Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 20

เฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตาย

(2 พศด. 32:24-26; อสย. 38:1-8, 21-22)

20 ในช่วงนั้นเฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตายแล้ว อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสก็ได้มาหาท่านและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ให้สั่งเสียคนในครัวเรือนของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะไม่หายหรอก’”

แล้วเฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดอย่าลืมว่าข้าพเจ้านั้นได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดี” แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง

ก่อนที่อิสยาห์จะออกมาจากลานส่วนกลาง พระยาห์เวห์ก็ได้พูดกับเขาว่า “กลับไปบอกกับเฮเซคียาห์ ผู้นำประชาชนของเราว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของดาวิด ที่เป็นบรรพบุรุษของท่านพูดว่า ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว และได้เห็นน้ำตาของเจ้าด้วย เราจะรักษาเจ้า นับจากวันนี้ไปสามวัน เจ้าจะลุกขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ได้ เราจะต่อชีวิตให้กับเจ้าอีกสิบห้าปี และเราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และเราก็จะป้องกันเมืองนี้ไว้ เพื่อเห็นแก่หน้าเราและเพื่อเห็นแก่สัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดผู้รับใช้เรา’”

แล้วอิสยาห์ก็พูดว่า “ให้เอามะเดื่อมาบี้เข้าด้วยกัน แล้วโปะเข้าไปที่แผลเปื่อยของเขา แล้วเขาก็จะหาย”

แล้วเฮเซคียาห์ได้ถามอิสยาห์ว่า “จะมีเหตุการณ์พิเศษอะไรที่พิสูจน์ว่าพระยาห์เวห์จะรักษาเรา แล้วเราจะได้ลุกขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ในอีกสามวัน”

อิสยาห์ตอบว่า “ท่านต้องการอย่างไหนละ จะให้เงาทอดไปข้างหน้าสิบขั้น หรืออยากให้มันย้อนกลับไปข้างหลังสิบขั้น เพราะนี่คือเหตุการณ์พิเศษที่พระยาห์เวห์จะทำให้กับท่านดู เพื่อท่านจะได้แน่ใจว่าพระองค์จะทำในสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้”

10 เฮเซคียาห์ตอบว่า “จะให้เงาทอดไปข้างหน้าสิบขั้นนั้นง่ายกว่าที่จะให้มันย้อนกลับไปข้างหลังสิบขั้น”

11 แล้วอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ก็ทำให้เงาย้อนกลับไปด้านหลังสิบขั้น มันย้อนกลับไปบนขั้นบันไดของอาหัส[a]

เฮเซคียาห์อวดทรัพย์สมบัติ

(อสย. 39:1-8)

12 หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์เมโรดัค-บาลาดัน ลูกชายของบาลาดันแห่งบาบิโลนได้ส่งพวกทูตถือพวกจดหมายและของขวัญมาให้กับเฮเซคียาห์ เพราะเมโรดัค-บาลาดันได้ยินข่าวว่าเฮเซคียาห์ป่วย 13 เฮเซคียาห์ได้ต้อนรับพวกทูตเหล่านั้น และพาพวกเขาไปดูคลังสมบัติทั้งหมดของเขา ทั้งเงินทองและเครื่องเทศต่างๆรวมทั้งน้ำมันที่มีค่า คลังอาวุธ และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในพวกคลังเก็บของ เฮเซคียาห์พาพวกเขาไปดูทุกซอกทุกมุมของวังและทั่วราชอาณาจักรของเขา

14 แล้วอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ได้มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และพูดกับเขาว่า “คนพวกนี้มาพูดอะไร และพวกเขามาหาท่านจากที่ไหนกัน”

แล้วเฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขามาหาข้าจากแดนไกลโน้น มาจากบาบิโลน”

15 อิสยาห์ถามอีกว่า “พวกเขาเห็นอะไรบ้างในวังของท่าน”

เฮเซคียาห์ก็ตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของข้า ไม่มีอะไรเลยในพวกคลังเก็บของของข้า ที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาดู”

16 แล้วอิสยาห์ก็บอกกับเฮเซคียาห์ว่า “ฟังให้ดี นี่คือข่าวสารจากพระยาห์เวห์ 17 เวลานั้นกำลังจะมาถึง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในวังของท่าน รวมทั้งทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของท่านได้เก็บสะสมมาให้จนถึงทุกวันนี้ จะถูกขนย้ายไปที่บาบิโลน จะไม่มีอะไรเหลือเลย พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น 18 พวกเขาจะเอาลูกๆของท่านบางคนไป พวกลูกชายของท่านเอง พวกลูกหลานชายของท่าน จะกลายเป็นพวกขันทีในวังของกษัตริย์บาบิโลน”

19 แล้วเฮเซคียาห์ก็พูดกับอิสยาห์ว่า “ข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่ท่านพูดมานั้นดี” เพราะเขาคิดว่า “ทำไมจะไม่ดีละ ถ้ามันจะมีสันติสุขและความมั่นคงปลอดภัยในยุคสมัยของข้า”

เฮเซคียาห์ตาย

(2 พศด. 32:32-33)

20 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเฮเซคียาห์ ความสำเร็จทุกอย่างของเขาและวิธีที่เขาได้สร้างสระน้ำและอุโมงค์[b] ที่ทำให้เขาสามารถนำน้ำเข้ามาใช้ในเมือง ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ 21 เฮเซคียาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และมนัสเสห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

ฮีบรู 2

ความรอดอันยิ่งใหญ่ของเรา

นั่นเป็นเหตุที่เราจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับความจริงที่เราได้ยินมา ไม่อย่างนั้นเราจะค่อยๆห่างเหินไป เพราะถ้าข้อความที่พระเจ้าพูดผ่านทูตสวรรค์ ยังมีผลบังคับในตอนนั้น จนทุกคนที่ฝ่าฝืนมันหรือไม่เชื่อฟัง ได้รับโทษที่สาสม แล้วเราล่ะจะพ้นโทษได้หรือ ถ้าหากเราไม่สนใจในความรอดอันยิ่งใหญ่นี้ ความรอดนี้องค์เจ้าชีวิตได้มาประกาศในตอนแรกๆ แล้วคนพวกแรกนั้นที่ฟังพระองค์ก็มายืนยันเรื่องความรอดนี้ให้กับเรา พระเจ้ามายืนยันเรื่องความรอดนี้ให้กับเราด้วย คือพระองค์ได้ใช้หมายสำคัญ การอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ต่างๆ และพรสวรรค์ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์แจกจ่ายไปตามที่ใจของพระองค์ต้องการ

พระเยซูถูกทดลองเหมือนพี่น้องของพระองค์

โลกใหม่ที่เรากำลังพูดถึงนี้ พระเจ้าไม่ได้มอบให้อยู่ใต้อำนาจของพวกทูตสวรรค์ แต่มีคนเขียนไว้ในพระคัมภีร์แห่งหนึ่งว่า

“มนุษย์เป็นใครกันพระองค์ถึงได้ห่วงใย
    หรือบุตรมนุษย์[a]เป็นใครกันพระองค์ถึงเอาใจใส่นัก
พระองค์ทำให้เขาต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แค่ชั่วคราว
    แล้วพระองค์มอบสง่าราศีและเกียรติยศให้กับเขาเป็นรางวัล
และวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของเขา”[b]

เมื่อพระเจ้าวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าเขา แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ใต้อำนาจของเขา แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เห็นทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของเขา แต่ก่อนพระเจ้าทำให้พระเยซูอยู่ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์แค่ชั่วคราว แต่ตอนนี้เราเห็นพระเยซูได้รับสง่าราศีและเกียรติยศเป็นรางวัลแล้ว เพราะพระองค์ทนทุกข์ทรมานจนตาย พระเจ้ามีเมตตากรุณาต่อเรา พระเยซูถึงมาลิ้มรสความตายเพื่อประโยชน์ให้กับมนุษย์ทุกคน

10 พระเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อพระองค์ พระเจ้าอยากให้พระเยซูที่เป็นลูกของพระองค์นำพวกลูกชายลูกสาวอีกมากมายเข้ามามีส่วนร่วมในสง่าราศีของพระองค์ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว ที่พระเจ้าให้พระเยซูมาทนทุกข์ทรมาน เพื่อพระเยซูจะได้สมบูรณ์แบบครบถ้วน แล้วนำคนมาถึงความรอด 11 ทั้งพระเยซูผู้ที่ทำให้คนอื่นบริสุทธิ์ และคนที่พระองค์ทำให้บริสุทธิ์ด้วย ต่างมาจากครอบครัวเดียวกัน พระเยซูเลยไม่อายที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็นพี่น้องของพระองค์ 12 พระองค์พูดว่า

“เราจะประกาศชื่อของพระองค์ให้กับพี่น้องของเรา
    เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าหมู่ประชุม”[c]

13 พระองค์พูดอีกว่า

“เราจะไว้วางใจในพระองค์”[d]

และยังพูดอีกว่า

“เราอยู่ที่นี่พร้อมๆกับลูกๆที่พระเจ้าให้กับเรา”[e]

14 เพราะพวกลูกๆนั้นเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ พระเยซูก็เลยมาเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเหมือนกัน พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อจะได้ตายและทำลายมารที่มีอำนาจทำให้คนตายได้ 15 คนพวกนี้กลัวตาย เลยตกเป็นทาสของความกลัว พระเยซูมาตายเพื่อปลดปล่อยคนพวกนี้ให้เป็นอิสระ 16 แน่นอนพระเยซูไม่ได้มาช่วยพวกทูตสวรรค์ แต่มาช่วยลูกหลานของอับราฮัม 17 เพราะอย่างนี้ พระองค์จึงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องของพระองค์ทุกอย่าง เพื่อพระองค์จะได้เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด ที่มีความเมตตาและซื่อสัตย์ในการรับใช้พระเจ้า และเพื่อจะจัดการกับความบาปของประชาชนได้ด้วย 18 เดี๋ยวนี้ พระองค์สามารถช่วยคนที่ถูกทดลองได้แล้ว เพราะพระองค์เองได้รับความทรมานและถูกทดลองมาก่อน

โฮเชยา 13

อิสราเอลลืมตัวและลืมบุญคุณของพระเจ้า

13 เมื่อเอฟราอิมพูด คนก็เกร็งจนตัวสั่น
    เขาเป็นที่ยกย่องเชิดชูในอิสราเอล[a]
แต่เขากลับทำผิดที่ไปนมัสการพระบาอัล
    และเขาก็ตายไป
ถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังทำบาปอยู่เรื่อยๆ
    พวกเขาสร้างพวกรูปเคารพให้กับตนเองจากเงิน
พวกช่างฝีมือหล่อรูปเคารพต่างๆขึ้นมา
    พวกเขาอธิษฐานต่อรูปเคารพเหล่านั้นที่คนสร้างขึ้น
    พวกเขาจูบรูปปั้นลูกวัวพวกนั้น[b]
ดังนั้น พวกเขาจะหายไปเหมือนหมอกในตอนเช้า
    เหมือนน้ำค้างที่เหือดหายไปในยามเช้า
เหมือนแกลบที่ปลิวไปจากลานนวดข้าว
    และเป็นเหมือนควันที่ลอยออกมาจากช่องลม

เรายาห์เวห์ เป็นพระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในแผ่นดินอียิปต์
เจ้าไม่ผูกพันกับพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
    และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นนอกจากเรา
เป็นเรานี่แหละ ที่รู้จักเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
    ในแผ่นดินที่ร้อนแผดเผานั้น
ตอนที่เราเลี้ยงดูและนำทางพวกเขานั้น
    พวกเขามีกินอย่างเหลือเฟือ
    แต่พวกเขาก็เย่อหยิ่งจองหองขึ้นมา และลืมเรา
ดังนั้นเราจะเป็นเหมือนสิงโตต่อพวกเขา
    เราจะซุ่มคอยพวกเขาเหมือนเสือดาวข้างทาง
เราจะเข้าจู่โจมพวกเขาเหมือนแม่หมีที่ลูกถูกแย่งไป
    เราจะฉีกอกพวกเขาออก
เราจะกัดกินพวกเขาเหมือนสิงโตกัดกินเหยื่อ
    เราจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นเหมือนที่สัตว์ป่าฉีกเหยื่อของมัน
อิสราเอล เราจะทำลายเจ้า
    ใครจะช่วยเจ้าได้
10 ไหนล่ะ กษัตริย์ของเจ้า
    เขาจะให้ชัยชนะกับเจ้าในเมืองทั้งหลายของเจ้าได้หรือ
แล้วไหนล่ะ พวกผู้นำของเจ้า ที่เจ้าพูดว่า
    “ขอกษัตริย์กับพวกผู้นำให้กับเราด้วย”
11 ตอนเราโกรธ เราให้กษัตริย์กับเจ้า
    และเมื่อเราโกรธอีก เราได้เอากษัตริย์ไปจากเจ้า

12 ความผิดของเอฟราอิมถูกมัดไว้แล้วในหนังสือม้วน
    ความบาปทั้งหลายของเขาได้เก็บบันทึกไว้แล้ว
13 การเจ็บท้องคลอด บอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะเกิดแล้ว
    แต่เขาไม่เป็นเด็กที่ฉลาด
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะคลอดออกมา
    เขาไม่ยอมโผล่มาที่ปากช่องคลอด

14 เราควรจะไถ่พวกเขาให้พ้นจากแดนคนตายไหม
เราควรจะไถ่พวกเขาจากความตายไหม
    เจ้าความตาย นำพวกภัยพิบัติของเจ้ามาเลย
    เจ้าแดนคนตาย นำความหายนะของเจ้ามาเลย
    ยังไงเราก็ไม่เปลี่ยนใจ ที่จะลงโทษพวกเขาหรอก
15 ถึงแม้ว่าเอฟราอิมจะเจริญเติบโตเหมือนต้นอ้อ
    ลมทางทิศตะวันออกกำลังมา
    ลมหายใจของพระยาห์เวห์กำลังพัดมาจากทะเลทราย
บ่อน้ำของเอฟราอิมกำลังเหือดแห้งไป
    และตาน้ำของเขาจะแห้งไป
ลมนั้นจะปล้นสมบัติของเขาไป
    และเอาของมีค่าทุกอย่างไป
16 สะมาเรียจะต้องรับผิด
    เพราะเธอกบฏต่อพระเจ้าของเธอ
พวกเขาจะถูกดาบฟาดฟันให้ล้มลง
    ลูกเด็กเล็กแดงของเขาจะถูกฟาดลงกับพื้นดิน
    และพวกผู้หญิงของพวกเขาที่มีครรภ์จะถูกผ่าท้อง

สดุดี 137-138

เยรูซาเล็มตอนเป็นเชลยในบาบิโลน

พวกเรานั่งอยู่ริมแม่น้ำทั้งหลายในบาบิโลน
    และร้องไห้เมื่อระลึกถึงศิโยน[a]
พวกเราได้แขวนพิณไว้
    บนต้นหลิวในเมืองนั้น
และที่นั่น พวกผู้จับกุมพวกเราเรียกให้พวกเราร้องเพลง
    พวกที่เยาะเย้ยพวกเราสั่งให้พวกเราสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขา
พวกเขาสั่งว่า
    “ร้องเพลงเกี่ยวกับศิโยนให้พวกเราฟังสักเพลงซิ”

แต่พวกเราจะร้องเพลงของพระยาห์เวห์
    ในแผ่นดินของคนต่างชาตินี้ได้ยังไง
เยรูซาเล็มเอ๋ย ถ้าหากข้าพเจ้าลืมเจ้า
    ก็ขอให้มือขวาของข้าพเจ้านี้ลืมวิธีเล่นพิณเสีย
ขอให้ลิ้นของข้าพเจ้าติดอยู่ที่เพดานปาก
    ถ้าหากข้าพเจ้าลืมเจ้า
    หรือ ถ้าหากข้าพเจ้าไม่ได้ยกเจ้าให้สำคัญยิ่งกว่าสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขที่สุด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ให้ระลึกถึงสิ่งที่คนเอโดมทำในวันที่เยรูซาเล็มพินาศ
    พวกเขาตะโกนว่า “พังมันลงมา พังมันลงมา ให้ถึงรากถึงโคน”

นางสาวบาบิโลนเอ๋ย ผู้ที่กำลังจะถูกทำลายไป
    คนที่ตอบแทนเจ้าอย่างสาสมกับที่เจ้าทำกับเรานั้นถือว่ามีเกียรติจริงๆ
คนที่จับพวกทารกของพวกเจ้าไปฟาดกับก้อนหินนั้น
    ถือว่ามีเกียรติจริงๆ

ขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับการปกป้อง

เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าพระเจ้าทั้งหลาย
ข้าพเจ้าจะกราบลงหันหน้าตรงไปยังวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์
    สิ่งที่พระองค์สัญญาว่าจะทำนั้นจะสร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์มาก ยิ่งกว่าชื่อเสียงที่พระองค์มีอยู่ตอนนี้เสียอีก
เมื่อข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ตอบ
    พระองค์ทำให้จิตใจของข้าพเจ้ากล้าหาญและเข้มแข็ง

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้กษัตริย์ทั้งหมดบนแผ่นดินโลกนี้พากันสรรเสริญพระองค์
    เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดจากปากของพระองค์
ขอให้พวกเขาร้องเพลงเรื่องหนทางทั้งหลายของพระยาห์เวห์
    เพราะสง่าราศีของพระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่นัก
ถึงแม้พระยาห์เวห์จะได้รับการยกย่องสูงสุด พระองค์ก็ยังสนใจคนที่ต่ำต้อย
    พระองค์รู้ว่าคนเย่อหยิ่งทำอะไรแม้ว่าพระองค์จะอยู่ห่างไกล

หากว่าข้าพเจ้าเดินอยู่ในท่ามกลางอันตราย
    พระองค์ก็จะรักษาชีวิตของข้าพเจ้าไว้
พระองค์ก็จะยื่นมือของพระองค์ออกมาต่อต้านพวกศัตรูที่โกรธเกรี้ยวข้าพเจ้า
    มือขวาของพระองค์ก็จะช่วยกู้ข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์จะแก้แค้นแทนข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
    ขออย่าได้ทอดทิ้งพวกเราผู้ที่พระองค์สร้างขึ้นมากับมือ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International