M’Cheyne Bible Reading Plan
ข้อตกลงในโมอับ
29 นอกจากข้อตกลงที่พระยาห์เวห์ได้ทำไว้กับชนชาติอิสราเอลที่ภูเขาซีนายแล้ว พระยาห์เวห์ได้สั่งให้โมเสสทำข้อตกลงขึ้นมาอีกฉบับหนึ่งกับชนชาติอิสราเอลในแผ่นดินโมอับ และนี่คือคำพูดต่างๆที่อยู่ในข้อตกลงนั้น
2 โมเสสเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมดและพูดว่า “พวกท่านก็ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ได้ทำในแผ่นดินอียิปต์แล้ว สิ่งที่พระองค์ทำกับกษัตริย์ฟาโรห์ คนของฟาโรห์และประเทศของเขา 3 ท่านก็เห็นกับตาแล้วถึงความทุกข์ยากลำบาก การอัศจรรย์ต่างๆ รวมถึงสิ่งที่เหลือเชื่อทั้งหลายที่พระองค์ทำ 4 แต่จนถึงวันนี้ พระยาห์เวห์ยังไม่ได้ให้ความเข้าใจกับพวกท่าน เพราะพวกท่านยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เห็นกับตา ได้ยินกับหู 5 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้นำพวกเจ้าเดินผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาสี่สิบปี ระหว่างนั้น เสื้อผ้าของพวกเจ้าไม่เคยขาดหลุดออกจากตัว รองเท้าไม่เคยสึกกร่อน 6 พวกเจ้าไม่มีอาหารกิน ไม่มีเหล้าองุ่นหรือเบียร์ดื่ม แต่เราเลี้ยงดูพวกเจ้า อาหารและน้ำของพวกเจ้านั้นมันไม่ใช่ธรรมดา เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’
7 เมื่อพวกท่านมาถึงที่นี่ กษัตริย์สิโหนของเฮชโบนและกษัตริย์โอกของบาชานออกมาสู้รบกับพวกเรา และพวกเราชนะพวกเขา 8 ยึดเอาแผ่นดินของพวกเขาไว้ และพวกเราก็ยกแผ่นดินนั้นให้กับเผ่ารูเบน กาด และครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ ไว้เป็นเจ้าของ 9 พวกท่านต้องเชื่อฟังและทำตามคำพูดทุกคำในข้อตกลงนี้อย่างระมัดระวัง เพื่อท่านจะได้สำเร็จในทุกสิ่งที่ทำ
10 วันนี้พวกท่านทั้งหมดกำลังยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พวกหัวหน้าเผ่าต่างๆ พวกผู้นำอาวุโส พวกเจ้าหน้าที่ และพวกผู้ชายทุกคนของอิสราเอล ต่างก็ยืนอยู่ที่นี่ 11 รวมทั้งพวกลูกของพวกท่าน พวกเมียของพวกท่านและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกท่าน รวมทั้งคนตัดไม้และคนแบกน้ำ 12 พวกท่านมาอยู่ที่นี่เพื่อจะเข้าสู่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและยอมรับคำสาปแช่งของมันสำหรับคนที่ฝ่าฝืน คือข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังทำกับท่านในวันนี้ 13 เพื่อพระองค์จะได้ทำให้พวกท่านเป็นคนของพระองค์ในวันนี้ และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกท่าน เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ 14 พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำข้อตกลงพร้อมกับคำสาปแช่งนี้กับพวกท่านเท่านั้น 15 พระองค์ได้ทำข้อตกลงนี้กับพวกท่านที่ยืนกับพวกเราที่นี่ในวันนี้ ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา รวมทั้งลูกหลานของพวกเราที่ไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้ด้วย 16 เพราะพวกท่านจำได้ว่าเราเคยใช้ชีวิตยังไงในแผ่นดินอียิปต์ และพวกท่านจำได้ว่าเราผ่านชนชาติที่เราผ่านมาแล้วนั้นได้ยังไง 17 พวกท่านได้เห็นสิ่งต่างๆที่น่ารังเกียจของพวกเขา คือ รูปเคารพที่ทำจากไม้ หิน เงินและทองที่อยู่กับพวกเขา 18 ระวังให้ดี เผื่อจะมีผู้ชายหรือผู้หญิงหรือตระกูลหรือเผ่าใดของพวกท่าน ที่มีใจหันเหไปจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราในวันนี้ เพื่อที่จะไปรับใช้พวกพระของชนชาติอื่น ระวังให้ดี เผื่อจะมีใครในหมู่พวกท่านที่เป็นเหมือนรากที่งอกพืชที่ขมและมีพิษออกมา
19 เมื่อคนประเภทนั้นได้ยินคำสาปแช่งนี้ เขาก็จะพูดปลอบใจตัวเองว่า ‘ถึงแม้ฉันจะทำตามใจที่ดื้อรั้นของฉัน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันหรอก’ แล้วผลสุดท้ายจะเลวร้ายอย่างยิ่ง[a] 20-21 พระยาห์เวห์จะไม่ยอมยกโทษให้เขา เพราะความโกรธและความหึงหวงของพระองค์ที่ลุกโชติโชนต่อคนๆนั้น คำสาปแช่งที่อยู่ในข้อตกลงนี้ทั้งหมด ที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้น พระยาห์เวห์จะลบชื่อของเขาออกไปจากใต้ฟ้านี้ พระยาห์เวห์จะคัดตัวคนนั้นออกมาจากเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลเพื่อเอามาลงโทษ
22 รุ่นต่อไปจะถามกัน พวกลูกๆที่เกิดมาทีหลังและชาวต่างชาติที่จะมาจากแดนไกลจะถามกัน เมื่อพวกเขาเห็นความหายนะที่เกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ และโรคต่างๆที่พระยาห์เวห์ส่งมาที่นี่ 23 ทั่วทั้งแผ่นดินจะลุกไหม้ด้วยกำมะถันและเกลือ แผ่นดินนั้นจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ไม่มีอะไรงอกขึ้นมาได้ ไม่มีแม้แต่พืช มันจะเป็นเหมือนการทำลายโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิม เมืองที่พระยาห์เวห์ได้ทำลายเมื่อพระองค์โกรธมาก
24 แล้วพวกเขาและชนชาติอื่นๆจะพูดว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้ทำกับแผ่นดินนี้อย่างนี้ ทำไมถึงได้ดุร้ายและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้’ 25 และพวกเขาก็จะตอบว่า ‘เพราะพวกชนชาติอิสราเอลได้ละทิ้งข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา เป็นข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับพวกเขา ตอนที่พระองค์นำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 26 และพวกเขาก็หันไปรับใช้พวกพระอื่นและไปบูชาพระพวกนั้น พระที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และพระยาห์เวห์ก็ไม่เคยให้กับพวกเขา 27 นั่นเป็นเหตุที่พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธคนในแผ่นดินนั้นมาก พระองค์จึงทำให้แผ่นดินนั้นถูกสาปแช่ง ตามทุกอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ 28 เพราะพระยาห์เวห์โกรธแค้น เดือดดาลพวกเขาเป็นอย่างมาก พระองค์จึงถอนรากถอนโคนพวกเขาออกจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วโยนเข้าไปในแผ่นดินอื่นที่พวกเขาอยู่กันทุกวันนี้’
29 สิ่งต่างๆที่เป็นความลับเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา แต่สิ่งต่างๆที่พระองค์เปิดเผย เป็นของเราและลูกหลานของเราตลอดไป เพื่อว่าเราจะได้ทำตามคำสั่งทุกข้อที่อยู่ในกฎนั้น
ไซอิน
49 โปรดระลึกถึงคำสัญญาที่ให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
คำสัญญานั้นทำให้ข้าพเจ้ามีความหวัง
50 คำสัญญาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต
นี่แหละคือคำปลอบโยนของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
51 แม้ว่า คนหยิ่งยโสจะหัวเราะเยาะข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนก็ตาม
แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยหันไปจากคำสั่งสอนของพระองค์
52 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังระลึกถึงกฎเกณฑ์ต่างๆที่พระองค์ให้นานมาแล้วนั้น
และมันก็ปลอบใจข้าพเจ้า
53 ข้าพเจ้าโกรธจับใจต่อคนชั่วช้าเหล่านั้น
ที่ละทิ้งคำสั่งสอนของพระองค์ไป
54 ข้าพเจ้าร้องเพลงเรื่องกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
ในทุกหนแห่งที่ข้าพเจ้าพักอาศัย
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามค่ำคืน ข้าพเจ้าก็ยังระลึกถึงชื่อเสียงของพระองค์
ข้าพเจ้าก็เลยรักษาคำสั่งสอนของพระองค์
56 ชีวิตของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ
คือที่ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์
เฮธ
57 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นส่วนแบ่งของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะเชื่อฟังคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
58 ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
โปรดเมตตาข้าพเจ้าอย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้
59 ข้าพเจ้าคิดถึงทางทั้งหลายของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจหันเท้าของข้าพเจ้ากลับมาหากฎต่างๆของพระองค์
60 ข้าพเจ้ารีบทำตามบัญญัติต่างๆของพระองค์
อย่างไม่รอช้า
61 ถึงข้าพเจ้าจะติดอยู่ในกับดักของคนชั่ว
ข้าพเจ้าก็ไม่เคยลืมคำสั่งสอนของพระองค์
62 ในตอนกลางคืน ข้าพเจ้าลุกขึ้นมา
เพื่อขอบคุณพระองค์สำหรับกฎเกณฑ์ต่างๆอันยุติธรรมของพระองค์
63 ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
เป็นเพื่อนกับทุกคนที่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โลกนี้เต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
โปรดสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วย
เท็ธ
65 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ดีต่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้
66 โปรดสอนสติปัญญาและความรู้ให้กับข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าวางใจในบัญญัติของพระองค์
67 เมื่อก่อนนั้น ข้าพเจ้าทุกข์ทรมานและกำลังหลงทางไป
แต่เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าเชื่อฟังสิ่งที่พระองค์บอก
68 พระองค์ดีและทำดี
ช่วยสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
69 คนหยิ่งจองหองที่โกหกใส่ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้ายังรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์อย่างสุดหัวใจ
70 คนพวกนั้นโง่เขลา
แต่ข้าพเจ้าเพลิดเพลินกับคำสั่งสอนของพระองค์
71 มันเป็นสิ่งที่ดี ที่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์นั้น
เพราะมันทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้กฎระเบียบต่างๆของพระองค์
72 คำสั่งสอนจากปากของพระองค์
ก็มีค่ายิ่งกว่าทองคำและเงินหลายพันชั่ง
ทุกๆชนชาติจะติดตามพระยาห์เวห์
56 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
“รักษาความยุติธรรมไว้ ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะการช่วยกู้ของเราจะมาถึงเจ้าในเร็วๆนี้
และความยุติธรรมของเราที่ให้เจ้ารอดพ้น จะถูกเปิดเผยในไม่ช้านี้
2 คนที่ทำอย่างนั้น คนที่รักษามันไว้มีเกียรติจริงๆ
เขารักษากฎวันหยุดทางศาสนาและไม่ได้ละเมิดมัน
เขายั้งมือไว้จากการทำชั่วทุกชนิด”
3 คนต่างชาติที่มาติดตามพระยาห์เวห์ไม่ควรจะพูดว่า
“พระยาห์เวห์จะต้องแยกผมออกจากคนของพระองค์แน่ๆ”
และขันทีก็ไม่ควรจะพูดว่า “ดูสิ ผมเป็นเหมือนกับต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งเพราะผมไม่สามารถมีลูกได้
พระยาห์เวห์คงไม่รับผมแน่ๆ”
4-5 เราจะตั้งอนุสาวรีย์ให้กับพวกขันทีภายในกำแพงวิหารของเรา
เป็นอนุสาวรีย์ที่ดีกว่าลูกชายและลูกสาว
เป็นอนุสาวรีย์ที่อยู่ถาวร ที่จะไม่มีวันถูกรื้อออกไป
เราจะทำสิ่งนี้ให้กับพวกขันทีที่รักษากฎเกี่ยวกับวันหยุดทางศาสนาของเรา และเลือกทำสิ่งทั้งหลายที่เราชอบใจและยึดมั่นในคำสัญญาของเรา
6-7 “เราจะนำพวกคนต่างชาติไปยังภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา คือคนต่างชาติเหล่านั้นที่ติดตามเรายาห์เวห์ เพื่อรับใช้เรา รักเรา และเป็นผู้รับใช้ของเรา คือทุกคนที่รักษาวันหยุดทางศาสนาของเราและไม่ได้ละเมิดมัน และยึดมั่นในคำสัญญาของเรา
เราจะให้พวกเขาชื่นชมยินดีในบ้านของเรา ซึ่งเป็นบ้านแห่งการอธิษฐาน แล้วเราจะยอมรับเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชาอื่นๆของพวกเขาบนแท่นบูชาของเรา เพราะคนจะเรียกบ้านของเราว่า บ้านแห่งการอธิษฐาน สำหรับคนทุกชนชาติ”
8 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้ที่รวบรวมคนอิสราเอล ที่กระจัดกระจายไปนั้น พูดว่า “เราจะรวบรวมคนอื่นๆเข้ามาร่วมกับพวกเขา นอกเหนือจากที่ได้รวบรวมมาไว้แล้วนั้น”
ผู้นำอิสราเอลกินเก่ง
9 พวกเจ้า สัตว์ดุร้ายที่อยู่ในท้องทุ่ง
พวกเจ้าสัตว์ที่อยู่ในป่า เข้ามากัดกินได้เลย
10 พวกคนยามของอิสราเอลนั้นตาบอด
พวกเขาทั้งหมดไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พวกเขาเป็นหมาเฝ้าบ้านที่เงียบ
พวกเขาเห่าไม่เป็น
เอาแต่นอน และเพ้อฝัน เอาแต่หลับ
11 หมาพวกนี้กินเก่งเหลือเกิน
กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ
พวกเขาเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ต่างคนต่างทำตามใจตัวเอง
ต่างคนต่างหาประโยชน์ใส่ตัวเหมือนกันหมดทุกคน
12 พวกเขาพูดว่า “มาสิ มาดื่มเหล้าองุ่นกัน
ให้เราดื่มเบียร์กันอย่างเต็มที่
พรุ่งนี้ก็จะสนุกเหมือนวันนี้หรืออาจจะสนุกกว่านี้อีก”
มารมาลองใจพระเยซู
(มก. 1:12-13; ลก. 4:1-13)
4 แล้วพระวิญญาณ ก็พาพระเยซูไปที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เพื่อให้มารมาลองใจพระองค์ 2 หลังจากพระเยซูอดอาหารมาเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืน พระองค์ก็หิวจัด 3 มารจึงมายั่วยุพระองค์ว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้าจริง ก็สั่งหินพวกนี้ให้กลายเป็นขนมปังสิ”
4 พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ เขียนไว้ว่า
‘ชีวิตที่เที่ยงแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนมปังเพียงอย่างเดียว
แต่อยู่ได้ด้วยคำพูดทุกคำที่มาจากพระเจ้า’”[a]
5 จากนั้นมารก็นำพระองค์ไปยังเมืองเยรูซาเล็มและไปยืนกันอยู่บนจุดสูงสุดของวิหาร 6 แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้าจริง ก็กระโดดลงไปเลย เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘พระเจ้าจะสั่งให้ทูตของพระองค์คุ้มครองท่าน
และเหล่าทูตสวรรค์ก็จะรับท่านไว้
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระแทกหิน’”[b]
7 พระเยซูตอบมารว่า “แต่พระคัมภีร์ก็เขียนไว้เหมือนกันว่า ‘อย่าได้ลองดีกับองค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของเจ้า’”[c]
8 อีกครั้งหนึ่ง มารนำพระเยซูไปที่ภูเขาที่สูงที่สุด เพื่อพระองค์จะได้เห็นอาณาจักรในโลกทั้งหมดและความเจริญรุ่งเรืองของพวกมัน 9 แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้ากราบไหว้บูชาเรา เราก็จะยกทั้งหมดที่เห็นนี้ให้”
10 พระเยซูจึงตอบว่า “ไปให้พ้น ไอ้ซาตาน เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘เจ้าจะต้องกราบไหว้บูชาองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า
และรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียว’”[d]
11 มารจึงไปจากพระองค์ และเหล่าทูตสวรรค์ก็มารับใช้พระองค์
พระเยซูเริ่มงานในแคว้นกาลิลี
(มก. 1:14-15; ลก. 4:14-15)
12 เมื่อพระเยซูได้ข่าวว่ายอห์นถูกจับขังคุก พระองค์กลับไปที่แคว้นกาลิลี 13 แล้วย้ายจากเมืองนาซาเร็ธ ไปอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม ที่อยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลีในเขตแดนเศบูลุนและ นัฟทาลี 14 เพื่อให้เป็นไปตามที่อิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้พูดว่า
15 “ดินแดนเศบูลุน และดินแดนนัฟทาลี
ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
คือแคว้นกาลิลีซึ่งเป็นที่อยู่ของคนที่ไม่ใช่ยิว
16 คนที่นั่งอยู่ในความมืดได้เห็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่
แสงสว่างก็ได้ส่องมาถึงคนที่อยู่ในดินแดนใต้เงาแห่งความตายนั้นแล้ว”[e]
พระเยซูเลือกศิษย์บางคน
(มก. 1:16-20; ลก. 5:1-11)
17 ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูได้เริ่มประกาศว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว”
18 วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูกำลังเดินอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์มองเห็นพี่น้องสองคนคือ ซีโมนที่คนเรียกว่า เปโตร และอันดรูว์น้องชายของเขา กำลังเหวี่ยงแหจับปลากันอยู่ เพราะพวกเขาเป็นชาวประมง 19 พระองค์พูดกับเขาว่า “ตามเรามาเถอะ เราจะสอนให้จับคนแทนจับปลา” 20 ทั้งสองคนก็ทิ้งแหและติดตามพระองค์ไปทันที
21 เมื่อพระองค์เดินต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็เห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบ ลูกชายของเศเบดี กับยอห์นน้องชายของเขา กำลังซ่อมแซมแหกับพ่อของพวกเขาอยู่ในเรือ แล้วพระองค์เรียกพี่น้องสองคนนี้มา 22 ทั้งยากอบและยอห์นก็เลยลาพ่อและทิ้งเรือ แล้วพวกเขาตามพระองค์ไปทันที
พระเยซูสอนและรักษาประชาชน
(ลก. 6:17-19)
23 พระเยซูเดินทางไปทั่วแคว้นกาลิลี เพื่อสั่งสอนคนตามที่ประชุมชาวยิว และประกาศข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งสวรรค์ให้ทุกคนรู้ นอกจากนี้ยังได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆให้กับคนในเมืองจนหายด้วย 24 ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย ผู้คนแห่กันมาหาพระเยซู เขาพาคนที่เจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานด้วยโรคต่างๆ คนถูกผีสิง คนเป็นลมบ้าหมู และคนเป็นอัมพาตมาด้วย แล้วพระองค์ได้รักษาพวกเขาจนหายหมดทุกคน 25 คนจำนวนมากพากันติดตามพระองค์ มีทั้งคนจากแคว้นกาลิลี แคว้นเดคาโปลิศ[f] เมืองเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย และดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International