Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 15

กฎเกี่ยวกับการถวาย

15 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับคนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เจ้าจะไปอาศัยอยู่ เป็นแผ่นดินที่เรายกให้กับเจ้านั้น เจ้าต้องเอาของถวายที่มาจากฝูงวัวหรือฝูงแกะมาถวายพระยาห์เวห์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสัตวบูชาต่างๆที่เอามาแก้บน หรือเป็นเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเอง หรือเอามาตอนมีงานเทศกาลต่างๆตามปกติ เพื่อเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

คนที่ถวายเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ จะต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสองลิตร[a] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตร[b]

เจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชาด้วย พร้อมกับเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชา เหล้าองุ่นหนึ่งลิตรสำหรับแกะหนึ่งตัว

หรือในกรณีที่เป็นแกะตัวผู้ เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่ง[c] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตร และเจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชา เป็นกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

เมื่อเจ้าถวายวัวรุ่นตัวหนึ่งจากฝูงเป็นเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสัตวบูชาแก้บน หรือเครื่องสังสรรค์บูชาต่อพระยาห์เวห์ เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับวัวรุ่นตัวนั้นด้วย คือแป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[d] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตรครึ่ง[e] 10 เจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรครึ่ง เป็นเครื่องดื่มบูชา นี่จะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 11 วัวตัวผู้แต่ละตัว หรือแกะตัวผู้แต่ละตัว หรือแกะหรือแพะแต่ละตัวที่เอามาถวาย ต้องเตรียมอย่างนี้ทั้งหมด 12 ไม่ว่าเจ้าจะเอาสัตว์มาถวายเท่าไหร่ก็ตาม เจ้าจะต้องทำอย่างนี้กับสัตว์แต่ละตัว ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็ตาม

13 ประชาชนชาวอิสราเอลจะต้องทำอย่างนั้น เมื่อถวายพวกของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 14 ต่อจากนี้ไป เมื่อชาวต่างชาติคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกเจ้า อยากจะถวายพวกของขวัญ ที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ เขาก็จะต้องทำเหมือนกับที่เจ้าทำ 15 มันจะมีแค่กฎเดียวสำหรับเจ้าและคนต่างด้าวที่อยู่กับเจ้า กฎนี้จะใช้ตลอดไป ตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เพราะในสายตาของพระยาห์เวห์ เจ้าและชาวต่างชาติก็เหมือนกัน 16 เจ้าและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่กับเจ้าจะใช้กฎและระเบียบเดียวกัน”

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 18 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังนำเจ้าไป 19 และเมื่อเจ้ากินอาหารจากแผ่นดินนั้น เจ้าจะต้องถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ 20 แป้งดิบก้อนแรกของเจ้า เจ้าต้องทำเป็นขนมปังถวายเป็นของขวัญ เจ้าต้องถวายมันเหมือนกับของขวัญที่มาจากลานนวดข้าว 21 เจ้าจะต้องถวายแป้งดิบก้อนแรกเป็นของขวัญกับพระยาห์เวห์ ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน

22 ถ้าเจ้าทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทำตามคำสั่งทั้งหมดนี้ที่พระยาห์เวห์ได้บอกโมเสสไว้ 23 ทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเจ้าผ่านทางโมเสส ตั้งแต่วันนั้นที่พระองค์ได้ให้กฎพวกนั้นกับเจ้าเป็นครั้งแรก เรื่อยมาตลอดชั่วลูกชั่วหลาน 24 แล้วถ้าชุมชนของพวกเจ้าทำสิ่งนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ทำไปเพราะไม่รู้ ทั้งชุมชนต้องนำวัวรุ่นจากฝูงวัวมาเป็นเครื่องเผาบูชาที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ พร้อมกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาตามที่กฎกำหนดไว้ และพวกเจ้าต้องนำแพะตัวผู้มาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง

25 ด้วยวิธีนี้ นักบวชจะทำพิธีชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชน เพื่อพวกเขาจะได้รับการยกโทษ เพราะมันเป็นความผิดพลาด และพวกเขาก็ได้นำเครื่องบูชามาถวายเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ และได้นำเครื่องบูชาชำระล้างของพวกเขามาไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ สำหรับความผิดพลาดของพวกเขา 26 ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชนและชาวต่างชาติที่อยู่ร่วมกับเจ้าก็จะได้รับการยกโทษ เพราะทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดนั้น

27 แต่ถ้าคนๆหนึ่งทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ คนๆนั้นต้องถวายแพะตัวเมียตัวหนึ่งอายุหนึ่งปีเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง 28 แล้วนักบวชจะทำพิธีชำระแท่นบูชาแทนคนๆนั้นที่ทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ นักบวชจะทำพิธีนี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์แทนคนๆนั้น แล้วคนๆนั้นจะได้รับการยกโทษ 29 สำหรับประชาชนของอิสราเอลและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกเจ้า ก็ให้ใช้กฏเดียวกันเมื่อมีคนทำผิด

30 แต่คนที่ทำบาปโดยตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลเองหรือชาวต่างชาติ คนๆนั้นได้ดูหมิ่นพระยาห์เวห์ เขาจะต้องถูกตัดออกจากประชาชนของเขา 31 เพราะเขาดูหมิ่นคำพูดของพระยาห์เวห์ และฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ คนๆนั้นต้องถูกตัดออกจากประชาชน เขาจะต้องถูกลงโทษ[f]’”

คนที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนา

32 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกเขาพบชายคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันหยุดทางศาสนา 33 คนเหล่านั้นที่เจอเขาเก็บฟืนอยู่ ได้นำตัวเขามาหาโมเสส อาโรนและประชาชนทั้งหมด 34 พวกเขาควบคุมตัวชายคนนั้นไว้เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขา

35 พระยาห์เวห์จึงพูดกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นต้องถูกฆ่า ประชาชนทั้งหมดต้องฆ่าเขาด้วยก้อนหินที่นอกค่าย” 36 ประชาชนจึงนำตัวชายคนนั้นออกไปนอกค่ายและเอาหินขว้างเขาจนตาย ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

พู่เตือนความจำ

37 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 38 “ให้บอกคนอิสราเอลว่า ให้พวกเขาทำพู่ติดไว้ที่ชายเสื้อของพวกเขาตลอดชั่วลูกชั่วหลาน และพวกเขาต้องเอาเชือกสีฟ้าผูกบนพู่ทุกมุม 39 เจ้าจะมีพู่พวกนี้ เพื่อพวกเจ้าจะได้เห็นมันและจดจำคำสั่งของพระยาห์เวห์ทุกข้อ และทำตาม เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่กลายเป็นคนไม่สัตย์ซื่อ เพราะไปทำตามใจและความอยากของตัวเอง 40 เจ้าจะได้จดจำและทำตามคำสั่งของเราทุกข้อ และเจ้าจะเป็นคนที่ถูกแยกออกมาสำหรับพระเจ้าของเจ้า 41 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อจะเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

สดุดี 51

คำอธิษฐานขอการยกโทษ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด เขียนตอนที่นาธันผู้พูดแทนพระเจ้ามาหาดาวิด หลังจากที่ดาวิดไปมีเพศสัมพันธ์กับบัทเชบาแล้ว[a]

ข้าแต่พระเจ้า โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ และมีเมตตาปรานีต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และขจัดการกบฏของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยขัดถูความผิดของข้าพเจ้าให้หมดไป
    และชำระข้าพเจ้าจากบาปของข้าพเจ้า

เพราะข้าพเจ้ารู้ถึงการกบฏที่ได้ก่อไว้
    ข้าพเจ้ายังคิดถึงบาปของข้าพเจ้าอยู่เรื่อย
ข้าพเจ้าทำบาปต่อพระองค์ต่อพระองค์ผู้เดียว
    ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าชั่วร้าย
ดังนั้นพระองค์ทำถูกต้องแล้วที่ประณามข้าพเจ้า
    พระองค์ตัดสินโทษข้าพเจ้าอย่างยุติธรรม
ดูเถิด ข้าพเจ้าเกิดมาในความผิดบาป
    และแม่ของข้าพเจ้าก็ตั้งท้องข้าพเจ้ามาในบาป

พระองค์ต้องการให้ความจริงฝังลึกเข้าไปภายในข้าพเจ้า
    พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้ารู้จักสติปัญญาภายในส่วนลึกนั้นของข้าพเจ้า
โปรดกำจัดความบาปของข้าพเจ้าด้วยกิ่งหุสบ[b] เพื่อข้าพเจ้าจะได้บริสุทธิ์
    ขัดถูข้าพเจ้าให้สะอาดและทำให้ข้าพเจ้าขาวยิ่งกว่าหิมะด้วยเถิด
ช่วยพูดสิ่งที่จะนำความยินดีและความสุขมาให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดทำให้กระดูกพวกนี้ที่พระองค์หักเป็นชิ้นๆได้กลับชื่นชมยินดีอีกครั้ง
เมินหน้าไปจากบาปทั้งหลายของข้าพเจ้า
    ขจัดความผิดทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด

10 ข้าแต่พระเจ้า โปรดสร้างใจอันบริสุทธิ์ให้กับข้าพเจ้า
    โปรดใส่จิตวิญญาณใหม่ที่จงรักภักดีลงไปในข้าพเจ้า
11 โปรดอย่าได้ผลักไสข้าพเจ้าให้พ้นไปจากหน้าของพระองค์
    โปรดอย่าเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
12 โปรดคืนความชื่นชมยินดีที่ข้าพเจ้าได้รับตอนที่พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด
    โปรดช่วยค้ำชูข้าพเจ้าโดยให้จิตวิญญาณที่เต็มใจเชื่อฟังพระองค์

13 แล้วข้าพเจ้าจะสอนพวกที่ชอบกบฏให้รู้จักทางต่างๆของพระองค์
    แล้วคนบาปพวกนั้นจะได้หันกลับมาหาพระองค์
14 ข้าแต่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นโทษตายด้วยเถิด[c]
    แล้วข้าพเจ้าจะได้ร้องเพลงถึงความดีของพระองค์อย่างมีความสุข

15 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า โปรดเปิดริมฝีปากของข้าพเจ้า
    แล้วปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
16 รู้อยู่แล้วว่า พระองค์ไม่ยินดีในเครื่องบูชา
    ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าก็นำมาถวายให้แล้ว พระองค์ไม่พอใจในเครื่องเผาบูชา
17 แต่เครื่องบูชาที่พระองค์ต้องการคือจิตวิญญาณที่อ่อนน้อม
    พระองค์จะไม่ดูถูกคนที่มีใจที่อ่อนน้อมและเสียใจกับบาปที่เขาทำ

18 ข้าแต่พระเจ้า ด้วยความกรุณาของพระองค์ ขอพระองค์ช่วยทำสิ่งดีๆให้กับเมืองศิโยน
    และสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ด้วยเถิด
19 แล้วเมื่อนั้น พระองค์จะยอมรับเครื่องบูชาที่คนถวายอย่างถูกต้อง
    และเครื่องเผาบูชาทั้งตัว
    และเมื่อนั้นประชาชนจะสามารถถวายพวกวัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง

อิสยาห์ 5

เพลงเกี่ยวกับอิสราเอลที่เป็นสวนองุ่นของพระเจ้า

ตอนนี้ผมขอร้องเพลงหนึ่งให้กับเพื่อนของผม[a] เป็นเพลงเกี่ยวกับเขาและสวนองุ่นของเขา[b]

เพื่อนของผมมีสวนองุ่นบนเนินเขาที่อุดมสมบูรณ์มาก
เขาเตรียมดินและโยนก้อนหินออกไปจนหมด
    แล้วเขาก็ปลูกต้นองุ่นคุณภาพดีเลิศลงไปที่นั่น
เขาได้สร้างหอคอยเฝ้ามองกลางสวนนั้น
    และเขาขุดบ่อย่ำองุ่นไว้ด้วย
เขาคาดหวังว่าสวนนี้จะออกลูกองุ่นรสดี
    แต่มันกลับออกผลองุ่นเปรี้ยวมา

ดังนั้นเพื่อนคนนี้จึงพูดว่า “ตอนนี้ พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มและพวกเจ้าคนยูดาห์
    ให้ตัดสินเอาระหว่างเรากับสวนองุ่นของเรา
มีอะไรอีกหรือที่เราควรจะทำกับสวนองุ่นของเราแต่ยังไม่ได้ทำ
    เราคาดหวังว่ามันจะออกลูกองุ่นรสดีแต่ทำไมมันกลับออกลูกเปรี้ยว

ตอนนี้เราจะบอกพวกเจ้าว่าเราจะจัดการยังไงกับสวนองุ่นนี้ของเรา
เราจะรื้อรั้วพุ่มหนามออก
    สวนนี้จะถูกทำลายไป
เราจะรื้อกำแพงหินลง
    สวนนี้ก็จะได้ถูกเหยียบย่ำ
เราจะให้มันเป็นที่ดินรกร้าง
    จะไม่มีใครตัดแต่งกิ่งหรือพรวนดิน
    จะมีทั้งหญ้าคาและหนามขึ้นเต็มไปหมด
และเราจะสั่งก้อนเมฆว่าอย่าปล่อยให้มีน้ำฝนตกลงมาบนมัน”

สวนองุ่นของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นนี้ ก็คือครอบครัวอิสราเอลนั่นเอง
    ส่วนต้นองุ่น ที่พระองค์รักนี้ก็คือคนยูดาห์
พระองค์เฝ้ามองหาความยุติธรรมกลับเห็นแต่การนองเลือด
    พระองค์เฝ้ามองหาการใช้ชีวิตที่ถูกต้องกลับได้ยินแต่เสียงร้องให้ช่วย

เฮ้ย ไอ้พวกเจ้าที่มีบ้านเพิ่มขึ้นหลังแล้วหลังเล่า
    และมีที่ดินเพิ่มแล้วเพิ่มอีก
จนไม่เหลือที่ให้กับคนอื่นเขาอยู่กัน
    มีแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่อยู่กันในแผ่นดินนั้น
ผมได้ยิน พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์อำนาจทั้งสิ้นได้สาบานไว้ว่า
    “บ้านมากมายเหล่านี้จะถูกทำลายลงอย่างแน่นอนบ้านที่ใหญ่โตสวยงามเหล่านี้จะเป็นบ้านร้าง
10 สวนองุ่นตั้งยี่สิบห้าไร่แต่ผลิตเหล้าองุ่นได้นิดเดียว
    หว่านเมล็ดข้าวสาลีไปตั้งหลายกระสอบแต่ผลิตเมล็ดข้าวได้นิดเดียว”[c]
11 เฮ้ย ไอ้พวกที่ตื่นเช้าเพื่อวิ่งตามหาเบียร์
    และอยู่จนดึกดื่นจนกว่าจะเมาด้วยเหล้าองุ่น[d]
12 งานสังสรรค์ของพวกเจ้า มีพวกพิณเขาคู่ พิณใหญ่
    กลองรำมะนา ขลุ่ย และเหล้าองุ่น
แต่พวกเจ้าไม่ได้ใส่ใจเลยถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำ
    และไม่ได้สังเกตเลยว่าพระองค์ได้ลงมือทำอะไรไปบ้าง
13 เพราะอย่างนี้ คนของเราก็จะถูกจับตัวไปเป็นเชลย
    เพราะพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังทำอยู่
พวกบุคคลสำคัญ ก็จะหิวตาย
    และพวกชาวบ้านธรรมดาๆก็จะหิวน้ำคอแห้งผาก
14 นั่นเป็นเหตุที่แดนคนตายถึงได้เปิดลำคอกว้าง มันอ้าปากซะกว้างจนวัดไม่ได้
    ทั้งบุคคลสำคัญและชาวบ้านธรรมดาๆของเยรูซาเล็มก็จะต้องลงไป รวมทั้งพวกขี้เมาที่เอะอะโวยวายในงานเลี้ยง
15 ผู้คนจะก้มกราบลง ทุกคนจะถูกปราบลง
    และคนที่มีแววตาเย่อหยิ่งจองหองก็จะถูกทำให้อับอายขายหน้า
16 แต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    เพราะพระองค์ได้ตัดสินอย่างยุติธรรม
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เห็นว่าพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์
    เพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
17 แล้วในเวลานั้น ลูกแกะก็จะเล็มหญ้าที่นั่นเหมือนกับเป็นทุ่งหญ้าของมันเอง
    และลูกแพะก็จะกินหญ้าอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของพวกคนรวยนั้น
18 เฮ้ย ไอ้พวกที่ลากความผิดบาปของพวกเขาด้วยเชือกแห่งการโกหก
    และลากความบาปด้วยเชือกลากเกวียน
19 พวกเจ้าพูดว่า “ให้พระเจ้ารีบๆหน่อย
    ขอให้พระองค์ทำงานของพระองค์เร็วๆเพื่อพวกเราจะได้เห็นมัน
ขอให้แผนงานของพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลสำเร็จในเร็วๆนี้
    เพื่อเราจะได้รู้ว่าแผนนั้นเป็นยังไง”
20 เฮ้ย ไอ้พวกที่เรียกสิ่งชั่วร้ายว่าดีและสิ่งที่ดีว่าชั่วร้าย
    ไอ้พวกที่พูดว่าความมืดเป็นความสว่างและความสว่างเป็นความมืด
    ไอ้พวกที่ถือว่าความขมเป็นความหวานและความหวานเป็นความขม
21 เฮ้ย ไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองฉลาด
    ไอ้พวกที่มองว่าตัวเองแสนรู้
22 เฮ้ย ไอ้พวกแชมป์ในการดื่มเหล้าองุ่น
    ไอ้พวกคนเก่งกล้าในการปรุงรสเบียร์ดื่ม
23 ไอ้พวกที่รับสินบนแล้วปล่อยคนผิดไป
    และไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์
24 เพราะอย่างนี้นี่เองลูกหลานของพวกเจ้าจะถูกทำลายเหมือนกับฟางที่ถูกไฟไหม้
    เหมือนกับหญ้าแห้งที่ยุบลงในเปลวไฟ
ดังนั้นรากของพวกเจ้าก็จะเปื่อยเน่าไป
    และดอกของพวกเจ้าก็จะตายและปลิวไปเหมือนฝุ่น
เพราะพวกเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    และพวกเจ้าก็ดูถูกดูหมิ่นข่าวสารที่มาจากพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
25 เพราะเหตุนั้น พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธคนของพระองค์
    และยกมือขึ้นฟาดพวกเขา
ภูเขาทั้งหลายต่างพากันสะเทือนสะท้าน
    และมีศพเกลื่อนกลาดกลางถนนเหมือนขยะ
แต่ถึงจะเกิดเรื่องเหล่านี้ก็ตามพระยาห์เวห์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    และมือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาด

พระเจ้าจะนำกองทัพมาลงโทษอิสราเอล

26 พระองค์ได้ส่งสัญญาณให้กับชนชาติหนึ่งที่อยู่ห่างไกล
    และพระองค์ได้ผิวปากให้พวกเขามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
ดูสิ พวกเขามาอย่างรวดเร็ว ว่องไว
27 ในพวกนั้น ไม่มีใครที่เหน็ดเหนื่อยหรือล้มลง
    ไม่มีใครที่ง่วงนอนหรืองีบหลับไป
ไม่มีแม้แต่เข็มขัดสักเส้นที่หลวมหลุด
    ไม่มีแม้แต่สายรัดรองเท้าสานสักเส้นที่ขาดไป
28 ลูกธนูของพวกเขาก็แหลมคม
    คันธนูทั้งหมดก็โก่งพร้อมยิง
กีบม้าของพวกเขาก็เหมือนกับหินเหล็กไฟ
    และล้อรถรบก็เร็วเหมือนพายุหมุน
29 เสียงคำรามของพวกเขาก็เหมือนสิงโต
    พวกเขาคำรามเหมือนพวกสิงห์หนุ่ม
พวกเขาคำรามและตะครุบเหยื่อของพวกเขา
    และขนเหยื่อพวกนั้นไป ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเหยื่อเหล่านั้น
30 ในวันนั้น พวกศัตรูจะคำรามเหนืออิสราเอล
    เหมือนกับเสียงร้องกึกก้องของคลื่นในทะเล
และเมื่อคนหนึ่งมองเข้าไปในแผ่นดิน
    ก็จะเห็นแต่ความมืดและความเจ็บปวดรวดร้าว
และหมู่เมฆนั้นก็ได้บดบังแสงสว่างไปจนมืดมิด

ฮีบรู 12

ให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซู

12 ดังนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายล้อมรอบเราอยู่อย่างนี้แล้ว ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงเราไว้ และบาปที่เกาะติดเราแน่น และขอให้วิ่งแข่งด้วยความมานะอดทนไปตามทางที่อยู่ข้างหน้าเรา ขอให้เราจ้องอยู่ที่พระเยซู ซึ่งเป็นผู้นำความเชื่อของเราและเป็นผู้ที่ทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์แบบ พระองค์ได้อดทนต่อการถูกตรึงบนไม้กางเขน เพื่อความยินดีที่รอพระองค์อยู่ พระองค์ไม่สนใจกับความอับอายที่ต้องตายบนไม้กางเขน และในตอนนี้พระองค์ได้นั่งอยู่ทางขวาของบัลลังก์ของพระเจ้า ขอให้ใคร่ครวญถึงพระองค์ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากคนบาปที่ต่อต้านพระองค์ เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ท้อใจหรือยอมแพ้

พระเจ้าเป็นเหมือนพ่อ

ในเรื่องที่พวกคุณต้องต่อสู้กับบาปนั้น คุณยังไม่ต้องต่อสู้จนถึงกับเลือดตกยางออกเลย พวกคุณคงจะลืมคำที่ให้กำลังใจ คำพูดนี้เป็นคำที่ได้พูดกับคุณในฐานะที่เป็นลูกของพระเจ้าว่า

“ลูกเอ๋ย อย่าถือว่าการตีสอนขององค์เจ้าชีวิตนั้นเป็นเรื่องเล่นๆ
    และอย่าหมดกำลังใจเมื่อพระองค์มาตักเตือนเจ้า
เพราะองค์เจ้าชีวิตจะตีสอนคนที่พระองค์รัก
    และจะลงโทษทุกคนที่พระองค์รับเป็นลูก”[a]

ให้อดทนต่อความยากลำบาก เพราะเป็นการตีสอน แสดงว่าพระเจ้ากำลังทำกับพวกคุณเหมือนเป็นลูกของพระองค์ มีลูกคนไหนบ้างที่พ่อไม่เคยตีสอน ถ้าคุณไม่ถูกตีสอนเหมือนกับลูกทั่วๆไป แสดงว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ เราทุกคนมีพ่อที่เป็นมนุษย์ที่คอยตีสอนเรา แต่เราก็ยังเคารพเขาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร เราควรจะเชื่อฟังพระบิดาของจิตวิญญาณเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป 10 พ่อของเราที่เป็นมนุษย์จะตีสอนเราแค่ชั่วคราวตามที่เห็นว่าควร แต่พระเจ้าจะตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีลักษณะเหมือนพระองค์ 11 ตอนที่ถูกตีสอนนั้น ไม่มีใครชอบหรอกเพราะมันเจ็บ แต่ภายหลังการตีสอนนั้นจะฝึกฝนเรา แล้วผลที่ออกมาก็คือสันติสุข และชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ

ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง

12 ดังนั้น ให้ยกมือที่ไม่มีแรงขึ้นมา และทำหัวเข่าที่อ่อนแอให้มีกำลังขึ้นมา 13 ทำทางเดินให้ตรงไปสำหรับเท้า เพื่อว่าเท้าที่เป็นง่อยนั้นจะได้ไม่พลิก แต่จะหายเป็นปกติ

14 พยายามอยู่กับคนทั้งหลายอย่างสงบสุข และพยายามอุทิศตัวเองกับพระเจ้า เพราะถ้าปราศจากการอุทิศตัวกับพระองค์ก็จะไม่มีใครเห็นองค์เจ้าชีวิต 15 ระวังตัวให้ดี อย่าให้ใครพลาดไปจากความเมตตากรุณาของพระเจ้า แล้วระวังอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมาก่อปัญหา ที่จะทำให้คนจำนวนมากต้องด่างพร้อย 16 ระวังอย่าให้ใครทำผิดทางเพศ หรือหมกมุ่นแต่เรื่องของโลกนี้เหมือนกับเอซาวที่ขายสิทธิ์ลูกชายหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว 17 พวกคุณก็รู้ว่า ต่อมาเมื่อเอซาวอยากได้พรนั้น เขาก็ถูกปฏิเสธ เพราะว่าเขาไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เขาได้ทำลงไปแล้ว ถึงแม้เขาจะต้องการมากจนน้ำตานองหน้า

18 พวกคุณไม่ได้มาถึงภูเขาที่แตะต้องได้ ไม่ได้มาถึงไฟที่ไหม้อยู่ ไม่ได้มาถึงที่มืด ความมืดมิดอันน่ากลัวหรือพายุ 19 ไม่ได้มาถึงเสียงแตร หรือเสียงพูดของพระองค์ ที่คนที่ได้ยินนั้นอ้อนวอนไม่ให้พูดกับเขาอีก 20 เพราะเขาทนคำสั่งของพระองค์ไม่ไหวที่ว่า “แม้แต่สัตว์ ถ้าแตะต้องภูเขานี้ ก็จะต้องถูกหินขว้าง”[b] 21 สิ่งที่เห็นนั้นน่ากลัวจริงๆ จนโมเสสพูดว่า “ผมกลัวจนตัวสั่น”[c]

22 แต่พวกคุณได้มาถึงภูเขาศิโยน[d] มาถึงเมืองของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ คือเมืองเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์[e] และได้มาถึงที่ที่ทูตสวรรค์นับพันนับหมื่นชุมนุมรื่นเริงกัน 23 ได้มาถึงหมู่ประชุมของบุตรหัวปีทั้งหลาย ซึ่งชื่อของพวกเขาจารึกอยู่ในสวรรค์ มาถึงพระเจ้าผู้พิพากษามนุษย์ทั้งหลาย และมาถึงวิญญาณของคนที่ทำตามใจพระเจ้า ที่พระเจ้าทำให้สมบูรณ์แบบแล้ว 24 ได้มาถึงพระเยซูคนกลางสำหรับคำสัญญาใหม่ และมาถึงเลือดที่ประพรม[f]ซึ่งบอกถึงสิ่งที่ดีกว่าเลือดของอาเบล[g]ได้บอก

25 ระวังให้ดี อย่าปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ที่กำลังพูดกับพวกคุณอยู่ ถ้าคนพวกนั้นที่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ในโลกนี้ ยังหนีการลงโทษไม่พ้นเลย แล้วเราล่ะ คิดว่าถ้าเมินหน้าหนีจากพระองค์ที่เตือนเรามาจากสวรรค์นั้น จะหนีพ้นหรือ 26 ในครั้งก่อนนั้น เสียงของพระองค์ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน แต่ตอนนี้พระองค์ได้สัญญาว่า “เราจะทำให้สั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแต่โลกนี้เท่านั้น แต่สวรรค์ด้วย”[h] 27 คำพูดที่ว่า “อีกครั้งหนึ่ง” แสดงว่าสิ่งที่สั่นสะเทือนได้ หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์สร้างขึ้นมา จะถูกทำลายให้หมดไป เพื่อจะได้เหลือแต่สิ่งที่ไม่มีอะไรมาสั่นสะเทือนได้

28 เนื่องจากเรากำลังได้รับอาณาจักรที่ไม่มีอะไรสามารถมาสั่นสะเทือนมันได้ ก็ขอให้เรากตัญญูรู้คุณพระเจ้า นมัสการพระองค์อย่างเคารพยำเกรง ในทางที่พระเจ้าชอบใจ 29 เพราะพระเจ้าของเรานั้นเป็นไฟที่เผาผลาญ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International