M’Cheyne Bible Reading Plan
พระยาห์เวห์เลือกโยชูวา
1 หลังจากที่โมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้าตายไป พระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวา[a] ผู้เป็นลูกชายของนูน และเป็นผู้ช่วยของโมเสสว่า 2 “โมเสสผู้รับใช้ของเราได้ตายไปแล้ว ตอนนี้ ให้เจ้าและคนพวกนี้ทั้งหมดลุกขึ้น และข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยังแผ่นดินที่เรากำลังยกให้กับพวกเขา คือชาวอิสราเอล 3 ทุกๆที่ที่พวกเจ้าย่างก้าวเข้าไป เราได้ยกให้กับพวกเจ้าแล้ว ตามที่เราได้สัญญาไว้กับโมเสส 4 ดินแดนทั้งหมดนี้จะเป็นของพวกเจ้า คือตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งและเลบานอนนี้ ไกลไปจนถึงแม่น้ำสายใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส รวมถึงดินแดนทั้งหมดของชาวฮิตไทต์ และต่อไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางทิศตะวันตก 5 ตลอดชีวิตของเจ้าจะไม่มีใครสามารถขัดขวางเจ้าได้ เราจะอยู่กับเจ้าเหมือนกับที่เราอยู่กับโมเสส เราจะไม่ละทิ้งเจ้าหรือจากเจ้าไป
6 โยชูวาให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ เพราะเจ้าจะเป็นผู้นำคนพวกนี้ให้เข้าไปครอบครองแผ่นดินนั้น ที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ว่าจะยกให้กับพวกเขา 7 ขอเพียงแต่ให้เจ้าเข้มแข็งและกล้าหาญไว้ และให้ทำตามคำสั่งสอนทั้งหมดอย่างเคร่งครัด คือคำสั่งที่โมเสสผู้รับใช้ของเราได้สั่งเจ้าไว้ เจ้าต้องไม่หันซ้ายหันขวาไปจากคำสอนนั้น เพื่อเจ้าจะได้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เจ้าทำ 8 เจ้าต้องไม่หยุดพูดถึงกฎในหนังสือเล่มนี้ และเจ้าต้องไตร่ตรองมันทั้งวันทั้งคืน เพื่อเจ้าจะได้ทำตามสิ่งที่ได้เขียนไว้ในกฎนั้นอย่างเคร่งครัด แล้วเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ 9 อย่าลืมว่าเราได้สั่งเจ้าให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่าได้หวาดกลัวหรือท้อถอย เพราะเรา ยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า จะอยู่กับเจ้าในทุกที่ที่เจ้าไป”
โยชูวาสั่งการ
10 แล้วโยชูวาได้สั่งพวกผู้นำของประชาชนว่า 11 “ให้เข้าไปในค่ายและสั่งกับประชาชนว่า ‘เตรียมเสบียงอาหารสำหรับตัวเอง เพราะในอีกสามวัน พวกเราจะข้ามแม่น้ำจอร์แดน เพื่อเข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรากำลังยกให้กับเรา’”
12 แล้วโยชูวาพูดกับคนเผ่ารูเบน คนเผ่ากาด และคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งว่า 13 “อย่าลืมสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ ได้พูดไว้กับพวกท่าน ที่ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน จะยกแผ่นดินนี้ให้เป็นที่อยู่อันสงบปลอดภัยสำหรับพวกท่าน’ 14 พวกเมียๆและลูกๆของท่านรวมทั้งสัตว์เลี้ยงต่างๆจะอยู่ในดินแดนฝั่งนี้ของแม่น้ำจอร์แดนที่โมเสสได้ยกให้กับท่าน แต่พวกนักรบทั้งหมดของท่านจะถืออาวุธพร้อมมือ เป็นทัพหน้า นำพี่น้องข้ามไปฝั่งโน้น พวกท่านต้องช่วยพี่น้องของท่าน 15 จนกว่าพระยาห์เวห์จะให้ที่อยู่อันสงบปลอดภัยกับพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ให้กับท่าน และจนกว่าพวกเขาจะได้ครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังยกให้กับพวกเขา เมื่อนั้นท่านถึงจะกลับไปยังดินแดนที่ท่านได้ครอบครองไว้แล้ว คือดินแดนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้ยกให้กับท่าน เป็นดินแดนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนทางทิศตะวันออก”
16 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “พวกเราจะทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง และไม่ว่าท่านจะให้เราไปที่ไหน เราก็จะไปที่นั่น 17 พวกเราเคยเชื่อฟังโมเสสยังไง ก็จะเชื่อฟังท่านอย่างนั้นด้วย ขอเพียงแต่ให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านเหมือนกับที่พระองค์อยู่กับโมเสส 18 ใครก็ตามที่ขัดขืนคำสั่งท่าน และไม่ยอมเชื่อฟังทุกสิ่งที่ท่านสั่ง คนๆนั้นจะต้องถูกฆ่าตาย ขอเพียงแต่ให้ท่านเข้มแข็งและกล้าหาญไว้”
พวกศัตรูของสันติภาพ
บทเพลงที่ร้องในระหว่างที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 เมื่อข้าพเจ้าพบกับความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
และพระองค์ตอบข้าพเจ้า
2 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้น
จากคนเหล่านั้นที่ใช้ริมฝีปากโกหก
และใช้ลิ้นหลอกลวงด้วยเถิด
3 เจ้าลิ้นปลิ้นปล้อน
เจ้ารู้ไหมว่าพระยาห์เวห์จะให้อะไรกับเจ้า
เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าจะได้รับอะไร
4 เจ้าจะได้รับลูกธนูของพวกนักรบ
ที่มีหัวธนูแหลมคมจากการถูกตีบนถ่านไฟร้อนๆ
5 มันแย่จริงๆสำหรับข้าพเจ้าที่จะต้องอยู่กับคนพวกนี้ ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ท่ามกลางคนเมเชค[a]ที่โหดร้าย
หรืออยู่ท่ามกลางเต็นท์ของคนเคดาร์[b]ที่ป่าเถื่อน
6 ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เกลียดชังสันติภาพ
นานเกินไปเสียแล้ว
7 ข้าพเจ้าเป็นคนรักสันติภาพ
แต่เมื่อข้าพเจ้าพูดให้เกิดสันติภาพ
พวกเขาจะเอาแต่สงครามท่าเดียว
พระยาห์เวห์ปกป้องคนของพระองค์
บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 ข้าพเจ้าแหงนหน้ามองขึ้นไปยังภูเขาทั้งหลาย
ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าจะมาจากที่ไหนกัน
2 ความช่วยเหลือของข้าพเจ้ามาจากพระยาห์เวห์
ผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก
3 พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้เท้าของเจ้าลื่นไถล
พระองค์ผู้ปกป้องเจ้าจะไม่เคลิ้มหลับไป
4 พระองค์ผู้ปกป้องอิสราเอล
จะไม่มีวันเคลิ้มหรือหลับไป
5 พระยาห์เวห์ เป็นผู้นั้นที่ปกป้องเจ้า
พระองค์เป็นร่มเงาที่อยู่ทางขวามือของเจ้า
6 ดวงอาทิตย์จึงไม่อาจทำอันตรายเจ้าได้ในตอนกลางวัน
หรือดวงจันทร์ในตอนกลางคืน
7 พระยาห์เวห์จะปกป้องเจ้าจากอันตรายทั้งปวง
พระองค์จะปกป้องชีวิตของเจ้า
8 พระยาห์เวห์จะปกป้องเจ้าตอนที่เจ้าออกไปหรือกลับมา
ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป
คำอธิษฐานสำหรับเมืองเยรูซาเล็ม
บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 ข้าพเจ้าดีใจ เมื่อมีคนพูดกับข้าพเจ้าว่า
“ให้พวกเราขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด”
2 เยรูซาเล็มเอ๋ย
พวกเรากำลังยืนอยู่ข้างในประตูทั้งหลายของเจ้าแล้ว
3 เยรูซาเล็มได้รับการสร้างขึ้นตามแบบที่เมืองใหญ่ควรจะเป็น
คือสร้างติดกันแน่น ก่อกันขึ้นอย่างมั่นคง
4 เป็นเมืองที่เผ่าต่างๆของพระยาห์เวห์มารวมตัวกัน
กฎได้กำหนดไว้ให้คนอิสราเอลมาสรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์ที่นั่น
5 ที่นั่นราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดได้ตั้งบัลลังก์ต่างๆไว้
เพื่อพิพากษาคนอย่างยุติธรรม
6 อธิษฐานให้เยรูซาเล็มมีสันติภาพ
“เยรูซาเล็ม ขอให้คนเหล่านั้นที่รักเจ้า ปลอดภัย
7 ขอให้มีสันติภาพภายในกำแพงทั้งหลายของเจ้า
และขอให้มีความปลอดภัยในป้อมปราการของเจ้า”
8 เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องและเพื่อนๆของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะพูดว่า “เยรูซาเล็ม ขอให้มีสันติภาพในเจ้า”
9 เพื่อเป็นประโยชน์แก่วิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา
ข้าพเจ้าจะอธิษฐานให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง
ข่าวดีสำหรับคนที่ถูกข่มเหง
61 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต อยู่กับผม
เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือก[a] ผม
พระองค์ได้ส่งผมไปประกาศข่าวดีให้กับคนยากจน
ไปรักษาจิตใจที่แตกสลาย
ไปประกาศเสรีภาพให้กับเชลย
และประกาศการปลดปล่อยให้กับพวกนักโทษ
2 พระองค์ส่งผมให้ไปประกาศปีแห่งความเมตตาของพระยาห์เวห์
และวันเวลาที่พระเจ้าของเราจะแก้แค้น ไปปลอบโยนทุกคนที่เศร้าโศกเสียใจ
3 พระองค์ส่งผมให้เอามาลัยไปให้กับคนที่โศกเศร้าในศิโยน
เพื่อใส่แทนขี้เถ้า[b] บนหัว
ใส่น้ำมันแห่งความชื่นชมยินดีแทนชุดไว้ทุกข์
และให้ชุดงานเลี้ยงแทนจิตใจที่ท้อแท้
พวกเขาจะได้ชื่อว่า ต้นโอ๊กแห่งความรอด
ต้นไม้ของพระยาห์เวห์ที่แสดงว่าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
4 พวกเขาจะสร้างเมืองต่างๆที่พังทลายไปในสมัยโบราณขึ้นมาใหม่
และฟื้นสถานที่ต่างๆที่ถูกทำลายไปนานแล้วขึ้นมาใหม่
พวกเขาจะก่อเมืองที่เป็นซากปรักหักพังที่ถูกทำลายมาหลายชั่วคนแล้วขึ้นมาใหม่
5 คนต่างชาติก็จะยืนเฝ้าเลี้ยงดูฝูงแพะแกะของเจ้า
และคนต่างชาติพวกนี้ก็จะทำงานในทุ่งนาและในสวนองุ่นของเจ้า
6 จะมีคนเรียกพวกเจ้าว่า พวกนักบวชของพระยาห์เวห์
พวกเจ้าจะได้ชื่อว่า พวกผู้รับใช้ของพระเจ้าของเรา
พวกเจ้าจะได้ประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของชนชาติต่างๆ
และพวกเจ้าก็จะได้โอ้อวดในความร่ำรวยที่ได้มาจากพวกเขา
7 พวกเจ้าจะได้ส่วนแบ่งเป็นสองเท่าแทนที่จะต้องอับอาย
พวกเจ้าจะชื่นชมยินดีกับส่วนแบ่งของพวกเจ้าแทนที่จะต้องขายหน้า
ใช่แล้ว พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งเป็นสองเท่าในแผ่นดินของพวกเจ้า
และความยินดีของพวกเจ้าจะอยู่ตลอดไป
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “เรายาห์เวห์รักความยุติธรรม เราเกลียดการปล้นและการทำผิดทั้งหลาย
เราจะให้ค่าตอบแทนกับคนของเราตามที่เขาสมควรจะได้รับ
และเราจะทำสัญญากับพวกเขาที่จะคงอยู่ตลอดไป
9 ลูกหลานของพวกเขาจะเป็นที่รู้จักท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
เชื้อสายของเขา ก็จะเป็นที่รู้จักท่ามกลางเชื้อชาติต่างๆ
ทุกคนที่เห็นพวกเขาต่างก็จะยอมรับว่าพวกเขาเป็นชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้อวยพร”
10 พระยาห์เวห์ทำให้ผมชื่นชมยินดีมาก
จิตใจของผมมีความสุขเพราะพระเจ้าของผม
เพราะพระองค์ได้เอาชุดแห่งความรอดมาสวมผมไว้
พระองค์ได้คลุมผมด้วยเสื้อคลุมแห่งการช่วยกู้
เป็นเหมือนกับเจ้าบ่าวที่ประดับหัวด้วยพวงมาลัย
เป็นเหมือนกับเจ้าสาวที่ประดับตัวด้วยเพชรพลอยของนาง
11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจะทำให้ความรอดอันยุติธรรมของพระองค์และคำสรรเสริญจากมนุษย์งอกขึ้นมาต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย
เหมือนกับพืชที่งอกขึ้นมาจากดิน เหมือนกับเมล็ดที่โผล่ขึ้นมาในสวน
พระเยซูรักษาคนอัมพาต
(มก. 2:1-12; ลก. 5:17-26)
9 แล้วพระเยซูได้ลงเรือข้ามฟากกลับไปเมืองของพระองค์ 2 มีคนหามคนเป็นอัมพาตนอนอยู่บนเปลมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขา ก็พูดกับคนที่เป็นอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย สบายใจได้แล้ว เพราะบาปของลูกได้รับการอภัยแล้ว”
3 ครูสอนกฎปฏิบัติบางคนก็คิดในใจว่า “ไอ้หมอนี่ พูดจาดูหมิ่นพระเจ้าชัดๆ”
4 พระเยซูรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นว่า “ทำไมพวกคุณถึงคิดชั่วร้ายอย่างนี้ในใจ 5 จะให้เราพูดว่า ‘ความบาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว’ หรือ ‘ลุกขึ้นเดินซะ’ อันไหนจะง่ายกว่ากัน 6 เดี๋ยวเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกนี้ที่จะอภัยบาปได้” แล้วพระเยซูก็พูดกับคนง่อยว่า “ลุกขึ้น เก็บที่นอน แล้วกลับไปบ้านได้แล้ว” 7 ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน 8 เมื่อเห็นอย่างนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง และพากันสรรเสริญพระเจ้าที่ให้มนุษย์มีสิทธิอำนาจทำอย่างนั้นได้
พระเยซูเลือกมัทธิว
(มก. 2:13-17; ลก. 5:27-32)
9 เมื่อพระเยซูออกมาจากที่นั่น ก็เห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว นั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี พระองค์บอกเขาว่า “ตามเรามา” มัทธิวก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป
10 เมื่อพระเยซูกินอาหารอยู่ที่บ้านของมัทธิว มีคนเก็บภาษี และคนบาปหลายคนมากินอาหารร่วมกับพระเยซูและพวกศิษย์ของพระองค์ 11 เมื่อพวกฟาริสีเห็นอย่างนั้น ก็พูดกับพวกศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของคุณถึงกินอาหารกับพวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาป”
12 เมื่อพระเยซูได้ยิน จึงตอบว่า “คนที่สบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต่างหากที่ต้องการ 13 พวกคุณไปศึกษาดูสิว่า พระคัมภีร์ข้อนี้หมายถึงอะไรที่ว่า ‘เราอยากจะเห็นความเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา’[a] เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนดี แต่มาเพื่อเรียกคนบาป”
คนถามถึงเรื่องการอดอาหาร
(มก. 2:18-22; ลก. 5:33-39)
14 ลูกศิษย์ของยอห์นที่ทำพิธีจุ่มน้ำ เข้ามาถามพระองค์ว่า “พวกเราและพวกฟาริสีอดอาหาร กันเป็นประจำ แต่ทำไมลูกศิษย์ของท่านถึงไม่ทำบ้างล่ะ”
15 พระเยซูตอบว่า “จะให้เพื่อนเจ้าบ่าวโศกเศร้าได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่ แต่เมื่อถึงวันนั้นที่เจ้าบ่าวถูกพรากไปจากพวกเขา แล้วเมื่อนั้นพวกเขาจะอดอาหาร”
16 “ไม่มีใครเอาผ้าที่ยังไม่หดไปปะเข้ากับเสื้อผ้าเก่าหรอก เพราะเมื่อผ้านั้นหดก็จะดึงเสื้อผ้าเก่าให้ขาดมากขึ้น 17 คงไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นใหม่เทใส่ในถุงหนัง[b]เก่าหรอก เพราะถุงหนังเก่าจะแตก เหล้าองุ่นก็จะรั่วไหลออกมาหมด และถุงหนังเก่าก็จะเสียด้วย แต่ควรจะเทเหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่ เพื่อจะได้รักษาทั้งเหล้าองุ่น และถุงหนังนั้นไว้”
พระเยซูชุบชีวิตเด็กหญิงและรักษาหญิงตกเลือด
(มก. 5:21-43; ลก. 8:40-56)
18 เมื่อพระเยซูกำลังพูดเรื่องนี้อยู่ ก็มีหัวหน้าที่ประชุมชาวยิวคนหนึ่งเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าพระองค์และพูดว่า “ลูกสาวของผมเพิ่งตาย แต่ถ้าอาจารย์ช่วยไปวางมือบนตัวเธอ เธอก็จะฟื้นขึ้นมา”
19 พระเยซูลุกขึ้นตามเขาไป ศิษย์ของพระองค์ก็ตามไปด้วย
20 ขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทนทุกข์ทรมานมากเพราะตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว เธอเบียดคนเข้ามาอยู่ข้างหลังพระองค์และแตะพู่ที่ชายเสื้อคลุมพระองค์ 21 เธอคิดในใจว่า “ขอแค่ได้แตะเสื้อคลุมของเขา ฉันก็จะหาย”
22 พระเยซูหันมาเห็นเธอ แล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย สบายใจได้แล้ว ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายแล้ว” แล้วเธอก็หายทันที
23 เมื่อพระเยซูมาถึงบ้านของหัวหน้าที่ประชุมชาวยิว ก็เห็นคนเป่าปี่และคนมากมายกำลังร้องไห้กันอยู่ 24 พระองค์บอกว่า “ออกไปให้หมด เด็กคนนี้ยังไม่ตายแต่กำลังหลับอยู่” พวกนั้นต่างพากันหัวเราะเยาะพระองค์ 25 เมื่อคนพวกนั้นถูกไล่ออกไปหมดแล้ว พระเยซูเข้าไปในห้องของเด็ก จับมือเธอ แล้วเธอก็ลุกขึ้นมา 26 เรื่องนี้ได้เลื่องลือกันไปทั่วแคว้นนั้น
พระเยซูรักษาอีกสามคน
27 เมื่อพระเยซูออกมาจากที่นั่น มีชายตาบอดสองคนเดินตามมาและร้องตะโกนว่า “บุตรดาวิด โปรดสงสารพวกเราด้วยเถิด”
28 เมื่อพระเยซูเข้าไปในบ้าน ชายตาบอดก็เข้าไปหาพระองค์ พระเยซูถามพวกเขาว่า “เชื่อไหมว่า เราทำให้คุณมองเห็นได้” ชายตาบอดตอบว่า “เชื่อครับท่าน”
29 พระเยซูแตะที่ตาของพวกเขา และพูดว่า “คุณเชื่อยังไง ก็ขอให้เป็นไปตามนั้น” 30 แล้วพวกเขาก็มองเห็น พระเยซูสั่งพวกเขาว่า “อย่าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด” 31 แต่พอพวกเขาออกมา ก็ได้กระจายข่าวของพระเยซูไปจนทั่วแคว้นนั้น
32 เมื่อชายสองคนนี้ไปแล้ว มีคนพาชายที่ถูกผีสิงจนทำให้พูดไม่ได้ เข้ามาหาพระเยซู 33 เมื่อพระเยซูไล่ผีออกไปแล้ว ชายคนนั้นก็พูดได้ ทำให้ชาวบ้านแปลกใจมากและพูดว่า “ไม่เคยเห็นเรื่องอะไรอย่างนี้ในอิสราเอลมาก่อนเลย”
34 แต่พวกฟาริสีกลับพูดว่า “เขาใช้ฤทธิ์อำนาจของหัวหน้าผีขับไล่ผีออกไป”
พระเยซูสงสารประชาชน
35 พระเยซูเดินทางไปทั่วทุกเมืองและทุกหมู่บ้าน ไปสั่งสอนในที่ประชุมชาวยิว และประกาศข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า พร้อมกับรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆด้วย 36 เมื่อพระองค์เห็นคนมากมาย พระองค์ก็รู้สึกสงสาร เพราะพวกเขามีปัญหาและไม่มีที่พึ่ง เหมือนฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง 37 พระองค์พูดกับพวกศิษย์ว่า “พืชผลที่จะให้เก็บเกี่ยวนั้นมีมากมาย แต่คนงานมีน้อย 38 ดังนั้นให้อ้อนวอนขอพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของพืชผล ให้ส่งคนงานมาช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์ด้วย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International