Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 23

ประชาชนฟังหนังสือข้อตกลง

(2 พศด. 34:29-32)

23 แล้วกษัตริย์โยสิยาห์เรียกพวกผู้ใหญ่ของยูดาห์และของเยรูซาเล็มทั้งหมดมารวมตัวกัน เขาขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กับคนเหล่านั้นของยูดาห์ และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกนักบวชและเหล่าผู้พูดแทนพระเจ้า คือประชาชนทั้งหมดตั้งแต่ชนชั้นระดับล่างไปจนถึงคนระดับสำคัญๆ โยสิยาห์ได้อ่านทุกคำในหนังสือข้อตกลงที่พบในวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้กับทุกคนฟัง

กษัตริย์ยืนอยู่ข้างเสาและได้ทำข้อตกลงใหม่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ว่าจะติดตามพระยาห์เวห์และจะรักษาคำสั่งทุกข้อของพระองค์ กฎและข้อบังคับต่างๆอย่างสุดจิตสุดใจ และจะทำตามคำพูดของข้อตกลงที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็ได้ขานรับข้อตกลงนั้น

กษัตริย์โยสิยาห์กำจัดรูปเคารพ

(2 พศด. 34:3-7)

กษัตริย์สั่งฮิลคียาห์ซึ่งเป็นนักบวชสูงสุด เหล่านักบวชคนอื่นๆที่มีตำแหน่งรองๆลงมาและพวกคนเฝ้าประตู ให้ย้ายเครื่องใช้ทุกอย่างที่สร้างขึ้นให้แก่พระบาอัล ให้แก่เจ้าแม่อาเชราห์และให้แก่พวกดวงดาวทั้งหลาย ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์ได้เผาสิ่งเหล่านั้นนอกเมืองเยรูซาเล็ม ในทุ่งของหุบเขาขิดโรน แล้วขนเอาขี้เถ้าของมันไปที่เมืองเบธเอล

โยสิยาห์ได้กำจัดพวกนักบวชที่รับใช้พวกรูปเคารพที่กษัตริย์ทั้งหลายของยูดาห์ได้แต่งตั้งให้มาทำหน้าที่เผาเครื่องหอม อยู่บนสถานนมัสการต่างๆในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และเมืองที่อยู่รอบๆเมืองเยรูซาเล็ม รวมถึงพวกนักบวชที่เป็นคนเผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัล ให้กับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ให้กับพวกหมู่ดาวและดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า

โยสิยาห์เอาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ และเอาไปไว้ที่หุบเขาขิดโรนที่อยู่นอกเมืองเยรูซาเล็มและเผามันทิ้งที่นั่น เขาทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผงและเอาขี้เถ้าของมันโปรยลงบนหลุมฝังศพของคน[a]

โยสิยาห์ยังทำลายที่พักทั้งหลายของพวกโสเภณีผู้ชายซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พวกผู้หญิงใช้ทอผ้าให้กับพระแม่อาเชราห์

โยสิยาห์นำตัวพวกนักบวชทั้งหมดมาจากเมืองต่างๆของยูดาห์ แล้วมาไว้ที่เยรูซาเล็ม และทำให้สถานนมัสการทั้งหลายเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง ตั้งแต่ในเกบาไปจนถึงเบเออร์เชบา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกนักบวชนั้นใช้เผาเครื่องหอม โยสิยาห์ทำลายพวกสถานที่ที่นมัสการรูปปั้นแพะ ที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของประตูเมือง ที่อยู่ตรงทางเข้าของประตูโยชูวาเจ้าเมือง ถึงแม้ว่าเหล่านักบวชของสถานนมัสการเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะรับใช้อยู่ที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาก็ได้กินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูกับเหล่านักบวชญาติๆของเขา

10 โทเฟทเป็นสถานที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของเบนฮินโนม โยสิยาห์ทำให้สถานที่นี้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงไม่มีใครสามารถกลับมาใช้สถานที่นี้ เพื่อเอาลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองมาเผาไฟเป็นเครื่องบูชาให้กับพระโมเลค[b] ได้อีกต่อไป 11 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ชอบเอาพวกรูปปั้นม้าและรถรบมาตั้งอยู่ที่ทางเข้าวิหารของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ใกล้กับห้องของเจ้าหน้าที่ที่สำคัญคนหนึ่งชื่อ นาธันเมเลค ทั้งรูปปั้นม้าและรถรบนี้มีไว้อุทิศให้กับดวงอาทิตย์[c] โยสิยาห์ย้ายพวกรูปปั้นม้าออกไป และเผารถรบพวกนี้จนหมด

12 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ได้สร้างพวกแท่นบูชาไว้บนดาดฟ้าของตึกอาหัส กษัตริย์มนัสเสห์ก็ได้สร้างแท่นบูชาไว้ที่ลานทั้งสองข้างของวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์รื้อแท่นบูชาเหล่านั้น และทุบพวกมันทิ้งจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและก็โยนเศษหินลงในหุบเขาขิดโรน

13 ในอดีตกษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างพวกสถานนมัสการไว้ทางใต้เนินเขาแห่งการทำลาย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ที่อยู่ใกล้กับเมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์ซาโลมอนของอิสราเอลได้สร้างสถานนมัสการพวกนี้ให้กับพระอัชโทเรทอันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวไซดอนนับถือกัน และสร้างให้กับพระเคโมช อันน่าสะอิดสะเอียน ที่พวกโมอับนับถือกัน และสร้างให้กับพระโมเลค อันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวอัมโมนนับถือกัน 14 โยสิยาห์ทุบพวกหินศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโค่นพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ลงและเอากระดูกคนมาทิ้งให้กระจัดกระจายในที่นั้น

15 โยสิยาห์ได้รื้อทิ้งแม้แต่แท่นบูชาที่เมืองเบธเอล สถานนมัสการที่เยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้สร้างขึ้น ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย[d] เขาเผาสถานนมัสการ และทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผง และเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้งด้วย 16 แล้วโยสิยาห์ก็มองไปรอบๆและเมื่อเขาเห็นหลุมฝังศพมากมายที่อยู่ด้านข้างเนินเขา เขาก็ให้ย้ายเอากระดูกออกจากที่นั่น และเผามันบนแท่นบูชาเพื่อทำให้แท่นบูชาเสื่อมไป ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยทำนายไว้ผ่านทางคนของพระเจ้า[e] ตอนที่กษัตริย์เยโรโบอัมยืนอยู่ข้างๆแท่นบูชาในช่วงเทศกาล แล้วโยสิยาห์ก็หันไปดูอุโมงค์ของคนของพระเจ้าคนนั้นที่ได้ทำนายถึงสิ่งเหล่านี้

17 กษัตริย์โยสิยาห์ถามว่า “หินที่ระลึกที่เราเห็นนั้นคืออะไรหรือ”

พวกคนในเมืองบอกไปว่า “มันเป็นอุโมงค์ฝังศพของคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ และได้ทำนายถึงสิ่งต่างๆที่ท่านได้ทำไปแล้วกับแท่นบูชาของเมืองเบธเอล”

18 กษัตริย์จึงพูดว่า “ปล่อยให้เขาพักอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาก็เลยไม่รบกวนกระดูกของคนของพระเจ้าคนนั้น และกระดูกของผู้พูดแทนพระเจ้าที่ออกมาจากเมืองสะมาเรีย

19 โยสิยาห์ก็ทำลายพวกศาลเจ้าตามสถานที่สูงในเมืองต่างๆของสะมาเรีย ซึ่งพวกกษัตริย์ของอิสราเอลเคยสร้างขึ้น แล้วยั่วยุให้พระยาห์เวห์โกรธ เขาจัดการกับที่เหล่านั้นอย่างกับที่เขาทำกับสถานที่นมัสการของเบธเอล

20 โยสิยาห์ฆ่านักบวชทุกคนของสถานนมัสการเหล่านั้นบนแท่นบูชา และเผากระดูกคนบนแท่นบูชาเหล่านั้น แล้วเขาก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม

ชาวยูดาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย

(2 พศด. 35:1-19)

21 กษัตริย์โยสิยาห์มีคำสั่งถึงประชาชนทั้งหมดว่า “ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือข้อตกลงนี้”

22 นับตั้งแต่สมัยพวกผู้นำวินิจฉัยนำอิสราเอล ตลอดจนสมัยของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอลและของพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ ยังไม่เคยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเลย 23 แต่ในปีที่สิบแปดที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ ก็ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม

24 นอกจากนี้ โยสิยาห์ยังกำจัดพวกคนทรงเจ้าและหมอผี บรรดาพระในบ้านและพวกรูปเคารพทั้งหลายรวมทั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นที่เห็นในยูดาห์และในเยรูซาเล็มออกไปจนหมด เขาได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎที่ได้เขียนไว้ในหนังสือที่นักบวชฮิลคียาห์ได้ค้นพบในวิหารของพระยาห์เวห์

25 ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ไหนหันเข้ามาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลัง อย่างที่กฏของโมเสสสั่งไว้ มากเท่ากับที่โยสิยาห์ได้ทำ ไม่ว่าจะก่อนหน้าเขาหรือหลังจากเขาก็ตาม

26 แต่อย่างไรก็ตาม พระยาห์เวห์ไม่ได้หันเหไปจากความดุดันแห่งความโกรธเกรี้ยวอันมหาศาลของพระองค์ที่เผาผลาญต่อยูดาห์ เนื่องจากการยั่วยุทั้งหมดที่มนัสเสห์ได้ทำต่อพระองค์ 27 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะกำจัดยูดาห์ออกไปจากสายตาเรา เหมือนกับที่เราได้กำจัดอิสราเอลไปแล้ว และเราจะปฏิเสธเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้ รวมทั้งวิหารแห่งนี้ที่เราเคยพูดไว้ว่า ‘เราจะให้ชื่อของเราอยู่ที่นั่น’”

28 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์

ความตายของโยสิยาห์

(2 พศด. 35:20-36:1)

29 ในสมัยที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ ฟาโรห์เนโค กษัตริย์ของอียิปต์ได้ขึ้นมาที่แม่น้ำยูเฟรติสเพื่อช่วยเหลือกษัตริย์ของอัสซีเรีย กษัตริย์โยสิยาห์ยกทัพออกไปสู้กับฟาโรห์เนโค เมื่อฟาโรห์เนโคเห็นโยสิยาห์ ก็ฆ่าเขาตายที่เมืองเมกิดโด 30 พวกผู้รับใช้ของโยสิยาห์นำศพของเขาขึ้นรถรบคันหนึ่งและขับจากเมกิดโดไปจนถึงเยรูซาเล็มและฝังศพของโยสิยาห์ไว้ในหลุมศพของเขาเอง

และประชาชนของแผ่นดินนั้น ก็ยกเยโฮอาหาสลูกชายของโยสิยาห์ขึ้นมาและเจิมแต่งตั้ง ให้เขาเป็นกษัตริย์ต่อจากพ่อของเขา

เยโฮอาหาสปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:2-4)

31 เยโฮอาหาสมีอายุยี่สิบสามปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามเดือน แม่ของเขามีชื่อว่าฮามุทาล นางเป็นลูกสาวของเยเรมียาห์ที่มาจากลิบนาห์ 32 เยโฮอาหาสได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยทำ

33 ฟาโรห์เนโคขังเยโฮอาหาสไว้ที่ริบลาห์ซึ่งอยู่ในดินแดนของฮามัท เพื่อไม่ให้เขาได้ครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็ม และฟาโรห์ยังได้บังคับเก็บส่วยจากชาวยูดาห์เป็นเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำหนักสามสิบสี่กิโลกรัม[f]

34 ฟาโรห์เนโคให้เอลียาคิมลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่โยสิยาห์ผู้เป็นพ่อและเปลี่ยนชื่อของเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม แต่ฟาโรห์ได้พาเยโฮอาหาสไปอยู่ที่อียิปต์ และเยโฮอาหาสก็ตายที่นั่น 35 เยโฮยาคิมมอบเงินและทองคำให้กับฟาโรห์เนโค แต่เขาได้เรียกเก็บภาษีจากประชาชนของแผ่นดิน เพื่อเอาเงินไปมอบให้กับฟาโรห์ตามที่ฟาโรห์สั่งไว้ เขาบีบเอาเงินและทองจากประชาชนทุกคนของแผ่นดินตามสัดส่วนของทรัพย์สมบัติที่พวกเขามี เพื่อเอาไปมอบให้กับฟาโรห์เนโค

เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:5-8)

36 เยโฮยาคิมมีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบเอ็ดปี แม่ของเขามีชื่อว่าเศบิดาห์ นางเป็นลูกสาวของเปดายาห์ที่มาจากรูมาห์ 37 เยโฮยาคิมทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาทำ

ฮีบรู 5

หัวหน้านักบวชสูงสุดแต่ละคน ก็เป็นคนเหมือนกับเรานี่แหละ แต่พวกเขาได้รับคัดเลือกมาเป็นตัวแทนของเราต่อหน้าพระเจ้า คือนำของขวัญและถวายเครื่องบูชาจัดการกับบาป มาให้พระเจ้า เขาสามารถเห็นอกเห็นใจและช่วยคนที่ไม่รู้เรื่องและคนที่หลงผิด เพราะเขาเองมีจุดอ่อนเหมือนกัน แล้วเป็นเพราะจุดอ่อนของเขา เขาถึงต้องถวายเครื่องบูชาจัดการกับบาปของตัวเองก่อน แล้วค่อยทำให้กับประชาชนทีหลัง

เรื่องตำแหน่งที่มีเกียรตินี้ ไม่ใช่ใครอยากจะชิงเอาเพื่อได้หน้าก็ทำได้ แต่ต้องเป็นพระเจ้าเองที่เรียกผู้นั้น เหมือนกับที่พระองค์เคยเรียกอาโรน พระคริสต์ไม่ได้ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด พระองค์ไม่ได้หาเกียรติให้กับตัวเอง แต่พระเจ้าได้พูดกับพระองค์ว่า

“เจ้าเป็นลูกของเรา
    วันนี้เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว”[a]

พระเจ้าได้พูดไว้ในพระคัมภีร์ อีกตอนหนึ่งว่า

“เจ้าเป็นนักบวชตลอดไป เหมือนกับเมลคีเซเดค”[b]

ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกนี้ พระองค์อธิษฐานและอ้อนวอนเสียงดังและด้วยน้ำตา ถึงพระเจ้าผู้ที่สามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ แล้วพระเจ้าก็รับฟัง เพราะพระเยซูเคารพและยำเกรงพระองค์ ถึงแม้พระองค์จะเป็นลูกของพระเจ้าก็จริง แต่พระองค์ก็ยอมทนทุกข์ยาก เพื่อจะได้เรียนรู้ถึงความหมายของคำว่าเชื่อฟัง หลังจากที่พระเจ้าทำให้พระเยซูสมบูรณ์แบบแล้ว พระเยซูก็กลายเป็นแหล่งของความรอดที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์ 10 พระเจ้าได้ประกาศแต่งตั้งให้พระองค์เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดเหมือนกับเมลคีเซเดค

การเตือนไม่ให้หลงผิดไป

11 เรายังมีอีกหลายอย่างที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันยากที่จะอธิบายให้เข้าใจเพราะพวกคุณหัวทึบไปซะแล้ว 12 อันที่จริง ตอนนี้พวกคุณน่าจะเป็นครูกันแล้ว แต่กลับต้องการให้คนมาสอนถึงบทเรียนเบื้องต้นเกี่ยวกับคำสอนของพระเจ้าอีก คุณยังต้องดื่มนมแทนที่จะกินอาหารแข็ง 13 คนที่ยังดื่มนมก็ยังเป็นเด็กทารกอยู่ และยังไม่คุ้นเคยกับคำสอนที่เกี่ยวกับชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ 14 แต่ตรงกันข้าม อาหารแข็งนั้นมีไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนจิตใจมาแล้ว ทำให้รู้จักแยกแยะว่าอะไรดีอะไรชั่ว

โยเอล 2

วันที่พระยาห์เวห์เสด็จมา

ให้เป่าแตรในเมืองศิโยน
    ร้องตะโกนบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้กลัวจนตัวสั่น
    เพราะวันของพระยาห์เวห์กำลังจะมาถึงเพราะวันของพระยาห์เวห์ใกล้เข้ามาแล้ว
มันเป็นวันแห่งความมืดครึ้ม
    เป็นวันที่มืดมิดและเมฆดำทะมึน
เหมือนความมืดที่ปกคลุมภูเขาทั้งหลายคือกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรมหาศาล
ไม่เคยมีกองทัพไหนที่ยิ่งใหญ่เท่านี้มาก่อน
    และหลังจากนี้ก็จะไม่มีกองทัพไหนเทียบเท่ามันได้อีก
ไฟของกองทัพนั้นก็เผาผลาญไปข้างหน้า
    และเมื่อมันผ่านไป เหลือไว้แต่เปลวเพลิงที่ลุกไหม้
ดินแดนที่อยู่ข้างหน้ามัน เหมือนกับสวนเอเดน
    แต่พอมันผ่านไป ก็กลายเป็นทะเลทรายไม่มีอะไรเล็ดลอดไปได้เลย
พวกมันเหมือนฝูงม้า
    พวกมันวิ่งเหมือนม้าศึก
เมื่อพวกมันกระโดดข้ามยอดเขา
    เสียงเหมือนพวกรถรบ
เหมือนเสียงของไฟที่กำลังเผาฟางแห้ง
    เหมือนเสียงของกองทัพอันยิ่งใหญ่มุ่งสู่สงคราม
ผู้คนต่างพากันกลัวจนตัวสั่นต่อหน้าพวกมัน
    ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด

กองทัพนั้นวิ่งเข้าสู่สนามรบอย่างทหารกล้า
    พวกมันปีนกำแพงเหมือนนักรบ
พวกมันต่างเดินมุ่งตรงไปข้างหน้า
    ไม่แตกแถวเลย
พวกมันไม่เดินกินที่ของเพื่อน
    ต่างก็เดินในแถวของตัวเอง
ถึงแม้บางตัวถูกยิงด้วยธนูร่วงไป
    คนอื่นๆก็ไม่เฉไปจากแถวของตน
พวกมันรีบบุกเข้าไปในเมือง
    พวกมันบุกขึ้นกำแพงเมือง
พวกมันปีนเข้าไปในบ้านเรือน
    ปีนเข้าไปทางหน้าต่างเหมือนพวกขโมย
10 ต่อหน้าพวกมัน แผ่นดินก็ไหว
    ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มืดไป
    ดวงดาวก็หยุดส่องแสง
11 พระยาห์เวห์ได้ร้องตะโกนสั่งกองทัพของพระองค์
    เพราะกองทัพของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ
กองทัพที่ทำตามคำสั่งของพระองค์นั้น
    ยิ่งใหญ่มหาศาลจริงๆ
วันของพระยาห์เวห์นั้น ยิ่งใหญ่และน่ากลัวจริงๆ
    ใครเล่าจะทนได้

การเรียกให้กลับตัวกลับใจ

12 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ ถึงเดี๋ยวนี้ก็เถอะ
ให้กลับมาหาเรา ด้วยสุดใจของพวกเจ้า
    ให้อดอาหาร ร้องไห้ และคร่ำครวญ
13 อย่าฉีกเสื้อผ้า[a] แต่ให้ฉีกใจของเจ้าแทน”
ให้กลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า
    เพราะพระองค์มีความเมตตาปรานี อดทนนาน
    พระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่
    และพร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนใจไม่ลงโทษ
14 ใครจะรู้ล่ะ พระองค์อาจจะหันไปจากแผนการที่จะลงโทษ
และเปลี่ยนใจ
    พระองค์อาจจะทิ้งพระพรไว้ให้
ที่พวกเจ้าจะได้ใช้เป็นอาหารและเครื่องดื่มถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์

15 ให้เป่าแตรในเมืองศิโยน
    จัดเวลาสำหรับการอดอาหาร
    ให้เรียกประชุม
16 ให้รวบรวมประชาชนมา
    และจัดเวลาประชุมกัน
ให้รวบรวมคนแก่ทั้งหลาย
    และให้รวบรวมเด็กๆและทารกที่ยังดูดนม
ให้เจ้าบ่าวทิ้งห้องของเขาเถอะ
    ให้เจ้าสาวทิ้งห้องหอของนาง
17 ให้พวกนักบวชที่เป็นผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์
    ร้องไห้ระหว่างเฉลียงและแท่นบูชา
และให้พวกเขาพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้สงสารคนของพระองค์ด้วยเถิด
    ขออย่าให้ทรัพย์สินส่วนตัวของพระองค์ถูกหัวเราะเยาะ
อย่าให้ชนชาติต่างๆมองคนของพระองค์เป็นตัวตลก
    และอย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า ‘พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน’”

พระเจ้าจะฟื้นฟูแผ่นดินของพระองค์

18 แล้วพระยาห์เวห์ ก็เกิดหึงหวงแผ่นดินของพระองค์
    และพระองค์ก็เกิดความสงสารประชาชนของพระองค์
19 แล้วพระองค์ก็ตอบคนของพระองค์ว่า
“เราจะส่งเมล็ดพืช เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมะกอกให้กับพวกเจ้า
    และเจ้าจะอิ่มหนำจากสิ่งนั้น
และเราจะไม่ทำให้เจ้ากลายเป็นที่เย้ยหยันท่ามกลางชนชาติอื่นๆอีก
20 เราจะไล่ศัตรูที่มาจากทางเหนือไปให้ห่างไกลจากพวกเจ้า
    และเราจะขับไล่พวกมันไปอยู่ในดินแดนที่แห้งแล้ง
เราจะขับไล่ทหารกองหน้าของพวกมันไปลงทะเลทางตะวันออก
    และขับไล่ทหารกองหลังของพวกมันไปลงทะเลทางตะวันตก
กลิ่นเหม็นคละคลุ้งของพวกมันจะขึ้นมา
    และกลิ่นเหม็นเน่าของพวกมันจะกระจายไป
เราจะทำอย่างนี้เพราะพวกมันได้ทำความเสียหายไว้มาก”

21 แผ่นดินเอ๋ย อย่ากลัวเลย
    ให้รื่นเริงยินดีและเฉลิมฉลองกันเถอะ
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่
22 สัตว์ป่าทั้งหลาย อย่ากลัวเลย
    เพราะทุ่งเลี้ยงสัตว์ในที่เปล่าเปลี่ยวจะมีหญ้าขึ้นเขียวขจีไปหมด
อย่ากลัวเลย เพราะต้นไม้จะออกผล
    ต้นมะเดื่อและต้นองุ่นจะออกผลที่ดีที่สุด

23 ชาวเมืองศิโยน ให้ชื่นชมยินดี และเฉลิมฉลองให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
เพราะพระองค์จะให้ฝนฤดูใบไม้ร่วงกับพวกเจ้าเพื่อเป็นสิ่งพิสูจน์ถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์
    และพระองค์จะส่งฝนลงมาให้พวกเจ้า
    ทั้งฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดูเหมือนเมื่อก่อน
24 ลานนวดข้าวจะเต็มไปด้วยเมล็ดพืช
    พวกถังจะเต็มล้นไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่และน้ำมันมะกอก
25 “เราจะชดใช้ให้กับพวกเจ้าจำนวนปีต่างๆของการเก็บเกี่ยว
    ที่ฝูงตั๊กแตนวัยบิน วัยกระโดด วัยคลาน และวัยเดิน ได้มากินพืชผลไปนั้น
พวกมันเป็นกองทัพอันยิ่งใหญ่ที่เราได้ส่งมาลงโทษเจ้า
26 พวกเจ้าจะได้กินอยู่เรื่อยๆและอิ่มอยู่เสมอ
    พวกเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้ทำสิ่งต่างๆอันวิเศษสุดให้กับเจ้า
    คนของเราจะไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกเลย
27 เจ้าจะรู้ว่าเราอยู่กับชนชาติอิสราเอล
    เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก
    และประชาชนของเราจะไม่ต้องถูกทำให้ขายหน้าอีกเลย”

พระเจ้าจะให้พระวิญญาณกับทุกคน

28 หลังจากนี้ เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนทุกคน
เพื่อว่าลูกสาวและลูกชายของพวกเจ้าจะพูดแทนเรา
    พวกผู้อาวุโสของเจ้าจะเข้าใจความต้องการของเราผ่านทางความฝัน
    และพวกคนหนุ่มของเจ้าจะเห็นสิ่งที่เราเปิดเผยให้เห็น
29 ในเวลานั้น แม้แต่คนใช้ชายหญิงของเจ้า
    เราก็จะเทพระวิญญาณของเราให้

30 เราจะทำลางอัศจรรย์ในท้องฟ้าและบนดิน มันจะมีทั้งเลือด ไฟและกลุ่มควัน 31 ก่อนที่วันอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระยาห์เวห์จะมาถึง ดวงอาทิตย์จะมืดไป ดวงจันทร์จะแดงเหมือนเลือด 32 แต่ทุกคนที่ร้องเรียกชื่อพระยาห์เวห์จะรอด เพราะจะมีพวกเหลือรอดชีวิตอยู่บนภูเขาศิโยนและในเมืองเยรูซาเล็มเหมือนที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ และในท่ามกลางผู้ที่รอดชีวิตเหล่านั้นจะมีคนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์เรียก

สดุดี 142

พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของคนสิ้นหนทาง

บทเพลงมัสคิลของดาวิด เป็นคำอธิษฐานตอนที่ท่านอยู่ในถ้ำ

ข้าพเจ้าร้องตะโกนต่อพระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าร้องต่อพระยาห์เวห์เพื่อขอความเมตตา
ข้าพเจ้าระบายความทุกข์ทั้งหลายออกมาต่อหน้าพระองค์
    ข้าพเจ้าเล่าให้พระองค์ฟังถึงความทุกข์ยากทั้งหมดของข้าพเจ้า
เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกท้อใจ พระองค์เฝ้าดูทางเดินของข้าพเจ้าอยู่
    พวกศัตรูวางกับดักไว้ตามทางที่ข้าพเจ้ากำลังเดินไปนั้น

ดูสิ ข้าพเจ้าไม่มีเพื่อนสักคนที่อยู่เคียงข้าง
    ข้าพเจ้าไม่มีที่หลบภัย ไม่มีใครสนใจว่าข้าพเจ้าจะอยู่หรือจะตาย
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
    และบอกกับพระองค์ว่า “พระองค์คือที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า พระองค์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการในโลกนี้”
โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าหมดสิ้นหนทาง
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้ไล่ตามข้าพเจ้าเพราะพวกเขาแข็งแรงกว่าข้าพเจ้า
ช่วยปล่อยข้าพเจ้าออกจากคุกแห่งความทุกข์ยากนี้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ขอบคุณพระองค์
    แล้วพวกคนดีๆจะได้มาร่วมเฉลิมฉลองกับข้าพเจ้าเพราะพระองค์ดูแลข้าพเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International