M’Cheyne Bible Reading Plan
พระยาห์เวห์จะอยู่กับชาวอิสราเอล
9 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี วันนี้ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อเข้าไปขับไล่ชนชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าท่าน และเมืองต่างๆที่ยิ่งใหญ่พร้อมกำแพงสูงเสียดฟ้า 2 ชาวอานาค[a] ที่แข็งแรงและสูงใหญ่ ท่านรู้จักพวกเขาและเคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามาว่า ‘มีใครบ้างที่จะหยุดพวกอานาคได้ ไม่มีเลย’ 3 ท่านแน่ใจได้เลยในวันนี้ว่า เป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเอง ที่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปก่อนท่าน เป็นเหมือนไฟที่ทำลายล้าง พระองค์จะกวาดล้างพวกชนชาติเหล่านั้น และพระองค์จะเอาชนะพวกเขาเมื่อท่านเดินทางเข้าไป ท่านจะไล่พวกเขาออกไปและทำลายพวกเขาอย่างรวดเร็วเหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สัญญาไว้กับท่าน
4 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขับไล่พวกนั้นออกไปต่อหน้าท่าน พวกท่านไม่ต้องคิดในใจว่า ‘เพราะฉันเป็นคนดี พระยาห์เวห์ถึงได้นำฉันเข้ามาเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้’ แต่ที่พระยาห์เวห์ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปต่อหน้าท่านก็เพราะพวกเขาเป็นคนชั่วต่างหาก 5 ที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินของคนพวกนั้น ไม่ใช่เพราะท่านเป็นคนดีและซื่อสัตย์หรอกนะ แต่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปต่อหน้าท่าน ก็เพราะพวกเขาเป็นคนชั่ว และพระยาห์เวห์ต้องการรักษาสัญญาที่พระองค์ได้ทำไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ บรรพบุรุษของท่าน 6 ให้รู้ไว้เลยว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ได้ให้แผ่นดินที่ดีนี้กับท่าน เพราะท่านเป็นคนดี แต่ความจริงแล้วท่านเป็นคนที่ดื้อรั้น
จดจำความดื้อรั้นที่มีต่อพระยาห์เวห์
7 จำไว้ให้ดี อย่าลืมว่าท่านเคยทำให้พระยาห์เวห์โกรธ ตอนที่อยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ตั้งแต่วันที่พวกท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์จนกระทั่งมาถึงที่นี่ 8 พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธตอนที่อยู่บนภูเขาซีนาย พระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน 9 เมื่อเราขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรับแผ่นหินซึ่งเป็นแผ่นหินของข้อตกลงที่พระยาห์เวห์ทำไว้กับพวกท่าน เราอยู่บนภูเขาเป็นเวลาถึงสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ 10 พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นกับเรา เป็นแผ่นหินที่พระเจ้าใช้นิ้วมือของพระองค์เขียนขึ้นมา บนแผ่นหินนั้นคือคำสั่งสอนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้กับพวกท่าน พระองค์พูดออกมาจากไฟบนภูเขาในวันที่พวกท่านรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
11 เมื่อครบสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระยาห์เวห์ได้ให้แผ่นหินสองแผ่นนั้นกับเรา เป็นแผ่นหินของข้อตกลง 12 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ลุกขึ้นและรีบลงไปจากที่นี่ เพราะประชาชนของเจ้าที่เจ้านำออกมาจากประเทศอียิปต์นั้น ได้ทำตัวเสื่อมทราม พวกเขาได้หันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่เราได้สั่งให้พวกเขาทำ พวกเขาได้ทำรูปเคารพจากโลหะสำหรับตัวเอง’
13 พระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่า ‘เราได้มองดูคนพวกนี้ เขาเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ 14 โมเสส เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับเรา เราจะทำลายพวกเขา และจะลบชื่อพวกเขาออกจากใต้ฟ้านี้ และเราจะทำให้เจ้าเป็นชาติที่เข้มแข็งและมีจำนวนมากกว่าพวกเขา’
ลูกวัวทองคำ
15 แล้วเราก็กลับลงมาจากภูเขา ภูเขากำลังลุกไหม้เป็นไฟ หินของข้อตกลงทั้งสองแผ่นนั้นอยู่ในมือเรา 16 แล้วเรามองดู เห็นว่าพวกท่านได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ พวกท่านได้ทำรูปเคารพจากโลหะเป็นรูปลูกวัวให้กับตัวพวกท่านเอง พวกท่านหันเหไปอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่พระยาห์เวห์เคยสั่งท่านไว้ 17 เราจึงขว้างหินทั้งสองแผ่นนั้นด้วยมือทั้งสองของเราเอง และทำให้มันแตกต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 18 และก็เหมือนกับครั้งก่อน เราได้ก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน ไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำ เราทำสิ่งต่างๆนี้ก็เพราะบาปทั้งหมดที่พวกท่านได้ทำไป คือพวกท่านได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เพราะอย่างนี้จึงทำให้พระองค์โกรธ 19 เรากลัวความโกรธและความเดือดดาลของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์โกรธถึงขนาดที่จะทำลายพวกท่าน แต่ตอนนั้นพระยาห์เวห์ได้ฟังเรา 20 พระยาห์เวห์โกรธอาโรนถึงขนาดที่จะทำลายเขา แต่เราได้อธิษฐานเผื่ออาโรนเหมือนกันในตอนนั้น 21 เราได้เอาสิ่งที่เป็นบาปที่พวกท่านได้สร้างขึ้นมา คือลูกวัวไปเผาไฟ และเราก็ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ บดมันจนละเอียดเป็นผุยผง แล้วเราก็โปรยผงนั้นลงในลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขา
โมเสสร้องขอพระยาห์เวห์อย่าทำลายคนอิสราเอล
22 ที่ทาเบราห์ ที่มัสสาห์ และที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ก็เหมือนกัน พวกท่านทำให้พระยาห์เวห์โกรธ 23 เมื่อพระยาห์เวห์ส่งพวกท่านจากคาเดช-บารเนีย และพูดว่า ‘ขึ้นไปยึดเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า’ พวกท่านขัดขืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านไม่ไว้วางใจพระองค์และไม่เชื่อฟังพระองค์ 24 พวกท่านได้ขัดขืนพระยาห์เวห์มาตลอด ตั้งแต่วันที่เรารู้จักพวกท่านเป็นครั้งแรก
25 เมื่อเราก้มหน้าลงกราบพระยาห์เวห์เป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน เพราะพระยาห์เวห์บอกว่า พระองค์จะทำลายพวกท่าน 26 เราได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า อย่าได้ทำลายคนของพระองค์ที่เป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์เลย พระองค์ไถ่ให้พวกเขาเป็นอิสระด้วยฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงพลังของพระองค์ 27 โปรดระลึกถึงอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์ อย่าไปสนใจกับความดื้อดึง ความชั่วร้ายและความบาปของคนพวกนี้เลย 28 ไม่อย่างนั้นชาวอียิปต์จะพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา และเพราะพระองค์เกลียดพวกเขา พระองค์จึงนำพวกเขาออกไปและฆ่าพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” 29 พวกเขาคือคนของพระองค์ เป็นสมบัติของพระองค์เอง พระองค์ได้นำพวกเขาออกมาด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของพระองค์’
ชื่นชมยินดีในความดีงามของพระองค์
บทเพลงสดุดี เพลงสำหรับวันหยุดทางศาสนา
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะสรรเสริญพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
2 มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะพูดถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในตอนเช้า
และเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในตอนค่ำคืน
3 คลอไปกับเสียงของพิณสิบสาย พิณสี่สาย
และทำนองของพิณเขาคู่
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดีในผลงานต่างๆจากมือของพระองค์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ การกระทำของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ความคิดของพระองค์ก็ช่างลุ่มลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้
6 คนที่โง่เหมือนควายไม่รู้เรื่องนี้
คนโง่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
7 คือถึงจะมีคนชั่วผุดขึ้นมามากมายเหมือนหญ้าและคนทำชั่วจะรุ่งเรือง
พวกมันจะต้องถูกทำลายตลอดไป
8 แต่พระยาห์เวห์
พระองค์จะได้รับการยกย่องตลอดไป
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูศัตรูของพระองค์เถิด ดูสิ พวกมันจะต้องถูกทำลาย
คนที่ทำชั่วทุกคนจะต้องกระจัดกระจายไป
10 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแรง[a] เหมือนกระทิงป่า
พระองค์ชโลมข้าพเจ้าด้วยน้ำมันอันสดชื่น
11 ตาของข้าพเจ้าได้เห็นการพ่ายแพ้ของคนเหล่านั้นที่พยายามซุ่มโจมตีข้าพเจ้า
หูของข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกศัตรูชั่วๆของข้าพเจ้า
12 แต่คนดีจะผลิบานดุจต้นปาล์ม
เขาจะโผล่สูงขึ้นมามาก เหมือนกับต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอน
13 คนเหล่านั้นเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่ปลูกไว้
ในวิหารของพระยาห์เวห์
พวกเขาจะเจริญงอกงามในลานทั้งหลายของพระเจ้าของเรา
14 พวกเขาจะยังคงผลิดอกออกผลแม้ในยามแก่เฒ่า
พวกเขาจะยังคงสดชื่นแข็งแรงและเขียวสด
15 แล้วพวกเขาก็จะประกาศได้ว่า พระยาห์เวห์ ผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้านั้นยุติธรรม
และพระองค์ไม่เคยทุจริตเลย
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ผู้ทรงบารมี
1 พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์
พระยาห์เวห์สวมบารมี พระองค์ใส่พละกำลัง
พระองค์ตั้งโลกนี้อย่างมั่นคงและมันจะไม่สั่นคลอน
2 บัลลังก์ของพระองค์ตั้งไว้อย่างมั่นคงแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา
ยิ่งกว่านั้น พระองค์เป็นอยู่แล้วตลอดมา
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คลื่นส่งเสียง
ใช่แล้ว คลื่นส่งเสียงดังขึ้น
เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นเรื่อยๆ
4 เสียงร้องของมหาสมุทรช่างดังกึกก้องมาก
เสียงน้ำทะเลแตกกระจาย ช่างทรงพลังเหลือเกิน
แต่พระยาห์เวห์ผู้อยู่เบื้องบนก็ยังทรงพลังยิ่งกว่า
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระบัญญัติต่างๆของพระองค์นั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ตลอดไป
วิหารของพระองค์จะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปตราบนานเท่านาน
เฮเซคียาห์ขอคำปรึกษาจากอิสยาห์
(2 พกษ. 19:1-13)
37 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส
3 พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา 4 ไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และไม่แน่นะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”
5 เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า ‘ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น 7 ตัวเราเองจะทำให้กษัตริย์อัสซีเรียกังวลใจ เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง’”
กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม
8 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพได้ยินอย่างนั้น เขาก็ไปยังเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น 9 ในเวลานั้น กษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเกี่ยวกับกษัตริย์ทีระหะคาร์[a] แห่งเอธิโอเปียว่า “กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน” เมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และสั่งพวกเขาว่า
10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียหรอก’[b] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดนั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[c] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายไปไหนกันหมดแล้ว”
เฮเซคียาห์อธิษฐานถึงพระเจ้า
(2 พกษ. 19:14-19)
14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วพระองค์ก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า
16 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกเครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดทั้งหมดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด
18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติทั้งหลายรวมทั้งแผ่นดินของพวกเขาด้วย 19 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 20 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
พระเจ้าตอบเฮเซคียาห์
(2 พกษ. 19:20-34)
21 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ ‘เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย’
22 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า
‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า
เธอหัวเราะเยาะเจ้า
นางสาวเยรูซาเล็มส่ายหัวเยาะเย้ยเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
23 เจ้าดูถูกใครหรือพูดหมิ่นประมาทใครรู้รึเปล่า
เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครรู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครรู้รึเปล่า
เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
24 เจ้าได้เย้ยองค์เจ้าชีวิตผ่านทางพวกผู้รับใช้ที่เจ้าส่งมา
เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปถึงยอดเขา ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอนด้วยรถรบมากมายของข้า
ข้าได้โค่นพวกต้นซีดาร์ที่สูงที่สุดของมันและต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
ข้าได้ไปถึงยอดเขาที่ไกลลิบลิ่วของมัน ข้าไปถึงป่าที่ดีที่สุดของมัน
25 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน[d]และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์จนมันเหือดแห้งไป”
26 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
คือเราได้ให้เจ้าทำลายป้อมปราการของเมืองต่างๆให้กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
27 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้นกำลังตกใจกลัวและอับอาย
พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[e]
28 เรารู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
29 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”
30 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้จะปลูกอะไรไม่ได้เลย ก็ให้กินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ก็ให้กินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ก็ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมันและให้ปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 31 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและออกผลขึ้นข้างบน 32 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคนก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
33 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
34 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอกพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
35 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดคนรับใช้ของเรา”
กองทัพของอัสซีเรียถูกทำลาย
(2 พกษ. 19:35-37)
36 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 37 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่นีนะเวห์
38 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น พวกลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน
ชาวอิสราเอลหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน
7 หลังจากนั้นผมเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่สี่มุมโลก และห้ามลมทั้งสี่ทิศไว้ไม่ให้พัดบนแผ่นดินโลก บนทะเล หรือต้นไม้อีก 2 แล้วผมเห็นทูตอีกองค์หนึ่งมาจากทางทิศตะวันออก ท่านถือตราประทับของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ ท่านตะโกนด้วยเสียงอันดัง เรียกทูตทั้งสี่องค์ ที่ได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้ทำร้ายแผ่นดินโลกและทะเลว่า 3 “อย่าได้ทำร้ายแผ่นดินโลกหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าพวกเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผาก[a]ของผู้รับใช้ของพระเจ้าเสียก่อน” 4 จากนั้นผมก็ได้ยินจำนวนของผู้ที่ได้รับการประทับตรา พวกเขามาจากทุกเผ่าของอิสราเอลรวมทั้งหมดหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน
5 จากเผ่ายูดาห์ | 12,000 คน |
จากเผ่ารูเบ็น | 12,000 คน |
จากเผ่ากาด | 12,000 คน |
6 จากเผ่าอาเชอร์ | 12,000 คน |
จากเผ่านัฟทาลี | 12,000 คน |
จากเผ่ามนัสเสห์ | 12,000 คน |
7 จากเผ่าสิเมโอน | 12,000 คน |
จากเผ่าเลวี | 12,000 คน |
จากเผ่าอิสสาคาร์ | 12,000 คน |
8 จากเผ่าเศบูลุน | 12,000 คน |
จากเผ่าโยเซฟ | 12,000 คน |
จากเผ่าเบนยามิน | 12,000 คน |
ผู้คนจากทุกประชาชาติ
9 หลังจากนั้นผมเห็นคนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่มาจากทุกชนชาติ ทุกเผ่า ทุกเชื้อชาติ และทุกภาษา ยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์และต่อหน้าลูกแกะ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและในมือถือกิ่งปาล์ม 10 พวกเขาตะโกนเสียงดังว่า “ชัยชนะเป็นของพระเจ้าผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” 11 ทูตสวรรค์ทั้งหมดที่ยืนล้อมรอบบัลลังก์ และล้อมรอบพวกผู้อาวุโสและสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นได้ก้มหน้าลงกราบอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ และนมัสการพระเจ้า 12 พวกเขาพูดว่า “อาเมน คำสรรเสริญ ความรุ่งโรจน์ สติปัญญา คำขอบคุณ เกียรติยศ ฤทธิ์อำนาจและพละกำลัง จงเป็นของพระเจ้าของเราตลอดไป อาเมน”
13 จากนั้นผู้อาวุโสองค์หนึ่งได้ถามผมว่า “พวกที่สวมเสื้อคลุมสีขาวนี้เป็นใครกัน พวกเขามาจากที่ไหนกัน”
14 ผมตอบว่า “ท่านครับ ท่านย่อมรู้ดีว่าพวกเขาเป็นใคร” ผู้อาวุโสจึงบอกว่า “คนพวกนี้คือคนที่มาจากความทุกข์ยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาซักเสื้อคลุม[b]ของเขาด้วยเลือดของลูกแกะจนมันขาวสะอาด 15 พวกเขาถึงได้มาอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า และรับใช้พระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืนในพระวิหารของพระองค์ และพระองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะอยู่คุ้มครองดูแลพวกเขา 16 พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหายอีก ความร้อนจากแสงแดดจะไม่แผดเผาพวกเขาเลย 17 ลูกแกะซึ่งอยู่ตรงกลางใกล้กับบัลลังก์จะดูแลเอาใจใส่พวกเขาเหมือนกับผู้เลี้ยงแกะ และจะนำพวกเขาไปยังน้ำพุที่ให้ชีวิต และพระเจ้าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของพวกเขา”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International