Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 17

โฮเชยาปกครองอิสราเอล

17 โฮเชยาลูกชายของเอลาห์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบสองที่กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์ โฮเชยาครองราชย์อยู่เก้าปี เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่ไม่เลวร้ายเท่ากับกษัตริย์องค์อื่นๆของอิสราเอลที่เคยทำก่อนหน้าเขา

กษัตริย์แชลมาเนเสอร์[a]ของอัสซีเรียได้ขึ้นมาสู้รบกับกษัตริย์โฮเชยาและเอาชนะเขาได้ กษัตริย์โฮเชยาจึงยอมตกเป็นเมืองขึ้นและยอมส่งส่วยให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่ต่อมากษัตริย์อัสซีเรีย พบว่าโฮเชยาหักหลังเขา เพราะโฮเชยาได้ส่งทูตไปหากษัตริย์โสของประเทศอียิปต์ และไม่ยอมส่งส่วยให้กับกษัตริย์อัสซีเรียเหมือนที่เคยทำมาทุกๆปี แชลมาเนเสอร์ก็เลยจับตัวโฮเชยาขังไว้ในคุก

อัสซีเรียต้อนอิสราเอลไปเป็นเชลย

กษัตริย์อัสซีเรียได้บุกเข้าไปทั่วแผ่นดินอิสราเอล เข้าไปถึงเมืองสะมาเรียและล้อมเมืองไว้นานถึงสามปี แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็ยึดเมืองสะมาเรียไว้ได้ ในปีที่เก้าที่โฮเชยาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์อัสซีเรียกวาดต้อนเอาชาวอิสราเอลไปไว้ที่อัสซีเรีย เขาให้คนอิสราเอลตั้งรกรากอยู่ในฮาลาห์ ในเมืองโกซานที่อยู่ติดกับแม่น้ำฮาโบร์และในเมืองต่างๆของชาวเมดัย

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะชาวอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ที่นำพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์ ออกจากภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ แต่พวกอิสราเอลกลับไปนมัสการพระอื่นๆ และไปทำตัวตามธรรมเนียมประเพณีของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าพวกเขา รวมทั้งทำตัวตามธรรมเนียมประเพณีทั้งหลาย ที่บรรดากษัตริย์ของอิสราเอลได้นำเข้ามา ชาวอิสราเอลแอบทำสิ่งต่างๆที่ไม่ถูกต้องและขัดขืนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาสร้างสถานที่นมัสการหลายแห่งขึ้นสำหรับตัวเอง ตามเมืองต่างๆของพวกเขาตั้งแต่เมืองเล็กๆที่มีแค่หอเฝ้ายามไปจนถึงเมืองใหญ่ที่มีป้อมปราการ

10 พวกเขาจัดตั้งหินศักดิ์สิทธิ์และพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์บนเนินเขาสูงทุกแห่งและใต้ต้นไม้ใบร่มทุกต้น 11 พวกเขาเผาเครื่องหอมบนสถานนมัสการทุกแห่งเหมือนกับพวกชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าพวกเขา เคยทำกันมาก่อน พวกอิสราเอลทำสิ่งที่เลวร้ายที่ยั่วยุให้พระยาห์เวห์โกรธ 12 พวกเขาไปบูชาพวกรูปเคารพทั้งๆที่พระยาห์เวห์เคยพูดเอาไว้ว่า “พวกเจ้าต้องไม่ทำอย่างนั้น”

13 พระยาห์เวห์เคยเตือนอิสราเอลและยูดาห์ ผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและพวกผู้ที่เห็นมิมิตทุกคนว่า “ให้หันไปจากทางที่ชั่วร้ายทั้งหลายของเจ้า และรักษาคำสั่งต่างๆและกฎทั้งหลายของเรา ให้ทำตามกฎทั้งหมดที่เราได้สั่งให้บรรพบุรุษของเจ้าเชื่อฟัง ที่เราได้ส่งให้กับเจ้าผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นผู้รับใช้ของเรา”

14 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังและยังดื้อดึงเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่ไม่ยอมไว้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 15 พวกเขาดูหมิ่นกฎต่างๆของพระองค์และข้อตกลงที่พระองค์เคยทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา รวมทั้งคำเตือนต่างที่พระองค์เคยให้กับเขา พวกเขาได้ไปติดตามพวกรูปเคารพที่ไร้ค่าเหล่านั้นซึ่งทำให้ตัวพวกเขาเองไร้ค่าไปด้วย พวกเขาไปเลียนแบบชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆ ถึงแม้พระยาห์เวห์จะเคยสั่งไว้แล้วว่า “อย่าทำตัวเหมือนกับที่พวกนั้นทำกัน”

16 พวกเขาละทิ้งคำสั่งทั้งหลายของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และได้หล่อรูปเคารพสำหรับตัวพวกเขาเองเป็นลูกวัวสองตัว และยังมีเสาเจ้าแม่อาเชราห์ด้วย พวกเขาไปก้มกราบพวกดวงดาวทั้งหลายและไปบูชาพระบาอัล 17 พวกเขาเอาลูกชายลูกสาวของตัวเองมาเผาไฟเป็นเครื่องบูชายัญ[b] พวกเขาได้ดูหมอ ใช้เวทมนตร์ และยอมขายตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ ซึ่งยุให้พระองค์โกรธ 18 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงโกรธอิสราเอลมาก และไล่พวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์ เหลือแต่คนเผ่ายูดาห์เท่านั้น

19 และแม้แต่ยูดาห์เองก็ไม่ยอมรักษาคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาได้ไปทำตามธรรมเนียมประเพณีที่อิสราเอลนำเข้ามา

20 พระยาห์เวห์ได้ละทิ้งชาวอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ลงโทษพวกเขา และมอบพวกเขาไว้ในกำมือของคนที่มาปล้นพวกเขา ในที่สุดพระองค์ได้ผลักไสโยนพวกเขาออกไปจากหน้าพระองค์จนหมด 21 ตอนที่พระองค์ได้ฉีกอิสราเอลไปจากครอบครัวของดาวิด พวกเขาก็ได้ตั้งเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา เยโรโบอัมได้ชักนำอิสราเอลให้หันเหไปจากพระยาห์เวห์ และทำให้พวกอิสราเอลทำบาปอย่างใหญ่หลวง 22 ชาวอิสราเอลทั้งหลายยืนกรานที่จะทำบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม และไม่ยอมหันออกจากบาปเหล่านั้น 23 จนกระทั่งพระยาห์เวห์ได้ไล่อิสราเอลให้พ้นไปจากสายตาพระองค์ ตามที่พระองค์เคยพูดไว้ล่วงหน้าแล้วผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหลาย ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ประชาชนอิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนไปจากแผ่นดินของพวกตนไปเป็นเชลยในประเทศอัสซีเรีย และพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

อัสซีเรียส่งคนต่างชาติยึดสะมาเรีย

24 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้กวาดต้อนคนอิสราเอลออกไปจากสะมาเรีย และนำเอาประชาชนเหล่านี้เข้ามาอยู่แทน คือประชาชนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท เสฟารวาอิม พวกนี้เข้ายึดเมืองสะมาเรียไว้และได้อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆเหล่านั้น 25 เมื่อคนพวกนี้เข้ามาอาศัยอยู่ในช่วงแรกๆ พวกเขาไม่ยอมนมัสการพระยาห์เวห์ พระองค์จึงได้ส่งพวกสิงโตเข้ามาท่ามกลางพวกเขา และพวกสิงโตได้ฆ่าพวกเขาไปบ้าง 26 จึงมีคนไปบอกกับกษัตริย์ของอัสซีเรียว่า “ชนชาติต่างๆที่ท่านได้จับตัวไป และเอาไปใส่ไว้ในเมืองต่างๆของสะมาเรีย ไม่รู้ว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร พระองค์นั้นก็เลยส่งพวกสิงโตเข้าไปในท่ามกลางพวกเขา สิงโตเหล่านั้นกำลังฆ่าพวกเขาอยู่ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร”

27 กษัตริย์ของอัสซีเรียจึงออกคำสั่งไปว่า “ไปเอานักบวชคนหนึ่งจากท่ามกลางนักบวชที่เจ้าจับตัวมาจากสะมาเรีย และส่งเขากลับไปอยู่ที่สะมาเรีย ให้เขาคอยสั่งสอนประชาชนว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร”

28 นักบวชคนหนึ่งที่เคยถูกกวาดต้อนไปจากเมืองสะมาเรียจึงได้กลับมาอาศัยอยู่ในเมืองเบธเอล และได้สอนให้พวกนั้นรู้ว่าจะนมัสการพระยาห์เวห์อย่างไร

29 แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละชนชาติก็ยังคงสร้างพระของพวกเขาเองไว้ตามเมืองต่างๆที่พวกเขาไปตั้งบ้านเรือนอยู่ และได้นำพระเหล่านั้นไปตั้งไว้ในศาลเจ้าที่ชาวเมืองสะมาเรียได้สร้างไว้ตามสถานที่สูงทั้งหลาย 30 คนจากบาบิโลนได้สร้างพระสุคคท-เบโนท ชาวคูทได้สร้างพระเนอร์กัล และชาวฮามัทได้สร้างพระอาชิมา 31 ชาวอัฟวาได้สร้างพระนิบหัสและพระทารทัก ส่วนชาวเสฟารวาอิมได้เผาลูกๆของพวกเขาเป็นเครื่องบูชายัญให้กับพระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลคที่เป็นพระของชาวเสฟารวาอิม

32 และพวกเขาก็นมัสการพระยาห์เวห์ไปด้วย พวกเขาแต่งตั้งพวกนักบวชขึ้นจากคนทุกประเภทที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อถวายเครื่องบูชาแทนพวกเขาในศาลเจ้าตามที่สูงเหล่านั้น 33 อย่างนี้ พวกเขาก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์ แต่ก็ยังไปบูชาพวกพระของพวกเขาเองตามธรรมเนียมของชนชาติของพวกเขาก่อนที่จะถูกจับมา

34 แล้วพวกเขาก็ยังทำตามประเพณีดั้งเดิมเหล่านั้นของพวกเขามาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขาไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์อย่างที่ควรจะเป็น และไม่ทำตามคำสั่งสอน และข้อบังคับต่างๆรวมทั้งกฎและคำสั่งทุกๆข้อที่พระยาห์เวห์ได้ให้ไว้กับพวกลูกหลานของยาโคบ ที่พระองค์ให้อีกชื่อหนึ่งว่าอิสราเอล 35 พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงไว้กับชาวอิสราเอล พระองค์สั่งพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปนมัสการพระอื่นๆหรือไปก้มกราบพระเหล่านั้น อย่าไปรับใช้หรือบูชาพวกมัน 36 แต่ให้นมัสการพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่ยื่นออกมาช่วย พวกเจ้าต้องก้มกราบพระองค์และถวายสัตวบูชาแก่พระองค์ 37 พวกเจ้าต้องระมัดระวังอยู่เสมอที่จะรักษาคำสั่งสอนและข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งกฎและคำสั่งที่พระองค์ได้เขียนไว้เพื่อพวกเจ้า อย่าไปนมัสการพระอื่นๆ 38 อย่าลืมข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับพวกเจ้า และอย่าไปนมัสการพระอื่นๆ 39 พวกเจ้าต้องนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าเท่านั้น แล้วพระองค์จะช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้นจากกำมือของศัตรูทั้งหมดของพวกเจ้า”

40 แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง พวกเขายังคงทำตามแบบเดิมๆที่พวกเขาทำมา 41 ชนชาติเหล่านั้นนมัสการพระยาห์เวห์ แต่พวกเขาก็ยังรับใช้รูปแกะสลักของพวกเขาไปด้วย จนถึงทุกวันนี้ ลูกหลานของพวกเขาก็ยังทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำกัน

ทิตัส 3

การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง

คอยเตือนพวกเขาให้ยินยอมเชื่อฟังผู้ปกครองบ้านเมืองและผู้มีอำนาจด้วย เตือนให้พวกเขาพร้อมอยู่เสมอที่จะทำดีทุกอย่าง อย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ให้อยู่อย่างสงบสุข และสุภาพอ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุกคน

เพราะในอดีต เราก็เคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา และหลงระเริงไปกับความชั่วทุกอย่าง ชีวิตก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย อิจฉาริษยา เป็นที่เกลียดชังของคนอื่น และเกลียดชังกันเอง เมื่อพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา แสดงความรักและความเมตตาให้เราเห็น พระองค์ได้ช่วยให้เรารอด ไม่ใช่เพราะเราทำดี แต่เป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระองค์ต่างหาก พระองค์ได้ชำระล้างเรา ซึ่งทำให้เราเกิดใหม่ และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าใจกว้างมาก พระองค์ได้เทพระวิญญาณให้กับเรา ผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา ตอนนี้พระเจ้ายอมรับเราแล้ว เราเป็นผู้รับมรดก คือมีชีวิตกับพระองค์ตลอดไปอย่างที่เราหวังไว้ ซึ่งมาจากความเมตตากรุณาของพระองค์ คำพูดนี้เชื่อถือได้ ผมอยากให้คุณเน้นเรื่องนี้ เพื่อว่าคนเหล่านั้นที่เชื่อพระเจ้า จะได้อุทิศตัวเองในการทำความดี เพราะคำสอนนี้เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์มากสำหรับทุกคน

แต่ให้หลีกเลี่ยงการโต้เถียงโง่ๆที่เกี่ยวกับบรรพบุรุษ และการทะเลาะวิวาทกันเกี่ยวกับกฎของโมเสส เพราะไม่มีประโยชน์อะไรและไร้สาระด้วย 10 เมื่อได้เตือนคนที่ชอบยุแหย่ให้เกิดการแตกแยกครั้งสองครั้งแล้ว ก็อย่าไปยุ่งกับเขาอีก 11 เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่า เขาเป็นคนนอกลู่นอกทางและบาปหนา บาปที่เขาก่อขึ้นก็จะตามมาสนองเขาเอง

บางอย่างที่ไม่ควรจะลืม

12 เมื่อผมส่ง อารเทมัส หรือทีคิกัสมาหาคุณ ก็ขอพยายามมาหาผมที่นิโคโปลิสให้ได้นะ เพราะตอนหน้าหนาวนี้ ผมตัดสินใจจะอยู่ที่นั่น 13 ให้ช่วยเหลือเศนาสที่เป็นทนายความ กับอปอลโล ในสิ่งที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการเดินทาง เขาจะได้ไม่ขาดอะไร 14 คนของเราควรที่จะเรียนรู้ที่จะทุ่มเทตัวเองในการทำความดี เพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เพราะถ้าทำอย่างนี้ชีวิตของเขาจะมีประโยชน์

15 ทุกคนที่อยู่กับผมส่งความคิดถึงมาให้คุณ ช่วยส่งความคิดถึงไปให้กับกลุ่มผู้เชื่อที่รักพวกเราด้วย

ขอพระเจ้ามีความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคน

โฮเชยา 10

อิสราเอลจะถูกลงโทษเพราะทรยศต่อพระยาห์เวห์

10 อิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นที่มีลูกดก เขาเกิดผลให้กับพระยาห์เวห์
    ผลยิ่งดก ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้น
ผืนดินยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้นเท่าใด
    พวกเขาก็ยิ่งสร้างพวกเสาหินศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น
พวกเขาลื่นไหลไปเรื่อย
    ดังนั้นตอนนี้พวกเขาต้องรับผิดที่ก่อขึ้นนั้น
พระยาห์เวห์จะหักแท่นบูชาต่างๆของพวกเขา
    พระองค์จะทำลายเสาหินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขานั้น

ในไม่ช้าพวกเขาจะพูดว่า
    “เราไม่มีกษัตริย์
เพราะเราไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์
    แต่ถึงจะมีกษัตริย์ กษัตริย์จะมาช่วยอะไรพวกเราได้”
พวกเขาให้คำมั่นสัญญา
    แต่ไม่รักษาคำพูด ผิดคำสาบาน
คดีฟ้องร้องผุดขึ้นเหมือนวัชพืชที่มีพิษผุดตามร่องรอยไถในทุ่งนา
ชาวเมืองสะมาเรียกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับรูปปั้นลูกวัวที่เบธาเวน[a][b]
พวกเขาจะไว้ทุกข์ให้กับมัน
    พวกนักบวชของรูปปั้นนั้นก็จะไว้ทุกข์ให้กับมันด้วย
    พวกเขาจะเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด เพราะศักดิ์ศรีของรูปปั้นนั้นถูกหามไปพร้อมกับเชลยแล้ว
มันจะถูกหามไปเป็นของขวัญให้กับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอัสซีเรีย
เอฟราอิมจะอับอาย
    และอิสราเอลจะขายหน้าเพราะรูปปั้นของมัน
กษัตริย์ของสะมาเรียจะหายไป
    เหมือนกับขี้เลื่อยบนผิวน้ำ
พวกศาลเจ้าของอาเวน[c] ที่อิสราเอลไปทำบาปกัน
    จะถูกทำลาย
จะมีพวกต้นหนามและพืชที่มีหนามขึ้นปกคลุมแท่นบูชาต่างๆของพวกเขา
แล้วพวกเขาจะบอกกับภูเขาทั้งหลายว่า “ปกคลุมเราไว้เถิด”
    และบอกกับเนินเขาต่างๆว่า “ช่วยล้มทับพวกเราด้วย”
พระยาห์เวห์พูดว่า “อิสราเอล เจ้าได้ทำบาปตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองที่กิเบอาห์[d]
    และที่นั่น พวกเจ้าก็ติดเป็นนิสัยมา
    สงครามจะต้องเกิดขึ้นกับคนชั่วอย่างพวกเจ้าแน่
10 เราจะมาตีสอนพวกเขา ชนชาติต่างๆจะรวมตัวกันต่อสู้กับพวกเขา
    ในเวลาที่เราตีสอนพวกเขาเพราะทำผิดซ้ำสอง
11 เอฟราอิมเคยเป็นวัวสาวที่ได้รับการฝึกฝนมา มันชอบนวดข้าว
    และเราเป็นผู้ที่สังเกตเห็นคออันงดงามของมัน
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไว้
    ยูดาห์จะต้องไถ
    ยาโคบจะต้องพรวนดินด้วยตัวเอง”
12 ให้หว่านความถูกต้องยุติธรรมเพื่อตน
    แล้วเจ้าจะได้เก็บเกี่ยวความเมตตาปรานี ให้ไถดินที่ว่างเปล่าอยู่
เพราะถึงเวลาแล้วที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
    และโปรยฝนแห่งความดีลงมาบนเจ้า
13 แต่พวกเจ้าไถความชั่วร้าย
    เจ้าเก็บเกี่ยวความอธรรม
    เจ้ากินผลไม้แห่งการหลอกลวง
เจ้าไว้วางใจในความสามารถของตนเอง
    เจ้าไว้วางใจในจำนวนนักรบของเจ้า
14 ดังนั้นเสียงอึกทึกของสงครามจะดังขึ้นมาต่อสู้กับคนของเจ้า
    และพวกป้อมปราการของเจ้าจะถูกทำลายลง
เหมือนตอนที่กษัตริย์ชัลมัน[e] ทำลายเมืองเบธอาร์เบลในช่วงสงคราม
    พวกแม่ๆจะถูกฟาดลงจนไม่มีชิ้นดีไปพร้อมกับลูกๆของเขา
15 เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้าที่เบธเอล
    เพราะความชั่วอันยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า
กษัตริย์ของอิสราเอลจะถูกทำลายลงอย่างราบคาบตั้งแต่เช้าของวันนั้น

สดุดี 129-131

อธิษฐานให้ศัตรูพ่ายแพ้

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

พวกศัตรูข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    ให้อิสราเอลพูดว่า
“พวกศัตรูได้ข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    แต่ไม่เคยชนะข้าพเจ้าได้เลย
พวกเขาตีข้าพเจ้าอย่างรุนแรง
    ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย
    หลังข้าพเจ้าดูเหมือนรอยไถอันยาว
แต่พระยาห์เวห์ผู้ยุติธรรม
    ได้ตัดเชือกเหล่านั้นที่พวกคนชั่วใช้ผูกมัดข้าพเจ้า”
ขอให้ทุกคนที่เกลียดชังศิโยน
    ได้รับความอับอาย และพ่ายแพ้ล่าถอยไป
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนหญ้าบนดาดฟ้า
    ที่เหี่ยวแห้งไปก่อนที่มันจะทันยาวขึ้น
เป็นหญ้าที่คนเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงกำมือ
    ไม่พอที่จะรวบได้เต็มอก
ขออย่าให้ผู้คนที่เดินผ่านมาตะโกนอวยพรให้กับพวกเขาว่า
    “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้า”
    หรือ “พวกเราอวยพรเจ้าในนามของพระยาห์เวห์”

ให้รอคอยพระยาห์เวห์มาไถ่

เพลงที่ร้องในระหว่างทางขึ้นไปยังวิหาร

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่ข้าพเจ้าจมอยู่ในความทุกข์
    ข้าพเจ้าร้องขอให้พระองค์ช่วย
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า
    โปรดฟังเสียงของข้าพเจ้า โปรดเงี่ยหูของพระองค์ ฟังเสียงร้องอ้อนวอนให้ช่วยของข้าพเจ้า

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ถ้าพระองค์จะจดบันทึกความผิดบาปของพวกเราไว้
    ใครจะรอดจากการถูกลงโทษได้
แต่พระองค์ให้อภัย
    เพื่อว่าคนจะได้ยำเกรงพระองค์

ข้าพเจ้ารอคอยพระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
    ข้าพเจ้าฝากความหวังไว้ในคำสัญญาของพระองค์
จิตใจของข้าพเจ้ารอคอยองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
    ยิ่งกว่าพวกยามรอคอยรุ่งเช้า
    ยิ่งกว่าพวกยามรอคอยรุ่งเช้า

อิสราเอลเอ๋ย ฝากความหวังไว้ในพระยาห์เวห์เถิด
    เพราะพระยาห์เวห์มีความรักที่มั่นคง
    และฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จะไถ่เจ้าได้
พระองค์จะไถ่อิสราเอล
    ให้รอดพ้นจากความบาปทั้งหมดของเขา

สงบนิ่งในพระยาห์เวห์

เพลงที่ร้องในระหว่างทางขึ้นไปยังวิหาร เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นคนเย่อหยิ่ง
    ไม่วางมาดใหญ่โต
ไม่ชอบทำงานที่เพ้อฝันใหญ่โต
    หรือทำในสิ่งที่ยากเกินตัว
ใช่แล้ว ข้าพเจ้าทำให้จิตใจตัวเองสงบนิ่ง
    เหมือนเด็กที่หย่านมอยู่ในอ้อมแขนของแม่
    จิตใจของข้าพเจ้าสงบนิ่งเหมือนเด็กคนนั้น

อิสราเอลเอ๋ย ฝากความหวังของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International