M’Cheyne Bible Reading Plan
ลูกหลานของรูเบน
5 บรรดาลูกชายของรูเบน ที่เป็นลูกชายหัวปีของอิสราเอล (รูเบนเป็นลูกชายคนแรก แต่เขาต้องเสียสิทธิ์ลูกชายหัวปีไปให้กับพวกลูกชายของโยเซฟ เพราะเขาไปมีเพศสัมพันธ์กับเมียคนหนึ่งของพ่อเขา โยเซฟเป็นลูกอีกคนหนึ่งของอิสราเอล ชื่อของรูเบนจึงไม่ได้บันทึกอยู่ในบัญชีรายชื่อของลูกชายหัวปี 2 และถึงแม้ว่ายูดาห์จะเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พี่น้องทั้งหลาย และผู้นำก็สืบทอดมาจากเขา แต่สิทธิพิเศษของลูกชายหัวปีก็ยังตกเป็นของโยเซฟอยู่ดี) 3 บรรดาลูกชายของรูเบนผู้เป็นลูกชายหัวปีของอิสราเอล คือ
ฮาโนค ปัลลู เฮสโรนและคารมี
4 บรรดาลูกหลานของโยเอลคือ เชไมอาห์ ลูกชายของเชไมอาห์คือโกก ลูกชายของโกกคือชิเมอี 5 ลูกชายของชิเมอีคือมีคาห์ ลูกชายของมีคาห์คือเรอายาห์ ลูกชายของเรอายาห์คือบาอัล 6 ลูกชายของบาอัลคือเบเอราห์ กษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียได้จับเบเอราห์ไปเป็นเชลย เบเอราห์เป็นหัวหน้าเผ่าของชาวรูเบน
7 พวกญาติๆของโยเอลตามตระกูล ได้ถูกจดไว้ในบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา คือเยอีเอลลูกชายหัวปี ต่อมาก็เศคาริยาห์ 8 และเบลาที่เป็นลูกชายของอาซาสที่เป็นลูกชายของเชมาที่เป็นลูกชายของโยเอล เผ่ารูเบนได้อาศัยอยู่ในอาโรเออร์ ไกลไปถึงเมืองเนโบและบาอัล-เมโอน 9 และทางด้านตะวันออก พวกเขาได้อาศัยอยู่ไกลออกไปถึงบริเวณที่เริ่มทะเลทรายที่อยู่ฝั่งนี้ของแม่น้ำยูเฟรติส เพราะสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ทวีขึ้นอย่างมากมายในแผ่นดินกิเลอาด 10 และในสมัยของซาอูล พวกเขาได้ทำสงครามกับชาวฮาการ์และได้เอาชนะคนเหล่านั้นได้ แล้วชาวรูเบนก็ได้อาศัยอยู่ในเต็นท์ของพวกฮาการ์ ทั่วแคว้นทางด้านตะวันออกของกิเลอาด
บรรดาลูกหลานของกาด
11 บรรดาลูกหลานของกาดอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ติดกับเผ่ารูเบน ในแผ่นดินของบาชาน ไกลไปจนถึงเมืองสาเลคาห์ 12 ในบาชาน โยเอลเป็นหัวหน้า ชาฟามเป็นรองหัวหน้า และยานัยเป็นผู้พิพากษา 13 และบรรดาญาติๆของพวกเขาซึ่งนับตามตระกูล คือ มีคาเอล เมชุลลาม เชบา โยรัย ยาคาน ศิอาและเอเบอร์ รวมทั้งหมดเจ็ดคน 14 พวกเขาเป็นลูกหลานของอาบีฮาอิล ซึ่งเป็นลูกชายของหุรี ที่เป็นลูกชายของยาโรอาห์ ที่เป็นลูกชายของกิเลอาด ที่เป็นลูกชายของมีคาเอล ที่เป็นลูกชายของเยชิชัย ที่เป็นลูกชายของยาโด ที่เป็นลูกชายของบูส 15 อาหิเป็นลูกชายของอับดีเอล ที่เป็นลูกชายของกูนี อาหิเป็นหัวหน้าของครอบครัวพวกเขา
16 บรรดาลูกหลานของกาดได้อาศัยอยู่ในกิเลอาด ในบาชานและตามหมู่บ้านชานเมืองบาชาน และอยู่ในดินแดนที่เป็นทุ่งหญ้าของชาโรนเรื่อยไปจนสุดเขตแดนของมัน
17 รายชื่อของคนเหล่านี้ทั้งหมดได้ถูกจดไว้ในบัญชีรายชื่อเชื้อสายของพวกเขา ในช่วงยุคสมัยของกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์และช่วงยุคสมัยของกษัตริย์เยโรโบอัมของอิสราเอล
ทหารส่วนหนึ่งที่ชำนาญศึก
18 ชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ที่เป็นนักรบที่กล้าหาญ ผู้ถือโล่และดาบ ผู้ที่สามารถใช้ธนู และชำนาญศึก มีจำนวนทั้งสิ้น สี่หมื่นสี่พันเจ็ดร้อยหกสิบคน พร้อมที่จะเข้ารับใช้ในกองทัพ 19 พวกเขาได้ทำสงครามขับเคี่ยวกับชาวฮาการ์ เยทูร์ นาฟิชและโนดับ 20 พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือกับพระเจ้าในสนามรบ พระองค์ก็ได้ตอบคำอธิษฐานของพวกเขา เพราะพวกเขาไว้วางใจในพระองค์ พระองค์ยอมให้พวกเขาชนะชาวฮาการ์และพวกที่อยู่กับคนเหล่านั้นด้วย 21 พวกเขาได้เข้ายึดเอาฝูงสัตว์ของคนเหล่านั้นไว้ (มี อูฐห้าหมื่นตัว แกะสองแสนห้าหมื่นตัว ลาสองพันตัว) และจับหนึ่งหมื่นคนไปเป็นเชลย 22 ชาวฮาการ์มากมายถูกฆ่าตายในการสู้รบเพราะว่าชัยชนะในสงครามนี้มาจากพระเจ้า และคนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นก็ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาวฮาการ์จนถึงสมัยที่ชาวอิสราเอลถูกจับไปเป็นเชลย
23 คนของเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งก็ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งนั้นด้วย ตั้งแต่บาชานเรื่อยไปจนถึงบาอัลเฮอร์โมน เสนีร์ และภูเขาเฮอร์โมน พวกเขามีจำนวนมากมาย
24 ต่อไปนี้คือหัวหน้าของตระกูลต่างๆของพวกเขา คือ เอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมียาห์ โฮดาวิยาห์และยาดีเอล หัวหน้าตระกูลพวกนี้ แข็งแรง กล้าหาญและมีชื่อเสียง 25 แต่พวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา พวกเขาไปนมัสการพระต่างๆของคนในแผ่นดินนั้น ซึ่งเป็นคนที่พระเจ้าได้ทำลายไปแล้วต่อหน้าพวกเขา
26 พระเจ้าของอิสราเอลจึงได้ปลุกเร้าความโกรธของกษัตริย์ปูลแห่งอัสซีเรีย ซึ่งก็คือกษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียนั่นเอง และเขาก็ได้มาสู้รบและได้ขับไล่ชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ออกไปจากแผ่นดิน เขาได้กวาดต้อนคนเหล่านี้ไปที่ฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮาราและที่แม่น้ำโกซาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชนเผ่าเหล่านี้ยังคงอาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้
เหล่าลูกหลานของเลวี
6 บรรดาลูกชายของเลวีคือ เกอร์โชน โคฮาทและเมรารี
2 บรรดาลูกชายของโคฮาทคือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล
3 ลูกๆของอัมรามคือ อาโรน โมเสสและมิเรียม
พวกลูกชายของอาโรนคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 4 เอเลอาซาร์เป็นพ่อของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นพ่อของอาบีชูวา 5 อาบีชูวาเป็นพ่อของบุคคี และบุคคีเป็นพ่อของอุสซี 6 อุสซีเป็นพ่อของเศราหิยาห์ เศราหิยาห์เป็นพ่อของเมราโยท 7 เมราโยทเป็นพ่อของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นพ่อของอาหิทูบ 8 อาหิทูบเป็นพ่อของศาโดก และศาโดกก็เป็นพ่อของอาหิมาอัส 9 อาหิมาอัสเป็นพ่อของอาซาริยาห์ อาซาริยาห์เป็นพ่อของโยฮานัน 10 โยฮานันเป็นพ่อของอาซาริยาห์ (คนผู้นี้ได้เป็นนักบวชรับใช้อยู่ในวิหารที่ซาโลมอนได้สร้างขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม) 11 อาซาริยาห์เป็นพ่อของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นพ่อของอาหิทูบ 12 อาหิทูบเป็นพ่อของศาโดก และศาโดกก็เป็นพ่อของชัลลูม 13 ชัลลูมเป็นพ่อของฮิลคียาห์ และฮิลคียาห์เป็นพ่อของอาซาริยาห์ 14 อาซาริยาห์เป็นพ่อของเสไรอาห์ ส่วนเสไรอาห์ก็เป็นพ่อของเยโฮซาดัก
15 เยโฮซาดักถูกจับไปเป็นเชลยเมื่อครั้งที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ยูดาห์และเมืองเยรูซาเล็ม ด้วยน้ำมือของเนบู-คัดเนสซาร์
ลูกหลานของเลวี
16 บรรดาลูกหลานของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาทและเมรารี
17 ต่อไปนี้คือชื่อของลูกๆเกอร์โชน คือ ลิบนีและชิเมอี
18 บรรดาลูกชายของโคฮาทคือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล
19 บรรดาลูกชายของเมรารีคือ มาห์ลีและมูชี
ต่อไปนี้จะเป็นเหล่าตระกูลของชาวเลวีซึ่งเรียงตามลำดับรายชื่อของบรรพบุรุษของพวกเขา
20 ลูกชายของเกอร์โชม คือลิบนี ลูกชายของลิบนีคือยาหาท ลูกชายของยาหาทคือศิมมาห์ 21 ลูกชายของศิมมาห์คือโยอาห์ ลูกชายของโยอาห์คืออิดโด ลูกชายของอิดโดคือ เศราห์ ลูกชายของเศราห์คือเยอาเธรัย
22 ต่อไปนี้คือลูกหลานของโคฮาท ลูกชายของโคฮาทคือ อัมมีนาดับ ลูกชายของอัมมีนาดับคือโคราห์ ลูกชายของโคราห์ คือ อัสสีร์ 23 (ลูกชายของโคราห์ คือเอลคานาห์ เอบียาสาฟและอัสสีร์) 24 ลูกชายของอัสสีร์คือทาหัท ลูกชายของทาหัทคืออุรีเอล ลูกชายของอุรีเอลคืออุสซียาห์ ลูกชายของอุสซียาห์คือชาอูล
25 ลูกชายของเอลคานาห์คือ อามาสัยและอาหิโมท 26 ลูกชายของอาหิโมทคือเอลคานาห์ ลูกชายของเอลคานาห์คือโศฟัย ลูกชายของโศฟัยคือนาหัท 27 ลูกชายของนาหัท คือเอลีอับ ลูกชายของเอลีอับคือเยโรฮัม ลูกชายของเยโรฮัมคือเอลคานาห์ ลูกชายของเอลคานาห์คือซามูเอล 28 ลูกชายของซามูเอลคือ โยเอลซึ่งเป็นลูกชายคนแรก คนที่สองคืออาบียาห์
29 ลูกชายของเมรารีคือ มาห์ลี ลูกชายของมาห์ลีคือลิบนี ลูกชายของลิบนีคือชิเมอี ลูกชายของชิเมอีคืออุสซาห์ 30 ลูกชายของอุสซาห์คือชิเมอา ลูกชายของชิเมอา คือฮักกียาห์ ลูกชายของฮักกียาห์คืออาสายาห์
ดาวิดแต่งตั้งนักร้องของวิหาร
31 ต่อไปนี้คือคนที่ดาวิดได้แต่งตั้งให้ดูแลเรื่องการร้องเพลงในวิหารของพระยาห์เวห์ หลังจากที่หีบศักดิ์สิทธิ์ ได้มาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มแล้ว 32 และพวกเขาได้รับใช้ด้วยการร้องเพลงอยู่ต่อหน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เรียกว่าเต็นท์นัดพบ พวกเขารับใช้อยู่จนกระทั่งซาโลมอนได้สร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม และพวกเขาได้ทำงานรับใช้ตามที่ได้รับมอบหมายมา และตามกฏระเบียบทางพิธีกรรม
33 ต่อไปนี้คือผู้ที่ได้รับใช้ในการนมัสการพร้อมกับลูกหลานของพวกเขา
จากตระกูลโคฮาท คือ เฮมานที่เป็นนักร้อง ที่เป็นลูกชายของโยเอลที่เป็นลูกชายของซามูเอล 34 ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ ที่เป็นลูกชายของเยโรฮัม ที่เป็นลูกชายของเอลีเอล ที่เป็นลูกชายของโทอาห์ 35 ที่เป็นลูกชายของศูฟ ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ ที่เป็นลูกชายของมาฮาท ที่เป็นลูกชายของอามาสัย 36 ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ที่เป็นลูกชายของโยเอล ที่เป็นลูกชายของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกชายของเศฟันยาห์ 37 ที่เป็นลูกชายของทาหัท ที่เป็นลูกชายของอัสสีร์ ที่เป็นลูกชายของเอบียาสาฟ ที่เป็นลูกชายของโคราห์ 38 ที่เป็นลูกชายของอิสฮาร์ ที่เป็นลูกชายของโคฮาท ที่เป็นลูกชายของเลวี ที่เป็นลูกชายของอิสราเอล
39 และเพื่อนร่วมงานของเฮมาน ที่ยืนอยู่ทางขวาของเขาคือ อาสาฟ ลูกชายของเบเรคิยาห์ ที่เป็นลูกชายของชิเมอา 40 ที่เป็นลูกชายของมีคาเอล ที่เป็นลูกชายของบาอาเสยาห์ ที่เป็นลูกชายของมัลคิยาห์ 41 ที่เป็นลูกชายของเอทนี ที่เป็นลูกชายของเศราห์ ที่เป็นลูกชายของอาดายาห์ 42 ที่เป็นลูกชายของเอธาน ที่เป็นลูกชายของศิมมาห์ ที่เป็นลูกชายของชิเมอี 43 ที่เป็นลูกชายของยาหาท ที่เป็นลูกชายของเกอร์โชน[a] ที่เป็นลูกชายของเลวี
44 และลูกหลานของเมรารี เพื่อนร่วมงานของพวกเขา ที่ยืนอยู่ซ้ายมือ คือลูกหลานของเมรารี ประกอบด้วยเอธานลูกชายของคีชี ที่เป็นลูกชายของอับดี ที่เป็นลูกชายของมัลลูค 45 ที่เป็นลูกชายของฮาชาบิยาห์ ที่เป็นลูกชายของอามาซิยาห์ ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ 46 ที่เป็นลูกชายของอัมซี ที่เป็นลูกชายของบานี ที่เป็นลูกชายของเชเมอร์ 47 ที่เป็นลูกชายของมาห์ลี ที่เป็นลูกชายของมูชี ที่เป็นลูกชายของเมรารี ที่เป็นลูกชายของเลวี
48 บรรดาญาติๆของชาวเลวี ได้อุทิศตัวให้กับงานบริการทุกอย่างในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นบ้านของพระเจ้า 49 แต่อาโรนและบรรดาลูกหลานของเขา ได้ทำหน้าที่เผาสัตว์ทั้งตัวถวายบนแท่นบูชาที่ใช้สำหรับเรื่องนี้ และเผาเครื่องหอมบนแท่นเครื่องหอม รวมทั้งทำงานทุกอย่างภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดด้วย และพวกเขาได้กำจัดบาปและความไม่บริสุทธิ์ให้กับชาวอิสราเอล ตามที่โมเสสผู้รับใช้พระเจ้าได้สั่งเอาไว้
พวกลูกหลานของอาโรน
50 ต่อไปนี้คือพวกลูกหลานของอาโรน อาโรนมีลูกชายชื่อเอเลอาซาร์ ที่มีลูกชายชื่อฟีเนหัส ที่มีลูกชายชื่ออาบีชูวา 51 ที่มีลูกชายชื่อบุคคี ที่มีลูกชายชื่ออุสซี ที่มีลูกชายชื่อเศราหิยาห์ 52 ที่มีลูกชายชื่อเมราโยท ที่มีลูกชายชื่ออามาริยาห์ ที่มีลูกชายชื่ออาหิทูบ 53 ที่มีลูกชายชื่อศาโดก ที่มีลูกชายชื่ออาหิมาอัส
ที่พักอาศัยของครอบครัวชาวเลวี
(ยชว. 21:1-42)
54 ต่อไปนี้คือที่พักอาศัยของลูกหลานของอาโรนตามชุมชนของพวกเขา ในเขตแดนของพวกเขา
ตระกูลโคฮาทได้รับส่วนแบ่งส่วนแรกของที่ดินที่ได้มอบให้กับชาวเลวี 55 พวกเขาได้เมืองเฮโบรนที่อยู่ในแผ่นดินของยูดาห์และทุ่งหญ้าโดยรอบ 56 แต่บริเวณท้องทุ่งที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองนั้นและพวกหมู่บ้านโดยรอบเป็นของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ 57 บรรดาลูกหลานของอาโรนได้รับเมืองสำหรับลี้ภัย[b] หลายเมือง เช่น เมืองเฮโบรน ลิบนาห์และทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองยาททีร์ เมืองเอชเทโมอาและทุ่งหญ้ารอบๆ 58 เมืองฮีเลนและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเดบีร์และทุ่งหญ้ารอบๆ 59 เมืองอาชันและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองยุททาห์และทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเบธเชเมชและทุ่งหญ้ารอบๆ 60 แล้วในเขตแดนของเผ่าเบนยามิน พวกชาวเลวีได้รับเมืองกิเบโอนและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเกบาและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองอาเลเมทและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองอานาโธทและทุ่งหญ้ารอบๆ
ตระกูลโคฮาทได้เมืองไปทั้งหมดสิบสามเมือง
61 และจากการจับสลาก ลูกหลานที่เหลือของโคฮาทก็ได้รับเมืองอีกสิบเมือง มาจากตระกูลทั้งหลายในเผ่าของเอฟราอิม เผ่าดาน และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า
62 ส่วนตระกูลต่างๆของเกอร์โชมได้รับเมืองสิบสามเมืองจากชนเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลีและคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งที่อยู่ในบาชาน
63 ส่วนตระกูลต่างๆของเมรารี พวกเขาจับสลากได้รับเมืองสิบสองเมือง จากชนเผ่ารูเบน กาดและเศบูลุน
64 ดังนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหลายจึงได้มอบเมืองต่างๆเหล่านั้นพร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์มากมายให้แก่ชาวเลวี 65 พวกชาวเลวี ได้รับเมืองทั้งหมดเหล่านั้นมาจากชนเผ่ายูดาห์ สิเมโอนและเบนยามิน จากการจับสลากแบ่งกัน
66 มีตระกูลบางตระกูลในกลุ่มลูกหลานของโคฮาทที่ได้รับเมืองต่างๆมาเป็นเขตแดนของพวกเขา จากชนเผ่าเอฟราอิม 67 พวกเอฟราอิมได้ให้เมืองสำหรับลี้ภัยหลายเมืองแก่พวกเขา เช่น เมืองเชเคมและทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเนินเขาเอฟราอิม เมืองเกเซอร์และทุ่งหญ้ารอบๆ 68 โยกเมอัมและทุ่งหญ้ารอบๆเมืองเบธโฮโรนและทุ่งหญ้ารอบๆ 69 และจากเผ่าดาน เอลเทเค และทุ่งหญ้ารอบๆและกิบเบโทนและทุ่งหญ้ารอบๆ[c] เมืองอัยยาโลนและทุ่งหญ้ารอบๆเมืองกัทริมโมนและทุ่งหญ้ารอบๆ 70 พวกชาวอิสราเอลยังได้ให้เมืองอาเนอร์และทุ่งหญ้ารอบๆเมืองบิเลอัมและทุ่งหญ้ารอบๆที่เป็นของคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งนั้น ให้กับตระกูลต่างๆที่เป็นลูกหลานของโคฮาทด้วย
ที่พักอาศัยของครอบครัวชาวเลวีอื่นๆ
71 ส่วนลูกหลานของเกอร์โชม ได้รับโกลานที่อยู่ในเมืองบาชานและทุ่งหญ้ารอบๆรวมทั้งอัชทาโรทและทุ่งหญ้ารอบๆมาจากครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์
72 พวกเขาได้รับเคเดชกับทุ่งหญ้ารอบๆดาเบรัทกับทุ่งหญ้ารอบๆ 73 ราโมทกับทุ่งหญ้ารอบๆและอาเนมรวมทั้งทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่าอิสสาคาร์
74-75 พวกเขาได้มาชาลกับทุ่งหญ้ารอบๆอับโดนกับทุ่งหญ้ารอบๆ หุกอกกับทุ่งหญ้ารอบๆและเรโหบกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่าอาเชอร์
76 พวกเขาได้รับเคเดชในกาลิลีกับทุ่งหญ้ารอบๆฮัมโมนกับทุ่งหญ้ารอบๆคิริยาธาอิมกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่านัฟทาลี
77 ส่วนพวกลูกหลานของเมรารีที่เหลือ ต่างก็ได้เมืองมาจากชนเผ่าเศบูลุนหลายเมือง คือ ริมโมโนกับทุ่งหญ้ารอบๆทาโบร์กับทุ่งหญ้ารอบๆ
78-79 แล้วในที่ดินที่อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยริโค พวกเขาได้รับเมืองเบเซอร์ในที่แห้งแล้งและทุ่งหญ้ารอบๆยาซาห์กับทุ่งหญ้ารอบๆ เคเดโมทกับทุ่งหญ้ารอบๆรวมทั้งเมฟาอัทกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่ารูเบน
80-81 พวกเขาได้รับเมืองราโมทที่อยู่ในกิเลอาด และทุ่งหญ้ารอบๆมาหะนาอิมกับทุ่งหญ้ารอบๆ เฮชโบนกับทุ่งหญ้ารอบๆและยาเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบๆจากชนเผ่ากาด
พระคริสต์ถวายตัวเองครั้งเดียวก็พอสำหรับตลอดไป
10 กฎของโมเสสเป็นแค่เงาของสิ่งดีๆที่กำลังจะมาถึง มันไม่ใช่ของจริง ดังนั้นกฎของโมเสสที่สั่งให้คนต้องเอาเครื่องบูชาแบบเดิมๆมาถวายพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกๆปีนั้น ไม่มีวันทำให้คนที่มาเข้าเฝ้าพระเจ้าสมบูรณ์แบบได้ 2 เพราะถ้ากฎทำให้คนสมบูรณ์แบบได้จริง คนคงจะเลิกถวายเครื่องบูชาไปแล้ว เพราะเขาคงได้รับการชำระครั้งเดียวก็พอแล้ว และใจของเขาคงไม่รู้สึกผิดต่อบาปที่เขาได้ทำ 3 แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เครื่องบูชากลับกลายเป็นสิ่งที่เตือนให้เขาระลึกถึงบาปที่ได้ทำทุกๆปี 4 เพราะเลือดของวัวตัวผู้และเลือดของแพะจะมาล้างบาป ก็เป็นไปไม่ได้
5 ดังนั้น เมื่อพระคริสต์ได้เข้ามาในโลกนี้ พระองค์พูดว่า
“พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการเครื่องบูชา และของถวาย
แต่พระองค์ได้เตรียมร่างกายสำหรับข้าพเจ้า
6 พระองค์ไม่ได้พอใจกับเครื่องเผาบูชา
และเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป
7 แล้วข้าพเจ้า (พระคริสต์) ก็พูดว่า
‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่
ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์
เหมือนกับที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน’”[a]
8 ครั้งแรกพระองค์ (พระคริสต์) พูดว่า “พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการและไม่ได้พอใจในเครื่องสัตวบูชาที่นำมาบูชา เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป” (ถึงแม้กฎของโมเสสสั่งให้ทำอย่างนี้) 9 แล้วต่อมาพระองค์ (พระคริสต์) ได้พูดอีกว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์” ดังนั้น พระเจ้าจึงยกเลิกระบบแรกเสีย เพื่อจะจัดตั้งระบบอันที่สองขึ้นมา 10 เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ทำ และพระองค์ได้เสียสละร่างกายของพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอสำหรับตลอดไป
11 นักบวชชาวยิวทุกคนยืนทำหน้าที่รับใช้พระเจ้าทุกวัน และเขาถวายเครื่องบูชาอย่างเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มันไม่สามารถจะกำจัดบาปได้ 12 แต่หลังจากที่พระคริสต์ได้สละตัวเองเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเพื่อจัดการกับบาปตลอดไป พระองค์ได้นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า 13 พระองค์จะนั่งรอจนกว่าพระเจ้าจะทำให้ศัตรูของพระองค์มาเป็นที่วางเท้าของพระองค์ 14 เพราะเมื่อพระองค์ถวายตัวเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นสมบูรณ์แบบตลอดกาล
15 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เป็นพยานยืนยันกับเราในเรื่องนี้ พระองค์ได้พูดว่า
16 “นี่คือคำสัญญาใหม่ที่เราจะทำกับประชาชนของเราหลังจากสมัยนั้น
เราจะใส่กฎของเราเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
และจะเขียนพวกมันลงไปในหัวใจของพวกเขา”[b]
17 “และเราจะลืมบาป และการกระทำที่ผิดๆของพวกเขาตลอดไป”[c]
18 เมื่อพระเจ้าอภัยบาปให้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการถวายเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาปอีกต่อไป
เข้ามาใกล้ๆพระเจ้า
19 ดังนั้น พี่น้องครับ เรามีความมั่นใจที่จะเข้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดโดยเลือดของพระเยซู 20 เราเข้าไปได้ตามทางใหม่ที่ให้ชีวิต ซึ่งพระองค์ได้เปิดให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้น คือที่พระองค์ได้สละร่างกายเป็นเครื่องบูชา 21 เรามีหัวหน้านักบวชผู้ยิ่งใหญ่ ที่คอยจัดการดูแลครัวเรือนของพระเจ้า 22 ดังนั้นขอให้เราทุกคนเข้ามาใกล้ๆพระเจ้าด้วยความจริงใจ และมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้สะอาดจากความรู้สึกผิดๆเพราะบาป และมีร่างกายที่ได้ชำระด้วยน้ำให้บริสุทธิ์แล้ว 23 ขอให้เราทุกคนยึดมั่นในความหวังที่เราได้ยอมรับไว้แล้วอย่างไม่หวั่นไหว เพราะพระองค์ผู้ที่ให้สัญญากับเรานั้นซื่อสัตย์
ช่วยกันและกันให้เข้มแข็ง
24 ขอให้เราทุกคนพิจารณากันและกัน เพื่อจะได้กระตุ้นกันให้มีความรักและทำแต่ความดี 25 ขออย่าให้เราทิ้งการประชุมไปเหมือนกับที่บางคนทำอยู่ แต่ให้กำลังใจกันและกันมากยิ่งขึ้น ยิ่งพวกคุณรู้อยู่แล้วว่าวันนั้น[d]กำลังใกล้มาถึงแล้ว ก็ยิ่งน่าจะทำอย่างนี้
อย่าหนีพระเจ้าไป
26 แต่ถ้าเรายังตั้งใจทำผิดอยู่หลังจากที่เรารู้เรื่องความจริงแล้ว ก็จะไม่มีเครื่องบูชาจัดการกับบาปให้อีกแล้ว 27 มีแต่จะรอคอยการพิพากษาด้วยความหวาดกลัว และรอคอยไฟร้อนแรงที่จะเผาผลาญคนที่ต่อต้านพระเจ้า 28 คนไหนที่ไม่ยอมเชื่อฟังกฎของโมเสส และมีพยานสักสองสามปาก คนนั้นก็ถูกประหารชีวิตอย่างไร้ความเมตตา 29 คิดดูสิว่า คนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และมองเลือดของคำสัญญาใหม่ที่ได้ชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นว่าไร้ค่า แถมยังดูถูกพระวิญญาณแห่งความเมตตากรุณา คนพวกนี้สมควรจะได้รับโทษหนักกว่าคนพวกนั้นขนาดไหน 30 เพราะเรารู้จักพระองค์ที่พูดว่า “การแก้แค้นเป็นเรื่องของเรา เราจะตอบสนองพวกเขาเอง”[e] และได้พูดอีกว่า “องค์เจ้าชีวิตจะพิพากษาประชาชนของพระองค์”[f] 31 เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งนักที่จะตกอยู่ในมือของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่นั้น
ขอให้มีความกล้าและอดทนไว้
32 ขอให้คิดถึงสมัยก่อนตอนที่เพิ่งได้รับความสว่าง พวกคุณได้อดทนต่อความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส 33 บางครั้งคุณก็ถูกประจานให้ขายหน้าและคนดูถูกข่มเหง บางครั้งคุณก็ช่วยเหลือคนอื่นที่ถูกข่มเหง 34 คุณไม่ได้แค่ช่วยเหลือและร่วมทุกข์กับคนที่ติดคุก แต่ยังยินดียอมให้คนมายึดเอาทรัพย์สินของคุณไป เพราะรู้ว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยอดเยี่ยมกว่านั้น และเป็นทรัพย์สินที่จะอยู่ถาวรตลอดไป
35 ดังนั้น อย่าทิ้งความมั่นใจไป เพราะมันจะนำรางวัลอันยิ่งใหญ่มาให้ 36 พวกคุณต้องอดทน เพื่อว่าเมื่อคุณได้ทำตามความต้องการของพระเจ้าแล้ว คุณก็จะได้รับสิ่งที่พระองค์สัญญาไว้ 37 พระเจ้าบอกว่า
“อีกไม่นานนัก พระองค์ผู้ที่กำลังจะมานั้นก็จะมาถึงแล้ว
พระองค์จะไม่ชักช้า
38 แต่คนที่เรายอมรับนั้น จะใช้ชีวิตด้วยความไว้วางใจ
และถ้าเขาหันหลังเลิกไว้วางใจ เราจะไม่พอใจในตัวเขาเลย”[g]
39 แต่เราไม่ใช่คนพวกนั้นที่เลิกไว้วางใจ แล้วต้องถูกทำลายไป แต่เราเป็นคนพวกนั้นที่ยังไว้วางใจอยู่ แล้วได้รับชีวิต
อิสราเอลไม่หลาบจำ
4 ฟังถ้อยคำนี้ให้ดี พวกแม่วัวของบาชาน[a] ที่อยู่บนภูเขาของสะมาเรีย
เจ้าข่มเหงคนยากจน และบดขยี้คนที่ยากจนข้นแค้น
เจ้าบอกกับสามีของพวกเจ้าว่า “เอาอะไรมาให้ดื่มหน่อยสิ”
2 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตนั้นศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ได้สัญญาว่า
“เวลานั้นจะมาถึงเจ้าอย่างแน่นอน
เป็นเวลาที่พวกเขาจะมาลากพวกเจ้าไปด้วยเบ็ด
พวกเจ้าจะถูกลากไปด้วยเบ็ดตกปลาหมดทุกคน
3 เจ้าแต่ละคนจะตรงออกไปนอกเมืองได้เลย
ตามช่องกำแพงที่แตกทั้งหลาย
และเจ้าจะถูกโยนข้ามไปที่ฮารโมน”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
4 “มาที่เมืองเบธเอล[b] และทำบาปไปเลย
มาที่กิลกาลและทำบาปมากขึ้นไปอีก
ให้นำเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้ามาทุกๆเช้า
และทุกๆสามวันให้เอาสิบเปอร์เซ็นต์ของพืชผลของเจ้ามาถวาย
5 ให้เผาขนมปังเป็นเครื่องบูชาขอบคุณ
ให้โฆษณา อวดไปเลยถึงเครื่องบูชาที่เจ้าสมัครใจเอามาถวาย
เพราะเจ้า คนอิสราเอลชอบทำอย่างนั้นนี่”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดไว้ว่าอย่างนี้
6 “เราทำให้ฟันของพวกเจ้าสะอาดเกลี้ยงเกลา
เพราะขาดอาหารกิน ไปทั่วทุกหนแห่งและทุกเมืองของเจ้า
แต่พวกเจ้าก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
7 “เราหยุดยั้งฝนไปจากพวกเจ้า สามเดือนก่อนที่จะถึงฤดูเก็บเกี่ยว
เราให้เมืองหนึ่งมีฝน
อีกเมืองหนึ่งไม่มี
เราทำให้ท้องทุ่งหนึ่งมีฝน
อีกแปลงหนึ่งแห้งแล้ง
8 คนจากเมืองโน้นเมืองนี้จะต้องเดินโซเซไปหาน้ำที่เมืองอื่น
แต่ก็มีน้ำไม่พอดื่ม
ถึงอย่างนั้นพวกเจ้าก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
9 “เราได้ทำลายพืชผลของเจ้า ให้มันเกิดโรคและเป็นราเน่าเปื่อย
เราทำให้สวนผักและสวนองุ่นของเจ้าแห้งแล้งไป
ตั๊กแตนมากินต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของเจ้า
แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
10 “เราส่งเชื้อโรคร้ายแรงมาในท่ามกลางพวกเจ้า เหมือนกับที่เราเคยทำกับอียิปต์
เราฆ่าคนหนุ่มๆของเจ้าในสงคราม
และพวกม้าก็ถูกยึดไป
เราทำให้คนตายในค่ายต่างๆของเจ้า ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมาเข้าจมูกเจ้า
แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
11 “เราได้ทำลายพวกเจ้าบางคน
เหมือนกับที่เราได้ทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์
พวกเจ้าเป็นเหมือนไม้ที่ถูกเผาที่ถูกดึงออกมาจากไฟ
แต่เจ้าก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “ดังนั้น อิสราเอล เราจะลงโทษเจ้า
เราจะทำอย่างนี้กับเจ้า
เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเราพระเจ้าของเจ้าที่จะมาตัดสินเจ้า”
13 เพราะพระองค์เป็นผู้ที่สร้างภูเขาทั้งหลาย รวมทั้งสายลม
แล้วพระองค์บอกให้มนุษย์รู้ถึงแผนการของพระองค์
พระองค์สร้างเวลาเช้าและเวลาค่ำ
และพระองค์เดินไปบนภูเขาสูงๆของโลก
ชื่อของพระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระยาห์เวห์จากฟ้าสวรรค์เถิด
สรรเสริญพระองค์ในที่สูงเบื้องบนเถิด
2 พวกทูตสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์เอ๋ย สรรเสริญพระองค์เถิด
ทุกท่านในกองทัพแห่งฟ้าสวรรค์เอ๋ย สรรเสริญพระองค์เถิด
3 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เอ๋ย สรรเสริญพระองค์เถิด
ดวงดาวระยิบระยับทั้งปวงเอ๋ย สรรเสริญพระองค์เถิด
4 ฟ้าสวรรค์ชั้นสูงสุดและน้ำที่อยู่เหนือฟ้าสวรรค์เอ๋ย
สรรเสริญพระองค์เถิด
5 ขอให้ทั้งหมดนี้ สรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์เถิด
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาตามคำสั่งของพระองค์
6 พระองค์ตั้งให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ในที่ของมันตลอดกาล
พระองค์ตั้งกฎต่างๆให้กับสิ่งเหล่านั้นที่มันไม่อาจฝ่าฝืนได้
7 เจ้าที่เป็นสัตว์ยักษ์ในทะเลและทะเลลึกทั้งปวงเอ๋ย
สรรเสริญพระยาห์เวห์จากแผ่นดินโลกเถิด
8 ฟ้าแลบ ลูกเห็บเอ๋ย หิมะและควัน[a] เอ๋ย
ลมพายุที่ทำตามคำสั่งของพระองค์เอ๋ย
9 พวกภูเขาและเนินเขาทุกลูกเอ๋ย
พวกต้นผลไม้ และสนซีดาร์ทุกต้นเอ๋ย
10 พวกสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเอ๋ย
พวกสัตว์เลื้อยคลานและพวกนกทั้งหลายเอ๋ย
11 กษัตริย์ทั้งหลายของแผ่นดินโลกและชนชาติทั้งปวงเอ๋ย
พวกเจ้าฟ้าและพวกผู้พิพากษาทั้งหมดของโลกเอ๋ย
12 หนุ่มสาวทั้งหลายเอ๋ย
พวกคนแก่และเด็กๆเอ๋ย
13 ขอให้ทั้งหมดนี้ สรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์เถิด
เพราะมีแต่ชื่อของพระองค์เท่านั้นที่สมควรจะได้รับการยกย่องเชิดชู
พระบารมีของพระองค์สูงเหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์
14 พระองค์ทำให้คนของพระองค์เข้มแข็ง
ขอให้คนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ สรรเสริญพระองค์เถิด
ขอให้พระองค์ได้รับการสรรเสริญจากชาวอิสราเอลซึ่งเป็นชนชาติที่ใกล้ชิดพระองค์ที่สุด
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
เฉลิมฉลองชัยชนะที่มาจากพระยาห์เวห์
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์เถิด
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมของคนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
2 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ให้เฉลิมฉลองผู้สร้างของเจ้าเถิด
พลเมืองของศิโยนเอ๋ย ให้ชื่นชมยินดีในกษัตริย์ของเจ้าเถิด
3 ให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ด้วยการเต้นรำ
ร้องเพลงให้กับพระองค์ด้วยกลองรำมะนาและพิณ
4 พระยาห์เวห์ชื่นชมคนของพระองค์
พระองค์ให้เกียรติกับคนต่ำต้อยของพระองค์โดยให้พวกเขามีชัยเหนือศัตรู
5 ให้คนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ดีใจในเกียรตินี้
ให้พวกเขาร้องเพลงด้วยความยินดีแม้แต่ตอนที่นอนอยู่บนเตียง
6 ขอให้เสียงสรรเสริญพระเจ้าอยู่ในลำคอของเขา
และให้ดาบสองคมอยู่ในมือของเขา
7 พร้อมที่จะแก้แค้นต่อชนชาติอื่นๆ
และลงโทษพวกคนต่างชาติ
8 ให้พวกเขาจับกษัตริย์ของคนเหล่านั้นล่ามโซ่
และจับคนสำคัญของคนเหล่านั้นใส่ขื่อเหล็ก
9 ให้พวกเขาลงโทษคนเหล่านั้นตามคำตัดสินที่พระเจ้าได้ให้ไว้
เรื่องนี้นำเกียรติยศมาให้กับคนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
บทสรุปที่เรียกให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระเจ้าในวิหารของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ในฟ้าสวรรค์อันเป็นป้อมปราการของพระองค์
2 สรรเสริญพระองค์สำหรับการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ให้สมกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์
3 สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร
สรรเสริญพระองค์ด้วยการเล่นพิณใหญ่และพิณเล็ก
4 สรรเสริญพระองค์ด้วยการตีกลองรำมะนาและการเต้นรำ
สรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและขลุ่ย
5 สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบอันดัง
สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบอันกึกก้องเถิด
6 ขอให้ทุกสิ่งที่มีลมหายใจ สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International