Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 26-27

พวกคนเฝ้าประตู

26 ในกลุ่มของพวกคนเฝ้าประตู จากชาวโคราห์ มี

เมเชเลมิยาห์ลูกชายของโคเร โคเรเป็นลูกชายคนหนึ่งของอาสาฟ เมเชเลมิยาห์มีลูกชาย คือ เศคาริยาห์เป็นลูกชายคนแรก เยดียาเอลเป็นคนที่สอง เศบาดิยาห์เป็นคนที่สาม ยาทนีเอลเป็นคนที่สี่ เอลามเป็นคนที่ห้า เยโฮฮานันเป็นคนที่หก เอลีโฮนัยเป็นคนที่เจ็ด

โอเบดเอโดมมีลูกชาย คือ เชไมอาห์เป็นลูกคนแรก เยโฮซาบาดเป็นคนที่สอง โยอาห์เป็นคนที่สาม สาคาร์เป็นคนที่สี่ เนธันเอลเป็นคนที่ห้า อัมมีเอลเป็นคนที่หก อิสสาคาร์เป็นคนที่เจ็ด เปอุลเลธัยเป็นคนที่แปด พระเจ้าได้อวยพรโอเบด-เอโดม[a] อย่างแท้จริง

เชไมอาห์ลูกชายของเขาก็มีลูกชายหลายคนที่เป็นผู้นำอยู่ในครอบครัวของพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถ บรรดาลูกชายของเชไมอาห์คือ โอทนี เรฟาเอล โอเบดและเอลซาบาด ยังมีบรรดาพี่น้องของเขาซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถเหมือนกัน คือ เอลีฮู กับ เสมาคิยาห์

ทั้งหมดนี้เป็นลูกหลานของโอเบด-เอโดม ทั้งตัวพวกเขาและลูกชายทั้งหลายรวมทั้งญาติๆของพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและมีเรี่ยวแรงในการทำงาน รวมครอบครัวของโอเบด-เอโดมได้ทั้งหมดหกสิบสองคน

เมเชเลมิยาห์ยังมีลูกชายและญาติๆที่มีความสามารถอีกสิบแปดคน

10 โฮสาห์คนเมรารีก็มีลูกหลานด้วย คือ ชิมรีที่เป็นหัวหน้า (เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายคนแรก แต่พ่อของเขาก็ได้ให้เขาเป็นหัวหน้า) 11 ฮิลคียาห์เป็นคนที่สอง เทบาลิยาห์เป็นคนที่สาม เศคาริยาห์เป็นคนที่สี่ รวมจำนวนของลูกชายและญาติๆของโฮสาห์ได้ทั้งหมดสิบสามคน

12 พวกผู้นำที่เป็นผู้ชายในแผนกคนเฝ้าประตูนี้ มีหน้าที่เหมือนญาติๆของพวกเขาที่เป็นนักร้อง คือรับใช้อยู่ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ 13 พวกเขาได้จับสลากเลือกประตูที่ต้องเฝ้าเป็นครอบครัวๆไปจนครบทุกครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

14 สลากของประตูทางทิศตะวันออกตกเป็นของเมเชเลมิยาห์ และพวกเขาก็ได้จับสลากให้กับเศคาริยาห์ลูกชายของเมเชเลมิยาห์ เศคาริยาห์เป็นที่ปรึกษาที่เฉลียวฉลาด เขาจับสลากได้ประตูทางทิศเหนือ 15 โอเบด-เอโดมได้ประตูทางทิศใต้และพวกลูกชายของเขามีหน้าที่เฝ้าประตูห้องเก็บของ 16 ส่วนชุปปิมและโฮสาห์เฝ้าประตูทิศตะวันตกกับประตูชัลเลเคทที่อยู่บนถนนที่ลาดชันขึ้นไป ยามจากแต่ละครอบครัวจะอยู่ตามตำแหน่งของตน 17 ในแต่ละวัน ที่ประตูทิศตะวันออกมีชาวเลวีอยู่หกคน ที่ประตูทางทิศเหนือมีสี่คน ประตูทางทิศใต้มีสี่คนและที่ประตูห้องเก็บของจะมีคนเฝ้าประจำอยู่ครั้งละสองคน 18 ส่วนที่ลาน[b] ทางทิศตะวันตกจะมีคนอยู่บนถนนสี่คนและมีอยู่ที่ลานสองคน 19 คนเหล่านี้อยู่ในกลุ่มของคนเฝ้าประตู ที่เป็นชาวโคราห์และชาวเมรารี

คลังสมบัติและเจ้าหน้าที่แผนกอื่น

20 จากเผ่าของเลวี อาหิยาห์ทำหน้าที่ดูแลคลังสมบัติของบ้านของพระเจ้า และสมบัติที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

21 ลูกหลานของลาดานเป็นลูกหลานของชาวเกอร์โชน เยฮีเอลีเป็นผู้นำคนหนึ่งของตระกูลลาดาน 22 ลูกหลานของเยฮีเอลี คือ เศธามและโยเอลน้องชายของเศธาม พวกเขามีหน้าที่ดูแลคลังสมบัติในบ้านของพระยาห์เวห์

23 ผู้นำคนอื่นๆก็ได้รับเลือกมาจากคนอัมราม คนอิสฮาร์ คนเฮโบรนและคนอุสซีเอล 24 เชบูเอลลูกหลานของเกอร์โชมที่เป็นลูกชายของโมเสสเป็นหัวหน้าดูแลคลังสมบัติในวิหาร 25 ต่อไปนี้คือญาติๆของชูบาเอล ญาติที่สืบเชื้อสายมาจากเอลีเยเซอร์ คือ เรหับยาห์ลูกชายของเอลีเยเซอร์ เยชายาห์ลูกชายของเรหับยาห์ โยรัมลูกชายของเยชายาห์ ศิครีลูกชายของโยรัม และเชโลโมทลูกชายของศิครี 26 เชโลโมทคนนี้กับญาติๆของเขารับผิดชอบในการดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่กษัตริย์ดาวิด พวกผู้นำครอบครัวและพวกผู้บังคับบัญชากองพันและกองร้อย รวมทั้งพวกแม่ทัพของกองทัพ ได้อุทิศไว้ให้กับพระยาห์เวห์ 27 ของที่ถูกยึดมาได้จากการทำสงครามนั้น พวกเขาได้อุทิศเป็นของขวัญ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมบ้านของพระยาห์เวห์ 28 เชโลโมทคนนี้และญาติๆของเขายังต้องรับผิดชอบดูแลของทั้งหมดที่ซามูเอลผู้ที่เห็นนิมิต[c] ซาอูลลูกชายของคีช อับเนอร์ลูกชายของเนอร์ และโยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้อุทิศไว้

29 เคนานิยาห์กับพวกลูกชายของเขาได้รับมอบหมายจากคนอิสฮาร์ให้ทำงานอยู่ภายนอกวิหาร เป็นเจ้าหน้าที่ศาลและผู้ตัดสินเหนือชนชาติอิสราเอล 30 ฮาชาบิยาห์กับญาติๆของเขาที่มีความสามารถรวมหนึ่งพันเจ็ดร้อยคนได้รับมอบหมายจากคนเฮโบรนให้รับผิดชอบชนชาติอิสราเอลที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนในงานทุกอย่างของพระยาห์เวห์และงานรับใช้ของกษัตริย์ 31 ส่วนคนเฮโบรน มี เยรียาห์เป็นหัวหน้าตามบัญชีรายชื่อเชื้อสายของครอบครัวพวกเขา (ในปีที่สี่สิบที่ดาวิดครองราชย์นั้นพวกเขาได้ตรวจบัญชีรายชื่อ และได้พบคนที่มีความสามารถในหมู่ของพวกเขาที่เมืองยาเซอร์ในกิเลอาด) 32 เยรียาห์มีญาติสองพันเจ็ดร้อยคนซึ่งล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและเป็นผู้นำครอบครัวทั้งสิ้น กษัตริย์ดาวิดจึงได้แต่งตั้งพวกเขาขึ้นเหนือชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ ให้ดูแลธุระทั้งหมดของพระเจ้าและของกษัตริย์

กองต่างๆของกองทัพ

27 ต่อไปนี้คือรายชื่อของชาวอิสราเอลที่เป็นผู้นำครอบครัว เป็นนายพันนายร้อย เป็นเจ้าหน้าที่ของพวกชาวอิสราเอล ที่รับใช้กษัตริย์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองทหาร ที่ผลัดเปลี่ยนเวรในแต่ละเดือนตลอดปี แต่ละกองมีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

ยาโชเบอัมลูกชายของศับดีเอล เป็นผู้รับผิดชอบกองเวรกองแรกสำหรับเดือนแรก ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน ยาโชเบอัมเป็นลูกหลานของเปเรศ เขาเป็นหัวหน้าของผู้บังคับบัญชาทั้งหมดในกองทัพ เขาเข้าเวรในเดือนที่หนึ่ง

โดดัยคนอาโหอาห์ เป็นผู้รับผิดชอบกองเวรสำหรับเดือนที่สอง มิกโลทเป็นรองหัวหน้าของกองนั้น ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

เบไนยาห์ลูกชายของหัวหน้านักบวชเยโฮยาดา เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สามสำหรับเดือนที่สาม ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน ลูกชายของเขาคืออัมมีซาบาดเป็นรองหัวหน้าของกองเวรนี้ เบไนยาห์คนนี้เป็นทหารกล้าอยู่ในหมู่วีรบุรุษสามสิบคน และเป็นผู้นำของสามสิบคนนั้นด้วย

อาสาเฮลที่เป็นน้องชายของโยอาบเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพที่สี่สำหรับเดือนที่สี่ และเศบาดิยาห์ลูกชายของเขาเป็นรองหัวหน้าของกองเวรนี้ ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

ชัมหุทคนอิสราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่ห้าสำหรับเดือนที่ห้า ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

อิราลูกชายของอิกเขชคนเทโคอา เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่หกสำหรับเดือนที่หก ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

10 เฮเลสคนเปโลนจากเผ่าเอฟราอิม เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่เจ็ด สำหรับเดือนที่เจ็ด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

11 สิบเบคัยคนหุชาห์ จากครอบครัวของเศราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่แปด สำหรับเดือนที่แปด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

12 อาบีเยเซอร์คนอานาโธท จากเผ่าเบนยามิน เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่เก้า สำหรับเดือนที่เก้า ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

13 มาหะรัยชาวเนโทฟาห์ จากครอบครัวเศราห์ เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบ สำหรับเดือนที่สิบ ในกองเวรเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

14 เบไนยาห์คนปิราโธน จากเผ่าเอฟราอิม เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบเอ็ด สำหรับเดือนที่สิบเอ็ด ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

15 เฮลดัยชาวเนโทฟาห์ จากครอบครัวของโอทนีเอล เป็นผู้บังคับบัญชากองเวรที่สิบสอง สำหรับเดือนที่สิบสอง ในกองเวรของเขามีทหารอยู่สองหมื่นสี่พันคน

พวกผู้นำกลุ่มครอบครัว

16 ต่อไปนี้คือรายชื่อของพวกผู้นำเผ่าต่างๆของอิสราเอล

สำหรับชาวรูเบน คือ เอลีเยเซอร์ลูกชายของศิครี

สำหรับชาวสิเมโอน คือ เชฟาทิยาห์ลูกชายของมาอาคาห์

17 สำหรับชาวเลวี คือ ฮาชาบิยาห์ลูกชายของเคมูเอล

สำหรับชาวอาโรนคือศาโดก

18 สำหรับชาวยูดาห์คือ เอลีฮู พี่ชายคนหนึ่งของดาวิด

สำหรับชาวอิสสาคาร์ คือ อมรีลูกชายของมีคาเอล

19 สำหรับชาวเศบูลุน คือ อิชมัยอาห์ลูกชายของโอบาดียาห์

สำหรับชาวนัฟทาลี คือ เยเรโมทลูกชายอัสรีเอล

20 สำหรับชาวเอฟราอิม คือ โฮเชยาลูกชายของอาซาซิยาห์

สำหรับครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ คือ โยเอลลูกชายของเปดายาห์

21 สำหรับอีกครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ในกิเลอาด คือ อิดโดลูกชายของเศคาริยาห์

สำหรับชาวเบนยามิน คือ ยาอาซีเอลลูกชายของอับเนอร์

22 สำหรับชาวดาน คือ อาซาเรลลูกชายของเยโรฮัม

คนเหล่านี้เป็นผู้นำของเผ่าต่างๆในอิสราเอล

ดาวิดนับคนอิสราเอล

23 พระยาห์เวห์ได้ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ คือทำให้ชนชาติอิสราเอลมีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวิดก็เลยไม่ได้นับคนที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีลงมา 24 โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เริ่มต้นนับชาวอิสราเอล แต่นับไม่เสร็จ[d] เพราะความโกรธของพระเจ้าในเรื่องนี้ได้ตกลงมาบนชาวอิสราเอลก่อน และจำนวนที่นับนี้ก็ไม่ได้ถูกจดบันทึกลงในหนังสือเหตุการณ์ประจำวันของกษัตริย์ดาวิด

พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์

25 ต่อไปนี้คือรายชื่อของผู้ที่ดูแลพวกคลังสมบัติของกษัตริย์ คือ

อัสมาเวทลูกชายของอาดีเอล มีหน้าที่ดูแลพวกคลังสมบัติของกษัตริย์

โยนาธานลูกชายของอุสซียาห์ มีหน้าที่ดูแลคลังสมบัติในชนบท ในเมืองต่างๆในหมู่บ้านทั้งหลายและในเมืองป้อมปราการ

26 เอสะรีลูกชายของเคลูบ มีหน้าที่ดูแลพวกชาวนาที่เป็นผู้ไถนา

27 ชิเมอีชาวรามาห์ มีหน้าที่ดูแลสวนองุ่น

ศับดีชาวเชฟาม มีหน้าที่ดูแลผลผลิตในสวนองุ่นสำหรับทำเหล้าองุ่น

28 บาอัลฮานันชาวเกเดอร์ มีหน้าที่ดูแลสวนมะกอกกับสวนมะเดื่อที่ภูเขาเชเฟลาห์ทางทิศตะวันตก

โยอาช มีหน้าที่เก็บรวบรวมน้ำมันมะกอก

29 ชิตรัยชาวชาโรน มีหน้าที่ดูแลฝูงวัวในทุ่งหญ้าชาโรน

ชาฟัทลูกชายของอัดลัย มีหน้าที่ดูแลฝูงวัวตามหุบเขาต่างๆ

30 โอบิลชาวอิชมาเอล มีหน้าที่ดูแลฝูงอูฐ

เยเดยาห์ชาวเมโรโนท มีหน้าที่ดูแลฝูงลา

31 ยาซีสชาวฮาการ์ มีหน้าที่ดูแลฝูงแกะ

คนเหล่านี้คือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ดาวิด

32 โยนาธานลุงของดาวิด เป็นที่ปรึกษาที่เฉลียวฉลาดและเป็นผู้จดบันทึก[e] เยฮีเอลลูกชายฮัคโมนีดูแลพวกลูกชายของกษัตริย์ 33 อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ และหุชัยชาวอารคีเป็นเพื่อนของกษัตริย์ 34 ผู้ที่สืบทอดต่อจากอาหิโธเฟลคือเยโฮยาดาลูกชายของเบไนยาห์ กับอาบียาธาร์ ส่วนโยอาบได้เป็นแม่ทัพในกองทัพของกษัตริย์ดาวิด

2 เปโตร 1

จากซีโมน เปโตร ผู้เป็นทาสและศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์

ถึงคนเหล่านั้นที่มีความเชื่อที่มีค่าเท่ากันกับของเรา เพราะพระเจ้าของเราคือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดนั้น[a]ยุติธรรม

ขอพระเจ้าให้ความเมตตากรุณา และสันติสุขกับพวกคุณมากยิ่งๆขึ้น เพราะพวกคุณรู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์เจ้าชีวิตของเราอย่างแท้จริง

พระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งที่เราต้องการ

ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พวกเราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่จะให้เกียรติพระเจ้า เราได้รับสิ่งเหล่านี้ ก็เพราะเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่เรียกเรามาด้วยเกียรติและฤทธิ์เดชของพระองค์ และด้วยเกียรติและฤทธิ์เดชนี้แหละ พระเจ้าได้ให้สัญญาต่างๆที่มีค่าและยิ่งใหญ่กับเราแล้ว พระองค์ให้สิ่งเหล่านี้เพื่อคุณจะได้หลุดพ้นจากความเสื่อมทรามที่อยู่ในโลกนี้ เนื่องจากกิเลสตัณหาของมนุษย์ เพื่อเราจะได้รับสภาพที่เหมือนพระเจ้า

ด้วยเหตุนี้ คุณจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะใช้ความเชื่อสร้างความดี ใช้ความดีสร้างความรู้ ใช้ความรู้เพื่อบังคับตน ใช้การบังคับตนสร้างความอดทน ใช้ความอดทนสร้างชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้า ใช้ชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้าสร้างความผูกพันฉันท์พี่น้อง ใช้ความผูกพันฉันท์พี่น้องสร้างความรัก เพราะถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัว แล้วให้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณจะได้ไม่เป็นคนที่เฉยเมยหรือไร้ประโยชน์ในฐานะคนที่รู้จักพระเยซูคริสต์เจ้า แต่คนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัว ก็เป็นคนสายตาสั้นจนเหมือนบอด และได้ลืมไปว่าบาปที่เขาได้ทำในอดีตนั้น พระเจ้าได้ล้างให้แล้ว

10 ดังนั้น พี่น้องครับ พยายามเต็มที่ เพื่อจะได้แน่ใจว่าคุณจะได้ในสิ่งที่พระเจ้าได้เรียกและเลือกให้คุณมารับนั้น เพราะถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณจะไม่มีวันสะดุดและล้มหายไป 11 แล้วคุณยังจะได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่เข้าไปในอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา 12 ด้วยเหตุนี้ ผมจะคอยเตือนคุณอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ถึงแม้คุณจะรู้และตั้งมั่นคงอยู่ในความจริงนี้แล้วก็ตาม 13 ผมว่าผมทำถูกแล้วนะที่จะเตือนความจำพวกคุณอยู่เรื่อยๆในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่ 14 เพราะรู้ว่าอีกไม่นาน ผมจะต้องจากร่างนี้ไปแล้ว ตามที่พระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเราได้บอกกับผมไว้อย่างชัดเจน 15 ดังนั้น ผมจะต้องทำอย่างดีที่สุด เพื่อที่ว่าเมื่อผมจากโลกนี้ไปแล้ว คุณก็ยังจะจำเรื่องนี้ได้อยู่ตลอดเวลา

ความยิ่งใหญ่ของพระเยซู

16 เมื่อเราประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรากับพวกคุณ ว่าพระองค์จะกลับมาด้วยฤทธิ์เดชนั้น เราไม่ได้เล่าตามนิยายต่างๆที่คนแต่งขึ้นมาอย่างเก่งกาจ แต่เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์เองกับตา 17 เราเห็นพระองค์ได้รับเกียรติและความยิ่งใหญ่จากพระเจ้าพระบิดา ตอนที่มีเสียงพิเศษจากผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด[b]มาถึงพระเยซูว่า “นี่เป็นลูกที่เรารัก เราภูมิใจเขามาก” 18 เมื่อเราอยู่กับพระเยซูบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น เราก็ได้ยินเสียงนั้นที่มาจากสวรรค์

19 เรายังเห็นอีกว่า คำทำนายของผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเชื่อถือได้มากจริงๆ ที่พวกคุณสนใจเรื่องนี้ก็ดีมาก เพราะมันเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้าไปในความมืด จนกว่าจะเช้าและมีดาวรุ่งผุดขึ้นในใจของพวกคุณ 20 แต่ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจเรื่องนี้เสียก่อนว่า คำของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในพระคัมภีร์นั้น ไม่ใช่คำที่พวกเขาคิดขึ้นมาเอง 21 หรืออยากจะพูดก็พูดเอาเอง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ดลใจคนเหล่านี้ให้พูดสิ่งที่มาจากพระเจ้า

มีคาห์ 4

คำสั่งสอนจะมาจากเยรูซาเล็ม

แต่ในวันข้างหน้านั้น เนินของวิหาร ของพระยาห์เวห์จะถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็นยอดสูงสุดของภูเขาทั้งหมด
    มันจะถูกยกขึ้นสูงเหนือเนินเขาทั้งหมด
และคนทั้งหลายจะหลั่งไหลกันไปที่นั่น
ชนชาติต่างๆมากมายจะพากันไปที่นั่น
พวกเขาจะพูดว่า
    “ไป ให้พวกเราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์กันเถอะ
    ไปยังวิหารของพระเจ้าของยาโคบ
เพื่อพระองค์จะได้สอนวิถีทางของพระองค์ให้กับพวกเรา
    แล้วพวกเราจะได้เดินตามเส้นทางของพระองค์”

คำสั่งสอนจะออกมาจากศิโยน
    และคำพูดของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
พระองค์จะเป็นผู้พิพากษาระหว่างคนจำนวนมาก
    พระองค์จะตัดสินระหว่างชนชาติทั้งหลายที่เข้มแข็งที่อยู่ห่างไกล
พวกเขาจะตีดาบของพวกเขาให้เป็นคันไถ
    และตีหอกของพวกเขาให้เป็นเครื่องมือตัดแต่งกิ่งไม้
ชนชาติหนึ่งจะไม่ชูดาบขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง
    และพวกเขาจะไม่มีการฝึกทำสงครามอีกต่อไป
แต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ต้นองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของเขา
    จะไม่มีใครมาทำให้พวกเขาตกใจกลัว
    เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นบอกไว้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้

ถึงแม้ว่าชนชาติอื่นๆจะติดตามพวกพระของเขาไป
    แต่เราจะยังคงติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตลอดไป

พระเจ้าจะนำคนของพระองค์กลับมา

พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในตอนนั้น เราจะรวบรวมคนพิการ คนที่กระจัดกระจายไป
    รวมทั้งคนเหล่านั้นที่เราเคยทำให้บาดเจ็บด้วย

เราจะทำให้คนพิการที่รอดชีวิตเป็นต้นตระกูลของชาติใหม่
    เราจะทำให้คนพวกนั้นที่ถูกขับไล่ออกไปเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่”

พระยาห์เวห์จะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขาบนภูเขาศิโยน ตั้งแต่นั้นไปตลอดกาล
ส่วนเจ้าหอคอยเฝ้าฝูงสัตว์[a]
    ป้อมปราการของนางสาวศิโยน
เวลานั้นจะมาถึง เมื่ออำนาจการปกครองจะกลับมาสู่เจ้า
    อาณาจักรจะกลับมาเป็นของนางสาวเยรูซาเล็มเหมือนเดิม

ทำไมชาวอิสราเอลต้องไปบาบิโลน

เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ทำไมเจ้าถึงได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น
    พวกเจ้าไม่มีกษัตริย์ในหมู่พวกเจ้าแล้วใช่ไหม
ผู้นำที่แสนฉลาดของเจ้าหายไปแล้วใช่ไหม
    พวกเจ้ากำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเหมือนกับหญิงที่กำลังจะคลอดลูก
10 นางสาวศิโยน ให้ชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด
    และกรีดร้องเหมือนกับหญิงที่กำลังจะคลอดลูก
เพราะว่า ตอนนี้พวกเจ้าจะต้องออกไปจากเมืองนี้ต้องไปอยู่ในที่โล่งกว้าง
    เจ้าจะต้องไปที่บาบิโลน[b]
แต่พวกเจ้าจะได้รับการช่วยกู้ที่นั่น
    พระยาห์เวห์จะไถ่เจ้าที่นั่นจากเงื้อมมือของศัตรูเจ้า

พระยาห์เวห์จะทำลายชนชาติอื่นๆ

11 ตอนนี้มีหลายชนชาติรวมตัวกันมาต่อสู้กับเจ้า
    พวกเขาพูดกันว่า “ไปทำลายศิโยนกันเถอะ แล้วเราจะได้มองดูความพ่ายแพ้ของนางอย่างสะใจ”

12 แต่ชนชาติพวกนี้ ไม่รู้ถึงความคิดต่างๆของพระยาห์เวห์
    พวกเขาไม่เข้าใจถึงแผนงานของพระองค์
เพราะพระองค์ได้รวบรวมพวกเขาไว้เหมือนฟ่อนข้าว
    เพื่อไปบดบนลานนวดข้าว

13 พระยาห์เวห์พูดว่า “นางสาวศิโยน ลุกขึ้นและบดขยี้พวกมัน
    เพราะเราจะทำให้เขาสัตว์ของเจ้ากลายเป็นเหล็ก
ทำให้เกือกม้าของเจ้าเป็นทองแดง
    เจ้าจะได้บดขยี้คนเป็นจำนวนมาก
แล้วเจ้าจะถวายทรัพย์สินที่พวกมันได้มาอย่างผิดๆให้กับพระยาห์เวห์
    เจ้าจะถวายทรัพย์สินมีค่าของพวกมันให้กับเจ้าของโลกนี้ทั้งสิ้น”

ลูกา 13

กลับตัวกลับใจเสียใหม่

13 ตอนนั้นมีบางคนมาเล่าให้พระเยซูฟังว่า มีชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตฆ่าตาย ในขณะที่กำลังถวายเครื่องบูชาพระเจ้าอยู่ พระเยซูจึงตอบว่า “พวกคุณคิดว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะพวกเขาบาปหนากว่าชาวกาลิลีคนอื่นๆหรือ เราจะบอกให้รู้ว่าไม่ใช่เลย แต่ถ้าพวกคุณไม่ยอมกลับตัวกลับใจ พวกคุณก็จะถูกทำลายเหมือนกัน หรืออย่างคนสิบแปดคนที่ถูกหอคอยสิโลอัมพังลงมาทับตายนั้น คุณคิดว่า พวกเขาเป็นคนบาปหนากว่าคนทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มหรือ ไม่ใช่เลย เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าคุณไม่กลับตัวกลับใจ พวกคุณทั้งหมดก็จะถูกทำลายเหมือนกับพวกเขาด้วย”

ต้นมะเดื่อที่ไม่มีลูก

พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “มีชายคนหนึ่งปลูกต้นมะเดื่อไว้ที่สวนของตน เขามาเฝ้าดูลูกของมัน แต่ก็ไม่เคยเจอเลย ชายคนนั้นจึงพูดกับคนสวนว่า ‘ผมมาหาลูกมะเดื่อเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอเลย โค่นทิ้งเถอะปลูกไว้ก็เปลืองเนื้อที่เปล่าๆ’ คนเฝ้าสวนตอบว่า ‘นายครับ ขอเวลาอีกปีเถอะ แล้วผมจะพรวนดินใส่ปุ๋ยให้มัน แล้วถ้าปีหน้ามันออกลูกก็ดีไป แต่ถ้ายังไม่ออกลูกอีก ก็ค่อยโค่นมันทิ้ง’”

พระเยซูขับไล่ผีให้ผู้หญิงในวันหยุดทางศาสนา

10 ในวันหยุดทางศาสนา พระเยซูกำลังสั่งสอนอยู่ในที่ประชุมชาวยิวแห่งหนึ่ง 11 ในที่นั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกผีชั่วเข้าสิงจนพิการมาเป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว นางหลังค่อมและยืดตัวตรงไม่ได้เลย 12 เมื่อพระเยซูเห็นนาง ก็เรียกนางเข้ามาพบและพูดว่า “หญิงเอ๋ย เธอได้รับการปลดปล่อยจากโรคแล้ว” 13 พระองค์ก็วางมือลงบนตัวนาง หญิงคนนั้นก็ยืดตัวตรงขึ้นทันที และสรรเสริญพระเจ้า

14 แต่ผู้นำที่ประชุมชาวยิวโกรธมาก ที่พระเยซูรักษาโรคในวันหยุดทางศาสนา เขาจึงบอกกับประชาชนว่า “ในแต่ละอาทิตย์ มีเวลาทำงานตั้งหกวัน ให้ไปรักษากันในวันเหล่านั้น อย่ามารักษาในวันหยุด”

15 องค์เจ้าชีวิตจึงตอบเขาไปว่า “ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด[a] จริงๆแล้วในวันหยุดทางศาสนา พวกคุณแต่ละคนก็ได้แก้เชือกวัวหรือลา เพื่อจูงออกไปกินน้ำไม่ใช่หรือ 16 แล้วหญิงคนนี้ที่เป็นลูกหลานของอับราฮัม ถูกซาตานผูกมัดมาเป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว มันไม่ถูกต้องหรือที่จะปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระในวันหยุดทางศาสนา” 17 เมื่อพระองค์พูดอย่างนี้ ก็ทำให้คนที่ต่อต้านพระองค์อับอายขายหน้า แต่คนอื่นๆก็ชื่นชมยินดีในสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆที่พระองค์ทำ

อาณาจักรของพระเจ้าเหมือนอะไร

(มธ. 13:31-33; มก. 4:30-32)

18 พระเยซูพูดว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับอะไร จะเปรียบเทียบกับอะไรดี 19 มันเปรียบเหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดที่มีคนนำไปปลูกไว้ในสวน เมื่อเมล็ดนั้นเติบโตขึ้นก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่มีนกมาทำรังตามกิ่งก้านของมันได้”

20 แล้วพระองค์ก็พูดอีกว่า “จะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้ากับอะไรดี 21 มันก็เหมือน เชื้อฟูที่ผู้หญิงคนหนึ่งผสมลงไปในแป้งสามถัง แล้วมันทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นมา”

ประตูแคบ

(มธ. 7:13-14, 21-23)

22 พระองค์ก็สั่งสอนไปเรื่อยๆตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆที่พระองค์ผ่านในระหว่างทางที่ไปเมืองเยรูซาเล็ม 23 มีคนหนึ่งถามว่า “อาจารย์ คนที่จะรอดนั้นมีอยู่นิดเดียวหรือ” พระองค์จึงตอบว่า 24 “คุณต้องพยายามสุดความสามารถที่จะผ่านประตูที่แคบนั้นเข้าไปให้ได้ เพราะจะมีหลายคนที่พยายาม แต่ก็เข้าไปไม่ได้ 25 เมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นมาปิดประตู พวกคุณก็จะยืนอยู่ข้างนอกเคาะประตู และอ้อนวอนว่า ‘ท่าน ช่วยเปิดประตูให้พวกเราหน่อยครับ’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้าเป็นใคร หรือมาจากไหน’ 26 คุณจะตอบว่า ‘พวกเราเคยกินและดื่มด้วยกันกับท่านไง และท่านยังเคยสั่งสอนพวกเราตามท้องถนนในเมือง’ 27 เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร หรือมาจากไหน ไปให้พ้น ไอ้พวกทำชั่ว’ 28 พวกคุณจะยืนร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บปวดอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และพวกผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหมดอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า แต่พวกคุณกลับถูกโยนออกมาข้างนอก 29 จะมีคนมาจากตะวันออก ตะวันตก จากเหนือและใต้มาร่วมในงานเลี้ยงที่อาณาจักรของพระเจ้า 30 แล้วคุณจะเห็นว่าพวกที่เคยอยู่ท้ายๆจะกลายมาเป็นพวกแรกๆและพวกที่เคยอยู่แรกๆจะกลายมาเป็นพวกท้ายๆ”

พระเยซูเศร้าโศกให้กับเมืองเยรูซาเล็ม

(มธ. 23:37-39)

31 ในเวลานั้นมีพวกฟาริสีมาบอกพระเยซูว่า “ไปจากที่นี่เร็วเพราะเฮโรดอยากจะฆ่าอาจารย์”

32 แล้วพระเยซูก็ตอบว่า “ไปบอก ไอ้หมาจิ้งจอก[b] นั้นด้วยว่า เราจะขับผีชั่ว และรักษาโรคต่อไปในวันนี้ พรุ่งนี้ แล้วในวันที่สามเราก็จะทำงานจนเสร็จหมด 33 แต่เราจะต้องเดินทางต่อไป ในวันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เพราะผู้พูดแทนพระเจ้าจะโดนฆ่าตายนอกเมืองเยรูซาเล็มก็ไม่ได้

34 เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็ม เจ้าได้ฆ่าพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและเอาหินขว้างคนที่พระเจ้าส่งมาหาเจ้าจนตาย มีหลายครั้งที่เราอยากจะโอบลูกๆของเจ้าเข้ามา เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าก็ไม่ยอม 35 ตอนนี้บ้านของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้งให้รกร้าง เราจะบอกให้รู้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้เห็นเราอีก จนกว่าจะถึงเวลาที่พวกเจ้าพูดว่า ‘ขอให้พระเจ้าอวยพรคนที่มาในนามขององค์เจ้าชีวิต’”[c]

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International