M’Cheyne Bible Reading Plan
สิ่งมหัศจรรย์ที่แม่น้ำจอร์แดน
3 เช้าตรู่วันต่อมา โยชูวา กับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ลุกขึ้น และเคลื่อนย้ายออกจากเมืองชิทธิม[a] มาที่แม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ที่นั่นก่อนที่จะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ 2 หลังจากผ่านไปสามวัน พวกผู้นำก็ไปทั่วค่าย 3 และสั่งประชาชนทั้งหมดว่า “เมื่อพวกท่านเห็นพวกนักบวชชาวเลวี แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ก็ให้พวกท่านเคลื่อนย้ายออกจากที่นี่และติดตามไป 4 โดยให้ทิ้งระยะห่างของท่านกับหีบประมาณสองพันศอก อย่าเข้าใกล้หีบของพระเจ้ามากไปกว่านี้ แต่ให้คอยติดตามไปเพื่อจะได้รู้ว่าจะไปทางไหน เพราะพวกท่านไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อน”
5 โยชูวาพูดกับประชาชนทั้งหลายว่า “ชำระตัวของพวกท่านให้บริสุทธิ์ เพราะพรุ่งนี้พระยาห์เวห์จะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆท่ามกลางพวกท่าน”
6 โยชูวาสั่งพวกนักบวชว่า “ให้ยกหีบที่เก็บข้อตกลง และเดินนำประชาชนข้ามแม่น้ำไป” พวกนักบวชจึงได้ยกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้น และเดินนำหน้าประชาชนไป
7 พระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “วันนี้ เราจะเริ่มยกย่องเจ้าต่อหน้าสายตาของชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า เราอยู่กับเจ้าเหมือนกับที่เราอยู่กับโมเสส 8 ให้เจ้าสั่งพวกนักบวชที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้นว่า ‘เมื่อพวกท่านมาถึงริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน ให้หยุดยืนอยู่ในน้ำที่ริมฝั่งนั้น’”
9 โยชูวาพูดกับพวกชาวอิสราเอลว่า “ท่านทั้งหลาย เข้ามาฟังคำพูดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน” 10 แล้วโยชูวาพูดต่อไปอีกว่า “เรื่องนี้จะทำให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าที่มีชีวิตได้อยู่ท่ามกลางพวกท่าน และพระองค์จะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส ออกไปอย่างแน่นอน 11 บัดนี้ หีบที่เก็บข้อตกลงขององค์เจ้าชีวิตแห่งสากลโลก จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปข้างหน้าพวกท่าน 12 ตอนนี้ ให้คัดเลือกชาวอิสราเอลมาสิบสองคนจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เผ่าละหนึ่งคน 13 เมื่อพวกนักบวช ผู้ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งหมด ก้าวเท้าลงไปในแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำที่กำลังไหลลงมานั้นจะถูกตัดขาดเหมือนกับมีเขื่อนกั้นน้ำไว้”
14 เมื่อประชาชนเคลื่อนย้ายออกจากค่ายเพื่อข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกนักบวชที่เป็นผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงก็เดินนำหน้าพวกเขาไป 15 (น้ำในแม่น้ำจอร์แดนล้นตลิ่งเสมอในฤดูเก็บเกี่ยว) แต่ทันทีที่พวกนักบวชผู้ทำหน้าที่แบกหีบนั้นมาถึงแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ก้าวลงไปในน้ำ 16 น้ำที่ไหลลงมาจากข้างบนก็หยุดไหลและกองสูงขึ้นราวกับน้ำที่อยู่หลังเขื่อนตรงเมืองอาดัมที่ตั้งอยู่ข้างๆเมืองศาเรธาน ส่วนน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลอาราบาห์ (ทะเลตาย) นั้นก็ถูกตัดขาดจนเกลี้ยง แล้วประชาชนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยริโคไป 17 พวกนักบวชที่ถือหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ต่างก็ยืนอยู่บนพื้นแห้งกลางแม่น้ำจอร์แดน จนชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปจนหมดสิ้น
ขอให้ความรุ่งเรืองกลับมา
เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้ศิโยนเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม
พวกเราคิดว่าเราฝันไป
2 ตอนนั้นพวกเรามีความสุขมากและโห่ร้องด้วยความยินดี
แม้แต่คนต่างชาติก็ยังพูดว่า “พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนพวกนี้”
3 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่
ให้กับพวกเราและพวกเราได้ฉลองกัน
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยนำความเจริญรุ่งเรืองกลับมาให้กับพวกเราอีกครั้ง
เหมือนฝนนำน้ำมาสู่ลำธารที่แห้งขอดอีกครั้ง
5 ขอให้คนเหล่านั้นที่หว่านพืชพร้อมน้ำตา
ได้เก็บเกี่ยวพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี
6 ขอให้คนเหล่านั้นที่แบกถุงที่ใส่เมล็ดพืชออกไปหว่านในทุ่งด้วยน้ำตา
ได้โห่ร้องยินดีเมื่อแบกฟ่อนข้าวกลับมาเป็นมัดๆ
ของดีทุกอย่างมาจากพระยาห์เวห์
เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร บทเพลงของโซโลโมน
1 ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้สร้างบ้าน
พวกคนสร้างก็เสียเวลาเปล่าๆ
ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ได้เฝ้าดูแลเมืองแล้ว
พวกยามที่เฝ้าเวรอยู่ก็เสียเวลาเปล่าๆ
2 มันเป็นการเหนื่อยเปล่าที่จะตื่นแต่เช้าตรู่
และทำงานหาเลี้ยงชีพจนดึกดื่นเที่ยงคืน
เพราะพระยาห์เวห์จัดหาให้กับคนที่พระองค์รัก
แม้ในขณะที่เขานอนหลับอยู่
3 ลูกชายทั้งหลายเป็นของขวัญมาจากพระยาห์เวห์
เด็กจากครรภ์เป็นรางวัลจากพระเจ้า
4 พวกลูกชายที่เกิดจากพ่อตอนที่เขาเป็นหนุ่ม
เป็นเหมือนพวกลูกศรในมือของนักรบ
5 ชายที่มีลูกชายอยู่เต็มแล่งธนูนั้นถือว่ามีเกียรติจริงๆ
เมื่อเขาต้องประจันหน้ากับพวกผู้กล่าวหาที่ประตูเมือง เขาจะได้ไม่อับอายขายหน้า
คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์จะได้รับพระพร
เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระยาห์เวห์
คือคนที่เดินในหนทางทั้งหลายของพระองค์
2 เจ้าจะได้กินจากผลงานจากมือเจ้า
เจ้าจะมีเกียรติจริงๆและจะเจริญรุ่งเรือง
3 ภรรยาของเจ้าจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่มีลูกดกในบ้านของเจ้า
ส่วนลูกๆที่อยู่รอบโต๊ะอาหารนั้นก็เปรียบเหมือนต้นมะกอกที่ปลูกอยู่ริมธารน้ำ
4 ดังนั้น จำไว้เถิดว่า
ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ จะได้รับพระพรอย่างนั้นแหละ
5 ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้าจากวิหารบนภูเขาศิโยน
ขอให้เจ้ามีความสุขกับความเจริญรุ่งเรืองของเยรูซาเล็มตลอดวันเวลาของเจ้า
6 ขอให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้เห็นหน้าหลานของเจ้า
ขอให้อิสราเอลมีความสงบสุขเถิด
พระยาห์เวห์ลงโทษชนชาติต่างๆ
63 คนยามร้องตะโกนว่า ใครกันนั่นที่กำลังมาจากเอโดม
ใครกันนั่นที่มาจากเมืองโบสราห์ เสื้อผ้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง
ใครกันนั่น แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี
มุ่งหน้ามาด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
พระยาห์เวห์พูดว่า “เป็นเราเอง เราชนะแล้ว เรามีพลังอันเกรียงไกรที่จะช่วยให้เจ้ารอดได้”
2 ทำไมเสื้อผ้าของท่านถึงเปื้อนสีแดง
ทำไมเสื้อผ้าของท่านถึงเหมือนกับคนเหล่านั้นที่เดินย่ำอยู่ในบ่อองุ่น
3 พระองค์ตอบว่า “เราเหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อเพียงคนเดียว
ไม่มีชนชาติไหนช่วยเราเลย
เราเหยียบย่ำพวกชนชาติเหล่านั้นด้วยความโกรธ เราได้บดขยี้พวกมันด้วยความโกรธแค้น
เลือดของพวกมันกระเด็นใส่เสื้อผ้าเรา
เราได้ทำให้เสื้อผ้าของเราเปรอะเปื้อนไปหมด
4 ตอนนั้น เราได้กำหนดวันลงโทษชนชาติต่างๆ
ตอนนั้น ปีที่จะปลดปล่อยคนของเราให้เป็นอิสระได้มาถึงแล้ว
5 เรามองไป แต่ไม่มีใครมาช่วย
เราแปลกใจมากที่ไม่มีใครสนับสนุนเรา
เราก็เลยชนะด้วยแขนอันทรงพลังของเราเอง
ความโกรธของเราเองสนับสนุนเรา
6 เราได้เหยียบย่ำชนชาติต่างๆด้วยความโกรธ
เราได้บดขยี้พวกมัน[a] ด้วยความโกรธแค้น
เราได้เทเลือดของพวกมันลงบนพื้น”
พระยาห์เวห์แสดงความเมตตาต่อคนของพระองค์
7 ผมจะเล่าถึงเรื่องต่างๆที่พระยาห์เวห์ได้แสดงความเมตตากับเรา
เป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญ
เราควรจะสรรเสริญพระองค์สำหรับเรื่องทุกอย่างที่พระองค์ทำเพื่อพวกเรา
สำหรับความดีงามที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อครอบครัวของอิสราเอล
พระองค์ได้แสดงความเมตตาปรานีต่อพวกเรา
พระองค์ได้ช่วยพวกเราด้วยความรักมั่นคงครั้งแล้วครั้งเล่า
8 พระองค์พูดว่า “ใช่แล้ว พวกนี้เป็นคนของเราแน่ เป็นลูกๆที่จะไม่มีวันทรยศเรา”
พระองค์ถึงได้มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา
9 ไม่ใช่ผู้ส่งข่าว ไม่ใช่ทูตสวรรค์
แต่เป็นพระองค์เองที่ช่วยพวกเขาจากความทุกข์ร้อนทั้งหมดของพวกเขา
พระองค์ได้ไถ่พวกเขาไว้เพราะพระองค์รักและสงสารพวกเขา
ในอดีตนั้นพระองค์ยกพวกเขาขึ้นมาอุ้มอยู่เสมอ
10 แต่พวกเขากลับกบฏและทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียใจ
พระองค์จึงกลายเป็นศัตรูของพวกเขา
แล้วพระองค์เองได้ต่อสู้กับพวกเขา
11 ต่อมาพวกเขาก็ได้คิดถึงวันเก่าก่อน
คนของพระองค์ได้คิดถึงโมเสส
พวกเขาคิดในใจว่า พระผู้นั้นที่นำฝูงแกะของพระองค์พร้อมพวกผู้เลี้ยงผ่านทะเลขึ้นมา ไปอยู่ไหนแล้ว
พระผู้นั้นที่ใส่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไว้ในตัวโมเสส
12 และจูงท่านไปด้วยมือที่เต็มไปด้วยพลังและสง่าราศีของพระองค์ หายไปไหนแล้ว
พระผู้นั้นที่แหวกน้ำต่อหน้าพวกเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เองตลอดไป หายไปไหนแล้ว
13 ผู้ที่นำพวกเขาเดินผ่านน้ำลึกไป หายไปไหนแล้ว
พวกเขาไม่ได้สะดุดล้ม พวกเขาเป็นเหมือนม้าที่เดินอยู่ในที่ราบเรียบ
14 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาพักผ่อน
เหมือนกับฝูงวัวที่ลงไปอยู่ในหุบเขาเขียวชอุ่ม
อย่างนี้พระองค์ได้นำคนของพระองค์
เพื่อพระองค์จะได้สร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ให้กับพระองค์เอง
อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ให้ช่วยคนของพระองค์
15 ตอนนี้ขอโปรดมองลงมาจากฟ้าสวรรค์และสังเกตพวกเราสิ
มองลงมาจากบ้านอันศักดิ์สิทธิ์และสง่างามของพระองค์เถิด
ความรักอันร้อนแรงของพระองค์และฤทธิ์อำนาจของพระองค์หายไปไหนหมดแล้ว
ความรักใคร่และความเมตตาปรานีของพระองค์หายไปไหนหมดแล้ว
ทั้งหมดนั้นถูกยั้งไว้จากพวกเรา
16 พระองค์คือพ่อของพวกเรา
ถึงอับราฮัมจะจำพวกเราไม่ได้และอิสราเอลจะบอกว่าไม่รู้จักเรา
แต่พระองค์ พระยาห์เวห์ก็ยังจะเป็นพ่อของพวกเราอยู่ดี
ชื่อของพระองค์ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วคือ “ผู้ปกป้องเรา”
17 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้เราหลงไปจากทางทั้งหลายของพระองค์
และปล่อยให้จิตใจของเราแข็งกระด้างจนไม่ยำเกรงพระองค์
กลับมาเถิด เพื่อช่วยพวกผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อช่วยเผ่าต่างๆซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของพระองค์เอง
18 ชนชาติศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้เป็นเจ้าของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แค่ช่วงสั้นๆ
แต่ตอนนี้ศัตรูของพวกเราได้เหยียบย่ำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว
19 นานมาแล้วที่พวกเราเป็นเหมือนคนพวกนั้นที่พระองค์ไม่ได้ครอบครอง
เหมือนคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เป็นคนของพระองค์
พระเยซูและยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ
(ลก. 7:18-35)
11 เมื่อพระเยซูสั่งพวกศิษย์ทั้งสิบสองคนเสร็จแล้ว พระองค์ก็จากที่นั่นไปประกาศสั่งสอนตามเมืองต่างๆในแคว้นกาลิลี
2 ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำซึ่งอยู่ในคุก ได้ยินข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่พระคริสต์ทำ จึงให้ลูกศิษย์ของเขาไป 3 ถามพระเยซูว่า “ท่านคือคนๆนั้นที่กำลังจะมา หรือเราจะต้องรออีกคนหนึ่งครับ”
4 พระเยซูตอบว่า “กลับไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่คุณได้ยินและได้เห็น คือ 5 คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงก็หาย คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ และคนจนก็ได้ยินข่าวดี 6 คนที่ไม่ทิ้งเราเพราะสิ่งที่เราทำเป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ”
7 เมื่อศิษย์ของยอห์นกลับไปแล้ว พระเยซูเริ่มพูดถึงยอห์นกับฝูงชนว่า “พวกคุณออกไปดูอะไรในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งหรือ 8 ไปดูต้นอ้อ[a] ลู่ตามลมหรืออย่างไร ถ้าไม่ใช่ แล้วออกไปดูอะไรกัน ไปดูคนแต่งตัวหรูหราหรือ ไม่ใช่แน่ เพราะคนที่แต่งตัวหรูหรานั้นอยู่กันในวัง 9 ถ้าอย่างนั้น พวกคุณออกไปดูอะไรกัน ไปดูผู้พูดแทนพระเจ้าใช่ไหม ใช่แล้ว และเราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นนั้นเป็นยิ่งกว่าผู้พูดแทนพระเจ้าเสียอีก 10 เขาเป็นคนที่พระคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า
‘ดูสิ เราจะส่งผู้ส่งข่าวของเรามาก่อนหน้าท่าน
เขาจะไปเตรียมหนทางให้กับท่าน’[b]
11 เราจะบอกให้รู้ว่า ยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกๆคนที่เกิดมาจากผู้หญิง แต่คนที่สำคัญน้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีก 12 นับตั้งแต่ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำมาจนถึงเดี๋ยวนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้รับการข่มเหงอย่างหนักและพวกป่าเถื่อนก็พยายามที่จะปล้นเอาไป 13 พวกผู้พูดแทนพระเจ้ารวมทั้งกฎของโมเสสจนมาถึงสมัยยอห์น ได้บอกให้รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง 14 ถ้าคุณเชื่อพวกเขา คุณจะต้องเชื่อว่า ยอห์นก็คือเอลียาห์ คนที่พวกเขาบอกว่าจะมา 15 ใครที่มีหูก็ฟังเอาไว้ให้ดี
16 เราจะเปรียบคนสมัยนี้เหมือนกับอะไรดี พวกเขาเป็นเหมือนเด็กๆที่นั่งอยู่ที่ตลาด และร้องตะโกนใส่กันว่า
17 ‘เราเป่าปี่ให้ฟัง แต่เธอก็ไม่เต้นตาม
เราร้องเพลงงานศพให้ แต่เธอก็ไม่ทำตัวเศร้าโศก’
18 เมื่อยอห์นมา เขาไม่ได้กินและดื่มเหล้าองุ่นเหมือนคนอื่นๆ คนก็ว่าเขา ‘มีผีสิง’ 19 เมื่อบุตรมนุษย์มา ทั้งกินและดื่ม คนก็พูดว่า ‘ดูไอ้หมอนั่นสิ ทั้งตะกละและขี้เมา แถมยังเป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษี และคนบาปอีกด้วย’ แต่สติปัญญานั้นถูกหรือผิด ก็ดูได้จากผลทั้งหลายของมัน”
พระเยซูเตือนพวกคนที่ไม่ยอมเชื่อ
(ลก. 10:13-15)
20 แล้วพระเยซูก็เริ่มประณามเมืองต่างๆที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ไว้เป็นส่วนใหญ่ เพราะพวกเขาไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียใหม่ 21 พระเยซูพูดว่า “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา[c] เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน[d] คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว 22 เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษานั้น โทษของพวกเจ้าที่อยู่ในสองเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก 23 ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่าเจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก เพราะถ้าการอัศจรรย์ที่เราได้ทำให้เจ้าเห็นนี้ ไปทำที่เมืองโสโดม เมืองนั้นก็คงยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ 24 เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันตัดสินโทษนั้น โทษของเมืองโสโดมก็จะเบากว่าโทษของเจ้าเสียอีก”
พระเยซูให้คนของพระองค์หายเหนื่อยใจ
(ลก. 10:21-22)
25 แล้วพระเยซูก็พูดว่า “พระบิดา ลูกขอขอบคุณพระองค์ ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ปิดบังเรื่องเหล่านี้จากพวกที่มีการศึกษาและพวกเฉลียวฉลาด แต่ได้เปิดเผยให้กับพวกที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆ 26 ใช่แล้ว พระบิดา เพราะนั่นแหละเป็นไปตามความพอใจของพระองค์
27 พระบิดาได้ให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรเลือกที่จะบอกให้รู้เกี่ยวกับพระบิดา
28 เชิญมาสิ ทุกคนที่รู้สึกเหนื่อยใจและแบกภาระหนัก แล้วเราจะให้พวกคุณหายเหนื่อยใจ 29 รับเราเป็นผู้นำชีวิต[e] และเรียนรู้จากเรา เพราะเราอ่อนน้อม และถ่อมสุภาพ แล้วพวกคุณจะได้หายเหนื่อยใจ 30 ชีวิตที่มีเราเป็นผู้นำนั้นสบายๆและภาระที่เราให้นี้ก็เบา”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International