M’Cheyne Bible Reading Plan
บัญญัติสิบประการ
(อพย. 20:1-17)
5 โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาและพูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี ฟังกฎและข้อบังคับที่เรากำลังจะพูดกรอกหูของพวกท่านในวันนี้ ให้ศึกษามันและทำตามอย่างระมัดระวัง 2 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทำข้อตกลงกับพวกเราที่ภูเขาซีนาย 3 พระองค์ไม่ได้ทำข้อตกลงนี้กับบรรพบุรุษของพวกเรา แต่ทำกับพวกเรา ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำกับพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ 4 พระยาห์เวห์ได้พูดต่อหน้าพวกท่านออกมาจากไฟบนภูเขานั้น 5 เราได้ยืนอยู่ระหว่างพระยาห์เวห์กับพวกท่านในตอนนั้น เพื่อจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร เพราะพวกท่านกลัวไฟนั้น และไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา พระยาห์เวห์พูดว่า
6 ‘เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เราได้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากการเป็นทาสนั้น
7 เจ้าต้องไม่มีพระอื่นนอกจากเรา[a]
8 เจ้าต้องไม่ทำรูปเคารพให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ตามที่อยู่ในท้องฟ้า หรืออยู่บนพื้นดิน หรืออยู่ใต้น้ำ
9 เจ้าต้องไม่กราบไหว้หรือรับใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้น เพราะเรา คือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[b] บาปที่รุ่นพ่อทำไว้ เราจะไปลงโทษที่ลูกของเขา และแม้แต่หลาน เหลน ของคนพวกนั้นที่เกลียดเรา 10 แต่คนที่รักเราและเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา เราก็จะเมตตาปรานีครอบครัวของเขาเป็นพันๆรุ่น
11 เจ้าต้องไม่อ้างชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเล่นๆ เพราะพระยาห์เวห์จะถือว่าคนนั้นมีความผิดที่อ้างชื่อของพระองค์มาสาบานกันเล่นๆ
12 ให้รักษาวันหยุดทางศาสนาไว้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งไว้ 13 ในช่วงหกวันแรกของแต่ละอาทิตย์ เจ้าก็ทำงานได้ตามปกติ
14 แต่วันที่เจ็ดเป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งอุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใดๆในวันนั้น ทั้งตัวเจ้า ลูกชายลูกสาวของเจ้า หรือทาสชายหญิง หรือวัวหรือลาของเจ้า หรือสัตว์อื่นๆของเจ้าหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของเจ้า เพื่อว่าทาสชายหญิงของเจ้าจะได้หยุดพักผ่อนเหมือนเจ้า 15 อย่าลืมว่าเจ้าก็เคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้นำเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่แข็งแกร่งของพระองค์ เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าถึงได้สั่งให้เจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนา
16 ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้านี้
17 เจ้าต้องไม่ฆ่าคน
18 เจ้าต้องไม่เป็นชู้
19 เจ้าต้องไม่ขโมย
20 เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ[c] ปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า
21 เจ้าต้องไม่อยากได้เมียของเพื่อนบ้าน เจ้าต้องไม่โลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่นา ทาสชายหญิง วัว หรือลา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของของเพื่อนบ้านเจ้า’”
ประชาชนกลัวพระเจ้า
(อพย. 20:18-21)
22 โมเสสพูดอีกว่า “คำสั่งพวกนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดด้วยเสียงอันดังกับพวกท่านทั้งหมดที่มาประชุมกันอยู่ที่ภูเขา พระองค์พูดจากท่ามกลางไฟ เมฆและหมอกหนาทึบ หลังจากนั้น พระองค์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พระองค์ได้เขียนคำสั่งนี้ไว้บนแผ่นหินสองแผ่นและเอามาให้กับเรา
23 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงจากความมืด ขณะที่ภูเขาลุกไหม้เป็นไฟ พวกท่านทั้งหลาย ที่เป็นหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโส[d] ก็ได้เข้ามาหาเรา 24 และพวกท่านพูดว่า ‘ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ได้แสดงสง่าราศีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้พวกเราเห็น และพวกเราก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางไฟด้วย วันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า พระเจ้าพูดกับคนได้โดยที่คนยังมีชีวิตอยู่ 25 แล้วทำไมเราจะต้องมาเสี่ยงกับความตายตอนนี้ด้วย ไฟนี้จะต้องทำลายพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก เราจะต้องตาย 26 เพราะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าเที่ยงแท้ จากท่ามกลางไฟเหมือนพวกเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่มีแน่ 27 โมเสส ท่านเข้าไปใกล้ๆพระองค์และให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะพูด แล้วให้มาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบอกท่าน แล้วเราจะฟังและทำตามนั้น’
พระยาห์เวห์พูดกับโมเสส
28 พระยาห์เวห์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกับเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘เราได้ยินคำพูดที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นดี 29 เราอยากให้พวกเขาทั้งหลายเกรงกลัวเรา และเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของเราเสมอ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งกับตัวพวกเขาเองและกับลูกหลานของพวกเขาตลอดไป
30 ไปบอกพวกเขาว่า “กลับไปเต็นท์ของพวกเจ้าได้แล้ว” 31 แต่เจ้าอยู่ที่นี่กับเราก่อนและเราจะบอกถึงคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหมดกับเจ้า และเจ้าจะต้องเอาไปสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปทำในแผ่นดินที่เราจะให้พวกเขาเป็นเจ้าของ’
32 ดังนั้น พวกท่านต้องระวังที่จะทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ พวกท่านต้องไม่หลงไปทางซ้ายหรือทางขวา 33 พวกท่านต้องเดินตามทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ เพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรือง และมีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของนั้น
เสียงร้องจากหลุมลึก
บทเพลงสรรเสริญของเหล่าบุตรชายแห่งตระกูลโคราห์ ถึงผู้ควบคุมวง บทเพลงเกี่ยวกับโรคภัยที่ทำให้อ่อนแอ บทเพลงมัสคิลของเฮมาน ตระกูลเอศราค
1 พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
2 ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าไปอยู่ต่อหน้าพระองค์
โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
3 เพราะชีวิตของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องเลวร้าย
ชีวิตของข้าพเจ้าเข้าใกล้แดนผู้ตายแล้ว
4 พวกเขาถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มเหล่านั้นที่กำลังลงไปในหลุมฝังศพ
ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
5 ข้าพเจ้าถูกปล่อยไว้ท่ามกลางคนตาย
เหมือนซากศพทั้งหลายที่นอนอยู่ในหลุม
เหมือนคนเหล่านั้นที่พระองค์ลืมสนิท
เหมือนคนเหล่านั้นที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือของพระองค์
6 พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในหลุมที่ลึกที่สุด
อยู่ในเหวลึกอันมืดมิด
7 ความโกรธของพระองค์กดทับข้าพเจ้าไว้อย่างหนัก
คลื่นทั้งหลายของพระองค์ซัดใส่ข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เซลาห์
8 พระองค์แยกเพื่อนๆของข้าพเจ้าให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าน่าขยะแขยงในสายตาพวกเขา
ข้าพเจ้าถูกขังไว้ ออกไปไม่ได้
9 ดวงตาข้าพเจ้าพล่ามัวเพราะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ทุกวัน
ข้าพเจ้าชูมือขึ้นอธิษฐานถึงพระองค์
10 พระองค์ทำการอัศจรรย์ทั้งหลายให้กับคนตายหรือ
พวกผีลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อสรรเสริญพระองค์ได้หรือ ไม่เลย เซลาห์
11 คนตายเป็นพยานถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในหลุมศพหรือ
พวกเขาเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในดินแดนพินาศนั้นหรือ
12 พวกเขาจะรู้จักการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ในความมืดมิดนั้นหรือ
พวกเขาจะรู้จักความดีงามของพระองค์ในดินแดนที่ไร้ความทรงจำหรือ
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
คำอธิษฐานของข้าพเจ้าลอยขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ในทุกๆเช้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
15 ข้าพเจ้าอ่อนแอและใกล้ตายมาตั้งแต่เป็นเด็ก
ข้าพเจ้าต้องทนเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายจากพระองค์ ข้าพเจ้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
16 ความเดือดดาลของพระองค์ท่วมท้นข้าพเจ้าแล้ว
และเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของพระองค์ทำลายล้างข้าพเจ้าเสียแล้ว
17 เรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายเหล่านั้นล้อมรอบข้าพเจ้าเหมือนน้ำท่วมตลอดวัน
พวกมันดันใส่ข้าพเจ้าจากทุกด้าน
18 พระองค์แยกคนที่ข้าพเจ้ารักและเพื่อนบ้านให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
มีแต่ความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า
พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรียและช่วยกู้เยรูซาเล็ม
33 เฮ้ย ไอ้เจ้านักทำลายผู้ที่ยังไม่เคยถูกทำลาย
ไอ้เจ้าคนทรยศผู้ที่ยังไม่เคยถูกใครหักหลัง
เมื่อเจ้าทำลายคนอื่นเสร็จแล้ว ตัวเจ้าเองก็จะถูกทำลาย
เมื่อเจ้าหักหลังคนอื่นเสร็จแล้ว เจ้าก็จะถูกหักหลัง
2 ประชาชนพูดว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาเราด้วย เราคอยพระองค์อยู่
ขอประทานเรี่ยวแรงให้กับเราทุกเช้า
ขอช่วยกู้เราในยามที่เดือดร้อน
3 เพราะเสียงคำรามของพระองค์ทำให้ผู้คนวิ่งหนีไป
เมื่อพระองค์ยืนขึ้นมา ชนชาติต่างๆก็หนีกระเจิงไป
4 ของที่พวกเจ้าปล้นมาได้นั้นจะโดนยึดไปเหมือนฝูงตั๊กแตนมายึด
คนอื่นจะโดดตะครุบใส่ของพวกนั้นเหมือนฝูงตั๊กแตนตะครุบใส่
5 พระยาห์เวห์ได้รับการยกย่องเชิดชู พระองค์อยู่ในที่สูง
พระองค์ทำให้เมืองศิโยนเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความถูกต้อง
6 พระองค์จะเป็นความมั่นคงของเจ้าตลอดเวลา
พระองค์จะให้ความรอด ให้สติปัญญา และให้ความรู้กับเจ้าอย่างเหลือเฟือ
การยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นสมบัติล้ำค่าที่พระองค์ให้
7 ฟังสิ พวกทูตร้องไห้เสียงดังอยู่ตามถนน
พวกตัวแทนที่พยายามทำสัญญาสงบศึกร้องไห้อย่างขมขื่น
8 พวกถนนทางหลวงก็ถูกทิ้งร้างแล้ว
ไม่มีใครกล้าเดินทางบนท้องถนน
เพราะคำสัญญาสงบศึกนั้นพังทลายไปแล้ว
คำสัญญาที่ตกลงก็ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
ชีวิตมนุษย์นั้นไม่มีค่าแล้ว
9 แผ่นดินก็เศร้าหมองและหมดเรี่ยวแรง
เลบานอน ก็ได้รับความอับอายและเหี่ยวแห้งไป
หุบเขาชาโรน[a] ก็เป็นเหมือนกับทะเลทราย
ต้นไม้ของบาชาน[b] และภูเขาคารเมล[c] ใบร่วงใกล้ตาย
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตอนนี้ เราจะลุกขึ้น
ตอนนี้ เรายกย่องตัวเอง
ตอนนี้ เราจะให้คนเห็นว่าเรายิ่งใหญ่
11 พวกเจ้าตั้งท้องเป็นแกลบและคลอดฟางออกมา
แล้วลมหายใจของพวกเจ้า[d] จะเป็นไฟที่เผาผลาญตัวพวกเจ้าไป
12 ชนชาติทั้งหลายจะถูกเผาเป็นผุยผง
พวกเขาจะถูกเผาไฟเหมือนต้นหนามที่โดนตัดเผาไป”
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเจ้าที่อยู่ไกล ให้ฟังเรื่องที่เราได้ทำ
พวกเจ้าที่อยู่ใกล้ ให้ยอมรับฤทธิ์อำนาจของเรา”
14 พวกคนบาปในศิโยนกำลังกลัวอยู่
และคนที่ไม่นับถือพระเจ้าก็สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาพูดว่า “มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนไฟที่เผาผลาญนี้ได้
มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนได้กับเปลวเพลิงที่เผาอยู่ตลอดเวลา”
15 คำตอบคือ “คนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง คนที่พูดอย่างสัตย์ซื่อ
คนที่ไม่ยอมรับกำไรจากการกดขี่ข่มเหงคนอื่น
คนที่ปัดสินบนไป แทนที่จะรับมัน
คนที่ปิดหูไม่ยอมฟังแผนการฆ่านองเลือด และคนที่ปิดตาไม่ยอมมองสิ่งที่ชั่วร้าย
16 คนพวกนี้จะอยู่อย่างปลอดภัย
ที่ลี้ภัยของพวกเขาจะเป็นป้อมปราการบนภูเขา
เขาจะมีเสบียงอาหารตลอดเวลาและน้ำก็จะมีไม่ขาด”
17 ดวงตาของเจ้าจะเห็นกษัตริย์ที่สง่างาม
ดวงตาของเจ้าจะเห็นอาณาจักรของพระองค์ขยายออกไปไกล
18 จิตใจของเจ้าจะคิดถึงเรื่องที่เจ้าเคยหวาดกลัวในอดีตว่า
“คนที่มาเก็บส่วย ทั้งคนนับและคนชั่งอยู่ที่ไหนแล้ว
คนสอดแนมที่มานับป้อมปราการอยู่ที่ไหนแล้ว”
19 เจ้าจะไม่ได้เห็นคนต่างชาติที่เย่อหยิ่งจองหองพวกนี้อีก
ที่พูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
ลิ้นที่พูดตะกุกตะกักที่เจ้าไม่เข้าใจ
20 ดูเมืองศิโยนสิ เมืองที่มีเทศกาลประจำปีของพวกเรา
ดวงตาของเจ้าจะมองเห็นเยรูซาเล็มเป็นที่อยู่ที่ปลอดภัย
เป็นเหมือนเต็นท์ที่จะไม่มีวันเคลื่อนย้ายไปไหน หมุดปักเต็นท์นั้นจะไม่มีวันถูกถอนขึ้นมา
และพวกเชือกของเต็นท์นั้นจะไม่มีวันขาดไป
21 แต่ที่นั่นพระยาห์เวห์จะอยู่กับเราอย่างมีสง่าราศี
เหมือนแผ่นดินที่มีแม่น้ำหลายสายและลำธารกว้าง
แต่จะไม่มีเรือพายอันยิ่งใหญ่ของศัตรูแล่นเข้ามา
และจะไม่มีเรืออันทรงพลังข้ามแม่น้ำเหล่านั้นมาได้
22 เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้พิพากษาของเรา
พระยาห์เวห์เป็นผู้ให้กฎหมายกับเรา
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ของเรา
พระองค์จะช่วยกู้พวกเรา
23 เจ้าศัตรู สายระโยงใบเรือของเจ้านั้นหย่อนแล้ว
เชือกที่ยึดให้เสากระโดงเรือแน่นนั้นก็หย่อน
พวกมันกางใบไม่ขึ้น
ดังนั้นของที่เจ้าปล้นมาได้จะต้องถูกแบ่งกัน
แม้แต่คนง่อยในพวกเราก็สามารถมาช่วยกันปล้นเจ้าได้
24 จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในเมืองเราพูดว่า “ฉันไม่สบาย”
คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัยโทษสำหรับบาปของพวกเขา
ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองซาร์ดิส
3 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองซาร์ดิสว่า
“พระองค์ผู้มีพระวิญญาณทั้งเจ็ดดวงของพระเจ้า และมีดวงดาวทั้งเจ็ดดวงพูดว่า เรารับรู้การกระทำของเจ้า คนพูดถึงเจ้าว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ แต่จริงๆแล้วเจ้าตายไปแล้ว 2 ให้ตื่นขึ้นมา และทำให้ความไว้วางใจที่เหลืออยู่ ที่เกือบจะตายแล้วของเจ้า กลับมั่นคงแน่วแน่ เพราะเราพบว่าการกระทำทั้งหลายของเจ้านั้นไม่ดีพอสำหรับพระเจ้าของเรา 3 ดังนั้นให้จดจำคำสอนที่เจ้าได้รับและได้ยินไว้ ให้เชื่อฟังและกลับตัวกลับใจ เพราะถ้าเจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมา เราจะมาหาเจ้าเหมือนกับที่ขโมยมา แล้วเจ้าจะไม่ทันรู้ตัว เจ้าจะไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่าเราจะมาลงโทษเจ้าเมื่อไหร่ 4 แต่อย่างไรก็ตามยังมีพวกเจ้าบางคนในซาร์ดีส ที่ไม่ได้ทำให้เสื้อผ้าของตัวเองสกปรกด้วยการทำบาป พวกเขาเหมาะสมที่จะเดินไปกับเราเพราะใส่เสื้อผ้าที่ขาวสะอาด 5 คนที่ได้รับชัยชนะจะได้ใส่เสื้อผ้าสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อของเขาจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะประกาศต่อหน้าพระบิดาของเราและต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ว่า คนผู้นี้เป็นของเรา 6 ใครมีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ”
ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองฟิลาเดลเฟีย
7 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองฟิลาเดลเฟียว่า
“พระองค์ผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์และซื่อสัตย์ ซึ่งถือกุญแจของดาวิด คือผู้ที่เปิดประตูแล้วจะไม่มีใครปิดได้ และเป็นผู้ที่ปิดประตูแล้วก็ไม่มีใครเปิดได้ พระองค์พูดว่า 8 เรารับรู้การกระทำของเจ้า ฟังให้ดี เราได้เปิดประตูให้กับเจ้า[a] ซึ่งไม่มีใครปิดได้ เรารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล แต่เจ้าได้ทำตามคำสอนของเรา และไม่ยอมพูดว่าไม่รู้จักเรา 9 ฟังไว้ให้ดี มีกลุ่มคนอยู่ที่นั่น ที่อ้างว่าพวกเขาเป็นคนยิว แต่เขาโกหก เขาเป็นพวกของซาตาน คอยดูนะ เราจะทำให้พวกเขามากราบลงแทบเท้าของเจ้าและทำให้พวกนั้นรู้ว่าเรารักเจ้า 10 เจ้าได้รักษาคำสั่งที่บอกให้อดทน ดังนั้นเราจะรักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาของความทุกข์ยากที่จะทำให้คนชั่วในโลกนี้เดือดร้อน
11 เราจะมาในไม่ช้านี้ แต่ให้เจ้ายึดมั่นในความไว้วางใจที่มีต่อเรา เพื่อจะได้ไม่มีใครชิงเอารางวัลแห่งชัยชนะไปจากเจ้า 12 เราจะตั้งให้คนนั้นที่ได้รับชัยชนะ เป็นเสาหลักในพระวิหารของพระเจ้าของเรา และเขาจะอยู่ที่นั่นตลอดไป เราจะเขียนชื่อของพระเจ้าลงบนตัวเขาและชื่อเมืองของพระเจ้า คือนครเยรูซาเล็มใหม่[b] ที่ลงมาจากพระเจ้าบนสวรรค์ นอกจากนี้เราจะเขียนชื่อใหม่ของเราไว้ที่ตัวของเขาด้วย 13 ใครมีหู ก็ให้ฟังถึงสิ่งที่พระวิญญาณบอกกับหมู่ประชุมต่างๆ”
ข่าวที่ส่งไปถึงหมู่ประชุมเมืองเลาดีเซีย
14 ให้เขียนถึงทูตสวรรค์ของหมู่ประชุมในเมืองเลาดีเซียว่า
“พระองค์ผู้ที่ได้ชื่อว่าอาเมน ผู้ที่ซื่อสัตย์ ผู้เป็นพยานที่แท้จริง พระเจ้าได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาผ่านทางผู้นี้พูดว่า 15 เรารับรู้การกระทำของเจ้า เจ้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว เราอยากให้เจ้ารู้ร้อนหรือรู้หนาว อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า 16 แต่เจ้าเพียงแค่อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่หนาว ดังนั้นเราจะสำรอกเจ้าออกจากปากของเรา 17 เจ้าพูดว่า เจ้าร่ำรวยและมั่งคั่งไม่ขาดอะไรเลย แต่เจ้าไม่รู้ว่าตัวเจ้านั้นน่าสมเพช น่าสงสาร ยากไร้ ตาบอด และเปลือยกายอยู่ 18 เราแนะนำให้เจ้าซื้อทองคำจากเรา ที่ได้หลอมด้วยไฟให้บริสุทธิ์แล้ว เจ้าจะได้ร่ำรวยจริงๆ ให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาวไปใส่เพื่อจะได้ไม่ต้องอายเพราะเปลือยกายอยู่ แล้วให้ซื้อยามาใส่ตาของเจ้าเพื่อจะได้มองเห็น”
19 “เรารักใครเราก็จะตักเตือนและตีสอนคนนั้น ดังนั้นให้มีไฟและกลับตัวกลับใจ 20 ฟังไว้ให้ดี เรายืนเคาะประตูอยู่ ถ้าใครได้ยินเสียงของเราแล้วเปิดประตู เราจะเข้าไปข้างใน และกินอาหารร่วมกับคนนั้น
21 เราจะให้สิทธิ์กับคนนั้นที่ได้รับชัยชนะ นั่งบนบัลลังก์กับเรา เหมือนกับที่เราได้รับชัยชนะและได้นั่งกับพระบิดาของเราบนบัลลังก์ของพระองค์ 22 ใครมีหู ก็ให้ฟังสิ่งที่พระวิญญาณได้บอกกับหมู่ประชุมต่างๆ”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International