค์เองไปจนหมด คือยอมรับสภาพเป็นทาส และได้มาเกิดเป็นมนุษย์ 8 เมื่อพระองค์ได้มาปรากฏตัวในร่างมนุษย์แล้ว พระองค์ได้ถ่อมตัวของพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่าง ถึงขนาดยอมตาย แม้กระทั่งต้องตายบนไม้กางเขน
9 พระเจ้าก็เลยยกพระเยซูขึ้นสูงที่สุด และยกย่องชื่อของพระองค์ให้ยิ่งใหญ่กว่าชื่อทั้งหมด 10 เพื่อทุกๆคนที่อยู่ในสวรรค์ก็ดี ในโลกนี้ก็ดี หรือใต้โลกนี้ก็ดี จะได้คุกเข่าลงให้เกียรติกับพระเยซู 11 ทุกๆคนจะยอมรับว่า พระเยซูคริสต์คือองค์เจ้าชีวิต แล้วพระเจ้าพระบิดาก็จะได้รับเกียรติยศ
ให้เป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการ
12 เพื่อนๆที่รัก คุณก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีมาตลอด ดังนั้นผมขอให้คุณทำงานหนักต่อไปด้วยใจที่เคารพและยำเกรงพระเจ้า จนกว่าคุณจะบรรลุถึงความรอด ตอนนี้ผมอยากให้คุณทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ใช่แค่ตอนที่ผมอยู่ด้วยเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย 13 คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะเป็นพระเจ้าเองที่กำลังทำงานอยู่ในหมู่พวกคุณ พระองค์ทำให้คุณเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการ และให้ฤทธิ์อำนาจกับคุณที่จะทำอย่างนั้นด้วย
14 ให้ทำทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือเถียงกัน 15 เพื่อพวกคุณจะไร้ที่ติ และบริสุทธิ์ จะได้เป็นลูกของพระเจ้าที่ไม่มีตำหนิเลย ทั้งๆที่คนรอบข้างคดโกง และวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว แต่พวกคุณจะได้ส่องแสงอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหมือนกับแสงสว่างต่างๆในท้องฟ้าที่ส่องสว่างเข้ามาในโลกมืด 16 ให้ทำทั้งหมดนี้ในขณะที่พวกคุณเสนอคำสอนที่ให้ชีวิตกับพวกเขา เพื่อในวันที่พระเยซูคริสต์กลับมา ผมจะได้ภูมิใจในตัวคุณ และจะได้เห็นชัดเจนว่า ผมวิ่งชนะและทำงานสำเร็จ
17 ผมจะเปรียบเทียบความเชื่อของพวกคุณเป็นเหมือนสัตว์ที่ถูกเผาถวายให้กับพระเจ้าและเป็นการรับใช้พระองค์ ถ้าหากผมเป็นเหมือนเครื่องดื่มบูชาที่ถูกเทบนเครื่องบูชาของพวกคุณนั้น ผมก็ดีใจและดีใจกับพวกคุณทุกคน 18 ในทำนองเดียวกัน พวกคุณทุกคนควรจะดีใจและร่วมดีใจกับผมด้วย
ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส
19 เพราะพระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต ผมคาดว่าผมจะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณเร็วๆนี้แน่นอน แล้วผมจะได้มีกำลังใจ เมื่อเขากลับมาเล่าเรื่องพวกคุณ 20 มีแต่ทิโมธีเท่านั้นที่มีความคิดเหมือนกับผมและสนใจในเรื่องทุกข์สุขของพวกคุณจริงๆ 21 ส่วนคนอื่นๆที่อาจจะส่งมาได้ ก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองมากกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องของพระเยซูคริสต์ 22 คุณก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยของทิโมธีนั้นเป็นอย่างไร และเขาได้รับใช้ในการประกาศข่าวดีด้วยกันกับผม เหมือนลูกช่วยพ่อ 23 ดังนั้น พอผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่จะเป็นอย่างไร ผมก็หวังที่จะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณทันที 24 ผมเชื่อว่า องค์เจ้าชีวิตจะเปิดโอกาสให้ผมได้มาเจอพวกคุณเร็วๆนี้เหมือนกัน
25 แต่ตอนนี้ คิดว่าจำเป็นจะต้องส่งเอปาโฟรดิทัสกลับมาหาคุณก่อน เขาเป็นทั้งน้องชาย เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหารของผม พวกคุณได้ส่งเขามาดูแลผมตอนที่ผมขาดแคลน 26 ผมส่งเขามา เพราะเขาอยากจะเจอคุณมาก และเขาก็กลุ้มใจมากเพราะคุณได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 ตอนนั้นเขาก็ป่วยหนักจริงๆจนเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่พระเจ้าเมตตาเขา ซึ่งก็ถือว่าได้เมตตาผมด้วย เพื่อผมจะได้ไม่เป็นทุกข์มากไปกว่านี้ 28 ผมจึงตั้งใจจะส่งเขากลับไปหาคุณ เพื่อคุณจะได้ดีใจเมื่อเจอเขาอีก และตัวผมเองจะได้กังวลน้อยลง 29 ดังนั้น ให้อ้าแขนต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพราะเขามีส่วนร่วมในองค์เจ้าชีวิตเหมือนกัน และให้เกียรติกับเขาและทุกคนที่เป็นอย่างเขา 30 เพราะเขาเกือบจะตายจากงานที่เขาทำเพื่อพระคริสต์ เขาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อรับใช้ผม ในเรื่องที่พวกคุณเองก็ทำให้ผมไม่ได้
ห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร
41 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมเข้าไปยังห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์ และเขาได้วัดขนาดของผนังทั้งสองด้านที่ติดกับทางเข้าออก แต่ละด้านกว้างหกศอก
2 ทางเข้าออกนี้กว้างสิบศอก และผนังแต่ละด้านที่ติดกับทางเข้าออกนี้ กว้างห้าศอก
เขาได้วัดพื้นที่ของห้องโถงอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มันยาวสี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก
ห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในวิหาร
3 แล้วชายผู้นี้ได้เข้าไปในห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเขาได้วัดขนาดของผนังด้านที่ติดกับทางเข้าออก แต่ละด้านหนาสองศอก กว้างเจ็ดศอก ทางเข้าออกกว้างหกศอก
4 และเขายังได้วัดความยาวของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ด้วย มันยาวยี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก ไปจดกับห้องโถงศักดิ์สิทธิ์
ชายผู้นั้นพูดกับผมว่า “นี่คือห้องที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด”
ห้องอื่นๆที่อยู่รอบวิหาร
5 ชายผู้นี้ได้วัดผนังของวิหาร มันหนาหกศอก และห้องแต่ละห้องที่อยู่รายรอบวิหารนั้นกว้างสี่ศอก 6 ห้องด้านข้างนี้ มีอยู่สามชั้น ซ้อนกันอยู่ แต่ละชั้นมีสามสิบห้อง พวกคานที่ค้ำห้องชั้นบนนั้นวางอยู่บนส่วนที่ยื่นออกมาจากกำแพงโดยรอบ อย่างนี้ คานเหล่านี้ไม่ได้เสียบเข้าไปในกำแพงของวิหาร
7 ห้องด้านข้างรอบๆวิหารนี้ พื้นชั้นบนกว้างกว่าชั้นที่อยู่ถัดลงมา ลักษณะโครงสร้างโดยรอบจึงเหมือนกับเวทีที่ยกสูงขึ้นไปเป็นขั้นทางด้านข้าง ห้องที่อยู่ด้านบนจึงกว้างขึ้น มีบันไดทอดยาวจากชั้นล่างสุดขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดโดยผ่านชั้นสอง 8 ผมเห็นว่าวิหารมีส่วนที่ยื่นออกมาโดยรอบ ซึ่งเป็นฐานของพวกห้องข้างๆ วัดความสูงของส่วนที่ยื่นออกมานั้นได้หนึ่งไม้วัดซึ่งก็คือหกศอก 9 ผนังด้านนอกของห้องด้านข้าง หนาห้าศอก บริเวณที่เปิดโล่งที่อยู่ระหว่างห้องด้านข้างของวิหาร 10 กับห้องนักบวชนั้นกว้างยี่สิบศอก โดยรอบวิหารทุกด้าน 11 มีทางเข้าสู่ห้องด้านข้างจากบริเวณที่เปิดโล่งนั้น โดยทางหนึ่งอยู่ทิศเหนือและอีกทางหนึ่งอยู่ทิศใต้ และส่วนที่ยื่นออกมานั้นที่ติดกับบริเวณที่เปิดโล่งนั้น กว้างห้าศอกโดยรอบวิหาร
12 ตึกที่หันไปทางลานของวิหารที่อยู่ทางทิศตะวันตก กว้างเจ็ดสิบศอก กำแพงของตึกนั้นหนาห้าศอกโดยรอบ และลึกเข้าไปเก้าสิบศอก 13 แล้วชายผู้นั้นวัดขนาดวิหาร ได้ความลึกหนึ่งร้อยศอก และบริเวณลานในเขตหวงห้ามของวิหารกับตึก รวมทั้งพวกผนัง ยาวหนึ่งร้อยศอกเหมือนกัน 14 ลานทางตะวันออกของวิหาร รวมทั้งส่วนหน้าของวิหารกว้างหนึ่งร้อยศอก
15 [a] แล้วชายผู้นั้นได้วัดความยาวของตึกที่หันไปทางเขตหวงห้ามด้านหลัง รวมกับระเบียงทั้งสองข้างของมัน ได้ยาวหนึ่งร้อยศอก ข้างในห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และระเบียงที่หันหน้าไปที่ลานด้านใน 16 รวมทั้งธรณีประตูกับหน้าต่างแคบๆและระเบียงที่ล้อมรอบทั้งสามด้าน ตรงข้ามธรณีประตู ล้วนปูไม้ทับอยู่ ตั้งแต่พื้นผนังตลอดแนวไปจนถึงหน้าต่าง และหน้าต่างก็มีไม้ปิดทับด้วยเหมือนกัน 17 และปูขึ้นไปถึงด้านบนสุดของประตูของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และของระเบียงด้านนอก และบนผนังทั้งหมดที่อยู่รอบข้างทั้งในและนอก ออกแบบอย่างประณีต 18 และถูกแกะสลักรูปเครูบและต้นปาล์มไว้มากมาย โดยแกะลายต้นปาล์มสลับกับลายเครูบ เครูบแต่ละองค์มีสองหน้า 19 ใบหน้าหนึ่งเป็นหน้าคนหันไปทางต้นปาล์มด้านหนึ่ง และอีกใบหน้าหนึ่งเป็นสิงโตหันไปทางต้นปาล์มอีกด้านหนึ่ง มีรูปเหล่านี้แกะสลักอยู่รอบวิหาร 20 มีรูปของเครูบกับต้นปาล์มเหล่านั้น แกะสลักอยู่บนผนังของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่พื้นไปจนถึงบริเวณเหนือทางเข้า
21 ห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ มีพวกกรอบประตูรูปสี่เหลี่ยม และตรงด้านหน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น มีสิ่งที่ดูเหมือนกับ 22 แท่นบูชาทำจากไม้อยู่แท่นหนึ่ง สูงสามศอก กว้างและยาวสองศอกเท่ากัน ที่มุมทั้งสี่มุม รวมทั้งที่ฐานและด้านข้างของแท่นนั้นเป็นไม้
ชายคนนั้นพูดกับผมว่า “นี่คือโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของพระยาห์เวห์”
23 ทั้งห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีประตูอยู่สองบาน
24 แต่ละประตูมีบานเหวี่ยงสองบาน
25 และบนประตูของห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ แกะสลักลายเครูบและต้นปาล์มเหมือนกับที่แกะไว้บนผนัง และมีที่กันแดดยื่นอยู่บนด้านหน้าของระเบียง
26 มีหน้าต่างแคบๆที่มีลายต้นปาล์มแกะสลักอยู่บนผนังทั้งสองข้างของระเบียง และมีห้องต่างๆอยู่ด้านข้างที่มีที่กันแดดด้วย
ชื่นชมยินดีในความดีงามของพระองค์
บทเพลงสดุดี เพลงสำหรับวันหยุดทางศาสนา
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะสรรเสริญพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
2 มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะพูดถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในตอนเช้า
และเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในตอนค่ำคืน
3 คลอไปกับเสียงของพิณสิบสาย พิณสี่สาย
และทำนองของพิณเขาคู่
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดีในผลงานต่างๆจากมือของพระองค์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ความคิดของพระองค์ก็ช่างลุ่มลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้
6 คนที่โง่เหมือนควายไม่รู้เรื่องนี้
คนโง่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
7 คือถึงจะมีคนชั่วผุดขึ้นมามากมายเหมือนหญ้าและคนทำชั่วจะรุ่งเรือง
พวกมันจะต้องถูกทำลายตลอดไป
8 แต่พระยาห์เวห์
พระองค์จะได้รับการยกย่องตลอดไป
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูศัตรูของพระองค์เถิด ดูสิ พวกมันจะต้องถูกทำลาย
คนที่ทำชั่วทุกคนจะต้องกระจัดกระจายไป
10 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแรง[a] เหมือนกระทิงป่า
พระองค์ชโลมข้าพเจ้าด้วยน้ำมันอันสดชื่น
11 ตาของข้าพเจ้าได้เห็นการพ่ายแพ้ของคนเหล่านั้นที่พยายามซุ่มโจมตีข้าพเจ้า
หูของข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกศัตรูชั่วๆของข้าพเจ้า
12 แต่คนดีจะผลิบานดุจต้นปาล์ม
เขาจะโผล่สูงขึ้นมามาก เหมือนกับต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอน
13 คนเหล่านั้นเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่ปลูกไว้
ในวิหารของพระยาห์เวห์
พวกเขาจะเจริญงอกงามในลานทั้งหลายของพระเจ้าของเรา
14 พวกเขาจะยังคงผลิดอกออกผลแม้ในยามแก่เฒ่า
พวกเขาจะยังคงสดชื่นแข็งแรงและเขียวสด
15 แล้วพวกเขาก็จะประกาศได้ว่า พระยาห์เวห์ ผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้านั้นยุติธรรม
และพระองค์ไม่เคยทุจริตเลย
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงบารมี
1 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
พระยาห์เวห์สวมบารมี พระองค์ใส่พละกำลัง
พระองค์ตั้งโลกนี้อย่างมั่นคงและมันจะไม่สั่นคลอน
2 บัลลังก์ของพระองค์ตั้งไว้อย่างมั่นคงแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา
ยิ่งกว่านั้น พระองค์เป็นอยู่แล้วตลอดมา
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คลื่นส่งเสียง
ใช่แล้ว คลื่นส่งเสียงดังขึ้น
เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นเรื่อยๆ
4 เสียงร้องของมหาสมุทรช่างดังกึกก้องมาก
เสียงน้ำทะเลแตกกระจาย ช่างทรงพลังเหลือเกิน
แต่พระยาห์เวห์ผู้อยู่เบื้องบนก็ยังทรงพลังยิ่งกว่า
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระบัญญัติต่างๆของพระองค์นั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ตลอดไป
วิหารของพระองค์จะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปตราบนานเท่านาน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International