Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 14

อามาซิยาห์ปกครองยูดาห์

(2 พศด. 25:1-26:2)

14 อามาซิยาห์ลูกชายของกษัตริย์โยอาชของยูดาห์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ตรงกับปีที่สองของเยโฮอาช เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล เยโฮอาชเป็นลูกชายของเยโฮอาหาส อามาซิยาห์มีอายุยี่สิบห้าปี ตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาได้ครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลายี่สิบเก้าปี แม่ของเขามีชื่อว่า เยโฮอัดดีน นางมาจากเมืองเยรูซาเล็ม อามาซิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่ไม่เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาเคยทำไว้ เขาทำตามตัวอย่างของโยอาชผู้เป็นพ่อของเขาทุกอย่าง แต่สถานนมัสการต่างๆก็ยังไม่ได้ถูกรื้อทิ้ง ประชาชนก็ยังคงถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่นเหมือนเดิม

หลังจากที่อามาซิยาห์ได้ทำให้แผ่นดินมั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว เขาได้สั่งฆ่าพวกข้าราชการที่เคยฆ่ากษัตริย์ผู้เป็นพ่อของเขา แต่เขาไม่ได้ฆ่าพวกลูกชายของคนเหล่านั้น ตามสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบัญญัติของโมเสส ที่พระยาห์เวห์สั่งไว้ว่า “อย่าประหารพ่อแม่เพราะสิ่งที่ลูกๆเขาทำ และอย่าประหารลูกๆเพราะสิ่งที่พ่อแม่เขาทำ แต่ให้ประหารคนเพราะบาปที่คนๆนั้นทำเอง”[a]

อามาซิยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมถึงหนึ่งหมื่นคนในหุบเขาเกลือ และยึดเมืองเส-ลาไว้ได้จากการรบ เขาเรียกเมืองนั้นว่า โยกเธเอล ซึ่งเป็นชื่อของมันมาจนถึงทุกวันนี้

แล้วอามาซิยาห์ได้ส่งพวกคนส่งข่าวไปหาเยโฮอาช

กษัตริย์ของอิสราเอล ที่เป็นลูกชายของเยโฮอาหาสที่เป็นลูกชายของเยฮู ข้อความนั้นท้าทายเยโฮอาชว่า “มาสิ มาสู้กันซึ่งๆหน้า”

แต่กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอล ตอบกษัตริย์อามาซิยาห์ของยูดาห์ว่า “ต้นหนามต้นหนึ่งในเลบานอนได้ส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่งในเลบานอนว่า ‘ให้ยกลูกสาวของเจ้าให้แต่งงานกับลูกชายของเรา’ แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนผ่านมา และได้เหยียบย่ำต้นหนามต้นนั้นไป 10 จริงอยู่เจ้าได้ชนะพวกเอโดม และตอนนี้ใจของเจ้าก็พองโต ให้พอใจในชัยชนะของเจ้าอยู่กับบ้านดีกว่า จะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไม เดี๋ยวจะล้มลงเปล่าๆทั้งตัวเจ้าและเผ่ายูดาห์ด้วย”

11 แต่อามาซิยาห์ไม่ยอมฟังคำเตือน ดังนั้น กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอลจึงได้เข้าโจมตีกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์ 12 และยูดาห์ก็พ่ายแพ้ต่ออิสราเอล และคนยูดาห์ต่างก็หนีกลับบ้านของตน 13 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจับตัวกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ได้ที่เบธเชเมช กษัตริย์อามาซิยาห์เป็นลูกชายของโยอาช ซึ่งเป็นลูกชายของอาหัสยาห์ แล้วกษัตริย์เยโฮอาชก็ได้บุกเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มและทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มทิ้งไป ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมไปจนถึงประตูตรงหัวมุม รวมความยาวได้สี่ร้อยศอก 14 กษัตริย์เยโฮอาชเข้าไปเอาทองคำและเงินและเครื่องใช้ต่างๆที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ และที่อยู่ในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ ไปจนหมดสิ้น กษัตริย์เยโฮอาชยังได้ต้อนเชลยกลับไปเมืองสะมาเรียด้วย

15 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโฮอาช สิ่งที่เขาได้ทำไปและความสำเร็จของเขา รวมทั้งสงครามระหว่างเขากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 16 แล้วเยโฮอาชก็ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองสะมาเรียรวมกับกษัตริย์องค์อื่นๆของอิสราเอล และเยโรโบอัมลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

17 หลังจากที่เยโฮอาชลูกชายของกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอลตายไปแล้ว อามาซิยาห์ลูกชายของกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสิบห้าปี 18 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของอามาซิยาห์ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ 19 พวกประชาชนได้กบฏต่อกษัตริย์อามาซิยาห์ในเมืองเยรูซาเล็ม และกษัตริย์ได้หลบหนีไปถึงเมืองลาคีช แต่คนเหล่านั้นส่งคนไปตามล่าเขาถึงเมืองลาคีชและฆ่าเขาตายที่นั่น 20 ศพของอามาซิยาห์ถูกนำกลับมาด้วยม้าและนำมาฝังไว้ในเมืองเยรูซาเล็มรวมกับบรรพบุรุษของเขาในเมืองของดาวิด

อุสซียาห์ปกครองยูดาห์

21 แล้วประชาชนของยูดาห์ทั้งหมดก็ตั้งอุสซียาห์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่แทนอามาซิยาห์พ่อของเขา ตอนนั้นอุสซียาห์มีอายุสิบหกปี 22 กษัตริย์อามาซิยาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา แล้วกษัตริย์อุสซียาห์ได้ตีเอาเมืองเอลัทกลับคืนมาให้กับยูดาห์ และสร้างเมืองเอลัทขึ้นมาใหม่

เยโรโบอัมที่สองปกครองอิสราเอล

23 เยโรโบอัม ลูกชายของกษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบห้าของกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เป็นลูกชายของโยอาช เยโรโบอัมครองราชย์อยู่สี่สิบเอ็ดปี 24 เขาได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ และไม่ยอมหันไปจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม ลูกชายของเนบัท ที่ได้ทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย 25 เยโรโบอัมเป็นคนที่ยึดเอาดินแดนของอิสราเอลคืนมา ตั้งแต่เลโบฮามัทไปจนถึงทะเลอาราบาห์[b] ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ที่ได้พูดไว้ผ่านทางโยนาห์ลูกชายของอามิททัย โยนาห์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่มาจากกัทเฮเฟอร์ 26 พระยาห์เวห์เห็นความเดือดร้อนที่แสนขมขื่นของคนอิสราเอลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือคนที่ไม่ใช่ทาส แล้วก็ไม่มีใครช่วยพวกเขาด้วย 27 พระองค์จึงช่วยเหลือพวกเขาผ่านทางมือของเยโรโบอัมลูกชายของเยโฮอาช เพราะพระยาห์เวห์ไม่เคยพูดว่า พระองค์จะลบชื่อของอิสราเอลออกจากใต้ฟ้าสวรรค์

28 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโรโบอัม สิ่งที่เขาได้ทำไปทั้งหมด และความสำเร็จด้านการทหารของเขา รวมทั้งการที่เขาได้ตีเอาเมืองดามัสกัสและเมืองฮามัทที่เคยเป็นของยูดาห์คืนมาได้นั้น ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 29 เยโรโบอัมตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาคือพวกกษัตริย์ของอิสราเอล และเศคาริยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

2 ทิโมธี 4

ต่อหน้าพระเจ้า และพระเยซูคริสต์ผู้ที่จะพิพากษาทั้งคนที่มีชีวิตและคนตาย เมื่อพระองค์กลับมาครอบครองอย่างกษัตริย์ ผมขอสั่งคุณว่า ให้ประกาศถ้อยคำของพระเจ้า และพร้อมที่จะประกาศเสมอ ไม่ว่าจะสะดวกหรือไม่สะดวกก็ตาม บอกให้คนรู้ว่าเขาจะต้องทำอะไร ตักเตือนเมื่อเขาทำผิด ให้กำลังใจเขา และเวลาสั่งสอนก็ให้อดทนมากๆ เพราะจะมีเวลาหนึ่งที่คนจะไม่ยอมทนต่อคำสอนที่มีประโยชน์นี้ แต่พวกเขาจะไปรวบรวมครูมากมายมาพูดในสิ่งที่หูของพวกเขาอยากจะฟัง พวกเขาจะหันหูไปจากความจริง และหันไปฟังนิยายปรัมปราต่างๆ ส่วนคุณเอง ขอให้มีสติรอบคอบในทุกสถานการณ์ อดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก ทำหน้าที่ประกาศข่าวดี และทำงานที่พระเจ้าได้มอบหมายไว้ให้สำเร็จ

ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องตาย ชีวิตของผมก็เหมือนกับเครื่องดื่มบูชาที่กำลังถูกเทลงบนแท่นบูชา ผมได้ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี ได้วิ่งถึงเส้นชัยแล้ว และผมยังคงรักษาความเชื่อไว้ได้ ตอนนี้รางวัลแห่งชัยชนะนั้นกำลังรอผมอยู่ คือการที่พระเจ้ายอมรับผม องค์เจ้าชีวิตผู้พิพากษาที่ซื่อสัตย์จะมอบรางวัลนี้ให้กับผมในวันนั้น[a] และไม่ได้ให้กับผมคนเดียว แต่ยังให้กับทุกคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยพระองค์กลับมา

คำพูดส่วนตัว

พยายามมาหาผมเร็วๆนะ 10 เพราะเดมาสรักโลกนี้ เขาจึงทอดทิ้งผมไปเมืองเธสะโลนิกาแล้ว ส่วนเครสเซนส์ไปแคว้นกาลาเทีย และทิตัสก็ไปเมืองดาลมาเทีย 11 เหลือแต่ลูกาเท่านั้นที่ยังอยู่กับผม ให้พามาระโกมาด้วยนะเพราะเขาช่วยงานผมได้ 12 ผมได้ส่งทีคีกัสไปที่เมืองเอเฟซัส 13 เมื่อคุณมาหาผม ให้เอาเสื้อคลุมที่ผมทิ้งไว้กับคารปัสในเมืองโตรอัสมาด้วยรวมทั้งหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นม้วนกระดาษหนัง[b]

14 ช่างทองแดงที่ชื่ออเล็กซานเดอร์ได้ทำร้ายผมอย่างสาหัส องค์เจ้าชีวิตจะตอบแทนเขาอย่างสาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำ 15 คุณก็เหมือนกัน ระวังเขาไว้ให้ดี เพราะเขาต่อต้านคำสอนของเราอย่างรุนแรง

16 ตอนที่ผมสู้คดีครั้งแรกนั้นไม่มีใครมาช่วยผมเลย พวกเขาทอดทิ้งผมไปหมด ขอให้พระเจ้ายกโทษให้กับพวกเขาในเรื่องนี้ 17 แต่องค์เจ้าชีวิตยืนอยู่ข้างผมและทำให้ผมเข้มแข็ง เพื่อผมจะได้ประกาศถ้อยคำของพระองค์ได้อย่างเต็มที่และเพื่อคนที่ไม่ใช่ยิวทั้งหมดจะได้ยิน ผมจึงรอดจากปากสิงโตมาได้ 18 องค์เจ้าชีวิตจะช่วยผมให้รอดพ้นจากทุกคนที่พยายามจะทำร้ายผม และจะนำผมไปสู่อาณาจักรของพระองค์ในสวรรค์อย่างปลอดภัย ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติตลอดไป อาเมน

คำทักทายสุดท้าย

19 ขอฝากความคิดถึงให้กับปริสคากับอาควิลลา และทุกคนในครอบครัวของโอเนสิโฟรัส 20 ส่วนเอรัสทัสก็ยังอยู่ที่เมืองโครินธ์ ผมได้ทิ้งโตรฟีมัสไว้ที่เมืองมิเลทัสเพราะเขายังป่วยอยู่ 21 ขอพยายามมาถึงที่นี่ให้ได้ก่อนฤดูหนาวนะ ยูบูลัส ปูเดนส์ ลีนัส คลาวเดีย และพี่น้องทั้งหมดฝากความคิดถึงมาให้คุณ

22 ขอให้องค์เจ้าชีวิตอยู่กับจิตวิญญาณของคุณ และขอให้พระเจ้าเมตตากรุณาพวกคุณด้วย

โฮเชยา 7

พอเราคิดที่จะรักษาอิสราเอล
    เมื่อนั้นความผิดของเอฟราอิมก็โผล่ขึ้นมา
    การกระทำที่ชั่วร้ายของสะมาเรีย[a] ก็แดงขึ้น
พวกเขามีแต่การหลอกลวงกัน
    พวกขโมยบุกขึ้นบ้านต่างๆ
    พวกอันธพาลก็ปล้นคนบนท้องถนน
พวกเขาไม่ได้นึกถึงเลยว่าเราได้จดจำการกระทำชั่วร้ายทั้งหมดของพวกเขา
    การกระทำเหล่านั้นล้อมรอบพวกเขาอยู่
    และพวกมันอยู่ต่อหน้าเรา
กษัตริย์ชอบใจความชั่วร้ายของพวกเขา
    พวกผู้นำชอบใจการโกหกของพวกเขา
พวกเขาทั้งหมดเป็นคนทรยศ
    พวกเขาร้อนรุ่มยังกับเตาอบที่คนอบขนมได้ก่อไฟไว้
แล้วคนอบไม่ต้องใส่เชื้อไฟอีก
    ตั้งแต่ช่วงที่นวดแป้งจนแป้งฟู
ในวันของกษัตริย์ พวกข้าราชการร้อนผ่าวไปด้วยฤทธิ์เหล้าองุ่นจนจับไข้
    กษัตริย์เองก็ไปร่วมมือกับคนที่เยาะเย้ยพระเจ้า
จิตใจของพวกเขาสุมไปด้วยไฟเหมือนเตาอบ
    จิตใจของพวกเขาคุกรุ่นไปด้วยแผนชั่วทั้งคืน
    พอรุ่งเช้า มันก็ลุกเป็นไฟ
พวกเขาทุกคนร้อนเหมือนกับเตาอบ
    และเขมือบกินบรรดากษัตริย์ของเขา[b]
กษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาก็ล้มลง
    ไม่มีใครสักคนร้องขอความช่วยเหลือจากเรา

เอฟราอิมนั้นผสมปนเปกับชนชาติต่างๆ
    เอฟราอิมเป็นเหมือนขนมปังที่ไหม้ข้างหนึ่งดิบข้างหนึ่ง
พวกคนต่างชาติกินแรงของเขา
    แต่เขาไม่รู้ตัว
ผมของเขาก็หงอก
    แต่เขาก็ไม่รู้ตัว
10 ความเย่อหยิ่งของอิสราเอลเป็นพยานปรักปรำเขา
    พวกเขาไม่ยอมหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา
ทั้งๆที่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขา
    พวกเขาก็ยังไม่แสวงหาพระองค์อยู่ดี
11 เอฟราอิมเป็นเหมือนนกพิราบที่หลอกง่ายและไร้ความคิด
    พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากอียิปต์
    พวกเขาไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย
12 พระยาห์เวห์พูดว่า ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ตาม
    เราจะโยนตาข่ายของเราขึ้นไปครอบเขาไว้
เราจะดึงพวกเขาลงมาเหมือนนกในท้องฟ้า
    เราจะตีสอนพวกเขาตามจำนวนครั้งที่พวกเขาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับชนชาติอื่นๆ
13 พวกเขาทำตัวน่าอับอายจริงๆที่หลงไปจากเรา
    พวกเขาจะถูกทำลายเพราะพวกเขาทำผิดต่อเรา
เราก็อยากจะไถ่พวกเขา
    แต่พวกเขาพูดโกหกเกี่ยวกับเรา
14 พวกเขาร้องคร่ำครวญอยู่บนเตียง
    แต่พวกเขาไม่ได้ร้องเรียกเราจากใจ
พวกเขาเชือดเฉือนตัวเอง[c] เพื่อแลกข้าวกับเหล้าองุ่นใหม่
    พวกเขาหันไปจากเรา
15 ถึงแม้เราเองได้ฝึกฝนพวกเขามา ถึงแม้เราทำให้แขนของเขาแข็งแรง
    แต่พวกเขาวางแผนชั่วร้ายต่อเรา
16 พวกเขาเปลี่ยนความคิดอยู่เรื่อย แต่ไม่เคยคิดที่จะหาสิ่งที่สูงส่งกว่า
    พวกเขาเป็นเหมือนกับคันธนูที่บิดเบี้ยวไป
พวกผู้นำของเขาจะล้มตายด้วยดาบ
    เพราะลิ้นที่โอหังของพวกเขา
คนที่อยู่ในอียิปต์จะหัวเราะเยาะพวกเขา

สดุดี 120-122

พวกศัตรูของสันติภาพ

บทเพลงที่ร้องในระหว่างที่ขึ้นไปยังวิหาร

เมื่อข้าพเจ้าพบกับความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
    และพระองค์ตอบข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้น
    จากคนเหล่านั้นที่ใช้ริมฝีปากโกหก
    และใช้ลิ้นหลอกลวงด้วยเถิด

เจ้าลิ้นปลิ้นปล้อน
    เจ้ารู้ไหมว่าพระยาห์เวห์จะให้อะไรกับเจ้า
    เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าจะได้รับอะไร
เจ้าจะได้รับลูกธนูของพวกนักรบ
    ที่มีหัวธนูแหลมคมจากการถูกตีบนถ่านไฟร้อนๆ

มันแย่จริงๆสำหรับข้าพเจ้าที่จะต้องอยู่กับคนพวกนี้ ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ท่ามกลางคนเมเชค[a]ที่โหดร้าย
    หรืออยู่ท่ามกลางเต็นท์ของคนเคดาร์[b]ที่ป่าเถื่อน
ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เกลียดชังสันติภาพ
    นานเกินไปเสียแล้ว
ข้าพเจ้าเป็นคนรักสันติภาพ
    แต่เมื่อข้าพเจ้าพูดให้เกิดสันติภาพ
    พวกเขาจะเอาแต่สงครามท่าเดียว

พระยาห์เวห์ปกป้องคนของพระองค์

บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

ข้าพเจ้าแหงนหน้ามองขึ้นไปยังภูเขาทั้งหลาย
    ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าจะมาจากที่ไหนกัน
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์
    ผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก

พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้เท้าของเจ้าลื่นไถล
    พระองค์ผู้ปกป้องเจ้าจะไม่เคลิ้มหลับไป
พระองค์ผู้ปกป้องอิสราเอล
    จะไม่มีวันเคลิ้มหรือหลับไป

พระยาห์เวห์ เป็นผู้นั้นที่ปกป้องเจ้า
    พระองค์เป็นร่มเงาที่อยู่ทางขวามือของเจ้า
ดวงอาทิตย์จึงไม่อาจทำอันตรายเจ้าได้ในตอนกลางวัน
    หรือดวงจันทร์ในตอนกลางคืน

พระยาห์เวห์จะปกป้องเจ้าจากอันตรายทั้งปวง
    พระองค์จะปกป้องชีวิตของเจ้า
พระยาห์เวห์จะปกป้องเจ้าตอนที่เจ้าออกไปหรือกลับมา
    ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป

คำอธิษฐานสำหรับเมืองเยรูซาเล็ม

บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

ข้าพเจ้าดีใจ เมื่อมีคนพูดกับข้าพเจ้าว่า
    “ให้พวกเราขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด”
เยรูซาเล็มเอ๋ย
    พวกเรากำลังยืนอยู่ข้างในประตูทั้งหลายของเจ้าแล้ว

เยรูซาเล็มได้รับการสร้างขึ้นตามแบบที่เมืองใหญ่ควรจะเป็น
    คือสร้างติดกันแน่น ก่อกันขึ้นอย่างมั่นคง
เป็นเมืองที่เผ่าต่างๆของพระยาห์เวห์มารวมตัวกัน
    กฎได้กำหนดไว้ให้คนอิสราเอลมาสรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์ที่นั่น
ที่นั่นราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดได้ตั้งบัลลังก์ต่างๆไว้
    เพื่อพิพากษาคนอย่างยุติธรรม

อธิษฐานให้เยรูซาเล็มมีสันติภาพ
    “เยรูซาเล็ม ขอให้คนเหล่านั้นที่รักเจ้า ปลอดภัย
ขอให้มีสันติภาพภายในกำแพงทั้งหลายของเจ้า
    และขอให้มีความปลอดภัยในป้อมปราการของเจ้า”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องและเพื่อนๆของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะพูดว่า “เยรูซาเล็ม ขอให้มีสันติภาพในเจ้า”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่วิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา
    ข้าพเจ้าจะอธิษฐานให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International