Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 22

โยสิยาห์ปกครองยูดาห์

(2 พศด. 34:1-2, 8-33)

22 โยสิยาห์มีอายุแปดขวบเมื่อเขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามสิบเอ็ดปี แม่ของเขาชื่อว่าเยดีดาห์ นางเป็นลูกสาวของอาดายาห์ ชาวเมืองโบสคาท โยสิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ และได้เดินตามทางทุกทางของดาวิดบรรพบุรุษของเขา ไม่เคยหันซ้ายหรือหันขวา

โยสิยาห์สั่งให้ซ่อมแซมวิหาร

(2 พศด. 34:9-13)

ในปีที่สิบแปด ที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ เขาได้ส่งเลขานุการ ชื่อว่าชาฟานไปยังวิหารของพระยาห์เวห์ ชาฟานเป็นลูกชายของอาซาลิยาห์ ที่เป็นลูกชายของเมชุลลาม โยสิยาห์สั่งชาฟานว่า “ขึ้นไปหาฮิลคียาห์นักบวชสูงสุด บอกให้เขาเตรียมเงินที่ได้เก็บไว้ในวิหารของพระยาห์เวห์ ที่พวกคนเฝ้าประตูเก็บรวบรวมมาจากประชาชนนั้น ให้เขาเอาเงินพวกนั้นไปให้กับพวกหัวหน้าคนงานที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลคนที่มาซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ และให้หัวหน้าคนงานพวกนี้ เอาเงินไปจ่ายให้พวกคนงานที่มาซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งมีทั้งช่างไม้ ช่างก่อสร้าง ช่างอิฐ และให้พวกเขานำไปซื้อไม้และหินที่ตัดแต่งแล้วเพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมวิหาร บอกพวกเขาว่าไม่ต้องทำบัญชีเกี่ยวกับเงินที่ให้พวกเขาไว้ เพราะพวกเขาล้วนทำงานด้วยความซื่อสัตย์”

พบหนังสือธรรมบัญญัติในวิหาร

(2 พศด. 34:14-21)

ฮิลคียาห์นักบวชสูงสุดได้พูดกับชาฟานที่เป็นเลขาว่า “เราได้พบหนังสือธรรมบัญญัติ[a] อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์” เขาได้มอบหนังสือเล่มนั้นให้กับชาฟาน และชาฟานก็อ่านมัน

แล้วชาฟานที่เป็นเลขาก็ไปพบกษัตริย์และบอกกับกษัตริย์ว่า “พวกข้าราชการได้เอาเงินที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ ไปมอบให้กับพวกคนงานและหัวหน้างานที่วิหารแล้ว” 10 แล้วเลขาชาฟานก็บอกข่าวกับกษัตริย์ว่า “นักบวชฮิลคียาห์ได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งให้กับข้าพเจ้า” และชาฟานก็อ่านให้กษัตริย์ฟัง

11 เมื่อกษัตริย์ได้ฟังคำพูดต่างๆในหนังสือธรรมบัญญัติเล่มนั้นแล้ว เขาก็ฉีกเสื้อผ้าออกด้วยความโศกเศร้า 12 เขาได้สั่งนักบวชฮิลคียาห์ อาหิคัมลูกชายของชาฟาน อัคโบร์ลูกชายของมีคายาห์ และเลขาชาฟาน รวมทั้งอาสายาห์ผู้รับใช้ของกษัตริย์ว่า 13 “ไปปรึกษาพระยาห์เวห์ดูสิว่าเราควรทำยังไงดี ไปปรึกษาให้กับเรา ให้กับประชาชนและให้กับชาวยูดาห์ทั้งหมดด้วย เกี่ยวกับสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือที่ถูกพบเล่มนี้ เพราะที่ความโกรธอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ได้เผาผลาญพวกเรานี้ ก็เพราะบรรพบุรุษของพวกเราไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดในหนังสือเล่มนี้ พวกเขาไม่ยอมทำตามทุกสิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ที่พวกเราจะต้องทำ”

เรื่องกษัตริย์โยสิยาห์กับนางฮุลดาห์

(2 พศด. 34:22-28)

14 นักบวชฮิลคียาห์ อาหิคัม อัคโบร์ ชาฟานและอาสายาห์ได้ไปพูดกับฮุลดาห์หญิงผู้พูดแทนพระเจ้า นางเป็นเมียของชัลลูมลูกชายของทิกวาห์ซึ่งเป็นลูกชายของฮารฮัส ชัลลูมมีหน้าที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของนักบวช ฮุลดาห์อาศัยอยู่ในเขตที่สองของเมืองเยรูซาเล็ม

15 นางพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่าอย่างนี้ ‘ให้บอกกับชายที่ส่งพวกเจ้ามาหาเราว่า 16 “พระยาห์เวห์พูดว่า เรากำลังจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือที่กษัตริย์ของยูดาห์ได้อ่านไปแล้วนั้น 17 ความโกรธของเราจะเผาผลาญสถานที่แห่งนี้และจะดับไม่ได้ เพราะพวกเขาละทิ้งเราและไปเผาเครื่องหอม ให้กับพระอื่นๆและมายั่วยุให้เราโกรธด้วยพวกรูปเคารพที่พวกเขาได้สร้างขึ้นกับมือ”

18 ให้บอกกับกษัตริย์ของยูดาห์ ที่ได้ส่งพวกเจ้ามาปรึกษาพระยาห์เวห์ ให้บอกกับเขาว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดคำเหล่านั้นที่เจ้าได้ยินไปแล้ว 19 เมื่อเจ้าได้ยินถึงสิ่งที่เราพูดต่อต้านสถานที่แห่งนี้และคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ว่าสถานที่นี้จะรกร้าง และประชาชนเหล่านี้จะถูกสาปแช่ง เมื่อเจ้าได้ยินอย่างนี้ จิตใจของเจ้าก็สงสาร และถ่อมตัวลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ เจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า และได้ร้องไห้ต่อหน้าเรา เราก็เลยฟังเจ้า” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ 20 ดังนั้นเราจะรวมเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า และศพของเจ้าจะถูกฝังอย่างสงบสุข ตาของเจ้าจะไม่ต้องเห็นความหายนะที่เรากำลังจะนำมาสู่สถานที่แห่งนี้’” แล้วพวกเขาได้เอาข้อความนี้ไปบอกกับกษัตริย์

ฮีบรู 4

คำสัญญาที่พระเจ้าจะให้เราเข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระองค์นั้น ยังไม่ได้ถูกยกเลิก ถ้าอย่างนั้นให้ระวังตัวให้ดี เพื่อจะได้ไม่มีใครในหมู่พวกคุณพลาดโอกาสนั้นไป ทั้งเราและคนอิสราเอลก็ได้ยินข่าวดีเหมือนกัน แต่ข่าวดีนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา เพราะคนที่ได้ยินก็ไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า แต่พวกเราที่ไว้วางใจแล้ว กำลังเข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระเจ้า ส่วนคนที่ไม่ได้ไว้วางใจจะเป็นเหมือนกับที่พระเจ้าได้พูดไว้ว่า

“ตอนที่เราโกรธ เราได้สาบานว่า
    ‘พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับเรา’”[a]

ถึงแม้พระเจ้าได้หยุดพักผ่อนจากการงานของพระองค์แล้วตั้งแต่ตอนที่พระองค์สร้างโลกเสร็จ เพราะมีข้อหนึ่งในพระคัมภีร์ที่พระองค์ได้พูดถึงวันที่เจ็ดว่า “แล้วในวันที่เจ็ด พระเจ้าหยุดพักจากการงานทั้งหมดของพระองค์”[b] แต่ในข้อข้างบนที่เราอ้างไปแล้วนั้น พระองค์พูดว่า “พวกเขาจะไม่มีวันได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับเรา”

เนื่องจากคำสัญญาที่พระเจ้าบอกว่าจะให้คนของพระองค์หยุดพักผ่อน ยังไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนั้น เพราะคนที่ได้รับข่าวดีก่อนหน้านี้ ไม่ได้เชื่อฟังจึงไม่ได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระองค์ พระเจ้าจึงกำหนดอีกวันหนึ่งที่จะให้คนเข้าไปหยุดพักผ่อน แล้วพระองค์เรียกมันว่า “วันนี้” อีกหลายปีต่อมา พระองค์ก็พูดถึง “วันนี้” ผ่านดาวิด ตามที่ได้ยกมาข้างบนนี้แล้วว่า

“วันนี้ ถ้าเจ้าได้ยินเสียงพระเจ้า ก็อย่ามีใจดื้อรั้น”[c]

เรารู้ว่าโยชูวา[d]ไม่ได้นำพวกอิสราเอลเข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระองค์หรอก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น พระองค์คงไม่พูดถึงวันหยุดพักผ่อนอื่นอีกหลังจากนั้น แสดงว่ายังมีวันหยุดพักผ่อนพิเศษ[e]นั้น รอคนของพระเจ้าอยู่ 10 เพราะคนที่เข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระเจ้านั้น จะหยุดพักผ่อนจากการงานของตน เหมือนกับที่พระเจ้าได้หยุดพักผ่อนจากการงานของพระองค์ 11 ดังนั้น ขอให้เราทุกคนพยายามทุกวิถีทางที่จะได้เข้าไปหยุดพักผ่อนกับพระองค์ จะได้ไม่มีใครถูกทำลาย เพราะไปทำตามตัวอย่างของชาวอิสราเอลพวกนั้นที่ไม่ยอมเชื่อฟัง

12 ถ้อยคำของพระเจ้า[f]นั้นมีชีวิต และเกิดผลมาก คมยิ่งกว่าดาบสองคมทุกชนิด มันแทงทะลุจิตและวิญญาณ ตลอดจนถึงข้อต่อและไขกระดูก มันสามารถแยกแยะแม้แต่ความนึกคิดต่างๆและเจตนาทั้งหลายในใจ 13 ทุกอย่างที่พระองค์สร้างขึ้นมา ไม่มีอะไรที่หลบซ่อนไปจากสายตาของพระองค์ได้ ทุกอย่างถูกเปิดโปงและตีแผ่ต่อสายตาของพระองค์ ผู้ที่เราจะต้องรายงานตัวด้วย

พระเยซูเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดของเรา

14 เรามีหัวหน้านักบวชสูงสุดที่ยิ่งใหญ่คือพระเยซู พระบุตรของพระเจ้า ผู้ที่ได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ดังนั้น ขอให้เรายึดมั่นในความเชื่อที่เราได้ยอมรับไว้แล้ว 15 เพราะหัวหน้านักบวชสูงสุดของเราคนนี้เข้าใจและเห็นใจในจุดอ่อนทั้งหลายของเรา เพราะพระองค์ก็เคยถูกทดลองเหมือนกับเราทุกอย่าง แต่ไม่ได้ทำบาปเลย 16 ดังนั้นขอให้เราทุกคนเข้ามายืนด้วยความมั่นใจต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้าผู้มีความเมตตากรุณา เพื่อเราจะได้รับความปรานี และพบกับความเมตตากรุณาที่พระเจ้าจะช่วยเราในเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือ

โยเอล 1

ตั๊กแตนจะมาทำลายพืชผลในไร่นา

โยเอลลูกชายของเปธูเอลได้รับข่าวสารนี้จากพระยาห์เวห์

ฟังไว้ให้ดี พวกผู้เฒ่าทั้งหลาย
    ฟังไว้ให้ดี ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้
ชั่วชีวิตของพวกเจ้าหรือชั่วชีวิตของบรรพบุรุษเจ้า
    เคยเห็นเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า ไม่เคยแน่
เล่าเรื่องนี้ให้กับลูกๆของเจ้าฟัง
    และให้ลูกๆของเจ้าเล่าต่อให้กับลูกๆของเขาฟัง
    และให้ลูกๆของเขาเล่าต่อให้กับรุ่นหลังจากเขาฟัง
เล่าให้พวกเขาฟังว่าพวกตั๊กแตนวัยเดินเหลืออะไรไว้ให้บ้าง
    ฝูงตั๊กแตนวัยบินก็มากิน
และพวกมันเหลืออะไรไว้ให้บ้าง
    พวกตั๊กแตนวัยกระโดดก็มากิน
และพวกมันเหลืออะไรไว้ให้บ้าง
    พวกตั๊กแตนวัยคลานก็มากิน

ตั๊กแตนบุก

พวกขี้เมาทั้งหลาย ตื่นได้แล้ว และร้องไห้
    พวกนักดื่มเหล้าองุ่นทั้งหลายคร่ำครวญเถอะ
เพราะจะไม่มีเหล้าองุ่นอันแสนหวาน
    ให้เจ้าดื่มอีกต่อไปแล้ว
เพราะมีชนชาติหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มหาศาล นับไม่ถ้วน
    ได้มาบุกแผ่นดินของเรา
ฟันของมันเหมือนฟันของสิงโต
    และเขี้ยวของมันเหมือนเขี้ยวของนางสิงห์
พวกมันทำลายไร่องุ่นของเราอย่างราบคาบ
    และทำลายต้นมะเดื่อของเราจนเหลือแต่ตอ
และลอกเปลือกของต้นมะเดื่อแล้วโยนทิ้งไป
    พวกมันทำให้เถาองุ่นเหลือแต่ไส้ในสีขาว

ผู้คนร้องไห้

ให้คร่ำครวญเหมือนกับหญิงที่ใส่ชุดกระสอบไว้ทุกข์
    ให้กับสามีของนางที่ตายไป
ไม่มีอาหารและเครื่องดื่มที่จะเอามาถวายในพระวิหารอีกต่อไปแล้ว
    พวกนักบวชที่เป็นผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ กำลังคร่ำครวญ
10 ไร่นาถูกทำลาย พื้นดินคร่ำครวญ
    ใช่แล้ว เมล็ดพืชถูกทำลาย
เหล้าองุ่นใหม่เหือดแห้งไป
    น้ำมันมะกอกสดถูกใช้หมดแล้ว
11 หมดหวังแล้ว ชาวไร่ชาวสวนทั้งหลาย
    ร้องไห้เถอะ ชาวไร่องุ่น
ร้องไห้ให้กับข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์
    เพราะผลผลิตในไร่นาถูกทำลายหมดแล้ว
12 ต้นองุ่นเหือดแห้งไป
    ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไป
ต้นทับทิม แม้แต่ต้นอินทผลัม และต้นแอปเปิลรวมทั้งต้นไม้อื่นๆในไร่นาเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว
    ใช่แล้ว ความสุขสนุกสนานเหือดหายไปจากผู้คนด้วยเหมือนกัน
13 พวกนักบวช ใส่เสื้อกระสอบ แล้วร้องไห้เถิด
    ท่านที่เตรียมของถวายที่แท่นบูชา ร้องไห้เถิด
มาสิ พวกผู้รับใช้ของพระเจ้า ให้สวมใส่ชุดกระสอบข้ามคืน
    เพราะไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม ที่จะเอาไปถวายในพระวิหารของพระเจ้าของเจ้าอีกต่อไปแล้ว

การทำลายครั้งยิ่งใหญ่ของฝูงตั๊กแตน

14 ให้จัดเวลาสำหรับการอดอาหาร ให้เรียกประชุม ให้รวบรวมพวกผู้อาวุโส และประชาชนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ ให้รวบรวมทุกคนมาที่พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า และให้พวกเขาร้องขอต่อพระยาห์เวห์

15 วันนั้นจะเป็นวันที่เลวร้าย เพราะใกล้จะถึงวันของพระยาห์เวห์แล้ว และจะมีหายนะอันยิ่งใหญ่ ที่จะมาจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ 16 มันเกิดต่อหน้าต่อตาของเราเลยไม่ใช่หรือ ที่ไม่มีอาหารเหลือแล้ว งานเฉลิมฉลองและความสุขไม่มีแล้วในพระวิหารของพระเจ้าของเรา

17 ผลไม้ที่โผล่ออกมา ก็ฝ่อลีบไปภายใต้กลีบดอกของพวกมัน ยุ้งฉางถูกทำลาย โรงนาก็ถูกรื้อถอน เพราะเมล็ดพืชฝ่อลีบไปหมด

18 ฝูงสัตว์เลี้ยงต่างร้องครวญคราง ฝูงวัวต่างก็เร่ร่อนไปมา เพราะไม่มีทุ่งหญ้าให้กับพวกมัน แม้แต่ฝูงแกะก็ยังถูกทอดทิ้ง 19 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ข้าพเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ เพราะไฟได้เผาผลาญทุ่งหญ้าของที่เปล่าเปลี่ยว และเปลวเพลิงได้เผาไหม้ต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่ง 20 แม้แต่สัตว์ป่าก็ยังส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพราะน้ำในลำธารได้แห้งขอดไป และไฟได้เผาผลาญทุ่งหญ้าของที่เปล่าเปลี่ยวไปหมดแล้ว

สดุดี 140-141

ขอให้รอดพ้นจากศัตรู

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากพวกคนชั่ว
    โปรดปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนโหดร้ายด้วยเถิด
จากคนเหล่านั้นที่ชอบวางแผนทำสิ่งชั่วร้าย
    และวันทั้งวันชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาท
ลิ้นของพวกเขาแหลมคมเหมือนลิ้นงู
    คำพูดของเขาเหมือนพิษงู เซลาห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยปกป้องข้าพเจ้า ให้รอดพ้นจากคนชั่วเหล่านั้นด้วย
    ช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนโหดร้ายผู้ที่ชอบวางแผนทำให้ข้าพเจ้าสะดุดล้ม
คนหยิ่งยโสซ่อนกับดักให้กับข้าพเจ้า
    พวกเขาดึงเชือกกางตาข่าย
    พวกเขาวางพวกบ่วงแร้วตามทางไว้ดักข้าพเจ้า เซลาห์

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”
    ดังนั้นพระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้ช่วยให้รอดอันแข็งแกร่งของข้าพเจ้า
    พระองค์ปกป้องหัวของข้าพเจ้าในวันทำศึกสงคราม
ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่ายอมให้คนชั่วเหล่านั้นได้สิ่งที่พวกมันอยากได้
    อย่ายอมให้แผนการของพวกมันสำเร็จเมื่อพวกมันโจมตี เซลาห์

ขอให้แผนการร้ายที่พวกศัตรูวางต่อข้าพเจ้า
    กลับทำลายพวกมันเอง
10 ขอให้ถ่านหินร้อนตกใส่หัวพวกมัน
    โยนพวกมันเข้าไปในกองไฟด้วย
    โยนมันลงไปให้ติดอยู่ในหลุมทั้งหลายซึ่งปีนออกมาไม่ได้
11 ขอให้ความหายนะตามล่าพวกคนโหดร้ายพวกนั้น
    และตีพวกมันให้ล้มลง

12 ข้าพเจ้ารู้ว่าพระยาห์เวห์จะเข้าข้างคนยากจน
    และนำความยุติธรรมมาให้กับคนขัดสน
13 แล้วคนดีจะขอบคุณพระองค์
    และคนสัตย์ซื่อจะอาศัยอยู่ต่อหน้าพระองค์

คำอธิษฐานขอการปกป้อง

เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ รีบเร่งมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดรับฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
ขอพระองค์ยอมรับคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเหมือนกับกลิ่นของเครื่องหอมบูชา
    ขอพระองค์ยอมรับมือที่ชูขึ้นของข้าพเจ้าเหมือนกับเครื่องถวายในยามเย็น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยตั้งยามให้ระวังปากของข้าพเจ้า
    ช่วยเฝ้าประตูแห่งริมฝีปากของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ขออย่าได้หันจิตใจของข้าพเจ้าไปสู่สิ่งชั่วร้าย อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าไปร่วมมือกับคนชั่วทำสิ่งเลว
    และอย่าให้ข้าพเจ้าไปมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงของพวกมัน

ขอให้คนดีลงโทษข้าพเจ้าเพราะหวังดีต่อข้าพเจ้า
    ขอให้เขาติเตียนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเหมือนน้ำมันที่ชะโลมหัวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธเลย
    แต่ข้าพเจ้ายังคงอธิษฐานต่อต้านสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่คนชั่วทำอยู่
ขอให้พวกผู้นำของพวกเขาถูกโยนลงมาจากหน้าผา
    แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าพระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
กระดูกของพวกเขาจะแตกกระจุยกระจายที่ปากหลุมศพ
    เหมือนกับดินที่ถูกชาวนาไถพรวนจนแตกกระจาย[a]

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองหาความช่วยเหลือจากพระองค์
    ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์ ดังนั้น ขออย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องตาย
ปกป้องข้าพเจ้าจากหลุมพราง
    และจากพวกตาข่ายของคนที่ทำชั่วพวกนั้น
10 ขอให้คนชั่วพวกนั้นตกลงไปในกับดักของเขาเอง
    ในขณะที่ข้าพเจ้าเดินผ่านมันไปอย่างปลอดภัย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International