Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 15

ปีแห่งการยกหนี้

15 เมื่อครบทุกๆเจ็ดปี ท่านต้องยกหนี้ต่างๆให้กับลูกหนี้ของท่าน ท่านต้องทำตามวิธีนี้คือ เจ้าหนี้ทุกคนต้องยกหนี้ให้กับเพื่อนบ้านที่เขาให้กู้ยืมไป เขาจะต้องไม่ทวงหนี้คืนจากเพื่อนบ้านหรือญาติของเขา เพราะพระยาห์เวห์บอกให้ยกเลิกหนี้ในปีนั้น ท่านสามารถทวงหนี้คืนจากชาวต่างชาติได้ แต่ท่านต้องยกหนี้ทั้งหมดให้กับพี่น้องของท่าน ไม่ควรจะมีคนจนในหมู่พวกท่านเลย เพราะพระยาห์เวห์จะอวยพรท่านอย่างแน่นอนในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน เพียงแต่ท่านจะต้องเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน โดยทำตามคำสั่งทุกๆข้อที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ อย่างระมัดระวัง เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอวยพรท่านตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ท่านก็จะมีเงินเหลือเฟือให้หลายๆชนชาติกู้ยืม โดยที่ท่านไม่ต้องไปกู้ยืมจากใคร และท่านจะได้ปกครองเหนือหลายๆชนชาติ แต่จะไม่มีใครมาปกครองเหนือท่าน

เมื่อท่านเข้าไปอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านแล้ว ถ้าเกิดมีพี่น้องคนหนึ่งคนใดในเมืองหนึ่งของท่านยากจนขึ้นมา ท่านต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจนคนนั้น ท่านต้องใจกว้างกับเขาและให้เขายืมตามที่เขาจำเป็นต้องใช้

ระวังให้ดีอย่าให้ความคิดชั่วร้ายเข้ามาในจิตใจของท่านที่ว่า ‘มันใกล้จะถึงปีที่เจ็ด ซึ่งเป็นปีแห่งการยกหนี้แล้ว’ ท่านก็เลยมองพี่น้องที่ยากจนคนนั้นอย่างไม่เป็นมิตร เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องช่วยอะไรเขาเลย และเขาจะไปบ่นว่าท่านต่อพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์จะตัดสินว่าท่านผิด

10 ท่านต้องช่วยเขาเท่าที่จะช่วยได้ และเวลาที่ช่วย ท่านต้องไม่มีจิตใจที่ชั่วร้ายด้วย เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะอวยพรการงานทั้งหมดของท่านและทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ 11 เพราะจะมีคนจนอยู่เสมอในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นเราขอสั่งท่านว่า ท่านต้องใจกว้างกับพี่น้องของท่าน และกับคนยากจนและคนที่ขัดสนในแผ่นดินของท่าน

ปล่อยทาสให้เป็นอิสระ

(อพย. 21:2-11)

12 ถ้าพี่น้องชาวฮีบรูคนใด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ได้ขายตัวเองให้กับท่าน คนๆนั้นจะต้องรับใช้ท่านหกปี และในปีที่เจ็ดท่านต้องปล่อยคนๆนั้นให้เป็นอิสระ 13 ตอนที่ท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านต้องไม่ปล่อยให้เขาไปมือเปล่าๆ 14 ท่านต้องใจกว้าง ให้ แกะ ข้าว และเหล้าองุ่นของท่านกับเขาไปด้วย ท่านต้องให้เขาตามขนาดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอวยพรให้ท่าน 15 จำเอาไว้ว่า ท่านก็เคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์มาก่อนเหมือนกัน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ปลดปล่อยให้ท่านเป็นอิสระ นี่เป็นเหตุที่เราถึงได้ให้คำสั่งนี้กับท่านในวันนี้

16 ถ้าทาสพูดกับท่านว่า ‘ผมจะไม่ไปจากท่าน’ เพราะเขารักท่านและครอบครัวของท่าน เพราะเขารู้สึกดีที่ได้อยู่กับท่าน 17 ท่านต้องเอาเหล็กหมาด[a] มาอันหนึ่ง และเอาหูเขาแนบกับประตูแล้วเจาะติ่งหูของทาสนั้น แล้วเขาจะเป็นทาสของท่านตลอดไป สำหรับทาสหญิงก็ให้ทำอย่างเดียวกัน

18 ไม่ต้องเสียดายที่จะปล่อยทาสของท่านให้เป็นอิสระ เพราะหกปีที่เขารับใช้ท่านก็คุ้มค่าแล้ว พอๆกับที่ท่านไปจ้างคนงานหนึ่งคน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่านในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ

กฎเกี่ยวกับสัตว์ที่เกิดเป็นตัวแรก

(ลนต. 27:26, 27; กดว. 18:15-18)

19 ลูกสัตว์หัวปีเพศผู้ทุกตัวที่เกิดมาในฝูงวัว ฝูงแพะและแกะของท่าน ต้องแยกออกมาไว้ให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านต้องไม่ใช้งานวัวผู้ที่เป็นลูกหัวปี และท่านต้องไม่ตัดขนของแกะหัวปี 20 ทุกๆปี ท่านต้องเอาสัตว์หัวปีพวกนี้ ไปในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเลือกไว้สำหรับนมัสการพระองค์ แล้วท่านและครอบครัวของท่านจะกินมันที่นั่นต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

21 แต่ถ้ามันเป็นสัตว์ที่มีตำหนิ ถ้าเป็นง่อยหรือตาบอดหรือติดโรคร้าย ท่านต้องไม่ถวายมันให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 22 ท่านเอาไปกินกันในเมืองของท่าน ใครๆก็กินได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ทางพิธีกรรม เหมือนกับกินเนื้อทรายหรือกวาง 23 แต่ท่านต้องไม่กินเลือดของมัน ท่านต้องเทเลือดของมันลงบนพื้นเหมือนเทน้ำ

สดุดี 102

คำอธิษฐานของคนเดือดร้อน ในยามที่เขาอ่อนแอและระบายความทุกข์ใจออกมา ต่อหน้าพระยาห์เวห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ขอให้เสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้าไปถึงพระองค์ด้วยเถิด
โปรดอย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าในยามทุกข์ยากอย่างนี้เลย
โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
    โปรดตอบข้าพเจ้าเร็วๆด้วยตอนที่ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ

วันเวลาของข้าพเจ้าหายไปอย่างควัน
    กระดูกของข้าพเจ้าถูกเผาเหมือนอยู่ในเตาไฟ
ใจของข้าพเจ้าห่อเหี่ยวไป[a] เหมือนหญ้าที่ถูกตัด
    ข้าพเจ้าเบื่ออาหาร
ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญด้วยความทุกข์โศก
    จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกฮูกที่โดดเดี่ยวอยู่ในทะเลทราย
    เป็นนกฮูกที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ข้าพเจ้านอนไม่หลับ
    ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกที่โดดเดี่ยวกระโดดไปมาอยู่บนหลังคา
วันทั้งวัน พวกศัตรูของข้าพเจ้าต่างพากันดูหมิ่นเหยียดหยามข้าพเจ้า
    คนพวกนั้นที่หัวเราะเยาะข้าพเจ้าใช้ชื่อข้าพเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
ข้าพเจ้าได้กินขี้เถ้าแทนอาหาร
    และน้ำตาหยดลงไปผสมกับเครื่องดื่มของข้าพเจ้า
10 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะพระองค์โกรธข้าพเจ้า
    พระองค์หยิบข้าพเจ้าขึ้น แล้วโยนข้าพเจ้าทิ้งไป
11 ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นแค่เงาที่กำลังเลือนรางไป
    ข้าพเจ้ากำลังเหี่ยวแห้งไปเหมือนหญ้า

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะครอบครองบัลลังก์ตลอดไป
    ชื่อเสียงของพระองค์จะคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย
13 พระองค์จะลุกขึ้น และจะสงสารเมืองศิโยน
    ถึงเวลาแล้วที่จะปลอบโยนนาง เวลาที่ได้กำหนดไว้มาถึงแล้ว
14 พวกผู้รับใช้ของพระองค์รักแม้แต่ก้อนหินของเมืองศิโยน
    พวกเขาสงสารแม้แต่ฝุ่นบนถนนของนาง
15 แม้แต่ชนชาติอื่นๆก็ยังเกรงกลัวชื่อของพระยาห์เวห์
    และกษัตริย์ของพวกเขาสรรเสริญพระบารมีของพระองค์
16 สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เมื่อพระยาห์เวห์สร้างเมืองศิโยนขึ้นมาใหม่
    ตอนที่พระองค์ปรากฏตัวขึ้นที่นั่นในสง่าราศีของพระองค์
17 พระยาห์เวห์จะใส่ใจในคำอธิษฐานของผู้ยากไร้
    พระองค์ไม่ได้ดูถูกคำอธิษฐานของพวกเขา

18 ให้บันทึกเรื่องต่อไปนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลังอ่าน
    เพื่อคนที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้สรรเสริญพระยาห์เวห์
19 ให้บันทึกว่าพระยาห์เวห์มองลงมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่อยู่เบื้องบน
    พระองค์มองลงมาจากสวรรค์ลงมายังโลกนี้
20 เพื่อฟังเสียงร้องคร่ำครวญของพวกนักโทษ
    และปลดปล่อยพวกนักโทษประหารให้เป็นอิสระ
21 แล้วประชาชนจะได้ประกาศในเมืองศิโยน
    ถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำและสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22 ตอนที่ชนชาติและอาณาจักรทั้งหลาย
    มารวมตัวกันเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์

23 พระองค์ตัดกำลังของข้าพเจ้าลงในวัยกลางคน
    และชีวิตของข้าพเจ้าก็ถูกตัดให้สั้นลง
24 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า ชีวิตของพระองค์นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปทุกยุคทุกสมัย
    ดังนั้นอย่าเพิ่งฆ่าข้าพเจ้าเลยเมื่อชีวิตข้าพเจ้ามาถึงแค่ครึ่งทาง

25 นานมาแล้ว พระองค์ได้ก่อตั้งโลกนี้ขึ้นมา
    และได้สร้างฟ้าสวรรค์ขึ้นด้วยมือของพระองค์เอง
26 สิ่งเหล่านี้จะสูญสิ้นไปแต่พระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
    พวกมันทั้งหมดจะเปื่อยยุ่ยเหมือนเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะเปลี่ยนมันเหมือนเสื้อผ้าและโยนมันทิ้งไป
27 แต่พระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
    และวันปีของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด
28 ลูกๆของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะตั้งรกรากอยู่ที่นี่
    ลูกหลานของพวกเขาก็จะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยต่อหน้าพระองค์”

อิสยาห์ 42

ผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์

42 “นี่คือผู้รับใช้ของเรา คนที่เราเสริมกำลังให้
    นี่คือผู้ที่เราเลือกมา ผู้ที่เราชื่นชม
เราได้ใส่พระวิญญาณของเราในเขา
    เขาจะนำความยุติธรรมมาให้กับชนชาติทั้งหลาย
เขาจะไม่ตะโกนหรือขึ้นเสียง
    คนจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาตามท้องถนน
เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว
    เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ริบหรี่แล้ว
    เขาจะนำความยุติธรรมมาจริงๆ
เขาเองจะไม่ริบหรี่หรือชอกช้ำจนกว่าเขาจะนำความยุติธรรมมาสู่โลกนี้
    ผู้คนแถบชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลายต่างรอคอยคำสอนของเขา”

นี่คือคำพูดของพระเจ้า พระยาห์เวห์ ผู้ที่สร้างท้องฟ้าและขึงพวกมันออก ผู้ที่ทุบโลกนี้ให้แผ่ออกมาและสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ ผู้ที่ให้ลมหายใจกับมนุษย์ที่อยู่บนโลก และให้ชีวิตกับทุกคนที่เดินอยู่บนมัน พระองค์พูดว่า

“เรา ยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง
    เราได้จูงมือเจ้าอยู่ เราได้ปกป้องเจ้า
และได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นคนกลางแห่งคำมั่นสัญญาต่อมนุษย์
    และเป็นแสงสว่างให้กับชนชาติต่างๆ
จะให้เจ้าเปิดตาของคนตาบอด
    และนำพวกนักโทษออกมาจากคุกใต้ดิน คือปลดปล่อยคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ในคุกมืดให้เป็นอิสระ
เราคือยาห์เวห์ นั่นคือชื่อของเรา
    เราจะไม่แบ่งเกียรติที่เราควรจะได้รับกับผู้อื่น
    จะไม่แบ่งคำสรรเสริญของเรากับพวกรูปเคารพ
เหตุการณ์ที่ผ่านไป ที่เราได้ทำนายไว้ล่วงหน้าก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
    และตอนนี้เรากำลังทำนายเรื่องใหม่ๆ
    เราจะบอกพวกเจ้าถึงเหตุการณ์เหล่านั้นก่อนที่มันจะงอกออกมา”

เพลงสรรเสริญพระเจ้า

10 ร้องเพลงใหม่ให้กับพระยาห์เวห์
    ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากสุดปลายโลก
ให้พวกท่านที่เป็นกะลาสีแห่งท้องทะเลและพวกสัตว์น้ำในท้องทะเลทั้งหมด
    สรรเสริญพระองค์เถิด
ให้ชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลายรวมทั้งผู้คนที่อยู่บนมัน
    สรรเสริญพระองค์เถิด
11 ให้ทะเลทราย และเมืองต่างๆในทะเลทรายนั้นส่งเสียงร้องและสรรเสริญพระองค์เถิด
    รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆที่เผ่าเคดาร์อาศัยอยู่
ให้ชาวเมืองเสลาร้องเพลงด้วยความยินดี
    ให้พวกเขาร้องตะโกนลงมาจากยอดเขา
12 ให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์
    ให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ตามชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทั้งหลาย
13 พระยาห์เวห์ออกไปสู้รบอย่างคนที่แข็งแรง
    พระองค์ปลุกเร้าความโกรธให้พุ่งพล่านขึ้นเหมือนกับนักรบ
พระยาห์เวห์ร้องออกมา พระองค์ร้องประจัญบาน
    พระองค์เอาชนะต่อศัตรูของพระองค์

14 พระองค์จะพูดว่า “เราเงียบมาเป็นเวลานานแล้ว
    เราได้อยู่เฉยๆและได้ยับยั้งตัวเองไว้
แต่เดี๋ยวนี้ เราจะร้องเหมือนกับผู้หญิงกำลังคลอดลูก
    เราจะหายใจหอบและใจเต้นถี่รัว
15 เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาต่างๆ
    เราจะทำให้พืชผักทั้งหมดของพวกมันเหี่ยวแห้งไป
เราจะทำให้พวกแม่น้ำกลายเป็นดินแห้ง
    เราจะทำให้พวกสระแห้งไป
16 เราจะจูงคนตาบอดไปตามถนนที่พวกเขาไม่รู้จัก
    เราจะนำพวกเขาไปตามพวกทางที่พวกเขาไม่เคยเดินมาก่อน
เราจะทำให้ความมืดมิดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากลายเป็นความสว่าง
    และทำที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ
    เราจะทำสิ่งเหล่านี้และเราจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา
17 แต่คนพวกนั้นที่พึ่งในพวกรูปแกะสลัก
    คนที่พูดกับรูปหล่อพวกนั้นว่า ‘พวกท่านเป็นพระของเรา’
    คนพวกนี้จะหันกลับ พวกเขาจะต้องอับอายขายหน้าที่สุด

อิสราเอลไม่ฟังพระเจ้า

18 พระยาห์เวห์พูดว่า เจ้าหูหนวก ฟังให้ดี
    เจ้าตาบอด ดูซิ จะได้เห็น
19 ใครตาบอดหรือ ก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของเราหรอกหรือ
    ใครหูหนวกเท่ากับผู้ส่งข่าวของเราหรือ
ใครจะตาบอดเท่ากับผู้ที่อุทิศตัวให้กับเราหรือ
    หรือตาบอดเท่ากับผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์หรือ
20 เจ้าเห็นหลายสิ่ง แต่ไม่ได้สังเกต
    หูของเขาเปิดอยู่ แต่เขาไม่ได้ฟัง”
21 ตอนนั้นพระยาห์เวห์ต้องการที่จะทำให้คำสั่งสอนของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และได้รับเกียรติ
    เพื่อคนจะได้เห็นว่าพระองค์นั้นยุติธรรม
22 คนพวกนี้ถูกขโมยและถูกปล้น
    พวกเขาทุกคนแอบอยู่ในหลุมติดอยู่ที่นั่นและซ่อนอยู่ในคุก
พวกเขาตกเป็นของที่ปล้นมาได้โดยไม่มีใครมาช่วยกู้เขา
    พวกเขาถูกริบไป โดยไม่มีใครพูดว่า “เอาคืนมาซะ”

23 จะมีใครในพวกเจ้าได้รับบทเรียนจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
    ใครจะสนใจและตั้งใจฟังในอนาคต
24 ใครมอบยาโคบไปให้กับผู้ริบ
    หรือมอบอิสราเอลไปให้กับผู้ปล้น
ก็พระยาห์เวห์นี่แหละ
    เพราะพวกเราทำบาปต่อพระองค์
คนของเราไม่ยอมเดินในทางของพระองค์
    พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์
25 พระองค์ก็เลยเทความโกรธแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ พร้อมกับสงครามอันดุเดือดเลือดพล่านลงบนเขา
    มันทำให้เกิดไฟล้อมรอบเขา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
    มันเผาไหม้เขา แต่เขาก็ไม่ได้บทเรียนอะไรเลย

วิวรณ์ 12

ผู้หญิงกับพญานาค

12 หลังจากนั้นผมเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์เกิดขึ้นบนสวรรค์ คือมีหญิงคนหนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และบนหัวของเธอมีมงกุฎที่ทำด้วยดาวสิบสองดวง เธอตั้งท้องอยู่ เธอร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะใกล้จะคลอดแล้ว ผมได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นบนสวรรค์ โอ้โหดูสิ มีพญานาคสีแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มีเจ็ดหัวและสิบเขาโผล่ออกมา แต่ละหัวมีมงกุฎสวมอยู่ หางของมันตวัดเอาหนึ่งในสามของดวงดาวบนท้องฟ้าตกลงมาบนโลก และมันก็ยืนอยู่ตรงหน้าหญิงที่กำลังจะคลอดลูกคนนั้น เพื่อจะกินลูกของนางทันทีที่คลอดออกมา หญิงคนนั้นได้คลอดลูกชาย ผู้ที่จะครอบครองประชาชาติทั้งปวงด้วยคทาเหล็ก แต่พระเจ้าก็ได้คว้าลูกของเธอไปอยู่กับพระองค์บนบัลลังก์ของพระองค์ เธอได้หนีเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ไปยังที่ที่พระเจ้าได้เตรียมไว้สำหรับเธอ เพื่อเธอจะได้รับการดูแลเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน

ต่อมาได้เกิดสงครามขึ้นบนสวรรค์ มิคาเอล[a]กับทูตสวรรค์ของท่านได้ต่อสู้กับพญานาคตัวนั้น แล้วพญานาคตัวนั้นกับพวกสมุนของมันก็ตอบโต้ ฝ่ายพญานาคแพ้ ดังนั้นมันและพวกสมุนของมันจึงไม่สามารถอยู่บนสวรรค์ได้อีกต่อไป พญานาคซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ซึ่งเรียกกันว่า มารหรือซาตาน ผู้ที่ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก ก็ถูกโยนลงมาบนโลกพร้อมกับพวกสมุนของมัน

10 หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในสวรรค์ว่า “เดี๋ยวนี้ชัยชนะและฤทธิ์อำนาจ และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว ผู้ที่กล่าวโทษ[b]พี่น้องของเราต่อหน้าพระเจ้าทั้งวันทั้งคืน ได้ถูกโยนลงไปแล้ว 11 แต่พี่น้องของเราเอาชนะมันได้ เพราะเลือดของลูกแกะ เพราะคำพยานของพวกเขาเอง และเพราะพวกเขายอมตายถ้าจำเป็น 12 เพราะอย่างนี้ ขอให้ทั้งสวรรค์และผู้ที่อยู่บนสวรรค์นั้นจงรื่นเริงยินดีเถิด แต่พวกคุณที่อาศัยอยู่ในโลกและในทะเลจะหมดศักดิ์ศรีไป เพราะมารได้ลงมาหาพวกคุณด้วยความโกรธแค้นยิ่งนัก เนื่องจากรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”

13 เมื่อพญานาคเห็นว่ามันถูกทิ้งลงบนแผ่นดินโลกแล้ว มันก็ไล่ล่าตามหญิงที่คลอดลูกชายคนนั้น 14 แต่หญิงนั้นได้รับปีกของนกอินทรีใหญ่สองปีก เพื่อเธอจะได้บินเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ไปยังที่ที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับเธอ เพื่อเธอจะได้รับการดูแลตลอดเวลาสามปีครึ่ง และจะได้อยู่ห่างจากพญานาคนั้น 15 แล้วพญานาคได้พ่นน้ำออกจากปากของมันเหมือนกับแม่น้ำ เพื่อที่จะพัดหญิงนั้นให้จมไป 16 แต่แผ่นดินโลกได้ช่วยหญิงนั้นไว้ ด้วยการแยกออกเป็นช่องแล้วกลืนน้ำที่พญานาคนั้นพ่นออกมา 17 ทำให้พญานาคโกรธแค้นหญิงนั้น ดังนั้นมันจึงไปทำสงครามกับลูกหลานที่เหลืออยู่ของเธอ พวกเขาคือคนที่เชื่อฟังกฎปฏิบัติของพระเจ้า และยึดถือคำพยานของพระเยซูเกี่ยวกับพระเจ้า

18 พญานาคนั้นได้ยืนอยู่ที่ชายทะเล

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International