M’Cheyne Bible Reading Plan
กฎของการทำสงคราม
20 เมื่อท่านออกไปทำสงครามกับศัตรู และท่านเห็นม้าและรถรบ และกองทัพที่ใหญ่กว่ากองทัพของท่าน ไม่ต้องกลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์อยู่กับท่าน
2 เมื่อท่านเข้าใกล้สนามรบ นักบวชจะมาอยู่ข้างหน้าและพูดกับกองทัพว่า 3 ‘ชาวอิสราเอล ฟังให้ดี พวกท่านกำลังจะเข้าสู่สนามรบกับศัตรูของท่านในวันนี้ อย่าเสียกำลังใจ อย่ากลัว อย่าแตกตื่นและอย่าตกใจกลัวพวกนั้น 4 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะไปกับพวกท่าน และพระองค์จะต่อสู้กับศัตรูแทนพวกท่านและจะให้ท่านมีชัยชนะ’
5 เจ้าหน้าที่จะต้องพูดกับกองทัพว่า ‘มีใครบ้างในที่นี้ที่ได้สร้างบ้านใหม่ แต่ยังไม่ได้เข้าไปอยู่เลย เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบและคนอื่นจะเข้าไปอยู่แทน 6 หรือมีใครบ้างที่ปลูกองุ่นไปแล้วแต่ยังไม่ได้กินผลของมัน เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบและคนอื่นจะมากินแทน 7 หรือมีใครที่หมั้นสาวไว้แต่ยังไม่ได้แต่ง เขาควรจะกลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะตายในสนามรบ และคนอื่นจะมาแต่งงานกับนางแทน’
8 แล้วเจ้าหน้าที่จะพูดกับกองทัพว่า ‘มีใครบ้างที่ขี้ขลาดและกลัว เขาควรจะกลับบ้านไป จะได้ไม่พลอยทำให้คนอื่นกลัวไปด้วย’ 9 เมื่อเจ้าหน้าที่พูดกับกองทัพเสร็จแล้ว พวกเขาควรแต่งตั้งผู้บัญชาการเพื่อมานำกองทัพ
10 เมื่อท่านใกล้ถึงเมืองที่ท่านจะสู้รบด้วย สิ่งแรกที่ท่านต้องทำก่อน คือเสนอเงื่อนไขให้จำนน 11 ถ้าพวกเขายอมจำนน และเปิดประตูเมืองให้ท่าน ท่านต้องบังคับทุกคนที่ท่านพบในเมืองนั้นให้มาทำงานรับใช้ท่าน 12 แต่ถ้าเมืองนั้นไม่ยอมจำนน ให้ท่านล้อมเมืองนั้นไว้ 13 แล้วเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมอบเมืองนั้นไว้ในมือท่าน ท่านต้องเอาดาบฆ่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคน 14 แต่ให้จับเอาผู้หญิง เด็กๆฝูงวัว และสิ่งอื่นๆที่อยู่ในเมืองนั้น รวมทั้งของที่มีค่าทั้งหมดมาเป็นของท่านได้ และท่านก็สามารถใช้สิ่งเหล่านี้ที่เป็นของศัตรูท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้กับท่าน 15 ส่วนเมืองต่างๆที่ห่างไกลจากท่านมาก ที่ไม่ใช่เป็นของพวกชนชาติแถวนี้ ก็ให้ท่านทำแบบเดียวกัน
16 แต่ท่านต้องไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่เลยในเมืองต่างๆของคนพวกนี้ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่านเป็นมรดก 17 เพราะท่านต้องทำลายคนพวกนี้ให้สิ้นซาก คือ ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งท่านไว้ 18 เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่สอนพวกท่านให้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจที่พวกเขาได้ทำให้กับพระต่างๆของพวกเขา ซึ่งจะทำให้พวกท่านทำบาปอย่างนั้นต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
19 ถ้าท่านล้อมเมืองเมืองหนึ่งอยู่หลายวัน และต่อสู้กันเพื่อจะยึดเมืองนั้น อย่าเอาขวานโค่นพวกต้นไม้ เพราะท่านอาจจะได้กินผลของพวกมัน อย่าโค่นพวกต้นไม้ลง พวกต้นไม้ในทุ่งนาเป็นคนหรือยังไงถึงต้องไปต่อสู้กับมัน 20 แต่ถ้าท่านรู้ว่าต้นไหนไม่ใช่ต้นผลไม้ ท่านก็โค่นทิ้งได้ แล้วเอาไม้พวกมันมาสร้างกำแพงป้องกันภัยจากเมืองที่ทำสงครามกับท่านอยู่ จนกว่าจะยึดเมืองนั้นได้
หนังสือเล่มที่ห้า
(สดุดี 107-150)
ขอบคุณพระยาห์เวห์ที่ช่วยให้พ้นจากความเดือดร้อนทั้งหลาย
1 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ดี
ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
2 ให้พูดอย่างนี้แหละ พวกคนที่พระยาห์เวห์ได้ไถ่ไว้แล้ว
คือพวกคนที่พระองค์ได้ไถ่จากเงื้อมมือของศัตรู
3 พระองค์รวบรวมพวกเขามาจากดินแดนต่างๆของคนต่างชาติ
จากทั่วทุกสารทิศ ออกถึงตก เหนือถึงใต้[a]
4 พวกเขาบางคนเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย
เพื่อมองหาเมืองที่จะอยู่อาศัย แต่ก็หาไม่พบ
5 พวกเขาหิวโหยและกระหายน้ำ
และเหนื่อยอ่อนแทบขาดใจตาย
6 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
และพระองค์ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
7 พระองค์ก็นำพวกเขาตรงไป
ยังเมืองที่พวกเขาจะอยู่อาศัยได้
8 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
9 เพราะพระองค์ทำให้คนที่กระหายได้ดับกระหาย
และพระองค์ทำให้คนที่หิวโหยอิ่มหนำด้วยของดีๆ
10 พวกเขาบางคนอยู่ในห้องขังที่มืดมิดราวกับความตาย
ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนและมีปลอกเหล็กอยู่รอบคอ
11 เพราะพวกเขากบฏต่อคำสั่งของพระเจ้า
และดูหมิ่นคำแนะนำสั่งสอนของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
12 พระองค์ทำให้จิตใจของพวกเขาถ่อมลงด้วยงานหนัก
และพวกเขาล้มลงโดยไม่มีใครช่วย
13 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
และพระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
14 พระองค์เอาพวกเขาออกมาจากความมืดมิดราวกับความตาย
และตัดโซ่ตรวนที่มัดตัวเขาออกเสีย
15 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงขอพระองค์
และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
16 เพราะพระองค์พังประตูทองสัมฤทธิ์ทั้งหลายของคุก
และทำลายกลอนเหล็กของพวกเขาจนแหลกละเอียด
17 พวกเขาบางคนก็กลายเป็นคนโง่ไปเพราะกบฏต่อพระเจ้า
และต้องทนทุกข์ทรมานเพราะสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
18 พวกเขาเบื่ออาหารทุกอย่าง
และเฉียดใกล้ประตูแห่งความตาย
19 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
และพระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
20 เมื่อพระองค์สั่ง พวกเขาก็ได้รับการรักษา
พวกเขาจึงรอดพ้นจากหลุมศพของพวกเขา
21 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
22 ให้พวกเขาถวายเครื่องบูชาต่างๆเพื่อขอบคุณพระองค์
และเล่าด้วยความชื่นชมยินดีถึงเรื่องที่พระองค์ได้ทำ
23 พวกเขาบางคนลงเรือไปในทะเล
เพื่อไปทำมาหากินอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่
24 พวกเขาเห็นถึงการงานต่างๆของพระยาห์เวห์
และเห็นสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำในทะเลลึก
25 เมื่อพระองค์สั่ง พายุก็พัดเข้ามา
และคลื่นในทะเลก็ก่อตัวสูงขึ้น
26 ลำเรือต่างถูกซัดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตกลงมาอย่างรวดเร็วสู่ห้วงทะเลลึก
พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อไปในช่วงที่ตกอยู่ในอันตรายนี้
27 พวกเขาโซเซไปมาราวกับคนเมา
และความเป็นลูกเรือที่ชำนาญก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
28 ในช่วงทุกข์ยากนั้น พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
และพระองค์นำพวกเขาออกมาจากความเดือดร้อนต่างๆนั้น
29 พระองค์ทำให้พายุหยุดนิ่ง
และทำให้คลื่นสงบลง
30 พวกเขาต่างก็ดีใจที่มันสงบลงได้
และพระองค์นำพวกเขาไปสู่ท่าเรือที่พวกเขาอยากไป
31 ขอให้พวกเขาขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับความรักมั่นคงของพระองค์
และสิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำให้กับมวลมนุษย์
32 ขอให้พวกเขายกย่องเชิดชูพระองค์ต่อหน้าที่ชุมนุมของประชาชน
และสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าสภาผู้นำอาวุโสของเมือง
33 พระองค์เปลี่ยนพวกแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลทราย
และเปลี่ยนตาน้ำให้กลายเป็นผืนดินที่แห้งผาก
34 พระองค์ทำให้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นดินเค็ม
เพราะความชั่วช้าที่ผู้อาศัยอยู่ที่นั่นได้ทำ
35 และพระองค์ยังสามารถเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นทะเลสาบ
และผืนดินแห้งกลับกลายเป็นตาน้ำ
36 พระองค์ให้พวกผู้หิวโหยตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
และพวกเขาก็ได้สร้างเมืองขึ้นมาอยู่กัน
37 พวกเขาหว่านพืชในท้องนา พวกเขาปลูกสวนองุ่น
แล้วพวกมันก็ออกผลมากมาย
38 พระองค์อวยพรพวกเขาและพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
และพระองค์ไม่ได้ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาลดน้อยลงเลย
39 พวกคนกลุ่มอื่นอ่อนแอลงและลดจำนวนลง
เนื่องจากการถูกกดขี่ข่มเหงและความหายนะที่ทุกข์ทรมาน
40 พระองค์ทำให้พวกผู้นำของพวกเขาต้องอับอายขายหน้า
และบังคับให้พวกเขาออกเร่ร่อนเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ยังไม่มีถนนหนทาง
41 แต่พระองค์ได้ยกย่องพวกคนขัดสนให้พ้นจากความเดือดร้อนทุกข์ยาก
และให้ครอบครัวต่างๆของพวกเขาเพิ่มขึ้นเหมือนฝูงแกะ
42 เมื่อพวกคนดีมองเห็นสิ่งนี้ ต่างก็เฉลิมฉลองกัน
แต่เมื่อคนชั่วทุกคนเห็น ต่างก็อึ้งเงียบไป
43 ให้คนที่ฉลาดไตร่ตรองถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้
และพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
ข่าวสารของพระเจ้าถึงชาวบาบิโลน
47 พระยาห์เวห์พูดว่า “บาบิโลนสาวพรหมจรรย์เอ๋ย
ลงมานั่งบนฝุ่น
นางสาวเคลเดียเอ๋ย
มานั่งบนพื้นโดยไม่มีบัลลังก์
เพราะจะไม่มีใครเรียกเจ้าว่าเจ้าหญิงเนื้อนุ่ม และเจ้าหญิงเนื้อเนียน อีกต่อไป
2 ไปจับโม่หินและโม่แป้งซะ
เอาผ้าคลุมหน้าออก
ให้ถอดกระโปรงออกจนเห็นขาของเจ้า
แล้วเดินข้ามแม่น้ำไป
3 เจ้าจะเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิด
คนจะเห็นส่วนที่น่าอับอายของเจ้า[a]
เราจะแก้แค้นเจ้า
และเราจะไม่ไว้ชีวิตใครเลย”
4 ผู้ที่ไถ่พวกเราให้เป็นอิสระคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
พระองค์มีชื่อว่าพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
5 พระยาห์เวห์ พูดว่า “นางสาวเคลเดียเอ๋ยเข้าไปในที่มืดและนั่งเงียบๆ
เพราะจะไม่มีใครเรียกเจ้าว่า ‘ราชินีแห่งอาณาจักรทั้งหลาย’ อีกต่อไป
6 ตอนนั้นเราโกรธคนของเรา
เราทำให้ทรัพย์สมบัติของเราเสื่อมเสียเกียรติไป
เราได้มอบพวกเขาไว้ในมือเจ้า
แต่เจ้าไม่ได้มีความเมตตาต่อพวกเขาเลย
เจ้าทำให้แอกของเจ้าหนักมากแม้แต่บนบ่าของคนชรา
7 เจ้าได้พูดว่า ‘ข้าจะเป็นราชินีตลอดชั่วนิรันดร์’
เจ้าไม่ได้คิดถึงสิ่งที่เจ้าทำลงไป
เจ้าไม่ได้นึกถึงผลที่จะตามมา
8 ตอนนี้ ฟังไว้ให้ดี เจ้าที่รักความสนุกสนาน
เจ้าที่นั่งอยู่ในความปลอดภัย
เจ้าพูดในใจของตนว่า
‘ข้านี่แหละพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นนอกจากข้า
ข้าจะไม่มีวันเป็นแม่หม้ายและข้าจะไม่มีวันสูญเสียลูกๆของข้าไป’
9 แต่ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับเจ้า ในทันทีทันใด ภายในวันเดียว
เจ้าจะสูญเสียทั้งลูกๆและสามีไป ทั้งๆที่เจ้ามีเวทมนตร์มากมาย
ทั้งๆที่เจ้ามีคาถาอาคมที่มีฤทธิ์อันยิ่งใหญ่
10 เจ้ารู้สึกปลอดภัยอยู่ในความเลวทรามของเจ้า
เจ้าคิดว่า ‘ไม่มีใครเห็นข้า’
ความฉลาดและความรู้ของเจ้านำเจ้าหลงทางไป
เจ้าคิดในใจว่า ‘ข้านี่แหละพระเจ้า ไม่มีผู้อื่นนอกจากข้า’
11 ดังนั้น เรื่องเลวร้ายจะตกมาบนเจ้า
เจ้าไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ความพินาศจะตกมาบนเจ้า
เจ้าจะไม่มีทางกำจัดมันไปได้
ความหายนะจะเกิดขึ้นกับเจ้าในทันทีทันใด
เจ้าจะไม่มีวันรู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่
12 ใช้คาถาอาคมของเจ้าต่อไปและใช้เวทมนตร์ทั้งหมดของเจ้า
ที่เจ้ายุ่งอยู่กับมันตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว
ไม่แน่เจ้าอาจจะสำเร็จก็ได้
ไม่แน่เจ้าอาจจะทำให้บางคนกลัวก็ได้
13 เจ้าปรึกษาพวกหมอดูมากมายจนเหนื่อย
ให้พวกโหราจารย์ลุกขึ้นมาช่วยชีวิตเจ้าสิ
ให้พวกที่ดูดวง ดูดาว และดวงจันทร์ใหม่ทุกเดือน
ทำนายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
14 ดูสิ พวกเขาเป็นเหมือนฟาง
ไฟก็จะเผาผลาญพวกมันจนหมด
พวกเขาไม่สามารถเอาตัวรอดให้พ้นจากฤทธิ์แห่งเปลวไฟ
มันไม่ใช่ถ่านไฟสำหรับผิงอุ่นกาย
หรือเป็นแสงไฟให้กับใครมานั่งชม
15 นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า
คือคนพวกนั้นที่เจ้าร่วมงานด้วยจะทำให้เจ้าผิดหวังอย่างนั้น
คนที่เจ้าค้าขายด้วยตั้งแต่สาวๆ
ก็จะแยกย้ายไปตัวใครตัวมันจนไม่เหลือใครที่จะมาช่วยกู้เจ้าได้”
ผู้หญิงที่อยู่บนหลังสัตว์ร้าย
17 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจากเจ็ดองค์ที่ถือขันเจ็ดใบนั้น เข้ามาพูดกับผมว่า “มานี่สิ มาดูการลงโทษที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหญิงโสเภณีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้ที่นั่งอยู่บนแม่น้ำหลายสาย 2 พวกกษัตริย์ทั่วแผ่นดินโลกได้ทำผิดบาปทางเพศกับเธอ และพวกคนชั่วที่อยู่บนโลกก็ได้ดื่มเหล้าองุ่นของเธอจนเมามาย และทำผิดบาปทางเพศกับเธอ”
3 จากนั้นพระวิญญาณก็ครอบงำผมไว้ ทูตสวรรค์องค์นั้นนำผมไปที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ที่นั่นผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงตัวนั้น ทั้งตัวของสัตว์ร้ายเต็มไปด้วยชื่อที่ดูหมิ่นพระเจ้า มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา 4 ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวด้วยชุดสีม่วงและสีแดงเข้ม ตัวเธอประดับด้วยทองคำ เพชรนิลจินดา และไข่มุก ในมือของเธอมีถ้วยทองคำที่เต็มไปด้วยสิ่งน่าสะอิดสะเอียนและสิ่งสกปรก เพราะเธอทำผิดบาปทางเพศ 5 บนหน้าผาก[a]ของเธอมีชื่อหนึ่งเขียนไว้ ซึ่งมีความหมายลึกลับว่า
“กรุงบาบิโลนที่ยิ่งใหญ่ แม่ของพวกหญิงโสเภณี
และแม่ของการกระทำลามกอนาจารทั้งหมดบนโลก”
6 ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นเมาเลือดของคนของพระเจ้า และเลือดของคนทั้งหลายที่ต้องตายเพราะได้เป็นพยานให้กับพระเยซู
ครั้งแรกที่เห็นผู้หญิงคนนั้น ผมรู้สึกประหลาดใจมาก 7 ทูตสวรรค์องค์นั้นจึงถามผมว่า “จะแปลกใจไปทำไม เราจะอธิบายถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ของผู้หญิงคนนั้น และสัตว์ร้ายที่มีเจ็ดหัวสิบเขาที่เธอขี่อยู่ให้คุณฟัง 8 ครั้งหนึ่งสัตว์ตัวนั้นเคยมีชีวิต แต่ตอนนี้มันไม่มีชีวิตแล้ว อีกไม่ช้ามันก็จะขึ้นมาจากนรกอเวจี และตัวมันต้องพบกับความย่อยยับของมัน ดังนั้นพวกคนชั่วที่อยู่บนโลกนี้ที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตตั้งแต่วันสร้างโลกก็จะประหลาดใจ เพราะพวกเขาจะเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตและตอนนี้ไม่มีชีวิตแล้ว แต่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง”
9 “เรื่องนี้ต้องใช้สมองคิดถึงจะเข้าใจ หัวของสัตว์ร้ายทั้งเจ็ดหมายถึงเนินเขาทั้งเจ็ด[b] ที่โสเภณีนั่งอยู่ 10 และยังหมายถึงกษัตริย์เจ็ดองค์ด้วย กษัตริย์ห้าองค์แรกตายไปแล้ว อีกองค์ยังคงปกครองอยู่เดี๋ยวนี้ ส่วนองค์สุดท้ายยังไม่มา และเมื่อกษัตริย์องค์นั้นมา ก็ถูกกำหนดให้มาอยู่แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น 11 ส่วนเจ้าสัตว์ร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิต แต่ตอนนี้ไม่มีชีวิตแล้วนั้น ก็คือกษัตริย์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์นั้น ที่จะมาเป็นกษัตริย์องค์ที่แปด และกำลังจะไปสู่ความย่อยยับของมัน”
12 “ส่วนเขาสิบอันที่คุณเห็นนั้น หมายถึงกษัตริย์สิบองค์ ที่ยังไม่ได้ขึ้นครองแผ่นดินของตน แต่จะได้รับสิทธิอำนาจที่จะเป็นกษัตริย์ครอบครองร่วมกับสัตว์ร้ายตัวนั้น เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง 13 พวกกษัตริย์ทั้งสิบองค์นี้ ต่างตกลงพร้อมใจกันมอบฤทธิ์อำนาจ และสิทธิอำนาจให้กับสัตว์ร้ายตัวนั้น 14 พวกเขาจะทำสงครามกับลูกแกะ แต่ลูกแกะจะเอาชนะพวกเขาได้ เพราะลูกแกะคือองค์เจ้าชีวิตที่ยิ่งใหญ่สูงสุด และเป็นกษัตริย์ที่มีฤทธิ์อำนาจมากที่สุด คนที่อยู่กับพระองค์นั้น คือคนที่พระองค์เรียกและเลือก เพราะพวกเขานั้นซื่อสัตย์”
15 ทูตสวรรค์พูดกับผมอีกว่า “แม่น้ำที่คุณเห็นหญิงโสเภณีนั่งอยู่นั้นก็คือทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติ และทุกชนชาติ 16 สัตว์ร้ายตัวนั้นและเขาทั้งสิบที่คุณเห็น จะเกลียดชังหญิงโสเภณี พวกเขาจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างของเธอไป และจะทอดทิ้งเธอไว้ให้เปลือยเปล่า พวกเขาจะกินเนื้อของเธอและเอาไฟเผาร่างที่เหลือ 17 เพราะพระเจ้าได้ดลใจให้พวกเขาทำตามแผนของพระองค์ พระองค์ทำให้พวกเขาตกลงพร้อมใจกันมอบฤทธิ์อำนาจให้กับสัตว์ร้ายปกครอง จนกว่าสิ่งที่พระเจ้าพูดไว้จะสำเร็จ
18 ส่วนหญิงที่คุณเห็นนั้น คือเมืองใหญ่ที่ปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายบนโลกนี้”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International