M’Cheyne Bible Reading Plan
32 “ฟ้าเอ๋ย ช่วยฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูด
แผ่นดินเอ๋ย ช่วยฟังคำพูดจากปากข้าพเจ้า
2 คำสอนข้าพเจ้า จะตกลงมาเหมือนฝน
คำพูดข้าพเจ้า จะลงมาเหมือนหมอก
เหมือนสายฝนพรำๆบนหญ้าอ่อน
เหมือนหยาดฝนบนพืชเกิดใหม่
3 เพราะข้าพเจ้าจะประกาศชื่อของพระยาห์เวห์
สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา
4 พระศิลา[a] งานของพระองค์สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
ทางทุกทางของพระองค์ถูกต้อง
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์ไม่เคยทำผิด
พระเจ้าเที่ยงตรง พระองค์ไว้วางใจได้
5 พวกเจ้าไม่ได้เป็นลูกหลานของพระองค์
เพราะความผิดของพวกเจ้า
พวกเจ้าได้ทำผิดต่อพระองค์ พวกคนหลอกลวงและเจ้าเล่ห์
6 พวกเจ้าจะตอบแทนพระยาห์เวห์ด้วยวิธีนี้หรือ
พวกคนโง่และไร้สาระ
พระองค์ไม่ใช่พ่อของเจ้าผู้ที่สร้างเจ้ามาหรือ
พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่สร้างเจ้าและทำให้เจ้าเกิดมาเป็นชนชาติหนึ่งหรือ
7 จำวันเก่าๆเหล่านั้นไว้
คิดถึงปีที่คนรุ่นก่อนๆได้ผ่านมา
ถามพ่อของเจ้าและเขาจะบอกเจ้า
ถามผู้นำอาวุโสของเจ้าและพวกเขาจะบอกเจ้าเกี่ยวกับอดีต
8 เมื่อพระเจ้าผู้สูงสุดแบ่งชนชาติออก
เมื่อพระองค์แบ่งแยกเชื้อชาติมนุษย์
พระองค์กำหนดเขตแดนของประชาชน
ให้เท่าเทียมกับจำนวนทูตสวรรค์ที่มีอยู่[b]
9 แต่ส่วนแบ่งของพระยาห์เวห์คือประชาชนของพระองค์
ยาโคบคือส่วนแบ่งของพระองค์
10 พระองค์พบเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ร้าง และลมแรง
พระองค์อยู่รอบๆตัวเขาและดูแลเขา
พระองค์ปกป้องเขาเหมือนแก้วตาของพระองค์
11 เหมือนนกอินทรีที่คอยขยับรัง[c] ของมัน
และบินโฉบไปที่ลูกของมัน
ดังนั้น พระยาห์เวห์กางปีกของพระองค์ออกและจับพวกเขาไว้
และแบกพวกเขาไว้บนปีกของพระองค์
12 พระยาห์เวห์เท่านั้นที่นำพวกเขาผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ไม่มีพระอื่นใดที่มาช่วยพระองค์
13 พระองค์ทำให้ยาโคบมีอำนาจเหนือพื้นที่ในแถบภูเขา
และเลี้ยงเขาด้วยพืชผลในไร่นา
พระองค์ได้ให้เขาดูดน้ำเชื่อมผลไม้จากก้อนหิน
และน้ำมันมะกอกจากหินแข็ง
14 พระยาห์เวห์ได้ให้เนยจากวัวและนมจากแพะ
กับไขมันจากลูกแกะและแกะตัวผู้
ฝูงวัวจากบาชานและแพะตัวผู้กับข้าวสาลีที่ดีที่สุด
และพวกเจ้าได้ดื่มเหล้าองุ่นหมักเลือดขององุ่น
15 แต่เยชุรุน[d] อ้วนขึ้นและเริ่มเตะเจ้าของ
เจ้าเริ่มอ้วน หนาและตะกละ
เยชุรูนทอดทิ้งพระเจ้าที่สร้างเขาขึ้นมา
และเขาไม่ให้เกียรติพระศิลาที่ช่วยชีวิตเขา
16 พวกเขาทำให้พระองค์หึงหวงด้วยพระแปลกหน้า
พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยรูปเคารพที่น่ารังเกียจ
17 พวกเขาบูชาวิญญาณที่ไม่ใช่พระเจ้า
พวกเขาบูชาพระที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน
เป็นพระใหม่ มาถึงไม่นาน
บรรพบุรุษของเจ้าไม่เคยเคารพยำเกรงพระเหล่านั้นมาก่อน
18 เจ้าลืมพระศิลาที่ให้กำเนิดเจ้า
เจ้าลืมพระเจ้าที่คลอดเจ้ามาด้วยความเจ็บปวด
19 พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และทอดทิ้งพวกเขา
เพราะลูกชายและลูกสาวของพระองค์ทำให้พระองค์โกรธ
20 และพระองค์พูดว่า ‘เราจะหลบหน้าจากพวกเขา
เราเห็นจุดจบของพวกเขา
เพราะพวกเขาคือคนอกตัญญู
เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์
21 พวกเขาทำให้เราหึงหวงด้วยพวกนั้นที่ไม่ใช่พระเจ้า
พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพที่ไร้ค่าของเขา
ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขาหึงหวงด้วยพวกที่ไม่ใช่ชนชาติ
เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยชนชาติที่โง่เขลา
22 เพราะไฟได้จุดขึ้นแล้วจากความโกรธของเรา
และมันจะเผาลงไปถึงหลุมฝังศพ[e]
และมันจะเผาไหม้แผ่นดินและพืชผลของมัน
และมันจะเผาไหม้ลึกลงไปถึงรากของภูเขา
23 เราจะสุมความทุกข์ยากทั้งหลายบนพวกเขา
เราจะใช้ลูกธนูทั้งหมดยิงใส่พวกเขา
24 พวกเขาจะอ่อนแอจากความหิวโหย
และถูกทำลายด้วยเชื้อโรคที่น่ากลัว
และโรคระบาดที่รุนแรง
และเราจะส่งสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขาพร้อมกับงูพิษ
25 พวกทหารจะฆ่าพวกเขาบนถนน
และความกลัวจะฆ่าพวกเขาในห้องนอน
คนหนุ่มสาวจะตาย
รวมทั้งเด็กๆและคนแก่
26 เราเคยพูดว่า “เราจะทำลายพวกเขา
เราจะกวาดล้างพวกเขาจนหมดสิ้น
27 แต่เรากลัวว่าศัตรูของพวกเขาจะทำให้เราโกรธ
เพราะเข้าใจผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น
กลัวศัตรูพวกเขาจะพูดว่า ‘พวกเราชนะด้วยอำนาจของพวกเราเอง
พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำอะไรเลย’”
28 เพราะพวกเขา[f] คือชาติที่ไม่มีที่ปรึกษา
และพวกเขาไม่มีความเข้าใจ
29 ถ้าพวกเขาฉลาด เขาจะเข้าใจในสิ่งนี้
พวกเขาจะคิดถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเขา
30 คนๆหนึ่งจะไล่คนหนึ่งพันคนได้อย่างไร
และคนสองคนจะทำให้คนหนึ่งหมื่นคนวิ่งหนีไปได้อย่างไร
นอกจากพระศิลาของชาวอิสราเอลได้ขายพวกเขาไปแล้ว
นอกจากพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไป
31 เพราะศิลาของพวกเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา
และผู้ปกป้องของศัตรูเราก็ไม่เข้มแข็งเท่ากับพระศิลาของพวกเรา
32 ใช่แล้ว องุ่นของพวกเขามาจากองุ่นที่เก็บไว้ของโสโดม
และไร่องุ่นของโกโมราห์
องุ่นของพวกเขาเป็นองุ่นที่มีพิษ
เถาองุ่นของพวกเขาจะมีรสขม
33 เหล้าองุ่นของพวกเขาเป็นเหมือนพิษงู
เป็นพิษงูเห่าที่ร้ายแรงถึงตาย
34 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้เก็บเหล้าองุ่นนี้ไว้
มันถูกเก็บอยู่ในโรงเก็บของเรา’
35 เราจะใช้มันลงโทษพวกเขาเอง
และตอบแทนพวกเขาเมื่อเท้าของพวกเขาลื่นไถล
เพราะเวลาแห่งความหายนะล่มจมของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว
การลงโทษพวกเขากำลังจะมาในเร็วๆนี้
36 เมื่อพระองค์เห็นว่าอำนาจของพวกเขาหมดลง
ไม่มีผู้ปกครองและไม่มีผู้ช่วยเหลือ
พระยาห์เวห์ก็จะให้ความยุติธรรมกับประชาชนของพระองค์
และพระองค์จะให้ความเมตตากับผู้รับใช้ของพระองค์
37 พระองค์จึงจะพูดว่า ‘พระของพวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว
หินที่พวกเขาไว้ใจว่าปกป้องพวกเขาได้ อยู่ที่ไหนแล้ว
38 พระที่กินไขมันของเครื่องบูชาของพวกเขา
และดื่มเหล้าองุ่นของเครื่องดื่มบูชาของพวกเขา
ให้พระพวกนั้นลุกขึ้นมาช่วยเจ้าสิ
ให้พวกมันมาปกป้องเจ้าสิ
39 ตอนนี้เห็นแล้วหรือยังว่า เราผู้เดียว เป็นพระเจ้า
ไม่มีพระอื่นนอกจากเรา
เราให้ความตาย เราให้ชีวิต
เราได้ทำให้บาดเจ็บ เราจะรักษา
และไม่มีใครที่จะช่วยให้พ้นจากมือของเราได้
40 ที่จริงแล้ว เราได้ยกมือขึ้นบนสวรรค์
และสัญญาว่า เรามีชีวิตนิรันดร์ฉันใด
สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆฉันนั้น
41 เราก็จะลับดาบของเราให้คมแวววาว
เราจะใช้มันลงโทษศัตรูของเรา คนที่เกลียดเรา
เราจะลงโทษตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
42 ลูกธนูของเราจะอาบไปด้วยเลือดของศัตรู
ดาบของเราจะกินเนื้อหนัง
และเลือดของคนที่ถูกจับมาฆ่า
ดาบของเราจะตัดหัวของผู้นำของศัตรูพวกนั้น’
43 ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ให้แสดงความยินดีกับประชาชนของพระองค์
เพราะพระองค์จะทำโทษคนที่ฆ่าพวกผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์จะลงโทษศัตรูของพระองค์
พระองค์จะชำระแผ่นดินของพระองค์ให้บริสุทธิ์[g]”[h]
โมเสสร้องเพลงให้ประชาชนฟัง
44 แล้วโมเสสก็มาร้องเพลงนี้ให้ประชาชนชาวอิสราเอลฟัง โยชูวาลูกชายของนูนก็อยู่กับโมเสส 45 เมื่อโมเสสพูดคำเหล่านี้ให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟังเสร็จแล้ว 46 โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “ให้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้ ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้บอกกับลูกๆว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำสั่ง เพื่อพวกเขาจะได้ระมัดระวังที่จะเชื่อฟังคำสอนนี้ 47 นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นเรื่องชีวิตของพวกท่าน และผ่านทางคำสอนเหล่านี้ พวกท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของ”
โมเสสบนภูเขาเนโบ
48 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในวันนั้นเองว่า 49 “ขึ้นไปบนเทือกเขาอาบาริม ไปที่เขาเนโบในแผ่นดินของโมอับตรงข้ามเมืองเยริโค และมองดูแผ่นดินคานาอันที่เราได้ให้กับชาวอิสราเอลไว้เป็นสมบัติของพวกเขา 50 เจ้าจะตายบนภูเขานั้นที่เจ้ากำลังจะปีนขึ้นไป และเจ้าจะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้า เหมือนกับอาโรนพี่ชายของเจ้าที่ตายบนภูเขาโฮร์และได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา 51 เพราะเจ้าทั้งสองไม่ซื่อสัตย์กับเราท่ามกลางชาวอิสราเอลที่แหล่งน้ำเมรีบาห์คาเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน และเพราะพวกเจ้าไม่ให้เกียรติเราว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ชาวอิสราเอล 52 ดังนั้นเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินนั้นจากที่ไกลๆ แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังจะยกให้กับชาวอิสราเอล”
ไอเยน
121 ข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
อย่าปล่อยข้าพเจ้าไว้กับคนพวกนั้นที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
122 โปรดรับประกันว่าพระองค์จะดูแลข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
อย่าปล่อยให้คนหยิ่งยโสพวกนั้นกดขี่ข่มเหงข้าพเจ้าเลย
123 ดวงตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าเพราะเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่พระองค์จะมาช่วยเสียที
และเฝ้าคอยความยุติธรรมที่พระองค์สัญญาว่าจะให้
124 ได้โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
และสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
125 ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์โปรดให้ความเฉลียวฉลาดกับข้าพเจ้า
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เข้าใจกฎต่างๆของพระองค์
126 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ถึงเวลาที่พระองค์จะทำอะไรสักอย่างแล้ว
เพราะผู้คนกำลังฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระองค์
127 แน่นอนข้าพเจ้ารักบัญญัติต่างๆของพระองค์
มากกว่าทองคำและรักยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์เสียอีก
128 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทำตามคำสั่งต่างๆของพระองค์
และเกลียดชังการกระทำที่หลอกลวงทั้งปวง
เพ
129 กฎต่างๆของพระองค์นั้นน่าทึ่ง
ดังนั้นข้าพเจ้าทำตามกฎเหล่านั้น
130 คำอธิบายในเรื่องที่เกี่ยวกับคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์
ให้ความกระจ่างแจ้งกับผู้คนและให้ความเข้าใจกับคนที่อ่อนต่อโลก
131 ข้าพเจ้าอ้าปากหอบ
เพราะข้าพเจ้ากระหายที่จะเรียนรู้บัญญัติต่างๆของพระองค์
132 โปรดหันมาเมตตาต่อข้าพเจ้า
เหมือนกับที่พระองค์ทำเป็นประจำกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ด้วยเถิด
133 โปรดนำทางข้าพเจ้าตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
โปรดอย่าให้ความชั่วใดๆมีอำนาจเหนือข้าพเจ้า
134 โปรดช่วยไถ่ข้าพเจ้าจากคนทั้งหลายที่กดขี่ข่มเหงข้าพเจ้า
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
135 โปรดให้ใบหน้าของพระองค์ส่องลงมายังข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์
และสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
136 น้ำตาไหลนองเป็นสายธารบนใบหน้าของข้าพเจ้า
เพราะไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์
ซาเด
137 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระองค์นั้นยุติธรรมและกฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์นั้นเที่ยงตรง
138 พระองค์ให้กฎต่างๆที่ยุติธรรม
พวกเราสามารถไว้วางใจมันได้อย่างเต็มที่
139 ความร้อนรนเผาผลาญข้าพเจ้าอยู่
เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้าลืมคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์เสียแล้ว
140 คำสัญญาทั้งหลายของพระองค์ได้รับการพิสูจน์อย่างถี่ถ้วนแล้ว
ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์จึงรักคำพูดพวกนั้นของพระองค์
141 ข้าพเจ้าอาจจะยังหนุ่มและไม่มีใครนับถือ
แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ลืมคำสั่งต่างๆของพระองค์
142 ความยุติธรรมของพระองค์นั้นจะคงอยู่ตลอดไป
และคำสั่งสอนของพระองค์นั้นก็เป็นความจริงและเชื่อถือได้
143 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเจอกับความหายนะและความทุกข์ยาก
แต่บัญญัติต่างๆของพระองค์ก็ยังเป็นความสุขของข้าพเจ้า
144 กฎต่างๆของพระองค์นั้นยุติธรรมเสมอ
โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจพวกมันด้วยเพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตต่อไป
คนของพระเจ้าต้องเปลี่ยนจากทางชั่วร้ายต่างๆ
59 อย่าคิดว่ามือของพระยาห์เวห์สั้นจนช่วยเจ้าไม่ได้
หรือหูของพระองค์ตึงจนไม่ได้ยินเสียงของเจ้า
2 แต่เป็นความผิดบาปทั้งหลายของพวกเจ้าต่างหากที่เป็นอุปสรรคระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า
เป็นพวกบาปของเจ้าที่ทำให้พระองค์ซ่อนหน้าไปจากเจ้า
พระองค์จึงไม่ได้ยินเสียงของเจ้า
3 เพราะมือของเจ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
และนิ้วของเจ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยความผิด
ริมฝีปากของเจ้าพูดโกหก
ลิ้นของเจ้ากระซิบวางแผนทำชั่ว
4 ไม่มีใครเอาเรื่องจริงมาขึ้นศาล
และไม่มีใครเลยพูดความจริงในศาล
ทุกคนพึ่งคำพูดที่ไม่มีหลักฐานและพูดโกหก
พวกเขาตั้งท้องความชั่วร้ายและคลอดความผิดบาปออกมา
5 พวกเขาฟักแผนร้ายเหมือนฟักไข่งู
และทอแผนชั่วอย่างทอใยแมงมุม
ใครที่กินไข่เหล่านั้นของมันก็จะตาย
แล้วถ้าไข่แตกก็จะมีงูพิษออกมา
6 ใยแมงมุมของพวกเขาจะเอามาใช้เป็นเสื้อผ้าก็ไม่ได้
พวกเขาไม่สามารถเอาสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาคลุมตัวได้
งานต่างๆของพวกเขาเป็นงานชั่ว
มือของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ
7 เท้าของพวกเขาวิ่งไปทำชั่ว
พวกเขารีบไปทำให้เลือดของคนบริสุทธิ์หลั่งไหล
ความคิดต่างๆของพวกเขาเป็นความคิดชั่วร้าย
พวกเขาไปถึงที่ไหน ความพินาศและการทำลายก็เกิดขึ้นที่นั่น
8 พวกเขาไม่รู้จักทางที่นำไปสู่สันติสุข
ไม่มีความยุติธรรมในทางของพวกเขา
พวกเขาได้ทำทางของพวกเขาให้คดเคี้ยวไป
ทุกคนที่เดินบนเส้นทางนั้นจะไม่ได้เจอกับสันติสุข
9 อย่างนี้ การตัดสินอย่างยุติธรรมของพระเจ้าจึงอยู่ห่างไกลจากพวกเรา
ความรอดของพระองค์มาไม่ถึงพวกเรา
พวกเรารอคอยแสงสว่าง แต่มีแต่ความมืด
พวกเรารอคอยแสงสว่างจ้า แต่พวกเราต้องเดินอยู่ในความมืดครึ้ม
10 พวกเราเดินคลำไปตามกำแพงเหมือนคนตาบอด
เราคลำหาเหมือนคนไม่มีลูกตา
เราสะดุดล้มในตอนเที่ยงอย่างกับเป็นตอนกลางคืน
ถึงคนอื่นแข็งแรง แต่พวกเราเป็นเหมือนศพ
11 เราทุกคนบ่นเหมือนหมีร้องคราง
และร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขาร้อง
พวกเรารอคอยการตัดสินอันยุติธรรมของพระองค์ แต่มันไม่มาสักที
พวกเรารอคอยความรอด แต่มันห่างไกลจากพวกเรา
12 เพราะการกบฏต่างๆที่เราทำต่อพระองค์นั้นมีมากมาย
และความบาปต่างๆของพวกเราเป็นพยานฟ้องพวกเราเอง
เพราะพวกเรารู้อยู่แก่ใจถึงการกบฏต่างๆของพวกเรา
พวกเรารู้จักความผิดบาปของพวกเราเอง
13 พวกเราได้กบฏต่อพระยาห์เวห์และไม่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
พวกเราได้หันเหไปจากพระเจ้าของพวกเรา
พวกเราได้พูดถึงการกดขี่และการกบฏ
ได้วางแผนด้วยคำพูดหลอกลวงและพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาจากใจ
14 ความยุติธรรมก็เลยถูกไล่กลับไป
ความถูกต้องก็อยู่ห่างไกล
ความจริงสะดุดล้มในลานเมือง
ความสัตย์ซื่อเข้ามาในเมืองไม่ได้
15 ความจริงไม่อยู่แล้ว
แล้วถ้าใครไม่ยอมทำชั่วก็จะถูกโจมตี
พระยาห์เวห์เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วไม่พอใจมาก
เพราะความยุติธรรมไม่มีเลย
16 พระองค์โกรธแค้นที่เห็นว่าไม่มีใครเลย
ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง
แล้วพระองค์จึงใช้แขนอันทรงพลังของพระองค์เพื่อมาช่วยกู้
และความยุติธรรมของพระองค์ทำให้พระองค์ประสบผลสำเร็จ
17 พระองค์สวมความยุติธรรมไว้เป็นเหล็กป้องกันอก
และใส่ฤทธิ์ที่จะช่วยให้รอดเป็นหมวกเหล็ก
พระองค์สวมการแก้แค้นเป็นเสื้อผ้า
ใส่ความเดือดดาลเป็นเสื้อคลุม
18 พระองค์จะตอบแทนศัตรูของพระองค์ตามที่เขาสมควรจะได้รับ
คือผู้ที่ต่อสู้กับพระองค์จะได้รับความโกรธแค้น
พวกศัตรูของพระองค์จะได้รับการลงโทษ
พระองค์จะตอบแทนแผ่นดินตามแถบชายฝั่งทะเลและพวกเกาะตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
19 คนพวกนั้นที่อยู่ทางตะวันตกจึงจะยำเกรงชื่อของพระยาห์เวห์
และพวกที่อยู่ทางตะวันออกจะยำเกรงศักดิ์ศรีของพระองค์
พระองค์จะซัดมาเหมือนแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านช่องแคบและโดนลมของพระยาห์เวห์พัดส่ง
20 พระยาห์เวห์บอกว่าพระองค์จะมาปลดปล่อยศิโยนให้เป็นอิสระ
พระองค์จะมาช่วยกู้คนเหล่านั้นในครอบครัวของยาโคบที่กลับใจจากการกบฏ
21 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตัวเราเองจะให้คำมั่นสัญญากับพวกเขาว่าอย่างนี้ ‘พระวิญญาณของเราที่อยู่ในเจ้า และคำพูดที่เราได้ใส่ไว้ในปากของเจ้า จะไม่พรากไปจากเจ้าหรือลูกๆของเจ้าหรือหลานๆของเจ้า ตั้งแต่นี้ไปจนตลอดกาล’” พระยาห์เวห์สัญญาว่าอย่างนั้น
เรื่องการตัดสินคนอื่น
(ลก. 6:37-38, 41-42)
7 อย่าตัดสินคนอื่นแล้วพระเจ้าจะไม่ตัดสินคุณ 2 เพราะคุณตัดสินคนอื่นอย่างไร พระเจ้าก็จะตัดสินคุณอย่างนั้น คุณใช้วิธีอะไรตัดสินคนอื่น พระเจ้าก็จะใช้วิธีนั้นตัดสินคุณ
3 ทำไมคุณถึงเห็นขี้ผงในตาของพี่น้องคุณ แต่กลับมองไม่เห็นไม้ซุงทั้งท่อนในตาของตัวเอง 4 คุณพูดกับพี่น้องออกมาได้ยังไงว่า ‘เดี๋ยวผมจะเขี่ยขี้ผงออกจากตาให้’ ทั้งๆที่ยังมีไม้ซุงทั้งท่อนอยู่ในตาของคุณเอง 5 ไอ้หน้าซื่อใจคด เอาไม้ซุงออกจากตาของตัวเองก่อน จะได้มองเห็นชัดๆตอนเขี่ยขี้ผงออกจากตาของพี่น้อง
6 อย่าเอาของวิเศษให้กับหมา อย่าโยนไข่มุกให้กับหมู เพราะมันจะเหยียบย่ำของเหล่านั้น และหันกลับมากัดคุณด้วย
ขอพระเจ้าในสิ่งที่คุณขัดสน
(ลก. 11:9-13)
7 ขอสิแล้วจะได้ หาสิแล้วจะพบ เคาะสิแล้วประตูจะเปิดให้ 8 เพราะทุกคนที่ขอก็จะได้ ทุกคนที่หาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะประตูก็จะเปิดให้
9 มีใครบ้างในพวกคุณ ถ้าลูกขอขนมปัง จะเอาก้อนหินให้ 10 หรือถ้าลูกขอปลา จะเอางูพิษให้ 11 ถ้าคนชั่วอย่างพวกคุณยังรู้จักให้ของดีๆกับลูก แล้วพระบิดาที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ยิ่งพร้อมที่จะให้ของดีๆกับคนที่ขอพระองค์หรือ
กฎที่สำคัญที่สุด
12 ดังนั้นให้ทำกับคนอื่นเหมือนกับที่คุณอยากให้คนอื่นทำกับคุณในทุกเรื่อง เพราะกฎปฏิบัติของโมเสส และคำสอนของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ก็สรุปได้อย่างนี้แหละ
ประตูแคบและประตูกว้าง
(ลก. 13:24)
13 เข้าไปทางประตูที่แคบ เพราะประตูกว้างและถนนหนทางที่เดินสบายจะนำไปถึงความพินาศ และมีคนมากมายที่ผ่านเข้าไปทางประตูนั้น 14 ส่วนประตูที่แคบ และถนนที่เดินลำบากจะนำไปถึงชีวิตที่แท้จริง และมีคนน้อยมากที่หาทางนี้เจอ
คนรู้จักคุณได้จากการกระทำ
(ลก. 6:43-44; 13:25-27)
15 ให้ระวังผู้พูดแทนพระเจ้าตัวปลอม[a] ที่มาหาคุณในคราบลูกแกะเชื่องๆแต่ใจนั้นร้ายเหมือนหมาป่า 16 ผลของการกระทำของเขาจะบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ไม่มีใครเก็บองุ่นจากต้นหนาม หรือเก็บลูกมะเดื่อจากพืชที่มีหนามหรอก 17 เหมือนกับที่ต้นไม้ดีย่อมออกผลดี และต้นไม้เลวก็ย่อมออกผลเลว 18 ต้นไม้ดีจะออกผลเลวไม่ได้ และต้นไม้เลวจะออกผลดีไม่ได้ 19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ออกผลดี จะถูกตัดทิ้งและโยนเผาไฟ 20 ดังนั้นจะรู้ว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า ก็ดูจากผลของการกระทำของเขา
21 ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิต องค์เจ้าชีวิต’ แล้วจะได้เข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระบิดาที่อยู่บนสวรรค์เท่านั้น ถึงจะเข้าไปได้ 22 เมื่อถึงวันพิพากษาก็จะมีคนเป็นจำนวนมากบอกกับเราว่า ‘องค์เจ้าชีวิต องค์เจ้าชีวิต พวกเราได้อ้างชื่อของพระองค์เมื่อพูดแทนพระเจ้า เมื่อขับไล่ผีและเมื่อทำสิ่งอัศจรรย์มากมาย’ 23 แต่เราจะบอกพวกเขาว่า ‘เราไม่รู้จักพวกแกเลย ไปให้พ้นไอ้พวกทำชั่ว’
คนฉลาดและคนโง่
(ลก. 6:47-49)
24 คนที่ได้ยินและทำตามคำสอนนี้ของเรา ก็เหมือนกับคนฉลาดที่สร้างบ้านอยู่บนฐานที่เป็นหิน 25 ถึงแม้ฝนจะตกหนัก น้ำจะไหลเชี่ยว และมีลมพายุแรงพัดปะทะตัวบ้าน แต่บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหินที่มั่นคง 26 แต่คนที่ได้ฟังคำสอนเหล่านี้ของเรา แล้วไม่ทำตาม เขาก็เหมือนกับคนโง่ที่สร้างบ้านอยู่บนทราย 27 เมื่อฝนตกหนัก น้ำไหลเชี่ยว และมีลมพายุแรงพัดมาปะทะตัวบ้าน บ้านนั้นก็พังทลายลงอย่างราบคาบ”
28 เมื่อพระเยซูพูดจบ ชาวบ้านก็ทึ่งในคำสอนของพระองค์ 29 เพราะพระองค์สอนเด็ดขาดอย่างผู้มีสิทธิอำนาจไม่เหมือนกับพวกครูสอนกฎปฏิบัติคนอื่นๆ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International