M’Cheyne Bible Reading Plan
การนำหีบข้อตกลงเข้าเมืองเยรูซาเล็ม
(2 ซมอ. 6:12-19)
15 ดาวิดได้สร้างวังของเขาเองขึ้นในเมืองของดาวิด และเขาได้เตรียมสร้างสถานที่สำหรับหีบของพระเจ้าด้วย เขาได้ตั้งเต็นท์ขึ้นหลังหนึ่งสำหรับหีบใบนั้น 2 แล้วดาวิดพูดว่า “คนที่ไม่ใช่ชาวเลวีห้ามมาถือหีบของพระเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกพวกเลวีให้มาเป็นผู้ถือหีบของพระยาห์เวห์ และให้มารับใช้พระองค์ตลอดไป”
3 ดาวิดเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งหมดที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะนำหีบของพระยาห์เวห์ไปไว้ยังสถานที่ที่เขาได้จัดเตรียมไว้ 4 และดาวิดก็ได้รวบรวมบรรดาลูกหลานของอาโรนและชาวเลวี
5 บรรดาลูกหลานของโคฮาท มีอุรีเอลเป็นหัวหน้า พร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยยี่สิบคน
6 จากบรรดาลูกหลานของเมรารี มีอาสายาห์เป็นหัวหน้า พร้อมกับญาติๆของเขาอีกสองร้อยยี่สิบคน
7 จากบรรดาลูกหลานของเกอร์โชม มีโยเอลเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยสามสิบคน
8 จากบรรดาลูกหลานของเอลีซาฟาน มีเชไมอาห์เป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกสองร้อยคน
9 จากบรรดาลูกหลานของเฮโบรน มีเอลีเอลเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกแปดสิบคน
10 จากบรรดาลูกหลานของอุสซีเอล มีอัมมีนาดับเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยสิบสองคน
11 แล้วดาวิดก็เรียกตัวนักบวชศาโดกและนักบวชอาบียาธาร์รวมทั้งชาวเลวีซึ่งประกอบด้วย อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมอาห์ เอลีเอลและอัมมีนาดับเข้าพบ 12 และเขาก็ได้พูดกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านคือหัวหน้าครอบครัวของชาวเลวี พวกท่านและญาติๆของพวกท่านจะต้องชำระตัวเองให้บริสุทธิ์[a] เพื่อจะได้เป็นผู้นำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลไปไว้ยังสถานที่ที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้ 13 เพราะพวกท่านไม่ได้ไปกับพวกเราในครั้งแรกเพื่อไปหามหีบนั้น จึงทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ระเบิดความโกรธใส่พวกเรา เพราะพวกเราไม่ได้ปรึกษากับพระองค์ว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไรดีถึงจะเหมาะสม”
14 ดังนั้นเหล่านักบวชและชาวเลวีจึงได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อที่จะไปนำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 15 และชาวเลวีก็ได้เป็นผู้หามหีบของพระเจ้าไว้บนบ่าด้วยคานหาม เหมือนกับที่โมเสสได้สั่งไว้ตามคำพูดของพระยาห์เวห์
16 ดาวิดยังได้บอกกับพวกหัวหน้าของชาวเลวี ให้แต่งตั้งญาติๆของพวกเขาขึ้นเป็นนักร้อง เพื่อคอยเปล่งเสียงร้องเพลงอย่างชื่นชมยินดีไปพร้อมกับเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ(มีทั้งเสียงพิณใหญ่ พิณเล็ก และฉาบ)
17 ดังนั้น ชาวเลวีจึงได้แต่งตั้งเฮมานลูกชายโยเอล และอาสาฟลูกชายของเบเรคิยาห์ ออกมาจากบรรดาญาติๆของเขา และยังได้แต่งตั้งเอธานลูกชายของคูชายาห์ออกจากบรรดาพี่น้องชาวเมรารีของพวกเขา 18 พวกเขาได้แต่งตั้งญาติๆของพวกเขาขึ้นเป็นผู้ช่วยคนเหล่านี้ คือ เศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุและมิกเนยาห์ และให้โอเบดเอโดมกับเยอีเอลเป็นคนเฝ้าประตู
19 เหล่านักร้องซึ่งประกอบไปด้วยเฮมาน อาสาฟและเอธานต้องเล่นฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสอาห์และเบไนยาห์เล่นพิณใหญ่ในแบบของอาลาโมท[b] 21 ส่วนมัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอลและอาซาซิยาห์เล่นพิณเล็กในแบบของเชมินิท[c] 22 เคนานิยาห์ที่เป็นผู้นำในการร้องเพลงของชาวเลวีเป็นคนร้องนำเพราะเขามีความชำนาญในด้านนี้
23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบใบนั้น 24 เหล่านักบวช คือ เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์และเอลีเยเซอร์เป็นคนเป่าแตรต่อหน้าหีบของพระเจ้า โอเบดเอโดมและเยฮียาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบใบนั้นด้วยเหมือนกัน
25 ดาวิด เหล่าผู้นำของอิสราเอลและบรรดาผู้นำกองพันก็ได้ไปนำหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากบ้านของโอเบดเอโดมด้วยความชื่นชมยินดี 26 และพระเจ้าก็ได้ช่วยเหลือพวกชาวเลวีที่กำลังแบกหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์นั้น พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาเป็นวัวตัวผู้เจ็ดตัวและแกะตัวผู้เจ็ดตัว 27 ดาวิด ชาวเลวีทั้งหมดที่แบกหีบกับพวกนักร้องและเคนานิยาห์ผู้นำวงนักร้อง ต่างก็สวมเสื้อชุดยาวที่ทำจากผ้าลินินอย่างดี และดาวิดก็สวมเอโฟดที่ทำจากลินินด้วยเหมือนกัน
28 ดังนั้นอิสราเอลทั้งหมดจึงได้ร่วมขบวนไปกับหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์ พร้อมกับร้องตะโกนไปอย่างสนุกสนาน พวกเขาได้เป่าแตรเขาสัตว์ แตรธรรมดา เล่นฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็กไปด้วย
29 เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์กำลังจะเข้าในเมืองของดาวิด นางมีคาลลูกสาวของซาอูลได้มองออกไปที่หน้าต่างและเห็นดาวิดกำลังเต้นรำและเล่นสนุกสนานอยู่ นางจึงคิดดูถูกเขาในใจ
ความรักต่อผู้อื่น
2 พี่น้องครับ ในฐานะที่คุณเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ของเรา อย่าลำเอียง 2 สมมุติว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในที่ประชุมของคุณ เขาสวมใส่แหวนทองคำและเสื้อผ้าอย่างดี และมีคนจนคนหนึ่งเข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม 3 แล้วคุณก็เอาใจใส่คนที่แต่งตัวดีเป็นพิเศษ และพูดกับเขาว่า “เชิญนั่งตรงนี้ครับ” แต่คุณพูดกับคนยากจนว่า “ยืนอยู่นั่นแหละ” หรือ “มานั่งตรงพื้นนี่มา” 4 ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็แบ่งชนชั้นและตัดสินคนด้วยความคิดที่ชั่วร้าย
5 ฟังให้ดีนะ พี่น้องที่รัก พระเจ้าได้เลือกคนที่คนอื่นเห็นว่ายากจน ให้มาเป็นคนร่ำรวยในความเชื่อ และให้มารับอาณาจักรที่พระเจ้าได้สัญญาว่าจะให้กับคนที่รักพระองค์ 6 แต่คุณกลับดูถูกคนยากจนเหล่านั้น ก็ไม่ใช่พวกคนรวยหรอกหรือ ที่ข่มเหงและลากคอคุณไปขึ้นศาล 7 แล้วยังดูหมิ่นองค์เจ้าชีวิตของพวกคุณอีกด้วย
8 พระคัมภีร์ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[a] ถ้าพวกคุณทำตามกฎข้อนี้ คุณก็ทำถูกต้องแล้ว 9 แต่ถ้าคุณลำเอียง คุณก็ทำบาปและถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎ 10 เพราะเมื่อคุณพยายามรักษากฎทุกข้อ แต่ผิดแค่ข้อเดียวก็ถือว่าผิดกฎทั้งหมดด้วย 11 เพราะพระเจ้าที่พูดว่า “อย่าเป็นชู้ผัวเมียเขา”[b] ก็พูดว่า “อย่าฆ่าคน”[c]ด้วย ถ้าคุณไม่ได้เป็นชู้ผัวเมียเขา แต่กลับไปฆ่าคน คุณก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎอยู่ดี 12 ไม่ว่าคุณจะพูดหรือทำอะไรก็ตาม ก็ให้จำเอาไว้ว่า พระเจ้าจะตัดสินคุณด้วยกฎที่จะทำให้คุณเป็นอิสระ 13 เพราะฉะนั้น คุณก็ควรมีเมตตากับคนอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็จะไม่เมตตาคุณเหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีความเมตตา คุณก็ไม่ต้องกลัวคำตัดสินของพระเจ้า
ความเชื่อและการกระทำ
14 พี่น้องครับ มันจะมีประโยชน์อะไรกันถ้าคนหนึ่งอ้างว่า เขามีความเชื่อ แต่เขาไม่ทำอะไรเลย แล้วความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ เป็นไปไม่ได้ 15 ถ้าพี่น้องไม่มีเสื้อผ้าใส่ และไม่มีอาหารกิน 16 แล้วคุณคนหนึ่งพูดว่า “ขอให้มีความสุข ขอให้อบอุ่นกายและขอให้อิ่มหนำสำราญ” แต่ไม่ช่วยอะไรเลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร 17 ความเชื่อก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีการกระทำด้วย ก็ตายแล้วในตัวของมันเอง
18 อาจจะมีบางคนพูดว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อ อีกคนมีการกระทำ” ผมจะบอกเขาว่า “ไหน แสดงความเชื่อของคุณที่ไม่ต้องทำอะไรเลยให้ดูหน่อย แล้วเดี๋ยวผมจะแสดงความเชื่อที่คู่กับการกระทำของผมให้คุณดู” 19 คุณเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวหรือ ดีจังเลย โธ่เอ๋ย แม้แต่พวกปีศาจก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน แล้วมันก็กลัวจนตัวสั่นด้วย
20 เจ้าคนโง่ อยากรู้หรือว่าความเชื่อที่ไม่ต้องทำอะไรเลยนั้น มันไม่ดีตรงไหน 21 พระเจ้ายอมรับอับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ก็เพราะการกระทำของท่าน ตอนที่ท่านถวายลูกชายคืออิสอัคบนแท่นบูชา 22 เห็นไหมว่า ความเชื่อกับการกระทำของท่านนั้นไปด้วยกัน และเพราะการกระทำนั้นเอง จึงทำให้ความเชื่อของท่านสมบูรณ์ 23 นี่ทำให้เห็นชัดเจนถึงความหมายของข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และความเชื่อของท่าน ก็ทำให้พระเจ้ายอมรับท่าน”[d] และด้วยเหตุนี้ ท่านถึงได้ชื่อว่าเป็น “เพื่อนของพระเจ้า”[e] 24 เห็นไหมว่า คนที่พระเจ้าจะยอมรับนั้น จะต้องมีการกระทำด้วย ไม่ใช่มีแต่ความเชื่อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
25 ดูอย่างราหับสิ เธอเป็นหญิงโสเภณี แต่พระเจ้าก็ยอมรับเธอเพราะการกระทำของเธอ ตอนที่เธอให้ที่พักกับพวกผู้สอดแนม และช่วยให้พวกเขาหลบหนีไปทางอื่น
26 ดูอย่างร่างกายที่ไม่มีวิญญาณสิ ก็ตายแล้ว ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ตายแล้วเหมือนกัน
นิมิตเห็นพระยาห์เวห์ยืนอยู่ที่แท่นบูชา
9 ผมเห็นองค์เจ้าชีวิต ยืนอยู่ข้างๆแท่นบูชา และพระองค์ก็พูดว่า
“ตีหัวเสาพวกนี้แล้วทั้งตึกนี้ก็จะสั่นสะเทือน
ทุบเสาพวกนี้ให้พังลงมาบนหัวของคนพวกนี้
และที่เหลือเราจะฆ่าด้วยดาบ
จะไม่มีใครวิ่งหนีไปได้
จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้
2 ถึงพวกเขาจะมุดลงไปถึงแดนคนตาย
มือของเราก็จะเอาพวกเขาขึ้นมาจากที่นั่น
ถ้าพวกเขาปีนขึ้นไปถึงสวรรค์
เราก็จะเอาพวกเขาลงมาจากที่นั่น
3 ถ้าพวกเขาไปแอบถึงยอดเขาคารเมล
เราก็จะค้นหาและเอาพวกเขามาจากที่นั่น
ถ้าพวกเขาไปแอบอยู่ใต้ก้นทะเลลึก
เราก็จะสั่งให้พญานาคไปกัดพวกเขาที่นั่น
4 ถ้าพวกเขาถูกกวาดต้อนอยู่ต่อหน้าศัตรูของเขา
เราจะให้พวกเขาถูกฆ่าฟันด้วยดาบ
และเราก็จะคอยจ้องทำร้ายพวกเขา
ไม่ใช่คอยเฝ้าดูแลพวกเขา”
5 องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์อำนาจทั้งสิ้น
พระองค์แตะแผ่นดิน และมันก็หลอมละลายไป
และคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินก็เศร้าโศกเสียใจ
และแผ่นดินโลกก็เอ่อท่วมขึ้นมาเหมือนแม่น้ำไนล์
และจมลงเหมือนแม่น้ำไนล์ในอียิปต์
6 พระองค์สร้างห้องชั้นบนของพระองค์บนฟ้าสวรรค์
และเอาท้องฟ้ามาครอบโลกไว้
พระองค์เรียกน้ำจากทะเล
และเทมันเป็นฝนลงบนพื้นโลก
ยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์
พระยาห์เวห์ประกาศว่าอิสราเอลจะต้องพินาศ
7 พระยาห์เวห์พูดว่า
“อิสราเอลเอ๋ย ในสายตาเรา พวกเจ้าเหมือนกับคนเอธิโอเปียเลย
เรานำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์
และนำคนฟีลิสเตียมาจากคัฟโทร์[a]
และนำคนอารัมมาจากคีร์[b]
8 ดูสิ สายตาของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตคอยจ้องมองอาณาจักรที่เต็มไปด้วยบาป[c]
และเรายาห์เวห์ ก็จะทำลายอาณาจักรนั้นให้หายไปจากโลกนี้
แต่เราจะไม่ทำลายครอบครัวของยาโคบไปจนหมดสิ้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
9 “เพราะดูสิ เราจะออกคำสั่ง
และเราจะเขย่าครอบครัวของอิสราเอลให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
เราจะร่อนอิสราเอลเหมือนกับร่อนเมล็ดทรายบนตะแกรง
และจะไม่มีเมล็ดกรวดเล็ดลอดตกดินไปได้เลย
10 คนของเราทุกคนที่เป็นคนบาป
ที่ชอบพูดว่า ‘เรื่องเลวร้ายตามเราไม่ทันหรอก’
คนพวกนี้ทุกคนจะต้องตายด้วยคมดาบ
พระเจ้าจะก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาใหม่
11 ในวันนั้น เราก็จะตั้งเต็นท์ของดาวิดที่ล้มไปแล้วขึ้นมาใหม่[d]
เราก็จะซ่อมแซมช่องกำแพงที่แตกร้าว
เราจะซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
และสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับในอดีต
12 เพื่อที่ว่าคนอิสราเอลก็จะได้ยึดครองส่วนที่เหลือของประเทศเอโดม
และชนชาติทั้งหลายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเรา”
พระยาห์เวห์ ผู้ที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นพูดไว้อย่างนั้น
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเวลานั้นกำลังมาแล้ว
ถึงช่วงไถอีกครั้ง แต่คนเกี่ยวก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จ
ถึงเวลาปลูกอีกแล้ว แต่คนย่ำองุ่นก็ยังย่ำไม่เสร็จ
ภูเขาทั้งหลายก็จะไหลนองไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่
เนินเขาทั้งหมดก็จะไหลนองด้วยเหล้าองุ่น
14 เราจะอวยพรชาวอิสราเอลคนของเราอย่างเดิม[e]
พวกเขาจะสร้างเมืองและอาศัยอยู่ในเมืองพวกนั้น
พวกเขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้น
พวกเขาจะทำสวนและกินผลจากสวนนั้น
15 เราจะปลูกพวกเขาไว้ในแผ่นดินนั้น
พวกเขาก็จะไม่มีวันถูกถอนขึ้นมาอีกจากแผ่นดินของพวกเขา ที่เราได้ให้กับพวกเขานั้น”
พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า พูดไว้ว่าอย่างนั้น
มารมาลองใจพระเยซู
(มธ. 4:1-11; มก. 1:12-13)
4 พระเยซูเต็มเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์กลับจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณนำพระองค์ไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 2 มารร้ายมาลองใจพระองค์ถึงสี่สิบวัน ในช่วงนั้นพระองค์ไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อครบสี่สิบวันแล้ว พระเยซูก็หิวจัด
3 มารร้ายท้าทายกับพระองค์ว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้า ก็เสกหินก้อนนี้ให้กลายเป็นขนมปังสิ”
4 แต่พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า
‘ชีวิตที่เที่ยงแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนมปังเพียงอย่างเดียว’”[a]
5 แล้วมารร้ายก็นำพระเยซูขึ้นไปบนที่สูง แล้วแสดงอาณาจักรทั้งหมดในโลกให้พระองค์เห็นในชั่วพริบตาเดียว 6 มันพูดว่า “เราจะยกอำนาจและความรุ่งเรืองทั้งหมดนี้ให้ เพราะมันถูกมอบให้กับเราแล้ว และเราอยากจะให้กับใครก็ให้ได้ 7 ถ้าท่านกราบไหว้บูชาเรา แผ่นดินทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของท่าน”
8 พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า
‘ให้กราบไหว้บูชาองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า
และให้รับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียว’”[b]
9 แล้วมารร้ายก็นำพระเยซูไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ให้พระองค์ไปยืนบนจุดที่สูงที่สุดของวิหาร มันพูดว่า “ถ้าท่านเป็นลูกพระเจ้าจริงก็กระโดดลงไปเลย 10 เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘พระเจ้าจะสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
มาปกป้องคุ้มครองท่าน
11 เหล่าทูตสวรรค์ก็จะรับท่านไว้
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระแทกหิน’”[c]
12 แต่พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ยังบอกอีกว่า ‘อย่าได้ลองดีกับองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า’”[d]
13 เมื่อมารร้ายได้ลองใจพระองค์ครบทุกอย่างแล้ว มันก็จากไปเพื่อคอยหาโอกาสเหมาะอีก
พระเยซูสอนฝูงชน
(มธ. 4:12-17; มก. 1:14-15)
14 พระเยซูกลับไปแคว้นกาลิลี พระองค์เต็มไปด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ ชื่อเสียงของพระองค์แพร่กระจายไปทั่วแถบนั้น 15 พระองค์สอนอยู่ตามที่ประชุมต่างๆ และทุกคนต่างยกย่องพระองค์
พระเยซูกลับบ้าน
(มธ. 13:53-58; มก. 6:1-6)
16 แล้วพระเยซูก็ไปเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์เติบโตมา เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พระองค์ก็ไปที่ประชุมเหมือนที่ทำเป็นประจำ พระองค์ยืนขึ้นเพื่ออ่านข้อความจากพระคัมภีร์ 17 พระองค์ได้รับม้วนหนังสือมา เป็นหนังสืออิสยาห์ซึ่งเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง แล้วคลี่ม้วนหนังสือนั้นออกเพื่อหาข้อความที่เขียนไว้ว่า
18 “พระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิตอยู่กับเรา
เพราะพระองค์แต่งตั้งให้เราประกาศข่าวดีกับคนจน
พระองค์ส่งเรามาบอกนักโทษว่าจะได้เป็นอิสระ
บอกคนตาบอดว่าจะมองเห็น บอกคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่าจะได้เป็นอิสระ
19 และบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะมาช่วยคนของพระองค์”[e]
20 จากนั้นพระองค์ม้วนหนังสือส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล แล้วนั่งลง แล้วทุกสายตาในที่นั้นก็จ้องเขม็งมาที่พระองค์ 21 พระองค์เริ่มพูดกับพวกเขาว่า “ในวันนี้เรื่องในพระคัมภีร์ที่คุณเพิ่งได้ยินเราอ่านไปนั้นได้เป็นจริงแล้ว”
22 ทุกคนก็ได้พูดเยินยอพระองค์ และแปลกใจในคำพูดน่าทึ่งที่ออกมาจากปากพระองค์ พวกเขาถามกันว่า “นี่ลูกโยเซฟไม่ใช่หรือ”
23 แล้วพระองค์พูดว่า “พวกคุณจะต้องยกคำสุภาษิตนี้มาอ้างกับเราแน่ ที่ว่า ‘หมอเอ๋ย รักษาตัวเองเสียก่อนเถอะ’ แล้วพวกคุณคงอยากจะพูดว่า ‘ทำเรื่องอัศจรรย์ที่นี่ในบ้านเมืองของเจ้าสิ อย่างที่เราได้ยินว่าเจ้าทำที่เมืองคาเปอรนาอุม’ 24 แต่เราจะบอกให้รู้นะว่า ไม่มีผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนที่ได้รับการยอมรับในบ้านเมืองของตัวเองหรอก 25 ดูอย่างสมัยของเอลียาห์สิ เมื่อเกิดฝนแล้งเป็นเวลาถึงสามปีครึ่ง จนเกิดความอดอยากไปทั่ว มีแม่ม่ายมากมายในหมู่ชาวอิสราเอล 26 แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ส่งเอลียาห์ไปหาแม่ม่ายชาวอิสราเอลพวกนั้น แต่กลับส่งไปหาแม่ม่ายคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนยิวที่เมืองศาเรฟัทในเขตแดนไซดอน 27 ก็เหมือนกับในสมัยของเอลีชา[f] ที่เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า มีคนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงมากมายในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการชำระให้สะอาดเลย ยกเว้นแต่คนที่ชื่อนาอามานเพียงคนเดียว และเขาเป็นคนซีเรียไม่ใช่คนยิว”
28 เมื่อทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมชาวยิวได้ยินอย่างนั้น ก็โกรธแค้นมาก 29 เขาลุกฮือกันขึ้น บังคับให้พระเยซูออกไปนอกเมือง ไปที่หน้าผาบนเขาที่เมืองนั้นตั้งอยู่ หวังจะผลักพระองค์ลงไป 30 แต่พระองค์ก็ฝ่าวงล้อมของพวกเขาไปได้
พระเยซูรักษาชายคนหนึ่งที่ถูกผีสิง
(มก. 1:21-28)
31 พระเยซูไปเมืองคาเปอรนาอุมในแคว้นกาลิลี และพระองค์สั่งสอนประชาชนในวันหยุดทางศาสนา 32 พวกเขาต่างก็ทึ่งในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สอนอย่างคนที่มีสิทธิอำนาจ 33 ในที่ประชุมนั้นมีชายคนหนึ่งถูกผีชั่วสิงอยู่ร้องตะโกนว่า 34 “อย่ามายุ่งกับเราเยซูชาวนาซาเร็ธ มายุ่งกับพวกเราทำไม จะมาทำลายพวกเราหรือ เรารู้นะว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” 35 พระเยซูจึงด่ามันว่า “หุบปาก ออกมาซะเดี๋ยวนี้” แล้วผีชั่วก็ทำให้ชายคนนั้นล้มลงต่อหน้าคนทั้งปวง และมันก็ออกจากร่างไป ไม่ได้ทำอันตรายอะไรเขาเลย
36 ทุกคนประหลาดใจมาก พูดกันว่า “นี่เป็นคำสอนแบบไหนกัน เขาสั่งผีชั่วด้วยฤทธิ์เดช แล้วมันก็ออกไป” 37 แล้วข่าวเกี่ยวกับพระเยซูก็แพร่กระจายออกไปจนทั่วแถบนั้น
พระเยซูรักษาแม่ยายซีโมน
(มธ. 8:14-17; มก. 1:29-34)
38 พระเยซูออกจากที่ประชุมชาวยิวและเข้าไปในบ้านของซีโมน[g] แม่ยายของซีโมนกำลังป่วยมีไข้สูงมาก พวกเขาขอร้องให้พระเยซูช่วยรักษานาง 39 พระเยซูจึงมายืนอยู่ข้างนางและสั่งให้ไข้ออกจากตัวนาง นางก็หายไข้ทันที แล้วลุกขึ้นมาดูแลรับใช้พระเยซูกับศิษย์ของพระองค์
พระเยซูรักษาคนอื่นๆมากมาย
40 เมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดิน มีชาวบ้านจำนวนมากนำคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่างๆมาหาพระเยซู พระองค์วางมือรักษาพวกเขาจนหายหมด 41 พวกผีชั่วก็ออกจากคนเหล่านั้น และร้องว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ก็ห้ามพวกมันไม่ให้พูด เพราะพวกมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสต์
พระเยซูไปเมืองอื่น
(มก. 1:35-39)
42 ตอนรุ่งเช้าพระองค์ไปในที่ที่เงียบสงบ แต่พวกชาวบ้านก็ออกตามหาพระองค์จนพบ และไม่ยอมให้พระองค์ไปจากพวกเขา 43 แต่พระองค์พูดว่า “เราจะต้องไปประกาศข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าให้กับเมืองอื่นๆด้วย เพราะเราถูกส่งมาให้ทำงานนี้”
44 แล้วพระองค์ก็ประกาศสั่งสอนในที่ประชุมหลายแห่งในแคว้นยูเดีย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International