Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 17

ใช้แต่สัตว์ดีๆเป็นเครื่องบูชา

17 ท่านต้องไม่เอาวัวตัวผู้หรือแกะที่มีตำหนิหรือมีสิ่งผิดปกติมาถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเกลียด

การลงโทษคนที่บูชารูปเคารพ

ถ้าเจอว่าในเมืองหนึ่งเมืองใดของท่านที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน มีชายหรือหญิงในหมู่พวกท่านทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของของท่านเห็นว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายและฝ่าฝืนข้อตกลงของพระองค์ คือว่าพวกเขาไปรับใช้พวกพระอื่นๆและกราบไหว้พระพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือดาวดวงต่างๆซึ่งเราไม่ได้สั่งให้ทำอย่างนั้น ถ้ามีคนมารายงานเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ท่านต้องสืบดูให้แน่นอน เมื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง ที่มีคนทำเรื่องชั่วร้ายอย่างนี้ในอิสราเอล ท่านต้องเอาตัวชายหรือหญิงคนนั้น ที่ทำเรื่องชั่วร้ายนี้มาที่ประตูเมือง ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต้องเอาหินขว้างให้ตาย แต่จะต้องมีพยานสองหรือสามคนขึ้นไปถึงจะฆ่าคนๆนั้นได้ แต่ถ้ามีพยานแค่คนเดียวก็ห้ามฆ่าเขา พยานพวกนั้นจะเป็นพวกแรกที่เอาหินขว้างเพื่อฆ่าเขา และตามด้วยประชาชนทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ ท่านจะกำจัดความชั่วร้ายไปจากท่ามกลางพวกท่าน

การตัดสินคดียากๆในศาล

ถ้ามีเรื่องที่ยากเกินกว่าที่ท่านจะตัดสินได้ เช่น การตายนั้นเกิดจากความตั้งใจหรือเป็นอุบัติเหตุ เป็นการฆาตกรรมหรือไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน หรือเป็นเรื่องฟ้องร้องว่าใครเป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือเรื่องการทำร้ายร่างกายกัน เรื่องทะเลาะกัน ที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆของท่าน ท่านต้องไปในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเลือกไว้ ท่านต้องไปหานักบวชที่เป็นชาวเลวีและไปหาผู้ตัดสินที่เข้าเวรอยู่ในตอนนั้น บอกปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วพวกเขาจะตัดสินปัญหานั้นให้ 10 ท่านต้องทำตามสิ่งที่เขาบอกท่าน จากสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกไว้ และท่านต้องทำตามคำสั่งของพวกเขาอย่างระมัดระวัง 11 ท่านต้องทำตามคำแนะนำที่พวกเขาให้กับท่านและยอมรับคำตัดสินที่พวกเขาบอกท่าน ท่านต้องไม่โยกโย้คำตัดสินที่พวกเขาได้ประกาศให้กับท่านไปทางซ้ายหรือทางขวา

12 คนที่เย่อหยิ่งจองหองไม่ยอมเชื่อฟังนักบวชที่ยืนอยู่ที่นั่น ที่คอยรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน หรือไม่ยอมฟังผู้ตัดสิน คนๆนั้นจะต้องตาย ทำอย่างนี้ ท่านจะได้ขจัดความชั่วร้ายออกไปจากอิสราเอลได้ 13 และทุกคนจะได้ยินเรื่องนั้น แล้วจะได้ไม่กล้าเย่อหยิ่งจองหองอีกต่อไป

วิธีเลือกกษัตริย์

14 เมื่อท่านเข้าสู่แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะให้ท่านและยึดมันเป็นเจ้าของแล้ว และได้ตั้งรกรากแล้ว และท่านได้พูดว่า ‘ให้เราตั้งกษัตริย์ปกครองเราเหมือนชนชาติอื่นๆที่อยู่รอบๆเรากันเถอะ’ 15 ท่านต้องแน่ใจว่ากษัตริย์ที่ท่านจะตั้งเหนือท่านนั้นเป็นคนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเลือก กษัตริย์องค์นั้นจะต้องมาจากพี่น้องร่วมชาติของท่านเท่านั้น ห้ามไม่ให้ตั้งคนต่างชาติที่ไม่ใช่พี่น้องร่วมชาติของท่านขึ้นมาเหนือท่าน 16 แต่กษัตริย์องค์นั้นจะต้องไม่สะสมม้ามากมายสำหรับตัวเอง และเขาจะต้องไม่ส่งคนกลับไปซื้อม้า[a]ที่อียิปต์มาเพิ่ม เพราะพระยาห์เวห์พูดกับพวกท่านไว้ว่า ‘พวกท่านจะต้องไม่หวนกลับไปทางนั้นอีก’ 17 เขาต้องไม่มีเมียหลายคน ไม่อย่างนั้นเขาจะหันเหไปจากพระยาห์เวห์ และเขาจะต้องไม่ทำให้ตนเองร่ำรวยด้วยเงินทอง

18 เมื่อเขาขึ้นนั่งบัลลังก์ เขาต้องลอกคำสอนนี้ไว้สำหรับตัวเอง เขียนลงบนม้วนกระดาษจากต้นฉบับคำสอนที่พวกนักบวชชาวเลวีเก็บรักษาไว้ 19 กษัตริย์ต้องเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้กับตัวเขา และเขาต้องอ่านมันตลอดชีวิต เพื่อเขาจะได้เรียนรู้ที่จะเคารพยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และจะได้ทำตามทุกๆคำพูดที่เขียนไว้ในกฎ และข้อบังคับพวกนี้อย่างระมัดระวัง 20 เพื่อเขาจะได้ไม่คิดว่าตัวเขาดีกว่าพี่น้องร่วมชาติของเขา และเพื่อที่เขาจะได้ไม่หันเหจากคำสั่งนั้นไปทางใดทางหนึ่ง เพื่อกษัตริย์องค์นั้นและลูกหลานของเขาจะได้ปกครองเหนืออาณาจักรอิสราเอลไปนานๆ

สดุดี 104

สรรเสริญพระยาห์เวห์พระผู้สร้าง

จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่มาก
พระองค์ปกคลุมไปด้วยรัศมีและบารมี
พระองค์คลุมพระองค์เองด้วยแสงสว่างเหมือนใส่เสื้อคลุม
    พระองค์กางท้องฟ้าออกเหมือนกางเต็นท์
พระองค์สร้างห้องชั้นบนของพระองค์อยู่เหนือเมฆ[a]
    พระองค์ใช้เมฆที่หนาทึบเป็นรถม้าและขี่ข้ามขอบฟ้าไปบนปีกของลม
พระองค์ทำให้สายลมทั้งหลายเป็นพวกผู้ส่งข่าวของพระองค์
    และทำให้เปลวไฟเป็นพวกผู้รับใช้ของพระองค์

พระองค์วางโลกนี้บนรากฐานของมัน
    เพื่อโลกนี้จะได้ไม่เคลื่อนหลุดไป
น้ำลึกคลุมโลกนี้เหมือนกับผ้าห่ม
    น้ำได้ครอบคลุมภูเขาทั้งหลายไว้
เมื่อพระองค์ตะโกน น้ำนั้นก็หนีไป
    เสียงของพระองค์ที่ดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้องทำให้น้ำไหลเชี่ยวไป
ภูเขาทั้งหลายโผล่ขึ้นมา หุบเขาทรุดลงไป
    น้ำก็ไหลไปอยู่ตามที่ที่พระองค์จัดไว้ให้กับมัน
พระองค์กำหนดขอบเขตไว้ไม่ให้น้ำไหลล้นขึ้นมา
    เพื่อมันจะได้ไม่มาครอบคลุมโลกอีก

10 พระองค์ทำให้น้ำไหลออกมาจากตาน้ำลงไปในหุบเขาลึก
    น้ำนั้นก็ไหลไปในระหว่างภูเขา
11 ก่อให้เกิดแหล่งน้ำแก่สัตว์ป่าทั้งหลาย
    แม้แต่พวกลาป่าก็ยังมาดับกระหายที่นั่น
12 พวกนกป่าก็สร้างรังขึ้นริมน้ำ
    และส่งเสียงร้องตามกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ๆนั้น
13 พระองค์ให้น้ำกับภูเขาทั้งหลายจากน้ำที่อยู่ในห้องชั้นบนของพระองค์
    แผ่นดินโลกจึงเต็มอิ่มไปด้วยผลงานจากน้ำมือของพระองค์

14 พระองค์ทำให้ต้นหญ้างอกงามเพื่อเป็นอาหารแก่สัตว์ทั้งหลาย
    และให้พืชพันธุ์กับมนุษย์มาเพาะปลูก
    เพื่อพวกเขาจะได้ผลิตอาหารจากผืนดิน
15 รวมถึงเหล้าองุ่นที่ทำให้พวกเขาสุขใจ
    น้ำมันที่ทำให้ใบหน้าผ่องใส
    และขนมปังที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง
16 พวกต้นไม้ของพระยาห์เวห์ ต่างก็อิ่มเอิบด้วยน้ำ
    รวมถึงพวกต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอนที่พระองค์ปลูกไว้
17 พวกนกกระจอกก็ได้มาทำรังที่นั่น
    ส่วนนกกระสาก็เอาต้นสนสามใบมาเป็นบ้านของมัน
18 ภูเขาสูงทั้งหลายคือบ้านของบรรดาแพะภูเขา
    ในขณะที่หินผาคือที่ลี้ภัยของพวกตัวไฮแรกซ์[b]
19 พระองค์สร้างดวงจันทร์ขึ้นมาเพื่อกำหนดเดือน
    และดวงอาทิตย์ก็รู้เวลาตกของมัน
20 พระองค์สร้างความมืดเพื่อจะได้มีกลางคืน
    เพื่อให้สัตว์ป่าออกมาหากินกัน
21 พวกสิงห์หนุ่มคำรามในขณะที่ล่าเหยื่อ
    แสวงหาอาหารที่พระเจ้าประทานให้
22 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
    พวกสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนก็กลับรังนอน
23 แล้วผู้คนก็ออกไปทำมาหากิน
    และพวกเขาก็ทำงานจนถึงตอนเย็น

24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมามากมายเหลือเกิน
    พระองค์ใช้สติปัญญาสร้างพวกมันแต่ละอย่าง
    แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆที่พระองค์สร้างขึ้น
25 ดูอย่างทะเลสิ มันใหญ่โตและกว้างขวาง
    เต็มไปด้วยบรรดาสัตว์น้อยใหญ่มากมายจนนับไม่ถ้วน
26 พวกเรือต่างแล่นไปบนผิวน้ำของมัน
    และที่นั่นมีเลวีอาธาน[c]สัตว์ทะเลขนาดใหญ่ ที่พระองค์สร้างขึ้นให้มาแหวกว่ายเล่นอยู่ในทะเลลึก

27 สัตว์ทุกตัวพึ่งพาพระองค์
    เพื่อรับส่วนแบ่งอาหารของมันตามเวลาที่กำหนดไว้
28 เมื่อพระองค์ให้ พวกมันก็เก็บรวบรวม
    เมื่อพระองค์แบมือออกเลี้ยงพวกมัน
    พวกมันต่างก็อิ่มหนำสำราญด้วยสิ่งดีๆมากมาย
29 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พระองค์ซ่อนหน้าไปจากพวกมัน พวกมันจะพากันหวาดกลัว
    เมื่อพระองค์เอาลมหายใจไปจากพวกมัน พวกมันก็จะตายและกลับไปสู่ดิน
30 แต่เมื่อพระองค์ส่งลมหายใจที่ให้ชีวิตของพระองค์มา สัตว์ต่างๆเหล่านั้นก็ถูกสร้างขึ้น
    และพระองค์ก็ให้ชีวิตใหม่กับแผ่นดินโลก
31 ขอให้บารมีของพระยาห์เวห์คงอยู่ตลอดไป
    ขอให้พระองค์มีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นที่พระองค์สร้างขึ้นมา
32 เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พระองค์จ้องเขม็งไปยังโลก โลกก็สั่นคลอน
    และเมื่อพระองค์ตีภูเขาทั้งหลาย ควันก็พวยพลุ่งขึ้นมาจากภูเขาเหล่านั้น
33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้าตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังคงอยู่
34 ขอให้พระองค์ชื่นชมคำพูดเหล่านี้ของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าชื่นชมพระยาห์เวห์
35 ขอให้พวกคนบาปถูกกำจัดให้หมดไปจากโลกนี้
    ขอให้พวกคนชั่วไม่มีตัวตนอีกต่อไป
จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระยาห์เวห์
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

อิสยาห์ 44

พระยาห์เวห์จะอวยพรอิสราเอล

44 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ยาโคบ ผู้รับใช้ของเรา
    อิสราเอล ผู้ที่เราเลือกมา ตอนนี้ฟังให้ดี’
พระยาห์เวห์ผู้ที่สร้างเจ้าขึ้นมานั้น
    ผู้ที่ปั้นเจ้าตอนอยู่ในครรภ์ ผู้ที่จะช่วยเจ้า พูดอย่างนี้ว่า
‘ยาโคบ ผู้รับใช้ของเรา
    เยชุรูน[a] ผู้ที่เราเลือกมาไม่ต้องกลัว
เพราะเราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย
    และให้ลำธารต่างๆไหลบนดินแห้ง
เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนลูกหลานของเจ้า
    และเทพระพรของเราลงบนลูกๆของเจ้า
พวกเขาจะงอกขึ้นมาเหมือนกับต้นป๊อปลาร์สีเขียว
    และเหมือนพวกต้นหลิวที่ขึ้นอยู่ตามลำธาร’
คนหนึ่งจะบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า ‘เราเป็นของพระยาห์เวห์’
    และอีกคนหนึ่งก็จะบอกว่า ‘ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของยาโคบ’
และอีกคนหนึ่งจะเขียนลงบนมือของเขาว่า ‘ของพระยาห์เวห์’
    และตั้งนามสกุลว่า ‘อิสราเอล’”

พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้

พระยาห์เวห์ผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
    พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ปกป้องอิสราเอลพูดอย่างนี้ว่า
“เราเป็นผู้แรกและผู้สุดท้าย
    นอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นอีก
พระไหนเป็นเหมือนเรา ก็ให้พระนั้นพูดออกมาและประกาศออกมา
    และให้แสดงหลักฐานต่อหน้าเรา
ใครได้ทำนายนานแสนนานมาแล้วถึงสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น
    ก็ให้พระพวกนั้นออกมาบอกพวกเราถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องขวัญผวา
    เราได้บอกเจ้าตั้งแต่สมัยโบราณแล้วไม่ใช่หรือ เราได้ทำนายว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่หรือ
    เจ้าก็เป็นพยานให้กับเราได้
นอกจากเราแล้วยังมีพระเจ้าอื่นอีกหรือ
    เราไม่เห็นรู้จักเลย ไม่มีหิน[b] หลบภัยอื่นนอกจากเราอีกแล้ว”

พวกรูปเคารพไม่มีประโยชน์

คนพวกนั้นทั้งหมดที่ทำรูปเคารพต่างๆขึ้นมาก็ไม่มีค่าอะไรเลย และรูปเคารพที่พวกเขาชื่นชอบนักหนาก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกที่นมัสการรูปเคารพนั้นก็เป็นพยานให้กับพวกรูปเคารพนั้น คนที่นมัสการรูปเคารพนั้นก็มองไม่เห็นและไม่เข้าใจ ดังนั้นพวกเขาจะได้รับความอับอาย 10 ใครจะไปปั้นพระหรือหล่อรูปเคารพที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ 11 ดูสิ พวกนั้นทั้งหมดที่นับถือรูปเคารพจะต้องอับอาย พวกช่างฝีมือที่สร้างมันก็เป็นแค่มนุษย์ ให้พวกเขาชุมนุมกันทุกคนและยืนขึ้นสู้คดี พวกเขาก็จะต้องขวัญผวาและอับอายขายหน้าไป

12 ช่างเหล็กก็ตัดเหล็กเอามาทำให้ร้อนบนไฟและเขาใช้ค้อนตีขึ้นรูปและทำงานกับเหล็กนั้นด้วยแขนอันแข็งแกร่งของเขา แต่เมื่อเขาหิว เขาก็จะหมดแรงไป ถ้าเขาไม่ดื่มน้ำเขาก็จะอ่อนเปลี้ยไป 13 ช่างไม้ก็ขึงเชือกวัดและใช้ปากกาเหล็ก และวงเวียนขีดเขียนเป็นรูปร่างขึ้นมา และเขาก็แกะสลักมันด้วยเครื่องมือแกะสลัก เขาสร้างมันขึ้นมาเหมือนรูปร่างคน และมีความสวยงามของมนุษย์ แล้วเอามันไปตั้งไว้ในศาลเจ้า 14 เขาไปตัดต้นสนซีดาร์ หรือไม่ก็ไปเลือกต้นโฮม์หรือต้นโอ๊ก เขาปล่อยให้ต้นไม้โตขึ้นตามลำพังท่ามกลางไม้อื่นๆในป่า เขาปลูกต้นสนซีดาร์และฝนก็ทำให้มันสูงขึ้น 15 และเมื่อถึงเวลาที่จะเอามันมาทำฟืนให้กับมนุษย์ เขาก็เอาไม้นั้นมาส่วนหนึ่ง มาเผาให้ความอบอุ่นกับตัวเอง เอามาก่อไฟและอบขนมปังและเขาก็เอาอีกส่วนหนึ่งมาสร้างเป็นพระและนมัสการมัน เขาแกะสลักรูปเคารพขึ้นมาและกราบไหว้อยู่ต่อหน้ามัน 16 เขาเอาไม้ครึ่งหนึ่งมาเผาไฟและย่างเนื้อบนมัน เอามากินจนอิ่มหนำสำราญและผิงไฟนั้นให้ร่างกายอบอุ่น และพูดว่า “ข้าอุ่นจัง ขณะที่ดูไฟนี้” 17 และไม้ที่เหลือก็เอามาสร้างเป็นพระ ให้เป็นรูปเคารพของเขา และเขาก็ก้มกราบและนมัสการมัน แถมเขาได้อธิษฐานกับมันว่า “ช่วยกู้ชีวิตข้าด้วย เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้า”

18 พวกเขาไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ ตาของพวกเขาปิดสนิท เขาจึงมองอะไรไม่เห็น และจิตใจของเขาก็เหมือนกันเขาก็เลยไม่เข้าใจ 19 ไม่มีใครหยุดพิจารณา และพวกเขาก็ไม่มีความรู้ หรือความคิดแยกแยะ ที่จะพูดว่า “ข้าเผาไม้ครึ่งหนึ่งในไฟ และอบขนมปังบนมัน ข้าย่างเนื้อและกินเนื้อนั้น แล้วต่อไปข้าควรจะเอาไม้ที่เหลือมาสร้างสิ่งที่น่าขยะแขยงนี้หรือเปล่า ข้าควรจะก้มลงกราบต่อหน้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งหรือเปล่า” 20 มันเหมือนกับการเลี้ยงสัตว์ด้วยขี้เถ้า จิตใจที่หลอกลวงของเขาได้นำเขาให้หลงทางไป เขาไม่สามารถช่วยกู้ตัวเองได้ หรือพูดว่า “สิ่งนี้ที่อยู่ในมือขวาของข้าเป็นเรื่องหลอกลวงไม่ใช่หรือ”

พระยาห์เวห์ไถ่อิสราเอล

21 พระยาห์เวห์พูดว่า “ยาโคบเอ๋ย จำเรื่องพวกนี้ไว้ให้ดี
    อิสราเอลเอ๋ย จำเรื่องพวกนี้ให้ดี เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้ปั้นเจ้าขึ้นมา เจ้าคือผู้รับใช้ของเรา
    อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่มีวันลืมเจ้า
22 เราได้กวาดการกบฏของเจ้าทิ้งไปเหมือนลมพัดเมฆไป
    และกวาดความบาปของเจ้าทิ้งไปเหมือนหมอกปลิวไป
    กลับมาหาเราเถิด เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”

23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย ร้องเพลงเถิด
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ส่วนลึกที่สุดของโลกเอ๋ย โห่ร้องเถิด
    ภูเขา ป่าไม้ และต้นไม้ทั้งหลายเอ๋ย ระเบิดเสียงเพลงออกมาเลย
เพราะพระยาห์เวห์ได้ไถ่ยาโคบแล้ว
    และพระองค์ได้เสริมบารมีของพระองค์โดยช่วยอิสราเอล
24 พระยาห์เวห์ผู้ไถ่เจ้า ผู้ปั้นเจ้าในครรภ์
    พูดไว้ว่าอย่างนี้
    “เราคือยาห์เวห์ ผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
เราได้ขึงท้องฟ้านี้ออกแต่เพียงผู้เดียว
    เราได้กางแผ่นดินออกด้วยตัวเราเอง
25 เราคือผู้ที่ทำให้คำทำนายของพวกนักต้มตุ๋นผิดเพี้ยนไป
    และทำให้พวกหมอดูกลายเป็นตัวตลกโง่ๆไป
และเราเป็นผู้ที่ทำให้คนฉลาดหัวหมุน
    และทำให้ความรู้ของเขานั้นโง่เขลาไป
26 แต่เราทำให้คำพูดของผู้รับใช้เราเกิดขึ้นจริง
    และทำให้คำทำนายของพวกทูตของเราสำเร็จผล
เราพูดถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนมาอาศัยอยู่ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง’
    และเราก็พูดถึงเมืองต่างๆของยูดาห์ว่า
    ‘พวกมันจะถูกสร้างขึ้นใหม่’
และเราพูดถึงซากปรักหักพังของเยรูซาเล็มว่า
    ‘เราจะยกซากปรักหักพังเหล่านั้นขึ้นมาใหม่’
27 เราพูดกับมหาสมุทรว่า ‘เหือดแห้งไปซะ’
    เราจะทำให้แม่น้ำทั้งหลายของเจ้าเหือดแห้งไป
28 เราพูดถึงไซรัส[c] ว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา
    เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากให้เขาทำ’
ไซรัสจะพูดถึงเยรูซาเล็มว่า ‘ให้สร้างมันขึ้นมาใหม่’
    และพูดถึงพระวิหารว่า ‘ให้วางฐานรากของมันขึ้นมาใหม่’”

วิวรณ์ 14

ลูกแกะและคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนของพระองค์

14 หลังจากนั้นผมมองไปข้างหน้า เห็นลูกแกะยืนอยู่ที่ภูเขาศิโยน[a] พร้อมกับคนจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ที่มีชื่อของพระองค์และชื่อของพระบิดาของพระองค์เขียนอยู่บนหน้าผาก และผมได้ยินเสียงจากสวรรค์ เหมือนเสียงน้ำตก หรือเหมือนเสียงฟ้าร้อง เสียงที่ผมได้ยินนั้นเหมือนเสียงของพวกนักดนตรีกำลังดีดพิณอยู่ พวกเขากำลังร้องเพลงบทใหม่ต่อหน้าบัลลังก์ ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพวกผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถร้องเพลงบทใหม่นี้ได้ นอกจากคนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนจากแผ่นดินโลกที่พระองค์ได้ซื้อให้เป็นอิสระนั้น คนพวกนี้ไม่เคยแปดเปื้อนจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง เพราะคนพวกนี้เป็นพวกพรหมจรรย์ พวกเขาติดตามลูกแกะไปทุกหนทุกแห่ง พระองค์ได้ซื้อพวกเขาจากคนทั้งหลายบนโลก และพวกเขาเป็นของพระเจ้าและของลูกแกะ เหมือนกับพืชผลที่ได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งแรกที่เอามาบูชาพระเจ้า พวกเขาไม่พูดโกหก และไม่มีที่ติเลย

ทูตสวรรค์สามองค์

แล้วผมเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะเหินเดินอากาศอยู่ ทูตสวรรค์องค์นั้นมีข่าวดีที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงที่จะประกาศให้กับคนในโลก ทุกชนชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษา และทุกเชื้อชาติ ทูตสวรรค์นั้นพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ให้เกรงกลัวพระเจ้า และสรรเสริญพระองค์ เพราะเวลาของพระองค์ที่จะตัดสินคนทั้งหลายมาถึงแล้ว ดังนั้นให้กราบไหว้พระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และแหล่งน้ำทั้งหลาย”

จากนั้นทูตสวรรค์องค์ที่สองได้ตามทูตสวรรค์องค์แรกไป และประกาศว่า “บาบิโลน[b] เมืองอันยิ่งใหญ่ได้ถูกทำลายจนล่มจมแล้ว เมืองที่ทำให้ทุกๆชนชาติดื่มเหล้าองุ่นที่ทำให้เกิดความใคร่ไปทำบาปทางเพศกับเธอ”

แล้วทูตสวรรค์องค์ที่สามก็ตามทูตสวรรค์สององค์แรกมา และประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าคนไหนบูชาสัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และมีเครื่องหมายของมันอยู่บนหน้าผากหรือบนมือ 10 คนนั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความโกรธของพระเจ้า ที่ได้เทไว้เต็มถ้วยแห่งความโกรธของพระองค์ และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟกำมะถัน ต่อหน้าพวกทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และต่อหน้าลูกแกะ 11 ควันแห่งการทรมานคนพวกนั้นก็จะลอยขึ้นตลอดเวลาและตลอดไป คนที่กราบไหว้สัตว์ร้ายและรูปปั้นของมัน และคนที่ได้รับเครื่องหมายแทนชื่อมัน จะไม่มีวันได้หยุดพักจากการทรมานเลยทั้งกลางวันกลางคืน 12 ถ้าอย่างนั้นคนของพระเจ้าคือคนพวกนั้นที่รักษากฎปฏิบัติของพระเจ้าและไว้วางใจในพระเยซู จะต้องมีความทรหดอดทน”

13 หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงจากสวรรค์พูดว่า “ให้เขียนว่า คนที่ตายในองค์เจ้าชีวิตหลังจากนี้ไป จะมีเกียรติ”

พระวิญญาณพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นความจริง พวกเขาจะได้หยุดพักจากงานหนักของเขา พระองค์จะไม่ลืมงานต่างๆที่เขาได้ทำนั้น”

การเก็บเกี่ยวพืชผลแผ่นดินโลก

14 แล้วคุณเชื่อไหม ผมก็มองไปเห็นเมฆสีขาว และมีผู้หนึ่งดูเหมือนกับบุตรมนุษย์นั่งอยู่บนเมฆนั้น บนศีรษะมีมงกุฎทองคำ และในมือถือเคียวที่คมกริบ 15 แล้วทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากวิหาร และเรียกผู้ที่นั่งอยู่บนเมฆด้วยเสียงอันดังว่า “ใช้เคียวของพระองค์เก็บเกี่ยว เพราะถึงเวลาของการเก็บเกี่ยวเสียที พืชผลบนโลกนั้นสุกงอมแล้ว” 16 ดังนั้นผู้ที่นั่งบนเมฆจึงตวัดเคียวลงบนแผ่นดินโลกและพืชผลบนโลกก็ถูกเก็บเกี่ยว

17 จากนั้นก็มีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากวิหารบนสวรรค์ ถือเคียวที่คมกริบเช่นกัน 18 มีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งที่มีฤทธิ์อำนาจเหนือไฟออกมาจากแท่นบูชา ท่านได้ร้องบอกทูตสวรรค์องค์ที่ถือเคียวคมกริบนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “ใช้เคียวของท่านเก็บเกี่ยวพวงองุ่นเหล่านั้นจากเถาบนแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นเหล่านั้นสุกแล้ว” 19 ดังนั้นทูตสวรรค์องค์ที่มีเคียว จึงเกี่ยวลงบนแผ่นดินโลก และรวบรวมพวงองุ่นเหล่านั้นทิ้งลงไปในบ่อย่ำองุ่นขนาดใหญ่แห่งความโกรธของพระเจ้า 20 ผลองุ่นเหล่านั้นถูกเหยียบย่ำอยู่ในบ่อย่ำองุ่นนอกเมือง มีเลือดไหลทะลักออกจากบ่อย่ำองุ่น มันสูงถึงบังเหียนม้า มันไหลนองไปเป็นระยะทางสามร้อยกิโลเมตร

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International