M’Cheyne Bible Reading Plan
พวกลูกหลานของอิสสาคาร์
7 พวกลูกหลานของอิสสาคาร์คือ โทลา ปูอาห์ ยาชูบ และชิมโรน รวมทั้งหมดสี่คน
2 บรรดาลูกชายของโทลาคือ อุสซี เรไฟยาห์ เยรีเอล ยามัย ยิบสัมและเชมูเอล หัวหน้าแต่ละครอบครัวในตระกูลโทลาล้วนเป็นนักรบที่กล้าหาญมาหลายชั่วอายุคน พอมาถึงสมัยของดาวิด พวกเขามีจำนวนคนถึงสองหมื่นสองพันหกร้อยคน
3 บรรดาลูกหลานของอุสซีคืออิสราหิยาห์ ลูกชายของอิสราหิยาห์คือมีคาเอล โอบาดียาห์ โยเอลและอิสชีอาห์ รวมห้าคน พวกเขาทุกคนล้วนแต่เป็นผู้นำ 4 และนอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา มีสามหมื่นหกพันคนที่พร้อมจะออกรบได้ ที่พวกเขามีคนมากอย่างนี้ก็เพราะพวกเขามีเมียหลายคนและมีลูกมาก
5 และญาติพี่น้องของพวกเขาจากตระกูลทั้งหลายของเผ่าอิสสาคาร์ ตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา
มีนักรบกล้าหาญทั้งหมดแปดหมื่นเจ็ดพันคน
พวกลูกหลานของเบนยามิน
6 เบนยามินมีลูกชายสามคนคือ เบลา เบเคอร์ และเยดียาเอล
7 เบลามีลูกชายห้าคนคือ เอสโบน อุสซี อุสซีเอล เยรีโมทและอิรี พวกเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา มีนักรบกล้าหาญทั้งหมดสองหมื่นสองพันสามสิบสี่คน 8 พวกลูกชายของเบเคอร์ คือ เศมิราห์ โยอาช เอลีเยเซอร์ เอลีโอเอนัย อมรี เยเรโมท อาบียาห์ อานาโธทและอาเลเมท พวกเขาล้วนเป็นลูกชายของเบเคอร์ 9 ตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา ซึ่งจดบันทึกประชาชนของพวกเขาแต่ละรุ่น แบ่งออกตามชื่อหัวหน้าแต่ละครอบครัว พวกเขามีทหารกล้าทั้งหมดสองหมื่นสองร้อยคน
10 ลูกชายของเยดียาเอลคือ บิลฮาน ลูกชายของบิลฮานคือเยอูช เบนยามิน เอฮูด เคนาอะนาห์ เศธาน ทารชิชและอาหิชาฮาร์ 11 พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นลูกชายของเยดียาเอลและเป็นหัวหน้าครอบครัว พวกเขามีทหารกล้าจำนวนทั้งหมดหนึ่งหมื่นเจ็ดพันสองร้อยคนที่พร้อมออกรบ
12 และชุปปิมกับหุปปิมเป็นลูกชายของเอียร์ หุชิมเป็นลูกชายของอาเฮอร์
พวกลูกหลานของนัฟทาลี
13 บรรดาลูกชายของนัฟทาลีคือ ยาเซเอล กูนี เยเซอร์และชัลลูม
พวกเขาล้วนเป็นลูกชายของนางบิลฮาห์[a]
พวกลูกหลานของมนัสเสห์
14 พวกลูกชายของมนัสเสห์คือ อัสรีเอล ซึ่งเกิดจากเมียน้อยชาวอารัมของเขา นางได้คลอดมาคีร์ที่เป็นพ่อของกิเลอาด[b] 15 และมาคีร์ก็หาเมียให้กับหุปปิมและชุปปิม พี่สาวของมาคีร์ชื่อมาอาคาห์
ลูกชายคนที่สองของเขามีชื่อว่าเศโลเฟหัด เศโลเฟหัดมีแต่ลูกสาว[c] 16 นางมาอาคาห์ที่เป็นเมียของมาคีร์ได้คลอดลูกชายออกมาและนางได้ตั้งชื่อเขาว่าเปเรช ส่วนน้องชายของเขาชื่อว่าเชเรช และลูกชายของเปเรชก็คืออุลามและราเคม 17 ลูกชายของอุลามคือเบดาน
พวกเขาล้วนเป็นลูกหลานของกิเลอาดที่เป็นลูกชายของมาคีร์ที่เป็นลูกชายของมนัสเสห์ 18 ส่วนฮัมโมเลเคท[d] น้องสาวของเขาก็มีลูกชื่อ อิชโฮด อาบีเยเซอร์และมาลาห์
19 และลูกชายของเชมิดาคืออาหิยัน เชเคม ลิคฮีและอานียัม
พวกลูกหลานของเอฟราอิม
20 พวกลูกหลานของเอฟราอิมคือ ชูเธลาห์ และลูกชายของชูเธลาห์คือเบเรด ลูกชายของเบเรดคือทาหัท ลูกชายของทาหัทคือเอเลอาดาห์ ลูกชายของเอเลอาดาห์คือทาหัท 21 ลูกชายของทาหัทคือศาบาด ลูกชายของศาบาดคือชูเธลาห์ และลูกชายคนอื่นของเอฟราอิมก็คือเอเซอร์และเอเลอัด
พวกชาวกัทที่เกิดในดินแดนแห่งนั้นได้ฆ่าเอเซอร์และเอเลอัด เพราะสองคนนั้นไปขโมยวัวของพวกเขา 22 เอฟราอิมที่เป็นพ่อของพวกเขาเศร้าโศกอยู่หลายวัน และพี่น้องทั้งหลายของเขาได้มาปลอบโยนเขา 23 แล้วเขาก็ไปมีเพศสัมพันธ์กับเมียของเขาและนางก็ตั้งท้องจนคลอดลูกชายออกมาคนหนึ่ง เขาตั้งชื่อเด็กว่าเบรียาห์[e] เพราะเรื่องเลวร้ายได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา 24 ลูกสาวของเอฟราอิมคือเชเอราห์ และนางได้สร้างเบธโฮโรนล่าง เบธโฮโรนบน และเมืองอุสเซนเชเอราห์
25 เรฟาห์เป็นลูกชายของเอฟราอิม เรฟาห์มีลูกชายชื่อเรเชฟ ที่มีลูกชายชื่อเทลาห์ ที่มีลูกชายชื่อทาหาน 26 ที่มีลูกชายชื่อลาดาน ที่มีลูกชายชื่ออัมมีฮูด ที่มีลูกชายชื่อเอลีชามา 27 ที่มีลูกชายชื่อนูน ที่มีลูกชายชื่อโยชูวา
28 ต่อไปนี้คือเมืองต่างๆและที่ดินที่ลูกหลานของเอฟราอิมอาศัยอยู่ คือเบธเอลและตามหมู่บ้านต่างๆของมัน ทางตะวันออกไปสุดที่นาอารัน และทางตะวันตกไปสุดที่เกเซอร์ เชเคมและอัยยาห์ รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆของพวกมัน 29 เรื่อยไปตามเมืองต่างๆที่ติดกับเขตแดนของมนัสเสห์ คือเมืองเบธชาน ทาอานาค เมกิดโด และโดร์ พร้อมกับหมู่บ้านต่างๆของเมืองเหล่านั้นในบริเวณนั้น พวกลูกหลานของโยเซฟลูกชายของอิสราเอลได้อาศัยอยู่ตามสถานที่เหล่านี้
พวกลูกหลานของอาเชอร์
30 พวกลูกชายของอาเชอร์คือ อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี เบรียาห์และเสราห์น้องสาวของพวกเขา
31 ลูกชายของเบรียาห์คือ เฮเบอร์และมัลคีเอลที่เป็นพ่อของบิรซาอิธ
32 เฮเบอร์เป็นพ่อของยาเฟล็ท โชเมอร์ โฮธามและชูวาน้องสาวของพวกเขา
33 ลูกชายของยาเฟล็ทคือปาสัค บิมฮาลและอัชวาท พวกเขาล้วนเป็นลูกชายของยาเฟล็ท
34 ลูกชายของเชเมอร์ คือ อาหิ โรกาห์ เยฮุบบาห์[f] และอารัม
35 ลูกชายของเฮเลมที่เป็นน้องชายของโชเมอร์ คือโศฟาห์ อิมนา เชเลชและอามัล
36 ลูกชายของโศฟาห์คือ สุอาห์ ฮารเนเฟอร์ ชูอัล เบรี อิมราห์ 37 เบเซอร์ โฮด ชัมมา ชิลชาห์ อิธรานและเบเอรา
38 ลูกชายของเยเธอร์ คือ เยฟุนเนห์ ปิสปาและอารา
39 ลูกชายของอุลลา คือ อาราห์ ฮันนีเอล และรีเซีย
40 คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นลูกหลานของอาเชอร์ พวกเขาเป็นผู้นำครอบครัว พวกเขาเป็นสุดยอดคน เป็นนักรบที่กล้าหาญ เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา มีสองหมื่นหกพันคนที่พร้อมจะออกรบ
เชื้อสายของครอบครัวกษัตริย์ซาอูล
8 เบนยามินเป็นพ่อของเบลา ซึ่งเป็นลูกชายคนแรกของเขา คนที่สองคืออัชเบล คนที่สามคืออาหะราห์ 2 คนที่สี่คือโนฮาห์ และคนที่ห้าคือราฟา
3 เบลามีลูกชาย คืออัดดาร์ เกรา อาบีฮูด 4 อาบีชูวา นาอามาน อาโหอาห์ 5 เกรา เชฟูฟาน และหุราม
6 ต่อไปนี้คือพวกลูกชายของเอฮูด (พวกเขาล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัวของพวกเขาในเมืองเกบา และพวกเขาถูกกวาดต้อนไปที่มานาฮาท) 7 พวกเขามีชื่อว่า นาอามาน อาหิยาห์และเกรา เกราได้กวาดต้อนพวกเขาไป เกราเป็นพ่อของอุสซาห์และอาหิฮูด
8 ภายหลังจากที่ชาหะราอิมได้หย่าขาดจากนางหุชิมและนางบาอาราเมียของเขาแล้ว ชาหะราอิมก็ได้มีลูกชายอีกหลายคนในประเทศของพวกโมอับ 9 เขาได้มีลูกชายกับนางโฮเดชเมียของเขา ลูกๆของเขามีชื่อว่า โยบับ ศิเบีย เมชา มัลคาม 10 เยอูส สาเคีย และมิรมาห์ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นลูกชายของชาหะราอิมและเป็นผู้นำของครอบครัวด้วย 11 ชาหะราอิมยังได้มีลูกกับนางหุชิม ชื่ออาบิทูบ และ เอลปาอัลด้วย
12 พวกลูกชายของเอลปาอัล คือ เอเบอร์ มิชอัม และเชเมด เชเมดเป็นผู้ที่สร้างเมืองโอโน และเมืองโลดพร้อมกับพวกหมู่บ้านของมัน 13 เบรียาห์และเชมาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเมืองอัยยาโลน พวกเขาได้ขับไล่พวกชาวกัทออกไปจากเมือง
14 พวกพี่น้องของพวกเขายังมี อาหิโย ชาชัก และเยเรโมท 15-16 เศบาดิยาห์ อาราด เอเดอร์ มีคาเอล อิชปาห์ และโยฮา ล้วนเป็นลูกชายของเบรียาห์ 17-18 เศบาดิยาห์ เมชุลลาม ฮิสคี เฮเบอร์ อิชเมรัย อิสลิยาห์ และโยบับ ล้วนเป็นลูกชายของเอลปาอัล
19-21 ยาคิม ศิครี ศับดี เอลีเยนัย ศิลเลธัย เอลีเอล อาดายาห์ เบไรอาห์ และชิมราท ล้วนเป็นลูกชายของชิเมอี
22 อิชปาน เอเบอร์ เอลีเอล 23 อับโดน ศิครี ฮานัน 24 ฮานันยาห์ เอลาม อันโธธียาห์ 25 อิฟเดยาห์และเปนูเอล ล้วนเป็นพวกลูกชายของชาชัก
26-27 ชัมเชรัย เชหะรียาห์ อาธาลิยาห์ ยาอาเรชียาห์ เอลียาห์และศิครี ล้วนเป็นลูกชายของเยโรฮัม
28 คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าครอบครัวของเขา พวกนี้ถูกบันทึกไว้ในฐานะผู้นำในบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม
29 เยอีเอลซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองกิเบโอนได้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น (เมียของเขามีชื่อว่ามาอาคาห์) 30 ลูกชายคนแรกของเขาชื่ออับโดน และตามมาด้วยศูร์ คีช บาอัล เนอร์[g] นาดับ 31 เกโดร์ อาหิโย เศเคอร์ และมิกโลท 32 มิกโลทเป็นพ่อของชิเมอาห์ และพวกเขากับญาติๆก็ได้อาศัยอยู่ใกล้ๆกับพวกพี่น้องของเขาในเมืองเยรูซาเล็ม
33 เนอร์เป็นพ่อของคีช คีชเป็นพ่อของซาอูล และซาอูลก็เป็นพ่อของโยนาธาน มัลคีชูวา อาบีนาดับและเอชบาอัล
34 ลูกชายของโยนาธานคือ เมริบบาอัลซึ่งต่อมาก็เป็นพ่อของมีคาห์
35 พวกลูกชายของมีคาห์คือปิโธน เมเลค ทาเรียและอาหัส
36 อาหัสเป็นพ่อของเยโฮอัดดาห์ เยโฮอัดดาห์เป็นพ่อของอาเลเมท อัสมาเวทและศิมรี ศิมรีเป็นพ่อของโมซา 37 โมซาเป็นพ่อของบิเนอา บิเนอามีลูกชายชื่อราฟาห์ ที่มีลูกชายชื่อเอเลอาสาห์ ที่มีลูกชายชื่ออาเซล
38 อาเซลมีลูกชายหกคนคือ อัสรีคัม โบเครู อิชมาเอล เชอาริยาห์ โอบาดียาห์และฮานัน พวกเขาล้วนเป็นลูกชายของอาเซล
39 ส่วนพวกลูกชายของเอเชกน้องชายของอาเซล คือ อุลามลูกชายคนแรก เยอูชลูกชายคนที่สองและเอลีเฟเลทลูกชายคนที่สาม 40 พวกลูกชายของอุลาม เป็นพวกนักรบที่กล้าหาญที่ใช้ธนูและลูกศรเป็นอาวุธ พวกเขามีลูกชายและหลานชายมากมายถึงหนึ่งร้อยห้าสิบคน
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนเผ่าเบนยามิน
ความไว้วางใจ
11 ดังนั้น ความไว้วางใจรับประกันว่าเราจะได้รับสิ่งที่เราหวังไว้ และความไว้วางใจเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นมีจริง 2 เป็นเพราะคนในสมัยก่อนไว้วางใจนี่เอง พระเจ้าถึงได้ยกย่องเขา
3 เป็นเพราะเราไว้วางใจนี่เอง เราถึงได้เข้าใจว่า พระเจ้าสร้างจักรวาลนี้ขึ้นมาโดยคำสั่งของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเกิดมาจากสิ่งที่มองไม่เห็น
4 เป็นเพราะอาเบลไว้วางใจนี่เอง เขาถึงได้นำเครื่องบูชาที่ดีกว่าของคาอินมาถวายพระเจ้า และเพราะเขาไว้วางใจแบบนั้น พระเจ้าถึงได้ยกย่องเขาว่าเป็นคนที่ทำตามใจพระองค์ และยอมรับของถวายของเขา เป็นเพราะเขาไว้วางใจนี่เอง ถึงแม้เขาจะตายไปแล้ว เขาก็ยังพูดอยู่
5 เป็นเพราะเอโนคไว้วางใจนี่เอง พระเจ้าถึงได้รับเขาขึ้นไปอยู่กับพระองค์ ดังนั้น เอโนคจึงไม่เคยตาย และไม่มีใครหาเขาเจออีกเลย เพราะพระเจ้าได้รับเขาไปแล้ว แต่ก่อนที่พระองค์จะรับเขาขึ้นไปนั้น 6 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนหนึ่งที่พระเจ้าพอใจ แต่ถ้าไม่มีความไว้วางใจแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอใจ เพราะคนที่มาเข้าเฝ้าพระเจ้าจะต้องเชื่อว่าพระองค์มีจริง และต้องเชื่อว่าพระองค์จะให้รางวัลกับทุกคนที่แสวงหาพระองค์
7 เป็นเพราะโนอาห์ไว้วางใจนี่เอง เมื่อพระเจ้าเตือนเขาให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ยังมองไม่เห็น เขาก็เคารพยำเกรงพระเจ้า และได้ต่อเรือใหญ่เพื่อช่วยชีวิตคนในครอบครัวของเขา เพราะเขามีความไว้วางใจนี่เอง เขาถึงเป็นผู้ที่ทำให้เห็นว่าโลกนี้ผิด และพระเจ้าได้ยอมรับเขาแบบที่พระองค์ได้ยอมรับคนที่ไว้วางใจพระองค์
8 เป็นเพราะอับราฮัมไว้วางใจนี่เอง เมื่อพระเจ้าเรียกเขาออกเดินทางไปที่แผ่นดินที่เขาจะได้รับเป็นมรดก เขาก็เชื่อฟังและออกเดินทางไป แม้ไม่รู้ว่ากำลังจะไปไหน 9 เป็นเพราะอับราฮัมไว้วางใจนี่เอง เขาถึงได้มาอยู่อย่างคนต่างด้าวในแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาไว้ เขาได้พักอยู่ในเต็นท์เหมือนกับอิสอัคและยาโคบลูกหลานของเขา ผู้ที่จะได้รับมรดกร่วมกันกับอับราฮัมตามสัญญาอันเดียวกันที่พระเจ้าให้นั้น 10 ที่อับราฮัมทำอย่างนี้ ก็เพราะเขากำลังรอคอยเมือง[a]ที่มีรากฐานมั่นคงถาวร เป็นเมืองที่พระเจ้าออกแบบและสร้างเอง
11 เป็นเพราะอับราฮัมไว้วางใจนี่เอง เขาถึงเชื่อว่าพระเจ้าซื่อสัตย์และจะทำตามสัญญา พระเจ้าถึงให้อับราฮัมมีลูกได้ ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะแก่เกินกว่าที่จะมีลูกได้แล้ว และซาราห์เองก็เป็นหมัน 12 ด้วยเหตุนี้ จากชายคนเดียวกันนี้ที่มีสภาพเหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว ยังสามารถที่จะมีลูกหลานเกิดขึ้นมากมายเท่ากับดวงดาวในท้องฟ้า และมากมายเท่ากับเม็ดทรายบนฝั่งทะเลที่นับไม่ถ้วน
13 คนพวกนี้ทั้งหมดตายไปในขณะที่ยังไว้วางใจอยู่ ถึงแม้พวกเขายังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ เพียงแค่ได้เห็นแต่ไกลและยินดีต้อนรับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญานั้นไว้ พวกเขายังยอมรับอีกว่าตัวพวกเขาเองเป็นแค่คนแปลกหน้าและคนต่างด้าวในโลกนี้ 14 ที่เขาพูดอย่างนี้แสดงว่าพวกเขากำลังแสวงหาบ้านเมืองที่จะเป็นของเขาเอง 15 ถ้าพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่พวกเขาจากมา เขาก็ยังมีโอกาสที่จะกลับไปได้ 16 แต่พวกเขากำลังใฝ่ฝันถึงบ้านเมืองที่ดีกว่านั้น คือเมืองแห่งสวรรค์ พระเจ้าถึงไม่อับอายที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ได้เตรียมบ้านเมืองไว้สำหรับพวกเขาแล้ว
17-18 เป็นเพราะอับราฮัมไว้วางใจนี่เอง เมื่อพระเจ้ามาลองใจเขา เขาก็ได้ถวายอิสอัคลูกชายเพียงคนเดียวเป็นเครื่องบูชา เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พระเจ้าได้สัญญากับอับราฮัมว่า “ลูกหลานของเจ้าจะสืบเชื้อสายมาจากอิสอัค”[b] อับราฮัมรับคำสัญญาแล้ว แต่ก็ยังพร้อมที่จะถวายลูกชายเพียงคนเดียว 19 เพราะอับราฮัมถือว่าพระเจ้าสามารถทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ อาจจะพูดได้ว่า เขาก็ได้รับอิสอัคกลับคืนมาจากความตาย
20 เป็นเพราะอิสอัคไว้วางใจนี่เอง เขาถึงได้ให้พรกับทั้งยาโคบและเอซาว แก่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
21 เป็นเพราะยาโคบไว้วางใจนี่เอง เมื่อเขากำลังจะตาย เขาถึงได้ให้พรกับลูกทั้งสองคนของโยเซฟ และได้นมัสการพระเจ้าขณะที่พิงอยู่ที่ปลายไม้เท้าของเขา
22 เป็นเพราะโยเซฟไว้วางใจนี่เอง ในบั้นปลายชีวิตเขาได้พูดถึงเรื่องที่ประชาชนอิสราเอลจะอพยพออกจากอียิปต์ และสั่งเสียให้เอากระดูกของเขาไปด้วย
23 เป็นเพราะพ่อแม่ของโมเสสไว้วางใจนี่เอง เมื่อโมเสสเกิดมา พวกเขาถึงได้ซ่อนตัวเด็กไว้ถึงสามเดือน เพราะพ่อแม่เห็นว่าเขาเป็นเด็กที่มีหน้าตาโดดเด่น และพวกเขากล้าขัดคำสั่งของกษัตริย์
24 เป็นเพราะโมเสสไว้วางใจนี่เอง เมื่อเขาโตขึ้น เขาถึงได้ยอมสละฐานะลูกของลูกสาวฟาโรห์ 25 เขาเลือกที่จะถูกกดขี่ข่มเหงร่วมกับประชาชนของพระเจ้า แทนที่จะมีความสนุกสนานชั่วคราวกับความบาป 26 เขาถือว่าความอับอายขายหน้าเพื่อพระคริสต์ มีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติของประเทศอียิปต์ เพราะเขามองไปข้างหน้าถึงรางวัลที่จะได้รับ 27 เป็นเพราะโมเสสไว้วางใจนี่เอง เขาถึงได้ออกจากประเทศอียิปต์โดยไม่เกรงกลัวความโกรธของฟาโรห์ เขามีใจมานะอดทนราวกับว่าเขาได้เห็นพระเจ้าผู้ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ 28 เป็นเพราะโมเสสไว้วางใจนี่เอง เขาถึงได้จัดตั้งเทศกาลวันปลดปล่อย และสั่งให้ประพรมเลือดที่ประตู เพื่อไม่ให้ทูตแห่งความตาย[c]มาแตะต้องลูกชายหัวปีของประชาชนอิสราเอล
29 เป็นเพราะคนอิสราเอลไว้วางใจนี่เอง พวกเขาถึงได้เดินข้ามทะเลแดงเหมือนกับเดินอยู่บนพื้นดินแห้ง แต่เมื่อพวกอียิปต์พยายามที่จะทำอย่างนั้นบ้าง พวกเขาก็จมน้ำตายหมด
30 เป็นเพราะคนอิสราเอลไว้วางใจนี่เอง หลังจากที่พวกเขาเดินรอบกำแพงเมืองเยริโคเป็นเวลาเจ็ดวัน กำแพงนั้นก็พังลงมา
31 เป็นเพราะราหับหญิงโสเภณีไว้วางใจนี่เอง เธอถึงไม่ถูกฆ่าตายไปพร้อมๆกับคนที่ไม่เชื่อฟังพวกนั้น เพราะเธอได้ต้อนรับและช่วยคนสอดแนมอย่างเป็นมิตร
32 จะให้พูดอะไรมากกว่านี้อีกหรือ มีเวลาไม่พอที่จะเล่าถึงเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และพวกผู้พูดแทนพระเจ้า 33 เป็นเพราะพวกเขาไว้วางใจนี่เอง พวกเขาเหล่านี้ถึงได้รับชัยชนะเหนือดินแดนต่างๆและได้ทำสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม และได้รับสิ่งต่างๆที่พระเจ้าสัญญาไว้ และได้ปิดปากสิงโต 34 พวกเขาได้ดับไฟที่โหมไหม้อย่างรุนแรง และรอดตายจากคมดาบ เขาได้รับกำลังจากพระเจ้าเมื่ออ่อนแอ และมีกำลังในสนามรบ และขับไล่กองทัพต่างชาติให้แตกกระเจิดกระเจิงไป 35 พวกผู้หญิงก็ได้รับคนที่เขารักนั้นกลับฟื้นขึ้นจากความตาย บางคนก็ยอมถูกทรมานจนตาย ไม่ยอมออกมาจากคุก เพื่อที่จะได้ฟื้นขึ้นจากความตายอย่างถาวรไม่ใช่แค่ชั่วคราว 36 บางคนต้องทนถูกเยาะเย้ยและถูกเฆี่ยนด้วยแส้ ในขณะที่บางคนถูกล่ามโซ่และถูกขังคุก 37 บางคนโดนหินขว้าง บางคนถูกเลื่อยออกเป็นสองท่อน บางคนถูกดาบฟัน บางคนยากจนขัดสน บางคนร่อนเร่พเนจรนุ่งหนังแพะหนังแกะ ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกทารุณอย่างไม่ยุติธรรม 38 โลกนี้ไม่คู่ควรกับคนพวกนี้เลย พวกเขาร่อนเร่ไปตามที่เปล่าเปลี่ยวและภูเขา อยู่ตามถ้ำตามโพรงในพื้นดิน
39 พวกเขาทุกคนได้รับการยกย่อง เพราะพวกเขาได้ไว้วางใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ 40 พระเจ้าได้วางแผนที่จะให้สิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นสำหรับเรา เพราะพวกเขาจะสมบูรณ์แบบได้ก็ต่อเมื่อมีเรารวมอยู่ด้วยเท่านั้น
เพลงไว้ทุกข์สำหรับอิสราเอล
5 คนอิสราเอลเอ๋ย ฟังเพลงนี้ที่เราร้องขึ้นมาต่อต้านพวกเจ้า เป็นเหมือนเพลงไว้ทุกข์
2 อิสราเอลผู้เป็นหญิงสาวล้มลง
และนางก็จะไม่ลุกขึ้นมาอีก
นางถูกทอดทิ้งให้นอนอยู่ในที่ดินของนางเอง
แล้วไม่มีใครช่วยยกนางขึ้น
3 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พูดเรื่องครอบครัวของอิสราเอลว่า
“เมืองที่ส่งทหารออกไปสู้รบเป็นพัน
ก็จะเหลือรอดกลับมาเป็นร้อย
เมืองที่ส่งทหารออกไปสู้รบเป็นร้อย
ก็จะเหลือรอดกลับมาเป็นสิบ”
4 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดไว้กับคนอิสราเอล
“แสวงหาเราสิ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
5 อย่าไปแสวงหาที่เมืองเบธเอล
อย่าเข้าไปในเมืองกิลกาล
และอย่าข้ามไปที่เมืองเบเออร์เชบา
เพราะคนกิลกาลจะถูกต้อนไปเป็นเชลยอย่างแน่นอน
และเมืองเบธเอลก็จะถูกทำลาย
6 แสวงหาพระยาห์เวห์สิ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่อย่างนั้นพระองค์จะพลุ่งออกไปเหมือนไฟต่อครอบครัวของโยเซฟ[a]
และไฟนั้นก็จะไปเผาผลาญเมืองเบธเอล และจะไม่มีใครดับได้
7 นี่ เจ้าผู้ที่เปลี่ยนความยุติธรรมให้ขมอย่างบอระเพ็ด
และซัดความถูกต้องลงกับพื้นดิน
8 พระเจ้าเป็นผู้สร้างกลุ่มดาวลูกไก่และกลุ่มดาวไถ
พระองค์เป็นผู้ที่เปลี่ยนความมืดให้เป็นรุ่งเช้า
และเปลี่ยนกลางวันให้มืดเป็นกลางคืน
พระองค์เรียกน้ำจากทะเล
และเทเป็นฝนลงบนพื้นโลก
ยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์
9 พระองค์ทำลายคนที่เข้มแข็ง
ป้อมปราการจึงถูกทำลายลง”
10 พวกเจ้าเกลียดคนที่ศาลที่ต่อต้านความชั่วร้าย
พวกเจ้าเกลียดชังคนที่พูดความจริงในศาล
11 ดังนั้น เนื่องจากเจ้าเหยียบย่ำคนจน
และเจ้าก็รีดไถข้าวสาลีที่เป็นส่วนแบ่ง[b] ของพวกเขา
พวกเจ้าได้สร้างพวกบ้านที่สวยงามจากหินที่สกัดแล้ว
แต่เจ้าจะไม่ได้อยู่ในบ้านพวกนั้นหรอก
พวกเจ้าได้ปลูกสวนองุ่นที่มีค่า
แต่เจ้าจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้นหรอก
12 เพราะเรารู้ว่าความผิดบาปของเจ้านั้นมีมากขนาดไหน
และรู้ว่าความบาปต่างๆของพวกเจ้านั้นมันมากมายมหาศาล
พวกเจ้าที่ชอบกดขี่คนเหล่านั้นที่ทำถูกต้อง
พวกเจ้าที่ชอบรับสินบน
และกีดกันไม่ให้คนจนได้รับความยุติธรรมที่ศาล
13 ดังนั้น ในเวลาที่ชั่วร้ายอย่างนี้
คนที่ฉลาดก็จะนิ่งเสีย
14 ให้แสวงหาความดีไม่ใช่ความชั่วร้าย
เพื่อเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
และเพื่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะอยู่กับพวกเจ้า
เหมือนกับที่เจ้าชอบอ้างนั้น
15 ให้เกลียดความชั่วแต่รักความดี
และให้ตั้งความยุติธรรมขึ้นในศาล
ไม่แน่บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
อาจจะมีความเมตตากับคนของโยเซฟที่ยังเหลืออยู่ก็ได้
เวลาแห่งความเศร้าโศกครั้งใหญ่กำลังมา
16 พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น องค์เจ้าชีวิต ได้พูดไว้อย่างนี้ว่า “ตามลานเมืองทั้งหมดจะมีเสียงคร่ำครวญ
และตามท้องถนนทั้งหมดจะมีเสียงพูดว่า ‘แย่แล้ว แย่แล้ว’
และพวกเขาจะเรียกให้ชาวนาร้องคร่ำครวญ
และเรียกให้พวกที่ร้องไห้เป็นอาชีพมาร้องคร่ำครวญ
17 และจะมีการร้องไห้คร่ำครวญทั่วสวนองุ่นทุกแห่ง
เพราะเราจะผ่านไปท่ามกลางเจ้า”
พระยาห์เวห์บอกว่าอย่างนั้น
18 นี่ เจ้าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยวันพิพากษาของพระยาห์เวห์
ทำไมเจ้าถึงอยากเจอวันพิพากษาของพระยาห์เวห์นัก
วันนั้นจะมืดมิดไม่สว่าง
19 มันจะเหมือนกับคนที่วิ่งหนีสิงโต
แต่ไปเจอหมี
หรือคนที่หนีเข้าไปในบ้าน
และเอามือพิงฝาแล้วถูกงูกัดเข้า
20 วันของพระยาห์เวห์นั้น จะมืดมิดไม่สว่างไสว
มันจะมืดสนิทชนิดที่ไม่มีแสงรอดเข้ามาได้เลย
พระยาห์เวห์เหลืออดกับการนมัสการของคนอิสราเอล
21 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เราเกลียดชัง เราเหยียดหยามงานเทศกาลต่างๆของเจ้า
เราทนไม่ได้กับการประชุมทางศาสนาต่างๆของเจ้า
22 ถึงแม้เจ้าจะถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องถวายจากเมล็ดพืชให้กับเรา
เราก็จะไม่ยอมรับพวกมัน
เราจะไม่สนใจเครื่องสังสรรค์บูชา
จากสัตว์เลี้ยงที่อ้วนพีของเจ้า
23 เอาเสียงเพลงหนวกหูของเจ้าไปให้ไกลๆจากเรา
เราจะไม่ฟังเสียงเพลงจากพิณใหญ่ของเจ้า
24 แต่ให้ความยุติธรรมหลั่งไหลมาเหมือนน้ำ
และความถูกต้องหลั่งไหลมาเหมือนลำธารที่ไหลอยู่ตลอดเวลา
25 ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย เจ้าเอาเครื่องเซ่นไหว้และเครื่องบูชามาถวายเราตลอดสี่สิบปีที่เจ้าอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งหรือ ไม่หรอก 26 แต่ตอนนี้ เจ้าจะยกสัคคูท[c]มาเป็นกษัตริย์ของเจ้าหรือ และเอาดวงดาวไควัน มาเป็นรูปเคารพและเทพเจ้าของเจ้า อย่างนั้นหรือ ซึ่งรูปเคารพทั้งสองนี้เจ้าเองเป็นคนสร้างขึ้นมาสำหรับตัวเจ้าเอง 27 ดังนั้นเราจะบีบบังคับเจ้าให้ไปเป็นเชลยไกลพ้นเมืองดามัสกัสไปเสียอีก” พระองค์ผู้มีชื่อว่ายาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
ลูกาเขียนเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู
1 ท่านเธโอฟีลัสที่เคารพอย่างสูง มีหลายคนพยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่พวกเรา 2 คือเหตุการณ์ต่างๆที่เราได้ยินมาจากคนพวกนั้นที่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเองตั้งแต่ตอนเริ่มต้น และเป็นพวกที่รับใช้พระเจ้าในการบอกถ้อยคำของพระองค์แก่ผู้อื่น 3 ผมติดตามเรื่องนี้อย่างละเอียดตั้งแต่แรก ผมถึงตัดสินใจเขียนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ลงในหนังสือให้กับท่าน 4 เพื่อท่านจะได้รู้ว่าสิ่งที่ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนมานั้น มันเชื่อถือได้ขนาดไหน
ทูตสวรรค์ประกาศว่ายอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำจะมาเกิด
5 ในสมัยที่เฮโรด[a] เป็นกษัตริย์ของแคว้นยูเดียนั้น มีนักบวชคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ เขาอยู่ในกลุ่มเวรของนักบวชอาบียาห์[b] เมียของเขาชื่อเอลีซาเบธ สืบเชื้อสายมาจากอาโรน 6 ในสายตาของพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตนั้นทั้งสองคนนี้เป็นคนที่ทำตามใจพระองค์ และทำตามคำสั่งและกฎต่างๆของพระองค์อย่างไม่มีที่ติ 7 แต่เขาทั้งสองไม่มีลูก เพราะเอลีซาเบธเป็นหมันและทั้งคู่ก็แก่มากแล้ว
8 เมื่อถึงเวรที่กลุ่มของนักบวชเศคาริยาห์จะต้องเข้าไปรับใช้อยู่ต่อหน้าพระเจ้า 9 พวกเขาก็จับสลากกันตามประเพณีของนักบวช เพื่อเลือกคนที่จะเข้าไปเผาเครื่องหอมบูชา[c] ในวิหารขององค์เจ้าชีวิต เศคาริยาห์ถูกเลือกในวันนั้น 10 ในระหว่างที่เผาเครื่องหอมอยู่นั้น ฝูงชนจำนวนมากต่างพากันอธิษฐานอยู่ข้างนอก 11 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์เจ้าชีวิต มายืนอยู่ทางขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจกลัวมาก 13 แต่ทูตสวรรค์นั้นบอกว่า “ไม่ต้องกลัว เศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำร้องขอของเจ้าแล้ว เอลีซาเบธเมียของเจ้าจะมีลูกชาย ให้ตั้งชื่อเขาว่ายอห์น 14 เขาจะนำความสุขความยินดีมาให้เจ้า และคนมากมายจะดีใจเมื่อเขาเกิดมา 15 เพราะเขาจะเป็นคนสำคัญในสายตาขององค์เจ้าชีวิต เขาจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาเลย และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่กับเด็กคนนี้ตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องแม่ 16 เขาจะทำให้คนอิสราเอลจำนวนมากหันกลับมาหาองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของพวกเขา 17 เขาจะนำหน้าองค์เจ้าชีวิต เขาจะมีพระวิญญาณ และฤทธิ์อำนาจเหมือนกับเอลียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เขาจะทำให้จิตใจของพ่อหันกลับมาหาลูกๆ และทำให้คนที่ดื้อรั้นหันกลับมาเชื่อฟังอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อเตรียมประชาชนให้พร้อมสำหรับพระองค์”
18 แล้วเศคาริยาห์ก็พูดกับทูตสวรรค์ว่า “ผมจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่ท่านพูดมานี้จะเป็นจริง เพราะผมกับเมียก็แก่แล้ว”
19 ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “เราคือกาเบรียลที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระองค์ส่งเรามา บอกข่าวดีนี้กับเจ้า 20 แต่เพราะเจ้าไม่เชื่อคำพูดของเรา เจ้าจะกลายเป็นใบ้จนกว่าลูกของเจ้าจะเกิด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราบอกอย่างแน่นอน”
21 คนที่กำลังคอยเศคาริยาห์อยู่ข้างนอกก็สงสัยว่า ทำไมเขาถึงอยู่ในวิหารนานนัก 22 เมื่อเขาเดินออกมาก็พูดไม่ได้ คนเหล่านี้จึงรู้ว่าเขาได้เห็นนิมิตภายในวิหารนั้น เขาได้ทำไม้ทำมือบอกกับประชาชน แต่ยังพูดไม่ได้ 23 เมื่อเขาหมดหน้าที่แล้วก็กลับบ้าน
24 หลังจากนั้นไม่นาน เอลีซาเบธเมียของเขาก็ตั้งท้อง และเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านนานถึงห้าเดือน นางพูดว่า 25 “ดูสิ องค์เจ้าชีวิตได้ช่วยฉันอย่างนี้ ทำให้ฉันไม่ต้องอับอายขายหน้า[d]ชาวบ้านอีกต่อไปแล้ว”
ทูตสวรรค์ประกาศว่าพระเยซูจะมาเกิด
26 เมื่อเอลีซาเบธตั้งท้องได้ห้าเดือนย่างเข้าเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์กาเบรียลไปที่เมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 เพื่อมาหาหญิงพรหมจรรย์ชื่อมารีย์ เธอเป็นคู่หมั้นของโยเซฟคนที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด 28 ทูตสวรรค์มาหานาง และพูดว่า “สวัสดี หญิงเอ๋ย พระเจ้าได้อวยพรเจ้าจริงๆและองค์เจ้าชีวิตอยู่กับเจ้าเป็นพิเศษ”
29 นางก็งงมาก สงสัยว่าที่ทูตสวรรค์พูดหมายถึงอะไร
30 ทูตสวรรค์จึงบอกนางว่า “ไม่ต้องกลัวมารีย์ เพราะพระเจ้าชื่นชอบในตัวเจ้ามาก 31 ฟังนะ เจ้าจะตั้งท้องและคลอดลูกชาย ให้ตั้งชื่อเขาว่าเยซู 32 เขาจะยิ่งใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด พระเจ้าองค์เจ้าชีวิตจะทำให้เขาเป็นกษัตริย์เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา 33 เขาจะปกครองบรรดาลูกหลานของยาโคบตลอดไป และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันเสื่อมสลาย”
34 แล้วมารีย์พูดกับทูตสวรรค์ว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ดิฉันเป็นหญิงพรหมจารีนะคะ” 35 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะลงมาที่เจ้า และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผู้สูงสุดจะปกคลุมเจ้าไว้ ดังนั้นเด็กที่เกิดมาจากเจ้าจะเป็นของพระเจ้าโดยเฉพาะ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า 36 ฟังนะ ตอนนี้เอลีซาเบธญาติของเจ้าก็ตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว นางจะมีลูกชายถึงแม้จะมีอายุมากแล้วและคนก็ยังเคยว่านางเป็นหมันด้วย 37 เพราะสำหรับพระเจ้าแล้วไม่มีอะไรที่พระองค์ทำไม่ได้” 38 มารีย์ พูดว่า “ดิฉันเป็นทาสรับใช้ขององค์เจ้าชีวิต ขอให้เป็นไปตามที่ท่านพูดเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International