M’Cheyne Bible Reading Plan
พระยาห์เวห์กู้ยูดาห์จากเซนนาเคอริบ
(2 พศด. 32:20-23; อสย. 37:1-7)
19 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์[a] ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส
3 พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา 4 ไม่แน่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดทั้งหมดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ ไม่แน่นะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”
5 เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า ‘พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า “ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น 7 ตัวเราเองจะใส่วิญญาณแห่งความกังวลเข้าในกษัตริย์อัสซีเรีย เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง”’”
กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม
(อสย. 37:8-13)
8 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพของเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตามไปเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น 9 และเมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเรื่องของกษัตริย์ทีระหะคาร์แห่งเอธิโอเปีย[b] ว่า “ดูสิ กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน”
พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์อีกครั้งหนึ่ง และสั่งพวกเขาว่า 10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า
‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’[c] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดเหล่านั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[d] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายหัวไปไหนกันหมดแล้ว”
14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วเขาก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกทูตสวรรค์เครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติพวกนั้น รวมทั้งดินแดนของพวกเขาด้วย 18 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 19 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์ว่า ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
20 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ เราได้ยินเรื่องที่เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย
21 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า
‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า เธอหัวเราะเยาะเจ้า
นางสาวเยรูซาเล็ม
ส่ายหัวเยาะเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
22 เจ้าดูถูกใคร หรือพูดหมิ่นประมาทใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
23 เจ้าได้เย้ยพระยาห์เวห์ ผ่านทางพวกผู้ส่งข่าวที่เจ้าส่งมา
เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปด้วยรถรบมากมายของข้า
ถึงยอดเขา
ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอน
ข้าได้โค่นพวกต้นสนซีดาร์ที่สูงที่สุดของมัน
และต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
ข้าได้เข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของประเทศนั้น
ข้าไปถึงป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน
24 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน
และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์
จนมันเหือดแห้งไป”
25 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ
เรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
คือเราได้ให้เจ้าทำให้ป้อมปราการของเมืองต่างๆ
กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
26 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้น
กำลังตกใจกลัวและอับอาย
พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง
เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[e]
27 แต่เราก็รู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
28 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า
เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”
29 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้เจ้าจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ให้เจ้ากินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ให้เจ้ากินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมัน และให้เจ้าปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 30 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและผลิผลขึ้นข้างบน 31 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคน ก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์จะทำอย่างนี้
32 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
33 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอก
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
34 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่หน้าเรา
และเพื่อเห็นแก่สัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดผู้รับใช้เรา”
35 แล้วในคืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 36 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่เมืองนีนะเวห์
37 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น ลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน
พระเจ้าพูดผ่านพระบุตรของพระองค์
1 ในสมัยก่อน พระเจ้าได้พูดกับบรรพบุรุษของเราผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระองค์หลายครั้ง ด้วยวิธีการที่หลากหลาย 2 แต่ในยุคสุดท้ายนี้ พระองค์พูดกับเราผ่านทางพระบุตร พระบุตรนั้นเป็นผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้รับทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมรดก พระเจ้าสร้างจักรวาลโดยผ่านทางพระบุตรด้วย 3 พระบุตรนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นพิมพ์เดียวกับพระเจ้าทุกอย่าง พระบุตรใช้คำพูดอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ค้ำจุนทุกสิ่งในโลกไว้แล้ว เมื่อพระบุตรได้ล้างบาปให้มนุษย์เสร็จ พระองค์ได้นั่งลงทางขวามือของผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสวรรค์[a] 4 ดังนั้นพระบุตรจึงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์มากมายนัก เหมือนกับชื่อที่พระองค์ได้รับนั้นก็ยิ่งใหญ่กว่าชื่อของพวกทูตสวรรค์ด้วย
5 เพราะพระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนเลยว่า
“เจ้าคือลูกของเรา
วันนี้เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว”[b]
และพระเจ้าก็ไม่เคยพูดถึงทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า
“เราจะเป็นพ่อของเขา
และเขาจะเป็นลูกของเรา”[c]
6 เมื่อพระเจ้านำบุตรหัวปีของพระองค์มาที่โลกนี้ พระองค์พูดว่า
“ขอให้พวกทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบไหว้เขา”[d]
7 เมื่อพระเจ้าพูดถึงทูตสวรรค์ พระองค์พูดว่า
8 แต่พระเจ้าพูดกับพระบุตรว่า
“ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของพระองค์ จะอยู่ถาวรตลอดไป
และพระองค์จะปกครองอาณาจักรของพระองค์อย่างยุติธรรม
9 พระองค์รักความถูกต้องและเกลียดความชั่ว
นั่นเป็นเหตุที่เรา พระเจ้าของลูก[g] ได้เจิมลูกด้วยการเทน้ำมันบนหัว
เพื่อลูกจะมีเกียรติและมีความยินดีมากกว่าเพื่อนๆของลูก”[h]
10 พระเจ้ายังพูดอีกว่า
“ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ในตอนเริ่มต้นนั้น
พระองค์วางรากฐานของแผ่นดินโลกนี้
และพระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยมือของพระองค์เอง
11 สิ่งเหล่านี้จะสูญสลายไป แต่พระองค์จะยังคงอยู่
สิ่งเหล่านี้จะเปื่อยไปเหมือนเสื้อผ้า
12 พระองค์จะม้วนสิ่งเหล่านี้เก็บเหมือนกับเสื้อคลุม
สิ่งเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนไปเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่พระองค์จะยังคงเหมือนเดิม
และวันเวลาของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”[i]
13 พระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า
“นั่งลงทางขวามือของเราสิ
จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นที่วางเท้าสำหรับเจ้า”[j]
14 ทูตสวรรค์พวกนี้ เป็นวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่พระองค์ส่งไปช่วยคนที่กำลังจะได้รับความรอด ไม่ใช่หรือ
12 เอฟราอิมเฝ้าเลี้ยงลม
และวิ่งไล่ตามลมตะวันออกทั้งวัน
พวกเขาโกหกมากขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น
พวกเขาทำข้อตกลงกับอัสซีเรีย
และส่งน้ำมันมะกอกไปอียิปต์[a]
2 พระยาห์เวห์มีคดีกับยูดาห์
พระองค์จะลงโทษยาโคบตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
และพระองค์จะตอบแทนให้สาสมกับการกระทำเหล่านั้นของพวกเขา
3 ยาโคบโกงพี่ชายตอนที่อยู่ในท้องแม่[b]
เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาได้ปล้ำสู้กับพระเจ้า[c]
4 เขาปล้ำสู้กับทูตสวรรค์ และเขาชนะ
ยาโคบร้องไห้และขอพรจากพระเจ้า
เขาพบพระเจ้าที่เบธเอล
และพระเจ้าพูดกับยาโคบที่นั่น
5 ผู้นี้คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ยาห์เวห์ คือชื่อของพระองค์
6 เจ้าควรจะกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
ให้จงรักภักดีและรักษาความยุติธรรม
และฝากความหวังไว้กับพระเจ้าของเจ้าต่อไป
7 คนพวกนี้เป็นเหมือนกับพวกพ่อค้าคานาอัน ในมือของเขาถือตราชั่งขี้ฉ้อ
เขาชอบโกงคนอื่นเสมอ
8 เอฟราอิมพูดว่า “ดูสิ เราร่ำรวยขนาดไหน
เรารวยขึ้นมาเองนะนี่
ทุกสิ่งที่เราได้ทำที่ทำให้เราร่ำรวยนี้
ไม่มีสักเรื่องเลยที่คนสามารถชี้ได้ว่าเป็นความบาป”
9 เราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในอียิปต์
เราจะทำให้เจ้าต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
เหมือนกับนานมาแล้ว ตอนที่เจ้าอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
10 เราพูดผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และเราได้ทำให้นิมิตเกิดขึ้นมากมาย
และเราพูดเรื่องเปรียบเทียบต่างๆผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
11 มีการไหว้รูปเคารพที่เมืองกิเลอาดไหม
คนที่นั่นจะถูกทำลายอย่างแน่นอน
คนที่เมืองกิลกาลถวายเครื่องบูชากับรูปปั้นวัวตัวผู้ไหม
พวกแท่นบูชาของพวกเขาจะเป็นเหมือนกองหิน[d] ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทุ่งที่ไถแล้วอย่างแน่นอน
12 ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม
อิสราเอลทำงานเพื่อแลกกับเมีย
และเขาเฝ้าดูแลแกะเพื่อแลกกับเมียอีกหนึ่งคน
13 พระยาห์เวห์ใช้ผู้พูดแทนพระเจ้านำอิสราเอลออกจากอียิปต์
และพระองค์ยังใช้ผู้พูดแทนพระเจ้าเฝ้าดูแลอิสราเอล
14 แต่เอฟราอิมทำให้พระยาห์เวห์โกรธมาก พระยาห์เวห์จึงให้พวกเขารับผิดชอบที่ไปฆ่าคนมากมาย
และองค์เจ้าชีวิตของพวกเขาจะตอบแทนพวกเขาที่ไปหลู่เกียรติพระองค์
พระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
สรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์เถิด
สรรเสริญพระองค์ พวกผู้รับใช้ของพระองค์
2 ผู้ที่ยืนทำหน้าที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์
และยืนอยู่ในบริเวณลานวิหารของพระเจ้าของเรา
3 สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นดี
ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะเป็นเรื่องที่น่ายินดี
4 เพราะพระยาห์เวห์เลือกยาโคบมาเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ
เลือกอิสราเอลมาเป็นของรักของหวงของพระองค์
5 ข้าพเจ้ารู้ว่าพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่
องค์เจ้าชีวิตของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง
6 พระยาห์เวห์อยากจะทำอะไรพระองค์ก็ทำอย่างนั้น
ไม่ว่าจะในสวรรค์หรือโลก
ไม่ว่าจะในทะเลหรือที่ลึกของมหาสมุทร
7 พระองค์ทำให้เมฆลอยขึ้นมาจากสุดปลายโลก
พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบมาพร้อมกับฝน
และพระองค์นำลมออกมาจากคลังของพระองค์
8 พระองค์ฆ่าลูกหัวปีของอียิปต์
ทั้งของคนและของสัตว์
9 พระองค์ทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆและการอัศจรรย์ทั้งหลายไปทั่วอียิปต์
เพื่อต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการทั้งหมดของเขา
10 พระองค์ยังปราบปรามชนชาติต่างๆ
และฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
11 เช่น สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์
โอก กษัตริย์ของบาชาน
และอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินคานาอัน
12 แล้วพระองค์มอบแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้น
ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลคนของพระองค์
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชื่อเสียงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
ผู้คนจะจดจำชื่อของพระองค์ไปทุกยุคทุกสมัย
14 พระยาห์เวห์จะให้ความเป็นธรรมกับคนของพระองค์
และมีความเมตตาต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์
15 รูปเคารพของชนชาติต่างๆ
เป็นแค่เงินและทองที่มือมนุษย์สร้างขึ้น
16 มีปากแต่พูดไม่ได้
มีตาแต่มองไม่เห็น
17 มีหูแต่ไม่ได้ยิน
และไม่มีลมหายใจในปากของพวกมัน
18 คนที่สร้างรูปเคารพเหล่านั้นและทุกคนที่ไว้วางใจในรูปเคารพเหล่านั้น
ก็จะเป็นเหมือนกับพวกมัน
19 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
ครอบครัวของอาโรน สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
20 ครอบครัวของเลวี
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ทั้งหลาย สรรเสริญพระองค์เถิด
21 ให้พระยาห์เวห์ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
ได้รับคำสรรเสริญจากศิโยน
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
1 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นดี
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
2 ให้ขอบคุณพระเจ้าผู้อยู่เหนือพระเจ้าทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
3 ให้ขอบคุณองค์เจ้าชีวิตผู้อยู่เหนือเจ้าทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
4 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ที่ทำสิ่งมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
5 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์อย่างชาญฉลาด
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
6 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้แผ่ขยายแผ่นดินออกไปเหนือผืนน้ำ
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
7 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้สร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
8 พระองค์สร้างดวงอาทิตย์เพื่อให้ปกครองกลางวัน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
9 พระองค์สร้างดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายเพื่อให้ปกครองกลางคืน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
10 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ฆ่าพวกลูกชายหัวปีของอียิปต์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
11 พระองค์ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์นั้น
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
12 พระองค์ทำเรื่องนี้ด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกมา
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
13 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ที่แยกทะเลแดงออกเป็นสองส่วน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
14 พระองค์นำอิสราเอลเดินผ่าไปกลางทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
15 พระองค์เหวี่ยงฟาโรห์และกองทัพของเขาทิ้งไปในทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
16 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้นำคนของพระองค์ตอนอยู่ในทะเลทราย
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
17 ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ปราบกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
18 พระองค์ฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
19 พระองค์ฆ่า สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
20 และได้ฆ่าโอก กษัตริย์ของบาชาน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
21 จากนั้น พระองค์ได้ยกแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอล
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
22 พระองค์ยกแผ่นดินของพวกเขาให้กับอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
23 ให้ขอบคุณพระองค์ที่ระลึกถึงเราตอนที่เราตกอยู่ในความเดือดร้อน
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
24 พระองค์ช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรูของเรา
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
25 พระองค์ให้อาหารกับสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
26 ให้ขอบคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International