Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 4

โมเสสเตือนอิสราเอลให้เชื่อฟังกฎ

บัดนี้ ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดีถึงกฎและข้อบังคับต่างๆที่เรากำลังจะสอนให้พวกท่านทำ เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ และได้เข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านได้ยกให้กับท่าน พวกท่านจะต้องไม่เพิ่มอะไรเข้าไปในสิ่งที่เราได้สั่งท่านไว้แล้ว และต้องไม่ตัดอะไรออกไปด้วย เพื่อท่านจะได้รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่เราได้สั่งท่านไว้

พวกท่านก็ได้เห็นกับตาแล้ว ถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำลงไปที่บาอัล เปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำลายคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลเทียมเท็จที่เปโอร์ แต่พวกท่านทุกคนที่ยังผูกพันอยู่กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้

ดูเถิด เราได้สอนกฎและข้อบังคับต่างๆกับพวกท่าน ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งเราไว้ เพื่อท่านจะได้ทำสิ่งเหล่านี้ในดินแดนที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของ พวกท่านต้องรักษาและทำตามกฎพวกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะมันจะพิสูจน์ให้ชนชาติอื่นๆเห็นว่า ท่านนั้นฉลาดและมีความเข้าใจแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับกฎเหล่านี้ พวกเขาก็จะพูดกันว่า ‘ชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ช่างฉลาดและมีความเข้าใจจริงๆ’

จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่มีพระอยู่ใกล้ชิด เหมือนกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็อยู่ที่นั่น ไม่มีแน่ ไม่มีชนชาติไหนหรอกที่มีพระอย่างนี้อีกแล้ว จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่จะมีกฎและข้อบังคับที่ยุติธรรมเหมือนกับคำสอนทั้งหมดนี้ที่เราให้กับพวกท่านในวันนี้ ไม่มีแน่นอน แต่ให้ระวังตัวเองไว้ให้ดี เพื่อท่านจะได้ไม่ลืมสิ่งที่ตาของท่านได้เห็นมา เพื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะได้ไม่จางหายไปจากใจของท่านจนตลอดชีวิต ท่านต้องสั่งสอนลูกและหลานของท่านต่อด้วย 10 ท่านต้องไม่ลืมสิ่งที่ท่านได้เห็นมา วันที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ภูเขาซีนาย เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ให้รวบรวมประชาชนมาหาเรา เพื่อเราจะได้ให้พวกเขาฟังสิ่งที่เราจะบอก เพื่อพวกเขาจะได้เกรงกลัวเราตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ และพวกเขาจะได้สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาต่อไป’ 11 พวกท่านเข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่ตีนเขา ภูเขานั้นลุกไหม้เป็นไฟสูงเสียดฟ้า และเกิดความมืด เมฆและหมอกหนาทึบเข้ามาปกคลุม 12 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกท่านจากท่ามกลางไฟนั้น พวกท่านได้ยินแต่เสียงพูด แต่มองไม่เห็นรูปร่างอะไรเลย มีแต่เสียงเท่านั้น 13 พระองค์ได้ประกาศคำสอนของพระองค์ และพระองค์ได้สั่งให้พวกท่านทำตามคำสอนเหล่านั้น ซึ่งก็คือบัญญัติสิบประการ และพระองค์ได้เขียนมันไว้บนแผ่นหินสองแผ่น 14 เวลานั้นพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เราสอนพวกท่าน ถึงกฎและข้อบังคับต่างๆเพื่อพวกท่านจะได้ทำตามคำสอนเหล่านั้นในดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเป็นเจ้าของ

15 ในวันนั้นที่พระยาห์เวห์พูดกับพวกท่านบนภูเขาซีนาย ตอนที่พระองค์พูดออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น เพราะพวกท่านไม่ได้เห็นรูปร่างอะไรเลย ก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี 16 เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ทำลายตัวเอง ด้วยการไปสร้างรูปเคารพให้กับตัวเอง เป็นรูปร่างต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นของชายหรือหญิง 17 หรือรูปปั้นของสัตว์ต่างๆที่อยู่บนบก หรือรูปปั้นของนกต่างๆที่บินอยู่ในท้องฟ้า 18 หรือรูปปั้นของพวกสัตว์เลื้อยคลานบนดิน หรือรูปปั้นของพวกปลาที่อยู่ในน้ำ 19 ให้ระวังตัวให้ดี เวลาที่ท่านมองดูท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในท้องฟ้าแล้ว อย่าให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นมาทำให้ท่านหลงผิด แล้วไปกราบไหว้และรับใช้พวกมัน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้จัดสรรสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้กับทุกๆชนชาติทั่วใต้ฟ้านี้ 20 แต่พระยาห์เวห์ได้รับพวกท่านและนำพวกท่านออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกมาจากอียิปต์ เพื่อมาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้

21 เป็นเพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธเรามาก พระองค์จึงได้สาบานไว้ว่า เราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่ดีแห่งนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้ท่านเป็นเจ้าของ 22 เพราะเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกท่านจะได้ข้ามแม่น้ำสายนั้น และจะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีแห่งนั้น 23 ระวังตัวให้ดี เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ลืมข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำไว้กับท่าน และเพื่อพวกท่านจะได้ไม่สร้างรูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆสำหรับตัวเอง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งห้ามไว้ 24 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือไฟที่เผาผลาญและเป็นพระเจ้าที่หึงหวง[a]

25 เมื่อพวกท่านมีลูกมีหลานและอยู่บนแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน ถ้าพวกท่านทำตัวไม่ดีและสร้างรูปเคารพที่เป็นรูปอะไรก็แล้วแต่ และทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเห็นว่าชั่วร้าย เป็นการยั่วยุให้พระองค์โกรธ 26 เราขอเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อต้านท่านในวันนี้ว่า พวกท่านจะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วไปจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของนั้น พวกท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนานหรอก เพราะพวกท่านจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น 27 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติอื่นๆและพวกท่านก็จะเหลืออยู่แค่ไม่กี่คนในท่ามกลางชนชาตินั้นๆที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ให้พวกท่านเข้าไปอยู่ 28 ที่นั่นพวกท่านจะรับใช้พระต่างๆที่มือของคนทำขึ้นมา มีทั้งพระที่ทำจากไม้และหิน ที่มองก็ไม่เห็น ฟังก็ไม่ได้ยิน กินหรือดมกลิ่นก็ไม่ได้ 29 จากชนชาตินั้นๆพวกท่านจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะได้พบพระองค์ ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน 30 เมื่อท่านตกอยู่ในความทุกข์ยาก และเจอกับเรื่องต่างๆพวกนี้ ท่านก็จะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนั้นเป็นพระเจ้าที่มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่านและพระองค์ก็จะไม่ทำลายท่าน พระองค์จะไม่ลืมข้อตกลงที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน

คิดถึงสิ่งยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าได้ทำไว้

32 ไปถามดูสิ เกี่ยวกับวันเวลาที่ผ่านมา ที่มีมาก่อนท่านนานแสนนาน นับตั้งแต่วันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้ ไปถามดูได้เลยจากสุดปลายฟ้าข้างนี้ไปถึงข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า หรือเคยได้ยินเรื่องอะไรอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า 33 เคยมีชนชาติไหนบ้างที่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูดออกมาจากเปลวไฟเหมือนที่ท่านได้ยิน แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ 34 หรือเคยมีพระองค์ไหนบ้าง ที่พยายามเอาชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ใช้การทดลองต่างๆ เหตุการณ์พิเศษต่างๆ การอัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งสงคราม มือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนอันแข็งแกร่งที่ยื่นออก และการกระทำที่น่ากลัวต่างๆ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อท่าน และทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านในประเทศอียิปต์ 35 พระองค์ทำอย่างนี้ให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้รู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริง และไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วนอกจากพระองค์ 36 พระองค์ทำให้ท่านได้ยินเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อจะสั่งสอนท่าน และในโลกนี้ พระองค์ก็ทำให้ท่านเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น

37 เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ถึงได้เลือกพวกท่านลูกหลานของพวกเขา และพระองค์เองที่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 เพื่อพระองค์จะได้ขับไล่ชนชาติอื่นที่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าท่านออกไปจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วจะได้นำเอาท่านเข้าไปอยู่และยกแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้ท่านเป็นเจ้าของ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้

39 ดังนั้นในวันนี้ให้รับรู้และจำใส่ใจไว้เลยว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริงที่อยู่บนสวรรค์และบนโลกนี้ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก 40 ท่านต้องเชื่อฟังกฎและคำสั่งของพระองค์ที่เราได้สั่งกับท่านในวันนี้ เพื่อว่าท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และเพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้กับท่านตลอดไป”

โมเสสเลือกเมืองสำหรับลี้ภัย

41 แล้วโมเสสได้เลือกเมืองสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 42 เอาไว้เป็นที่ลี้ภัยของคนที่ไปฆ่าคนอื่นมาโดยไม่ได้เจตนา และไม่เคยเกลียดคนที่ถูกฆ่ามาก่อน คนๆนั้นสามารถที่จะหนีไปอยู่ในเมืองเหล่านั้นได้ และมีชีวิตต่อไป 43 สามเมืองที่โมเสสเลือกคือ เมืองเบเซอร์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งกลางที่ราบสูงสำหรับชาวรูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับชาวกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับชาวมนัสเสห์

กฎของโมเสส

44 นี่คือคำสั่งสอนที่โมเสสได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอล 45 สิ่งเหล่านี้คือคำสั่งสอน กฎและข้อบังคับที่โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ 46 โมเสสได้ให้กฎต่างๆเหล่านี้กับพวกเขา ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในหุบเขาที่อยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ บนดินแดนของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ที่ปกครองเฮชโบน และถูกโมเสสกับชาวอิสราเอลโจมตีจนพ่ายแพ้เมื่อครั้งที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 47 ชาวอิสราเอลได้ยึดเอาแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ทั้งสององค์นี้เป็นกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่ในดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 ดินแดนแห่งนี้เริ่มจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ติดหุบเขาอารโนนไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือภูเขาเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งหุบเขาจอร์แดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ลงไปทางใต้จนถึงทะเลตาย[b] และไปทางตะวันออกถึงตีนเขาปิสกาห์

สดุดี 86-87

อธิษฐานขอความช่วยเหลือให้ชนะศัตรู

คำอธิษฐานของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าเป็นคนยากจนและขัดสน
ปกป้องชีวิตของข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อพระองค์
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ที่ฝากความไว้วางใจในพระองค์
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ตลอดทั้งวัน
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความสุขด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้ายกชีวิตของข้าพเจ้าให้กับพระองค์
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างดีเลิศ และพร้อมที่จะให้อภัย
    พระองค์เต็มไปด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกหาพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดให้ความสนใจกับคำขอร้องของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ ในยามที่มีความทุกข์ยาก
    เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า

ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนกับพระองค์
    ไม่มีสักองค์ที่สามารถทำสิ่งที่พระองค์ทำได้
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์สร้างคนทุกชาติทุกภาษา
    พวกเขาทุกคนจะมากราบอยู่ต่อหน้าพระองค์
    และให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
10 เพราะพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และทำสิ่งต่างๆที่เหลือเชื่อ
    มีแต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้า
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยสอนแนวทางต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตที่สัตย์ซื่อเหมือนกับพระองค์
    โปรดรวบรวมจิตใจของข้าพเจ้าให้ยำเกรงชื่อของพระองค์สุดจิตสุดใจ
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    และข้าพเจ้าจะให้เกียรติต่อชื่อของพระองค์ตลอดไป
13 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นยอดเยี่ยมสำหรับข้าพเจ้า
    และพระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดจากแดนคนตาย

14 ข้าแต่พระเจ้า พวกคนหยิ่งยโสโจมตีข้าพเจ้า
    พวกอันธพาลตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
    และคนเหล่านี้ไม่ยำเกรงพระองค์
15 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างเป็นพระเจ้าที่อดทน มีเมตตากรุณา
    เต็มไปด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์ซื่อ
16 ดังนั้น โปรดหันมาหาข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ อย่างนั้นขอให้พละกำลังกับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระองค์เหมือนกับที่แม่ของข้าพเจ้าเป็น อย่างนั้น ขอช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
17 โปรดแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยอมรับข้าพเจ้า
    เพื่อคนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าจะได้เห็นและอับอาย
    พวกเขาจะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่ช่วยเหลือและปลอบโยนข้าพเจ้า

ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย

บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์

พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
    มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
    ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์

พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
    รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
    เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[a]

ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
    “ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
    และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
    พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์

ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
    “ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”

อิสยาห์ 32

จะมีกษัตริย์และสังคมที่ยุติธรรม

32 ดูเถอะ จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งปกครองด้วยความซื่อสัตย์
    และพวกผู้นำจะปกครองด้วยความยุติธรรม
แล้วพวกเขาแต่ละคนก็จะเป็นเหมือนที่กำบังลม
    และเป็นเหมือนที่ปลอดภัยท่ามกลางพายุ
พวกเขาจะเป็นเหมือนลำธารน้ำในที่แห้งแล้ง
    และเป็นเหมือนร่มเงาของหินใหญ่ในแผ่นดินที่ไม่มีอะไรงอกขึ้นมาได้
แล้วตาของคนที่มองเห็นจะได้ไม่ปิดไป
    หูของคนที่ได้ยินจะได้ตั้งใจฟัง
และจิตใจของคนใจร้อนก็จะได้คิดอย่างรอบคอบ
    และลิ้นของคนที่พูดติดอ่างก็จะพูดได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว
จะไม่มีใครเรียกพวกคนโง่ว่าผู้สูงศักดิ์
    และจะไม่มีใครเรียกคนชั่วว่าเป็นคนน่านับถือ
เพราะคนโง่ก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ
    และจิตใจของพวกเขาก็วางแผนแต่เรื่องชั่วๆ
ทำในสิ่งที่ขัดกับทางของพระเจ้า
    และพูดเท็จเรื่องของพระยาห์เวห์
พวกเขาปล่อยให้คนที่หิวโหย หิวต่อไป
    และไม่ให้น้ำกับคนที่กระหายน้ำดื่ม
อุปกรณ์ของอันธพาลก็อัปลักษณ์
    เขาวางแผนแต่เรื่องชั่วๆที่จะทำลายคนยากจนด้วยคำโกหก
    แม้ว่าคนขัดสนเหล่านั้นกำลังขอความเป็นธรรมก็ตาม
แต่คนที่สูงศักดิ์วางแผนทำในสิ่งที่สูงส่ง
    แล้วสิ่งสูงส่งเหล่านั้นทำให้พวกเขายืนอย่างมั่นคง

เวลาของความทุกข์ยากลำบากกำลังมา

พวกคุณนายที่ใช้ชีวิตแสนสบายไปวันๆ
    ลุกขึ้นมาซะ ฟังเสียงของผมให้ดี
พวกสาวๆที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้ว
    ให้ฟังสิ่งที่ผมพูดให้ดี
10 ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะคิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว
    แต่อีกประมาณปีกว่าๆเจ้าก็จะต้องกลัวจนตัวสั่น
    เพราะไร่องุ่นจะไม่ออกผลและจะไม่มีผลไม้ให้เก็บเกี่ยว
11 พวกคุณนายที่ใช้ชีวิตแสนสบายให้กลัวจนตัวสั่น
    พวกสาวๆที่คิดว่าตัวเองมั่นคงแล้วให้ตัวสั่นงันงก
    ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะและให้สวมผ้ากระสอบแทน
12 ให้ทุบอกของเจ้าด้วยความเศร้า
    เพราะท้องทุ่งที่เจ้าชื่นชมและเถาองุ่นที่แสนดกได้หายไปหมดแล้ว
13 ให้เศร้า เพราะผืนดินของคนของเรามีแต่หนามและหญ้าคาขึ้นรกไปหมด
    เออ ให้เศร้า ที่บ้านต่างๆที่มีความสุขสนุกสนาน
    และเมืองที่เฉลิมฉลองกัน หายไปหมดแล้ว
14 เพราะพระราชวังจะถูกทอดทิ้ง
    เมืองที่คึกครื้นเสียงดังก็จะถูกทิ้งร้างไป
เนินเขาและหอคอยก็จะกลายเป็นที่ร้างตลอดไป
    เป็นที่สนุกสนานกันของลาป่า
    ฝูงแพะแกะก็จะมาหากินที่นั่น
15 มันจะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่าพระองค์จะเทชีวิตใหม่[a] ลงมาบนพวกเราจากสวรรค์
    และทะเลทรายก็จะกลายเป็นสวนผลไม้
    และสวนผลไม้ก็จะมีมากมายเหมือนผืนป่า
16 แล้วความยุติธรรมจะอาศัยอยู่ในทะเลทรายนั้น
    และความถูกต้องจะพักอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่อุดมนั้น[b]
17 ผลของความถูกต้องจะเป็นสันติสุข
    และผลของความถูกต้องจะเป็นความสงบสุขและความปลอดภัยตลอดไป
18 ชนชาติของเราจะอาศัยอยู่ในชุมชนที่สงบสุข
    ในที่อยู่อันมั่นคง ในที่พักอันเงียบสงบ
19 ลูกเห็บจะทำลายป่าของศัตรู
    เมืองของพวกเขาก็จะตกต่ำลง
20 แต่พวกเจ้าจะมีเกียรติขึ้นและจะได้หว่านเมล็ดพืชไว้ข้างๆลำธารทุกสาย
    และปล่อยวัวปล่อยลาให้เดินหากินไปมาอย่างอิสระ

วิวรณ์ 2

ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองเอเฟซัส

ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองเอเฟซัสว่า

“พระองค์ผู้ที่ถือดาวทั้งเจ็ดดวงในมือขวา และเดินอยู่ท่ามกลางตะเกียงทองคำที่มีขาตั้งทั้งเจ็ดอันพูดว่า เรารู้การกระทำของเจ้า รู้ถึงงานหนักที่เจ้าทำ รู้ถึงความทรหดอดทนของเจ้า รู้ว่าเจ้าทนพวกคนชั่วนั้นไม่ได้ และเจ้าก็ได้ทดสอบคนพวกนั้นที่แอบอ้างว่าเป็นพวกศิษย์เอกทั้งๆที่ไม่ใช่ แล้วเจ้าจับได้ว่าพวกเขาโกหก เรารู้ว่าเจ้าทนทุกข์เพราะเห็นแก่เรา และไม่ได้เลิกติดตามเรา”

“แต่เราอยากจะต่อว่าเจ้าในเรื่องที่เจ้าได้ทิ้งความรักที่เจ้ามีอยู่ในตอนแรกนั้น ดังนั้นลองนึกดูสิว่า เจ้าได้ผิดไปจากสภาพเดิมแค่ไหน กลับตัวกลับใจ แล้วกลับไปทำเหมือนเดิมที่ทำตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้น เราจะมาหาเจ้า และจะเอาตะเกียงทองคำที่มีขาตั้งของเจ้าไปจากที่ของมัน แต่เจ้าก็ยังดีที่ว่า เจ้าเกลียดสิ่งที่พวกนิโคไลตัน[a]ทำ ซึ่งเราเองก็เกลียดเหมือนกัน”

“ใครที่มีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ แล้วใครที่ได้รับชัยชนะ เราจะให้กินผลจากต้นไม้ที่ให้ชีวิตซึ่งอยู่ในสวนของพระเจ้า”[b]

ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองสเมอร์นา

ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองสเมอร์นาว่า “พระองค์ที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบ ผู้ที่เคยตายและกลับฟื้นขึ้นมาใหม่พูดว่า เรารู้ว่าเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน และยากจนแค่ไหน แต่จริงๆแล้วเจ้าเป็นคนรวย เรารู้ว่าเจ้าถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคนพวกนั้นที่เรียกตัวเองว่าเป็นยิว ทั้งๆที่ไม่ใช่ แต่เป็นกลุ่มคนของซาตาน 10 ไม่ต้องกลัวเลยถึงสิ่งที่เจ้ากำลังจะต้องทนทุกข์ทรมานนั้น ฟังให้ดี ซาตานกำลังจะจับเจ้าบางคนขังคุกเพื่อทดสอบเจ้า เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาสิบวัน แต่ให้ซื่อสัตย์ต่อเรา ถึงแม้จะต้องตายก็ตาม แล้วเราจะให้รางวัล[c]ที่จะทำให้เจ้าได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป

11 ใครที่มีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ แล้วใครที่ได้รับชัยชนะ จะไม่ได้รับอันตรายจากการตายในครั้งที่สอง”

ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองเปอร์กามัม

12 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองเปอร์กามัมว่า

“พระองค์ผู้ที่มีดาบสองคมพูดว่า 13 เรารู้จักที่ที่เจ้าอยู่นั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ซาตาน และเรารู้ว่าเจ้ายังจงรักภักดีต่อเรา เจ้าไม่เคยหยุดไว้วางใจเราเลย แม้ในเวลาที่อันทีพา พยานผู้ซื่อสัตย์[d]ของเราถูกฆ่าในเมืองของเจ้า เป็นเมืองที่ซาตานอาศัยอยู่

14 แต่อย่างไรก็ตาม เรามีบางเรื่องที่จะต่อว่าเจ้า คือ เรื่องที่บางคนในพวกเจ้าทำตามคำสอนของบาลาอัม คนที่สอนให้บาลาครู้ว่า จะทำให้พวกอิสราเอลทำบาปได้อย่างไร ดังนั้นบาลาคจึงชักชวนให้พวกอิสราเอลกินอาหารที่เซ่นไหว้รูปเคารพ และทำผิดบาปทางเพศ 15 ดังนั้นพวกเจ้าบางคนจึงเป็นเหมือนกับพวกอิสราเอลนั้น คือไปทำตามคำสอนของพวกนิโคไลตัน 16 ให้กลับตัวกลับใจเสีย ไม่อย่างนั้นเราจะมาหาเจ้าในเร็วๆนี้ และต่อสู้กับคนพวกนั้นด้วยดาบที่ออกมาจากปากของเรา”

17 “ใครมีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ แล้วใครที่ได้รับชัยชนะ เราจะให้อาหารทิพย์[e]ที่เก็บซ่อนอยู่ และจะให้หินสีขาวกับคนนั้นด้วย โดยที่หินนั้นได้จารึกชื่อใหม่เอาไว้ ไม่มีใครรู้ชื่อนั้นนอกจากคนที่ได้รับเท่านั้น”

ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองธิยาทิรา

18 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองธิยาทิราว่า

“พระองค์ผู้ที่เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งมีดวงตาเหมือนกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน และมีขาเหมือนกับทองสัมฤทธิ์ที่มันวาววับพูดว่า 19 เรารับรู้การกระทำของเจ้า ความรัก ความไว้วางใจ การดูแลรับใช้ และความทรหดอดทนที่เจ้ามี และเรารู้ว่าตอนนี้เจ้าได้ทำมากกว่าตอนที่เจ้าเพิ่งมาไว้วางใจเราใหม่ๆ 20 แต่เรามีเรื่องที่จะต่อว่าเจ้า คือเจ้าได้อดทนต่อผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเยเซเบล[f] ผู้ที่ยกตัวเองว่าเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า คำสอนของนางได้ทำให้ทาสของเราหลงไปทำผิดบาปทางเพศ และไปกินของที่ใช้เซ่นไหว้รูปเคารพ 21 เราได้ให้โอกาสกับนางกลับตัวกลับใจ แต่นางก็ไม่ยอม 22 ดูสิ เราจะทำให้นางต้องล้มหมอนนอนเสื่อและจะทำให้คนที่เล่นชู้กับนางได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เว้นแต่ว่าคนเหล่านั้นจะหยุดทำบาปที่ได้ทำกับนาง 23 เราจะฆ่าพวกลูกศิษย์ของนาง และทุกหมู่ประชุมจะได้รู้ว่า เราคือผู้ที่หยั่งรู้ความคิดและความตั้งใจของทุกคน และเราจะตอบแทนพวกเจ้าแต่ละคนตามสิ่งที่พวกเจ้าได้ทำลงไป”

24 “ตอนนี้เรามีเรื่องบางอย่างที่จะพูดกับคนอื่นๆที่เหลือในเมืองธิยาทิราที่ไม่ได้ทำตามคำสอนของนาง และยังไม่รู้จักสิ่งที่บางคนเรียกว่า ‘ความจริงอันล้ำลึกที่มาจากซาตาน’ เราจะไม่มอบภาระอะไรเพิ่มเติมให้กับพวกเจ้า 25 แต่ให้พวกเจ้ายึดมั่นในความไว้วางใจที่มีต่อเรา จนกว่าเราจะมา”

26 “เราจะให้อำนาจเหนือชนชาติต่างๆกับคนที่ได้รับชัยชนะ และคนที่ทำตามคำสั่งของเราจนถึงที่สุด 27 ‘เขาจะปกครองชนชาติต่างๆที่กบฏต่อพระเจ้าด้วยกระบองเหล็ก เขาจะทำให้พวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับหม้อดินเผาที่โดนทุบ’[g] 28 เราจะให้อำนาจกับเขาแบบเดียวกับที่เราได้รับมาจากพระบิดาของเราและนอกจากนี้เราจะให้ดาวประจำรุ่ง[h] กับคนนั้นด้วย 29 ใครที่มีหูก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International