Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 16

16 พวกเขาได้นำเอาหีบของพระเจ้าเข้ามาวางไว้ภายในเต็นท์ที่ดาวิดได้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ และพวกเขาก็ได้เผาสัตว์ทั้งตัวถวายเป็นเครื่องบูชา และถวายเครื่องสังสรรค์บูชาต่อหน้าพระเจ้า เมื่อดาวิดได้ถวายเครื่องบูชาเหล่านั้นเสร็จแล้ว เขาก็ได้อวยพรให้กับประชาชนในนามของพระยาห์เวห์ และเขาก็ได้แจกจ่ายขนมปังหนึ่งก้อน เค้กอินทผลัมกับขนมลูกเกดอัดให้กับชาวอิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง

ดาวิดได้แต่งตั้งชาวเลวีบางคนให้ไปรับใช้อยู่ต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ เพื่อให้เฉลิมฉลองพระเกียรติ ขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล อาสาฟได้เป็นหัวหน้าและมีเศคาริยาห์เป็นผู้ช่วย ยังมี เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล เป็นผู้เล่นพิณใหญ่และพิณเล็ก ส่วนอาสาฟเป็นคนตีฉาบ นักบวชเบไนยาห์กับนักบวชยาฮาซีเอลเป็นคนเป่าแตรอยู่ต่อหน้าหีบแห่งคำสัญญาของพระเจ้าเป็นประจำ แล้วในวันนั้นเอง ดาวิดก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยอาศัยอาสาฟและญาติๆของอาสาฟคอยช่วยเหลือ

เพลงขอบคุณของดาวิด

(สดด. 105:1-15; 96:1-13; 106:47-48)

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ ให้กระจายชื่อเสียงของพระองค์ออกไป
    ให้บอกชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ทำ
ให้ร้องเพลงให้กับพระองค์ ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    ใคร่ครวญถึงสิ่งน่าทึ่งทั้งหมดที่พระองค์ได้ทำ
10 โอ้อวดถึงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    ขอให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระยาห์เวห์มีความสุขเถิด
11 ให้แสวงหาพระยาห์เวห์และพละกำลังที่มาจากพระองค์เถิด
    ให้แสวงหาหน้าของพระองค์อยู่เสมอ
12 ให้ระลึกถึงเรื่องน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำ
    ให้ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำและคำตัดสินทั้งหลายที่ออกมาจากปากของพระองค์
13 ลูกหลานของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
    ลูกหลานของยาโคบพวกที่พระองค์ได้เลือกไว้เอ๋ย
14 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
    คำตัดสินทั้งหลายของพระองค์จะเป็นจริงอย่างนั้นในทุกหนแห่งทั่วโลก
15 อย่างนั้น ให้จดจำข้อตกลงของพระองค์ตลอดไป
    คือคำสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับคนของพระองค์เป็นพันรุ่น
16 พระองค์จะรักษาคำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม
    และคำสาบานของพระองค์ที่ให้ไว้กับอิสอัค
17 พระองค์ทำให้มันเป็นกฎสำหรับยาโคบ
    และเป็นข้อตกลงให้กับอิสราเอลตลอดไป
18 พระองค์พูดว่า “เราจะมอบดินแดนคานาอัน
    ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตลอดไป”
19 พระองค์ได้ทำสิ่งนี้ตอนที่พวกเขายังมีกันอยู่ไม่กี่คน
    และยังเป็นคนต่างด้าวแค่กระจุกเดียวในดินแดนนั้นอยู่เลย
20 พวกเขาเร่ร่อนพเนจรจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
    จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
21 แต่พระเจ้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงพวกเขา
    พระองค์ได้เตือนพวกกษัตริย์ทั้งหลายว่า
22 “อย่าแตะต้องคนเหล่านั้นที่เราได้เลือกไว้แล้ว
    อย่าได้ทำร้ายพวกผู้พูดแทนเรา”
23 ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์เถิด
    ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
24 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
    ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
25 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
    พระองค์น่ายำเกรงกว่าพระเจ้าทั้งปวง
26 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นแค่รูปเคารพ
    แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
27 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
    อำนาจและความชื่นบานอยู่ในบ้านของพระองค์
28 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
    สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
29 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
    ให้นำเครื่องบูชาเข้ามาอยู่ต่อหน้าพระองค์
    ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์
30 มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
    โลกทั้งใบก็อยู่อย่างมั่นคงจะไม่มีวันสั่นคลอน
31 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
    ให้คนพูดกันท่ามกลางชนชาติทั้งหลายๆว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง”
32 ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
    ให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
33 ขอให้ต้นไม้ในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
    เมื่อพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
34 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดีแท้
    ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
35 ให้ท่านพูดว่า
“ข้าแต่พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา ได้โปรดช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
    โปรดรวบรวมและช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากชนชาติต่างๆ
เพื่อพวกเราจะได้ขอบคุณชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    แล้วจะได้โอ้อวดถึงสิ่งน่าสรรเสริญทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    ผู้เป็นอยู่ตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป
แล้วประชาชนทั้งหลายก็พูดว่า ‘อาเมน’ และพวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์”

37 ดาวิดได้ทิ้งให้อาสาฟกับญาติๆของเขาไว้ ให้อยู่ต่อหน้าหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้ประจำต่อหน้าหีบตามงานที่ต้องทำในแต่ละวันนั้น 38 ดาวิดก็ได้ให้โอเบดเอโดมและเยฮียาห์กับญาติๆของพวกเขาอีกหกสิบแปดคน อยู่ที่นั่นด้วย โอเบดเอโดมลูกชายของเยดูธูนกับโฮสาห์เป็นคนเฝ้าประตู

39 และที่หน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ของพระยาห์เวห์ ที่ตั้งอยู่ในสถานที่สูง ในกิเบโอน มีนักบวชศาโดกและเหล่านักบวชเพื่อนๆของเขา 40 ทำหน้าที่เผาสัตว์ทั้งตัวบนแท่นบูชาถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์เป็นประจำทุกเช้าเย็นตามทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้ในกฏของพระยาห์เวห์ ที่พระองค์ได้สั่งไว้กับชนชาติอิสราเอล 41 ยังมีเฮมาน เยดูธูนและคนอื่นๆที่ได้รับเลือกและถูกระบุชื่อไว้ให้อยู่ที่นั่นเพื่อร้องเพลงขอบคุณพระยาห์เวห์ อย่างเช่น “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป”[a] 42 มีพวกแตรและฉาบอยู่ที่นั่นกับเฮมานและเยดูธูนด้วย เพื่อให้คนเหล่านั้นใช้มันเล่นบรรเลงประกอบเพลงถวายให้กับพระเจ้า และบรรดาลูกชายของเยดูธูนเป็นคนเฝ้าประตู

43 แล้วประชาชนทั้งหมดก็กลับบ้าน และดาวิดก็กลับวังของเขาเพื่อที่จะไปอวยพรให้กับครอบครัวของเขา

ยากอบ 3

ให้ระมัดระวังคำพูด

พี่น้องครับ อย่าอยากเป็นครูกันมากนักเลย เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า พวกครูทั้งหลายจะถูกตัดสินเข้มงวดกว่าคนอื่นๆ เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดกันอยู่เรื่อย ถ้าใครที่บังคับลิ้นไม่ให้พูดผิดพลาดได้ คนๆนั้นก็เป็นคนดีพร้อม เขาก็จะบังคับส่วนอื่นๆในตัวเขาได้ด้วย ดูอย่างม้าสิ ถ้าเราอยากให้มันเชื่อฟัง เราก็เอาบังเหียนใส่ไว้ในปากของมัน เท่านี้เราก็บังคับมันได้ทั้งตัวแล้ว ดูอย่างเรือสิ ถึงแม้จะลำใหญ่โตแล่นไปด้วยกระแสลมแรง แต่ก็ถูกบังคับด้วยหางเสืออันเล็กๆเท่านั้น คนขับก็บังคับให้แล่นไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจ ก็เหมือนกับลิ้น ถึงแม้จะเป็นอวัยวะเล็กๆแต่โม้เรื่องใหญ่โตได้ คิดดูสิ ไฟป่าที่ลุกลามใหญ่โตนั้นเกิดจากเปลวไฟเล็กๆเท่านั้น ลิ้นก็คือไฟนี่แหละ มันเป็นโลกของความชั่วร้าย ที่อยู่ท่ามกลางอวัยวะอื่นๆของร่างกายเรา และมันทำให้ทั้งร่างของเราเสื่อมไป มันเผาเราทั้งชีวิตด้วยไฟที่ตรงมาจากนรก สัตว์ทุกชนิดทำให้เชื่องได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ แล้วก็มีคนเคยทำให้พวกมันเชื่องมาแล้วด้วย แต่กับลิ้นนี่ ไม่มีใครทำให้มันเชื่องได้เลย มันดุร้ายและชั่วช้า เต็มไปด้วยพิษสงถึงตายได้ เราใช้ลิ้นสรรเสริญองค์เจ้าชีวิต และพระบิดา และเราก็ใช้มันสาปแช่งคนที่พระเจ้าสร้างมาตามแบบของพระองค์ด้วย 10 ปากอันเดียวกันนี้แหละ ที่มีทั้งคำสรรเสริญ และคำสาปแช่งออกมา ขออย่าให้เป็นอย่างนี้เลยครับพี่น้อง 11 จะให้น้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาจากตาน้ำอันเดียวกันได้อย่างไร 12 พี่น้องครับ จะให้ต้นมะเดื่อออกลูกเป็นมะกอกเทศ หรือจะให้ต้นองุ่นออกลูกเป็นมะเดื่อได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ น้ำพุที่ให้น้ำเค็มจะให้น้ำจืดด้วย ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน

สติปัญญาที่ถูกต้อง

13 ใครในพวกคุณที่คิดว่าตัวเองฉลาดและมีความรู้ความเข้าใจดี ก็ให้เขาแสดงออกโดยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และถ่อมตัวทำทุกอย่างด้วยความฉลาด 14 แต่ถ้าคุณมีใจที่อิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ก็ไม่น่าจะอวดฉลาด และพยายามปกปิดความจริง 15 ความฉลาดอย่างนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระวิญญาณแต่มาจากปีศาจ 16 ที่ไหนที่มีแต่การอิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็มีแต่ความวุ่นวาย และจะมีแต่เรื่องชั่วร้ายเต็มไปหมด 17 แต่ความฉลาดที่มาจากพระเจ้านั้น คุณสมบัติแรกคือความบริสุทธิ์ และต่อมาคือการสร้างความสงบสุข เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีใจกว้างขวาง เต็มไปด้วยความเมตตา และเกิดผลดีมากมาย มีความยุติธรรม และซื่อสัตย์ 18 คนที่สร้างความสงบสุขด้วยสันติวิธี ก็จะได้เก็บเกี่ยวชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ

โอบาดียาห์

ชนชาติเอโดมจะถูกลงโทษ

นี่คือนิมิตของโอบาดียาห์[a]

พวกเราได้ยินรายงานจากพระยาห์เวห์ว่า
    พระองค์ได้ส่งผู้ส่งข่าวคนหนึ่งออกไปท่ามกลางชนชาติต่างๆให้ไปบอกว่า
“ลุกขึ้นไปทำสงครามกับเอโดมกันเถอะ”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของผมพูดอย่างนี้กับเอโดม

พระยาห์เวห์พูดว่า “เอโดม เราได้ทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่กระจอกท่ามกลางชนชาติต่างๆ
    และเจ้าก็ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามมาก
เจ้าหลงตัวเองคิดว่าแน่เหลือเกิน
    เจ้าได้อาศัยอยู่ตามถ้ำบนผาสูง[b]
    และบ้านของเจ้าอยู่บนภูเขาสูง
เจ้าคิดในใจว่า
    ‘เราตั้งอยู่สูงขนาดนี้ไม่มีใครดึงให้เราลงไปถึงพื้นดินได้หรอก’”

พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ถึงแม้เจ้าจะทำรังสูงเหมือนนกอินทรี
    ถึงจะทำรังอยู่ท่ามกลางดวงดาวต่างๆ
    เราก็จะดึงเจ้าลงมาจากที่นั่น”
ถ้าพวกขโมยขึ้นบ้านเจ้าหรือพวกโจรมาบุกในตอนกลางคืน
    พวกมันก็จะขโมยไปแค่ที่มันอยากได้ ไม่ใช่หรือ
หรือเมื่อคนงานมาเก็บองุ่นในไร่ของเจ้า
    พวกเขาก็ยังเหลือองุ่นทิ้งไว้บ้าง ไม่ใช่หรือ
แต่เอโดม ศัตรูของเจ้า จะทำลายเจ้าลงอย่างราบคาบ
ศัตรูจะค้นหาทุกซอกทุกมุม
    และเอาทรัพย์สมบัติที่เอซาวซ่อนไว้ไปจนหมดเกลี้ยง
และพันธมิตรทั้งหมดของเจ้าก็จะขับไล่เจ้าออกไปอยู่ที่ชายแดน
    คนที่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับเจ้าก็จะทำให้เจ้าตายใจ แล้วยึดครองเจ้า
สหายที่เจ้ากินด้วยก็จะให้คนต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานในบ้านเมืองของเจ้าแทนเจ้า
    ความเฉลียวฉลาดก็จะหมดไปจากแผ่นดินเอโดม

พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในวันนั้นเราจะทำลายคนเฉลียวฉลาดให้หมดไปจากเอโดม
    และเราจะทำลายคนที่มีความเข้าใจจากภูเขาของเอซาว[c]
เมืองเทมาน[d] แม้แต่นักรบผู้เก่งกล้าของเจ้าก็ยังจะกลัวจนหัวหด
    แต่ละคนจะถูกฆ่าจนหมดไปจากภูเขาเอซาว
10 เพราะความโหดร้ายที่เจ้าทำต่อยาโคบน้องของเจ้า
    เจ้าจะต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน
    และเจ้าจะถูกทำลายไปตลอดกาล
11 เจ้ายืนอยู่เฉยๆในวันที่คนต่างชาติเข้ามายึดทรัพย์สินและคนของยาโคบไป
    ในวันที่คนต่างชาติบุกเข้ามาทางประตูเมืองและจับสลากแบ่งเมืองเยรูซาเล็มกัน
    และเอโดม เจ้าก็ทำตัวเหมือนคนหนึ่งในพวกเขา
12 ตอนนั้นเจ้าไม่น่าจะไปสมน้ำหน้าในความล่มจมของน้องชายเจ้า[e] ในวันที่เขาได้รับความหายนะนั้น
และเจ้าก็ไม่น่าจะเฉลิมฉลองในความสูญเสียของคนยูดาห์ในวันที่เขาถูกทำลาย
และเจ้าก็ไม่น่าจะคุยเย้ยทับถมพวกเขาในวันที่พวกเขาเดือดร้อนนั้น
13 เจ้าไม่น่าจะบุกเข้าไปในประตูเมืองของคนของเราในวันที่พวกเขาทนทุกข์ทรมานนั้น
    เจ้าไม่น่าจะไปสมน้ำหน้าในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในวันที่พวกเขาทนทุกข์ทรมานนั้น
เจ้าไม่น่าจะยึดเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปในวันที่เขาทนทุกข์ทรมานนั้น
14 เจ้าไม่น่าจะไปยืนดักที่ทางแยกเพื่อดักจับคนยูดาห์ที่กำลังจะหนีไป
    เจ้าไม่น่าจะมอบคนที่รอดชีวิตนั้นไปให้กับศัตรูในวันที่เขาเดือดร้อนนั้น
15 เพราะวันของพระยาห์เวห์ที่พระองค์จะมาตัดสินทุกๆชนชาติใกล้จะมาถึงแล้ว
เอโดม เจ้าทำอะไรไว้กับคนอื่น เจ้าก็จะได้รับอย่างนั้นเหมือนกัน
    กรรมที่เจ้าได้ก่อไว้ มันจะสนองกลับมาลงบนหัวเจ้าเอง
16 ส่วนเจ้า คนยูดาห์ เจ้าได้ดื่มจากจอกแห่งการลงโทษบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
    ทุกชนชาติก็จะต้องดื่มจากจอกแห่งการลงโทษนั้นเหมือนกัน
พวกเขาจะดื่มกันอย่างตะกละตะกลาม
    และจะหายไปเหมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
17 แต่บนภูเขาศิโยน ก็จะมีคนที่หลบหนีมาอยู่
    มันจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
และคนของยาโคบจะกลับมาครอบครองแผ่นดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอีกครั้งหนึ่ง
18 ครอบครัวของยาโคบก็จะเป็นเหมือนไฟ
    ครอบครัวของโยเซฟ[f] ก็จะเป็นเหมือนเปลวไฟ
แต่ครอบครัวของเอซาวก็จะเป็นเหมือนแกลบ
    ครอบครัวของยาโคบก็จะเผาพวกมันจนสิ้นซาก
และจะไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยในครอบครัวของเอซาว
    เพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งให้มันเป็นอย่างนั้น
19 ชาวยูดาห์ที่อยู่ที่เนเกบ ก็จะได้ครอบครองภูเขาของเอซาว
    และคนเชเฟลาห์[g] ก็จะได้ครอบครองดินแดนของฟีลิสเตีย
คนอิสราเอลก็จะได้ครอบครองแคว้นเอฟราอิมและแคว้นสะมาเรีย
    เผ่าเบนยามินก็จะได้ครอบครองแคว้นกิเลอาด
20 กองทัพของพวกเชลยชาวอิสราเอลก็จะได้ครอบครองแผ่นดินคานาอันไปจนถึงศาเรฟัท
    และพวกเชลยศึกชาวเยรูซาเล็ม ที่อยู่ที่เสฟาราดก็จะได้ครอบครองเมืองต่างๆของเนเกบ
21 พวกวีรบุรุษกู้ชาติก็จะขึ้นไปบนภูเขาศิโยนเพื่อปกครองภูเขาของเอซาว
    แล้วพระยาห์เวห์ก็จะครอบครองเป็นกษัตริย์”

ลูกา 5

พระเยซูเลือกลูกศิษย์

(มธ. 4:18-22; มก. 1:16-20)

วันหนึ่งเมื่อพระเยซูยืนอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท มีคนเป็นจำนวนมากเบียดเสียดพระองค์ เพื่อฟังคำสอนของพระเจ้า พระองค์เห็นเรือสองลำที่ชาวประมงจอดทิ้งไว้บนฝั่งเพื่อล้างอวน พระเยซูจึงขึ้นไปบนเรือลำหนึ่งที่เป็นของซีโมน และขอให้เขาเอาเรือออกห่างจากฝั่งเล็กน้อย แล้วพระองค์ก็นั่งลงสอนคนจากเรือลำนั้น

เมื่อพระองค์สอนเสร็จแล้วก็พูดกับซีโมนว่า “ออกไปที่น้ำลึกหน่อย จะได้หย่อนอวนลงจับปลา”

แต่ซีโมนตอบว่า “อาจารย์ครับ พวกเราตรากตรำลากอวนกันมาทั้งคืนแล้ว ก็ยังจับไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าอาจารย์บอกให้ทำ ผมก็จะลองใหม่” เมื่อพวกเขาทำตามที่พระเยซูบอก ก็จับปลาได้เยอะมากจนอวนเกือบขาด พวกเขาก็เลยต้องส่งสัญญาณเรียกเพื่อนร่วมงานในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย ปรากฏว่าพวกเขาได้ปลามาเต็มสองลำเรือจนเรือเกือบจะจม

เมื่อซีโมนเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงกราบที่เข่าของพระเยซูและพูดว่า “อาจารย์ ไปให้ห่างจากผมเถิด เพราะผมมันคนบาป” ที่พูดอย่างนั้นเพราะตัวเขาและเพื่อนๆรู้สึกตกตะลึงที่จับปลาได้มากขนาดนั้น 10 ยากอบและยอห์น ลูกชายของเศเบดีที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับซีโมนเองก็ตกตะลึงเหมือนกัน แล้วพระเยซูก็พูดกับซีโมนว่า “ไม่ต้องกลัว ต่อไปนี้คุณจะจับคนแทนปลา”

11 เมื่อพวกเขาลากเรือมาถึงฝั่ง พวกเขาก็ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วติดตามพระเยซูไป

พระเยซูรักษาคนโรคผิวหนังร้ายแรง

(มธ. 8:1-4; มก. 1:40-45)

12 เมื่อพระเยซูอยู่ในเมืองๆหนึ่ง มีชายคนหนึ่งที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงทั่วทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซู ก็มาก้มกราบอ้อนวอนว่า “นายท่าน ถ้าท่านอยากช่วย ท่านก็ทำให้ผมหายได้”

13 พระเยซูจึงยื่นมือออกไปแตะตัวเขาแล้วพูดว่า “เราอยากช่วย หายจากโรคเถิด” เขาก็หายจากโรคผิวหนังร้ายแรงทันที 14 แล้วพระเยซูสั่งว่า “อย่าไปเล่าให้ใครฟัง แต่ไปให้นักบวชตรวจดู และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้ให้คนที่หายจากโรคผิวหนังร้ายแรงต้องทำเพื่อคนอื่นจะได้รู้ว่าคุณหายแล้ว”

15 ถึงแม้ว่าพระองค์จะสั่งห้ามไม่ให้เขาพูด แต่ข่าวเกี่ยวกับพระองค์ก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปมากขึ้น ดังนั้นชาวบ้านมากมายจึงพากันมาฟังพระองค์สั่งสอน และมารับการรักษาให้หายจากโรคต่างๆ 16 แต่บ่อยครั้งที่พระเยซูหลบไปที่สงบเงียบเพื่ออธิษฐาน

พระเยซูรักษาคนง่อย

(มธ. 9:1-8; มก. 2:1-12)

17 อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่พระเยซูกำลังสอนอยู่ มีพวกฟาริสีและพวกครูสอนกฎปฏิบัติที่เดินทางมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และเมืองเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย และองค์เจ้าชีวิตให้ฤทธิ์อำนาจกับพระเยซูเพื่อจะรักษาโรคได้ 18 มีบางคนหามคนเป็นอัมพาตที่นอนอยู่บนเปลมา และพยายามที่จะพาเขาเข้าไปในบ้านเพื่อวางไว้ต่อหน้าพระเยซู 19 แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนแน่นมาก พวกเขาจึงพากันขึ้นไปบนหลังคาบ้าน รื้อหลังคาออกเป็นช่อง แล้วหย่อนชายที่นอนบนเปลนั้นลงไปกลางฝูงชนตรงหน้าพระเยซู

20 เมื่อพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขา พระองค์ก็พูดว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว”

21 พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีก็คิดในใจว่า “คนนี้เป็นใครกัน บังอาจพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ให้อภัยบาปได้”

22 แต่พระเยซูรู้ถึงความคิดเหล่านั้น ก็เลยตอบพวกเขาไปว่า “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น 23 ระหว่างพูดว่า ‘บาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว’ หรือพูดว่า ‘ลุกขึ้นเดิน’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน 24 แต่เพื่อจะให้พวกคุณรู้ว่า ในโลกนี้บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจที่จะให้อภัยบาปได้” แล้วพระองค์จึงพูดกับชายที่เป็นอัมพาตว่า “เราขอสั่งคุณให้ลุกขึ้น เก็บเปลแล้วกลับบ้านไปเถอะ”

25 ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นทันทีต่อหน้าคนทั้งหมด เขายกเปลที่เขาเคยนอนกลับไปบ้านและสรรเสริญพระเจ้า 26 คนทั้งหลายต่างประหลาดใจและพากันสรรเสริญพระเจ้า พวกเขารู้สึกเกรงกลัวและพากันพูดว่า “วันนี้พวกเราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ”

พระเยซูเรียกเลวี

(มธ. 9:9-13; มก. 2:13-17)

27 หลังจากนั้นพระเยซูก็เดินออกไป และพบคนเก็บภาษี ชื่อเลวี นั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี พระเยซูพูดกับเขาว่า “ตามเรามา” 28 เลวีจึงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง และตามพระองค์ไป

29 แล้วเลวีก็จัดงานเลี้ยงใหญ่ให้กับพระเยซูที่บ้านของเขา มีพวกคนเก็บภาษีเป็นจำนวนมาก และคนอื่นๆมาร่วมงานด้วย 30 พวกฟาริสีและพวกครูสอนกฎปฏิบัติบ่นกับลูกศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมพวกคุณถึงกินและดื่มกับพวกคนเก็บภาษี และพวกคนบาปแบบนี้”

31 พระเยซูก็ตอบกลับไปว่า “คนที่สบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการหมอ 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนดี แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับตัวกลับใจ”

พระเยซูตอบคำถามเกี่ยวกับการอดอาหาร

(มธ. 9:14-17; มก. 2:18-22)

33 พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า “ลูกศิษย์ของยอห์นถือศีลอดอาหารและอธิษฐานบ่อยๆ ลูกศิษย์ของพวกฟาริสีก็เหมือนกัน แต่ทำไมลูกศิษย์ของอาจารย์ถึงทั้งกินทั้งดื่มอยู่เรื่อย”

34 พระเยซูพูดกับเขาเหล่านั้นว่า “เพื่อนเจ้าบ่าวจะอดอาหารตอนที่เลี้ยงฉลองอยู่กับเจ้าบ่าวได้หรือ 35 แต่เมื่อถึงวันนั้นที่เจ้าบ่าวถูกพรากไปจากพวกเขา ในวันนั้นแหละพวกเขาจะอดอาหาร”

36 พระองค์เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้ฟัง “คงไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะรูเสื้อเก่าหรอก เพราะถ้าทำอย่างนั้น เสื้อใหม่ก็จะฉีกขาดและชิ้นผ้าใหม่ก็ไม่เข้ากับเสื้อเก่า 37 แล้วคงไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นใหม่ไปใส่ไว้ในถุงหนังเก่าหรอก ถ้าทำอย่างนั้นเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงหนังนั้นแตก เหล้าก็จะไหลออกมาหมด และถุงหนังก็จะพังไปด้วย 38 แต่เหล้าองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ 39 ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วยังอยากดื่มเหล้าองุ่นใหม่อีก เพราะเขาจะบอกว่า ‘เหล้าองุ่นเก่าดีกว่า’”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International