M’Cheyne Bible Reading Plan
นับประชาชน
26 หลังจากโรคระบาดแล้ว พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนว่า 2 “ให้นับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชนตามครอบครัวของพวกเขา ให้นับชายทุกคนในอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่สามารถเข้ารับใช้ในกองทัพได้”
3 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์จึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลในที่ราบโมอับติดแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโคว่า 4 “ให้นับชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ตามที่พระยาห์เวห์เคยสั่งให้โมเสสและประชาชนชาวอิสราเอลทำ ตอนที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
5 รูเบนเป็นลูกชายคนโตของอิสราเอล นี่คือรายชื่อลูกหลานของรูเบน
จากฮาโนค เป็นตระกูลฮาโนค
จากปัลลู เป็นตระกูลปัลลู
6 จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากคารมี เป็นตระกูลคารมี
7 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของรูเบน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
8 ลูกชายของปัลลูคือเอลีอับ 9 เอลีอับมีลูกชายสามคนคือ เนมูเอล ดาธานและอาบีรัม ดาธานและอาบีรัม เป็นสองคนที่ชุมชนเลือกขึ้นมา และได้ต่อต้านโมเสส และอาโรน ทั้งสองคนนี้เป็นสมัครพรรคพวกของโคราห์ ตอนที่พวกเขาร่วมกันต่อต้านพระยาห์เวห์ 10 และแผ่นดินได้อ้าปากกลืนพวกเขาและโคราห์ลงไป เมื่อสมัครพรรคพวกของโคราห์ตายไปและไฟได้เผาผลาญคนสองร้อยห้าสิบคนนั้น คนเหล่านี้ได้กลายเป็นตัวอย่างเตือนใจประชาชน 11 แต่ลูกชายของโคราห์ไม่ตาย
12 นี่คือลูกหลานของสิเมโอนตามตระกูลของพวกเขา
จากเนมูเอล เป็นตระกูลเนมูเอล
จากยามีน เป็นตระกูลยามีน
จากยาคีน เป็นตระกูลยาคีน
13 จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
จากชาอูล เป็นตระกูลชาอูล
14 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของสิเมโอน รวมคนได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยคน
15 ต่อไปคือลูกหลานของกาดตามตระกูลของพวกเขา
จากเศโฟน เป็นตระกูลเศโฟน
จากฮักกี เป็นตระกูลฮักกี
จากชูนี เป็นตระกูลชูนี
16 จากโอสนี เป็นตระกูลโอสนี
จากเอรี เป็นตระกูลเอรี
17 จากอาโรด เป็นตระกูลอาโรด
จากอาเรลี เป็นตระกูลอาเรลี
18 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของกาด รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน
19-20 ลูกชายของยูดาห์คือเอร์และโอนัน เขาทั้งสองคนตายในแผ่นดินคานาอัน นี่คือลูกหลานของยูดาห์ตามตระกูลของพวกเขา
จากเชลาห์ เป็นตระกูลเชลาห์
จากเปเรศ เป็นตระกูลเปเรศ
จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
21 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเปเรศ
จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากฮามูล เป็นตระกูลฮามูล
22 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของยูดาห์ รวมคนได้ทั้งหมดเจ็ดหมื่นหกพันห้าร้อยคน
23 ต่อไปนี้คือลูกหลานของอิสสาคาร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากโทลา เป็นตระกูลโทลา
จากปูวาห์ เป็นตระกูลปูวาห์
24 จากยาชูบ เป็นตระกูลยาชูบ
จากชิมโรน เป็นตระกูลชิมโรน
25 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของอิสสาคาร์ รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสามร้อยคน
26 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเศบูลุนตามตระกูลของพวกเขา
จากเสเรด เป็นตระกูลเสเรด
จากเอโลน เป็นตระกูลเอโลน
จากยาเลเอล เป็นตระกูลยาเลเอล
27 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเศบูลุน รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นห้าร้อยคน
28 ต่อไปนี้คือลูกชายของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา คือมนัสเสห์และเอฟราอิม 29 นี่คือลูกหลานของมนัสเสห์
จากมาคีร์ เป็นตระกูลมาคีร์ (มาคีร์เป็นพ่อของกิเลอาด)
จากกิเลอาด เป็นตระกูลกิเลอาด
30 นี่คือลูกหลานของกิเลอาด
จากอีเยเซอร์ เป็นตระกูลอีเยเซอร์
จากเฮเลค เป็นตระกูลเฮเลค
31 จากอัสรีเอล เป็นตระกูลอัสรีเอล
จากเชเคม เป็นตระกูลเชเคม
32 จากเชมิดา เป็นตระกูลเชมิดา
จากเฮเฟอร์ เป็นตระกูลเฮเฟอร์
33 เศโลเฟหัดเป็นลูกชายของเฮเฟอร์ แต่ตัวเขาไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวชื่อ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และทีรซาห์
34 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของมนัสเสห์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
35 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเอฟราอิมตามตระกูลของพวกเขา
จากชูเธลาห์ เป็นตระกูลชูเธลาห์
จากเบเคอร์ เป็นตระกูลเบเคอร์
จากทาหาน เป็นตระกูลทาหาน
36 นี่คือลูกหลานของชูเธลาห์
จากเอราน เป็นตระกูลเอราน
37 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเอฟราอิม รวมคนได้ทั้งหมดสามหมื่นสองพันห้าร้อยคน
พวกเขาเป็นลูกหลานของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา
38 นี่คือลูกหลานของเบนยามินตามตระกูลของพวกเขา
จากเบลา เป็นตระกูลเบลา
จากอัชเบล เป็นตระกูลอัชเบล
จากอาหิรัม เป็นตระกูลอาหิรัม
39 จากเชฟูฟาม เป็นตระกูลเชฟูฟาม
จากหุฟาม เป็นตระกูลหุฟาม
40 ลูกชายของเบลาคือ อาร์ดและนาอามาน
จากอาร์ด เป็นตระกูลอาร์ด
จากนาอามาน เป็นตระกูลนาอามาน
41 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเบนยามิน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยคน
42 นี่คือลูกหลานของดานตามตระกูลของพวกเขา
จากชูฮัม เป็นตระกูลชูฮัม
นี่คือตระกูลของดาน 43 รวมคนจากตระกูลชูฮัมได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
44 นี่คือลูกหลานของอาเชอร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากอิมนาห์ เป็นตระกูลอิมนาห์
จากอิชวี เป็นตระกูลอิชวี
จากเบรียาห์ เป็นตระกูลเบรียาห์
45 ลูกหลานของเบรียาห์คือ
จากเฮเบอร์ เป็นตระกูลเฮเบอร์
จากมัลคีเอล เป็นตระกูลมัลคีเอล
46 (ลูกสาวของอาเชอร์ชื่อเสราห์) 47 นี่คือตระกูลต่างๆของอาเชอร์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
48 นี่คือลูกหลานของนัฟทาลีตามตระกูลของพวกเขา
จากยาเซเอล เป็นตระกูลยาเซเอล
จากกูนี เป็นตระกูลกูนี
49 จากเยเซอร์ เป็นตระกูลเยเซอร์
จากชิลเลม เป็นตระกูลชิลเลม
50 นี่คือพวกตระกูลต่างๆของนัฟทาลี รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
51 รวมจำนวนประชาชนชาวอิสราเอลได้ทั้งหมดหกแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
52 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 53 “ให้แบ่งที่ดินออกเป็นส่วนๆสำหรับคนเหล่านี้ตามจำนวนรายชื่อ 54 ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ ก็แบ่งให้มากหน่อย ถ้าเป็นกลุ่มเล็ก ก็แบ่งให้น้อยหน่อย แต่ละกลุ่มจะได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนคนที่ได้นับไว้ 55 อย่างไรก็ตาม ใครจะได้ที่ดินตรงไหน ก็ต้องจับสลากกัน พวกเขาจะได้รับที่ดินตามรายชื่อเผ่าของบรรพบุรุษของพวกเขา 56 แต่ละเผ่าจะจับสลากแบ่งที่ดินกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าใหญ่หรือเผ่าเล็กก็ตาม”
57 ต่อไปนี้คือชาวเลวีที่ได้นับตามตระกูลของพวกเขา
จากเกอร์โชน เป็นตระกูลเกอร์โชน
จากโคฮาท เป็นตระกูลโคฮาท
จากเมรารี เป็นตระกูลเมรารี
58 คนเหล่านี้อยู่ในตระกูลเลวี
ตระกูลลิบนี
ตระกูลเฮโบรน
ตระกูลมาลี
ตระกูลมูชี
ตระกูลโคราห์
โคฮาทเป็นพ่อของอัมราม 59 เมียของอัมรามชื่อโยเคเบดเป็นลูกหลานของเลวี นางเกิดอยู่ในเผ่าของเลวีในอียิปต์ นางมีลูกกับอัมราม คืออาโรน โมเสสและมิเรียมพี่สาวของพวกเขา
60 อาโรนมีลูกชื่อ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 61 นาดับและอาบีฮูตายไปแล้ว เมื่อครั้งที่พวกเขาได้ถวายไฟที่พระยาห์เวห์ไม่อนุญาตให้ถวายต่อหน้าพระองค์
62 รวมจำนวนชายชาวเลวีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปสองหมื่นสามพันคน เพราะพวกเขาไม่สามารถนับรวมกับชาวอิสราเอลคนอื่นได้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเหมือนประชาชนชาวอิสราเอลคนอื่นๆ
63 นี่คือคนที่โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์นับได้ ในขณะที่อยู่ในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเยริโค 64 ในบรรดาประชาชนเหล่านี้ ไม่มีคนที่โมเสสและอาโรนเคยนับเมื่อครั้งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายรอดชีวิตอยู่เลย 65 เพราะพระยาห์เวห์เคยพูดถึงคนเหล่านั้นไว้ว่า “พวกเขาจะตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” จึงไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายนูน
คำอธิษฐานของคนที่ถูกข่มเหง
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องด้วยทำนอง “ดอกลิลลี่” เพลงของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะน้ำขึ้นมาสูงถึงคอข้าพเจ้าแล้ว
2 ข้าพเจ้าจมลงสู่โคลนลึกและหาที่หยั่งเท้าไม่เจอ
ข้าพเจ้าอยู่ในน้ำลึกและน้ำท่วมท้นข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าร้องขอให้ช่วยจนหมดแรง
ตะโกนจนแสบคอ มองหาจนตาพร่ามัว
เพราะข้าพเจ้ารอคอยให้พระเจ้าของข้าพเจ้ามาช่วย
4 คนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขามีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนหัวของข้าพเจ้าเสียอีก
ศัตรูเหล่านั้นที่พยายามจะทำลายข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา มีจำนวนมากมาย
ข้าพเจ้าถูกบังคับให้ชดใช้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ขโมยมา
5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ล่วงรู้ถึงความผิดอย่างโง่ๆของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนความผิดไปจากพระองค์ได้
6 องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ขออย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพเจ้าเลย
พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขออย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์ต้องเสียหน้าเพราะข้าพเจ้าเลย
7 ความอับอายปกคลุมใบหน้าของข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้าก็ทนอับอายเพื่อพระองค์
8 ข้าพเจ้ากลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับพี่น้องของข้าพเจ้า
พี่น้องท้องเดียวกับข้าพเจ้าทำกับข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นคนต่างชาติ
9 เพราะความร้อนใจที่ข้าพเจ้ามีต่อวิหารของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพเจ้า
และคำดูถูกต่างๆของคนเหล่านั้นที่ดูถูกพระองค์ได้ตกลงมาอยู่บนข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าร้องไห้และอดอาหาร แต่พวกเขากลับดูถูกข้าพเจ้า
เพราะทำสิ่งเหล่านี้
11 เมื่อข้าพเจ้าสวมใส่ผ้ากระสอบไว้ทุกข์
ข้าพเจ้าก็กลายเป็นตัวตลกสำหรับพวกเขา
12 ผู้คนที่อยู่แถวประตูเมืองต่างพากันนินทาข้าพเจ้า
และคนดื่มเบียร์ก็แต่งเพลงล้อเลียนข้าพเจ้า
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพียงอธิษฐานขอให้พระองค์ยอมรับข้าพเจ้าเท่านั้น
ข้าแต่พระเจ้าโปรดตอบข้าพเจ้าด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
และด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งการช่วยกู้ที่พึ่งพิงได้ของพระองค์
14 โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากโคลนตมนี้ด้วยเถิด
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่จมลึกไปกว่านี้
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้หนีรอดจากคนเหล่านั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้า
และจากน้ำที่ลึกนี้ด้วยเถิด
15 ขออย่าให้น้ำท่วมท้นข้าพเจ้า
และอย่าให้น้ำลึกดูดกลืนข้าพเจ้าลงไป
ขออย่าให้หลุมฝังศพงับข้าพเจ้าเลย
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพเจ้าด้วย เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นดี
โปรดหันหน้าของพระองค์มาทางข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะความเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
17 โปรดอย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์เลย
ข้าพเจ้ากำลังตกอยู่ในความทุกข์ยาก ดังนั้น ช่วยตอบข้าพเจ้าโดยเร็วด้วยเถิด
18 โปรดเข้ามาใกล้ และไถ่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยปลดปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
19 พระองค์รู้ว่า ข้าพเจ้านั้นอดสู อับอาย และถูกเหยียดหยาม
พระองค์รู้เรื่องของศัตรูของข้าพเจ้าทุกคน
20 ที่ข้าพเจ้าถูกเหยียดหยามอย่างนี้ ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า
และข้าพเจ้าก็สิ้นหวัง
ข้าพเจ้ารอคอยความสงสาร แต่กลับไม่มีเลย
ข้าพเจ้าหวังจะมีคนมาปลอบโยนบ้าง แต่หาไม่เจอ
21 แต่พวกเขากลับใส่ยาพิษลงในอาหารของข้าพเจ้า
และในยามที่ข้าพเจ้ากระหายน้ำพวกเขากลับยื่นน้ำส้มสายชูให้
22 ข้าพเจ้าอยากให้โต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขากลายเป็นกับดัก
ขอให้อาหารที่มาจากเครื่องบูชาทั้งหลายที่พวกเขากินร่วมกันกลายเป็นบ่วงแร้ว
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดบอดไป
ทำให้ร่างของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลา
24 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์เทความโกรธลงบนพวกเขา
ขอให้ความโกรธของพระองค์ที่เผาผลาญอยู่ไล่เขาทัน
25 ขอให้ค่ายของเขาร้างว่างเปล่า
และขออย่าให้มีใครอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของเขา
26 พวกเขาไปซ้ำเติมคนเหล่านั้นที่พระองค์ตีสอนไปแล้ว
และพวกเขาพูดนินทากันปากต่อปาก เรื่องความเจ็บปวดของคนเหล่านั้นที่พระองค์ทำให้บาดเจ็บ
27 ขอให้พระองค์จดบันทึกความบาปของพวกเขาทั้งหมด
และอย่าปล่อยให้พวกเขาลอยนวล
28 โปรดลบชื่อของพวกเขาออกจากทะเบียนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่[a]
และอย่าได้จดบันทึกชื่อของพวกเขาร่วมกับชื่อของคนที่ทำตามใจพระองค์
29 ส่วนข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นทุกข์และเจ็บปวด
ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกู้และปกป้องข้าพเจ้าด้วยเถิด
30 แล้วข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระเจ้าเป็นเพลง
ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยเพลงขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะทำให้พระยาห์เวห์มีความสุขมากกว่าการที่ข้าพเจ้า
ถวายวัวตัวผู้ ตั้งแต่เขาบนหัวจดกีบที่เท้า เป็นเครื่องบูชาเสียอีก
32 คนยากจนจะได้เห็นและมีความสุข
พวกท่านที่มานมัสการพระเจ้า ขอให้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับพวกท่าน
33 เพราะพระยาห์เวห์สดับฟังคนยากจน
และพระองค์ไม่เคยดูถูกคนของพระองค์ที่ถูกขังคุก
34 ขอให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในพวกมัน
สรรเสริญพระยาห์เวห์
35 เพราะพระเจ้าจะช่วยกู้เมืองศิโยน และพระองค์จะสร้างเมืองต่างๆของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
เพื่อคนของพระองค์จะได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น
36 ดังนั้น ลูกหลานของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก
คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น
16 ให้ส่งส่วยพวกลูกแกะไปให้กับผู้ปกครองแผ่นดิน
ให้ส่งลูกแกะจากเสลา ผ่านทะเลทรายไปยังภูเขาแห่งนางสาวศิโยน
2 สาวๆของโมอับ อยู่ตรงท่าลุยข้ามของแม่น้ำอารโนน
พวกเขาเป็นเหมือนกับนกน้อยกระดุกกระดิกปีกไปมา
เหมือนลูกนกที่ตกจากรังกระจัดกระจายอยู่
3 พวกเขาพูดว่า “ขอคำแนะนำหน่อย ช่วยบอกหน่อยว่าจะทำยังไงดี
ตอนเที่ยงวัน ช่วยให้ร่มเงาเหมือนกลางคืนหน่อย[a]
ช่วยแอบซ่อนพวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากแผ่นดินของตนเอง
อย่ามอบพวกเราที่หนีมาหลบภัยให้กับศัตรูเลย
4 ปล่อยให้พวกเราที่ถูกขับไล่ออกมาจากโมอับตั้งรกรากอยู่กับท่านด้วยเถิด
ขอให้เป็นที่หลบภัยสำหรับพวกเราจากผู้ทำลาย”
เมื่อพวกที่มาปล้นสะดมโมอับหยุดแล้ว
และการทำลายได้จบลงแล้ว
และพวกนั้นที่เหยียบย่ำแผ่นดินได้หายตัวไปแล้ว
5 เมื่อนั้น จะมีบัลลังก์ถูกตั้งขึ้นในเต็นท์ของดาวิด[b] ด้วยความรักมั่นคง
และผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นก็จะสัตย์ซื่อ คนผู้นี้จะตัดสินอย่างยุติธรรมและจะไวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
6 พวกเราได้ยินว่า คนโมอับนั้นเย่อหยิ่งจองหองมาก
เราได้ยินเกี่ยวกับความหยิ่งยโส ความทะนงตน และความเดือดดาลของเขา
เรื่องที่พวกเขาโอ้อวดนั้น
ไม่เป็นความจริง
7 ดังนั้นชาวโมอับเอ๋ย ให้พวกเจ้าทุกคนร้องคร่ำครวญสำหรับชนชาติของตนเถิด
ให้โอดครวญอย่างสะเทือนใจถึงขนมเค้กที่เอร็ดอร่อยที่ทำจากลูกเกดของเมืองคีร์หะเรเชท[c]
8 สวนองุ่นของเฮชโบน และเถาองุ่นของสิบมาห์ไม่สามารถออกรวงได้
เพราะพวกเจ้านายของชนชาติต่างๆได้พังทลายเถาองุ่นพวกนั้นไป
เถาองุ่นพวกนี้เคยแผ่ไปไกลถึงเมืองยาเซอร์
พวกมันเคยเลื้อยไปถึงทะเลทราย กิ่งก้านของมันเคยแผ่กระจาย และข้ามทะเลไป
9 เพราะอย่างนี้ ผมถึงได้ร้องไห้ร่วมกับคนยาเซอร์สำหรับสวนองุ่นของสิบมาห์
เฮชโบนและเอเลอาเลห์เอ๋ย ผมจะราดคุณด้วยน้ำตาของผม
เพราะเสียงโห่ร้องยินดีกับการเก็บเกี่ยวผลไม้และเมล็ดข้าวได้หยุดไปแล้ว[d]
10 ความสุขสนุกสนานได้ถูกยึดไปจากสวนที่เกิดผลนั้นแล้ว
และในสวนองุ่นทั้งหลายก็ไม่มีเสียงเพลงหรือเสียงโห่ร้องยินดีอีกต่อไป
ไม่มีใครเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำอีก
เสียงโห่ร้องยินดีของพวกคนเก็บเกี่ยวได้หยุดไป
11 เพราะอย่างนี้ จิตใจของผมได้ร้องคร่ำครวญให้กับโมอับเหมือนกับเสียงพิณในงานศพ
และส่วนลึกของผมก็ร้องไห้ให้กับคีร์เฮเรส[e]
12 เมื่อคนโมอับขึ้นไปที่นมัสการของเขา เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา
พวกเขาก็อธิษฐานจนหมดแรง
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
13 นั่นคือข่าวสารที่พระยาห์เวห์พูดในอดีตเกี่ยวกับคนโมอับ 14 แต่เดี๋ยวนี้ พระยาห์เวห์ บอกว่า “ในอีกสามปี ตรงเผงอย่างกับที่ลูกจ้างนับวันเวลาที่เขาตกลงทำงาน ศักดิ์ศรีของโมอับก็จะถูกลบหลู่ ถึงแม้จะมีคนมากมายก็ตาม แต่ในที่สุดก็จะมีไม่กี่คนเหลือรอด[f] และพวกมันก็จะอ่อนแอด้วย”
เปลี่ยนชีวิตเสียใหม่
4 ในเมื่อพระคริสต์ได้ทนทุกข์ทรมานในร่างกายนี้แล้ว คุณก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมและคิดอย่างเดียวกันกับพระองค์ คือคนที่ยอมทนทุกข์ในร่างกายก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกทำบาป 2 ผลที่เกิดขึ้นคือ ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เขาไม่ได้อยู่ตามกิเลสตัณหาชั่วๆของมนุษย์ แต่เขามีชีวิตอยู่ตามความต้องการของพระเจ้า 3 ในอดีตคุณก็ได้ใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่เชื่อพระเจ้ามามากพอแล้ว ทั้งมั่วโลกีย์ กามราคะ เมาเหล้า มั่วสุมทางเพศ เลี้ยงฉลองเมามาย และกราบไหว้รูปเคารพ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง 4 เพื่อนๆของคุณก็สงสัยว่า ทำไมคุณถึงได้เลิกสำมะเลเทเมากับพวกเขา พวกเขาเลยแช่งด่าคุณ 5 แต่พวกเขาจะต้องให้การกับพระเจ้าผู้ที่พร้อมจะตัดสินโทษทุกคน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ตายไปแล้วด้วย 6 นั่นเป็นเหตุที่มีการประกาศข่าวดีนี้ในอดีตให้กับผู้เชื่อซึ่งตอนนี้ได้ตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นจะตัดสินว่าเขาผิดตอนที่เขายังอยู่ในร่างกาย แต่เขามีชีวิตอยู่ด้วยพระวิญญาณในสายตาของพระเจ้า
ใช้พรสวรรค์ที่พระเจ้าให้อย่างฉลาด
7 ใกล้จะถึงวันสิ้นโลกแล้ว ตั้งสติไว้ให้ดีและรู้จักควบคุมตัวเอง คุณจะได้อธิษฐาน 8 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้รักกันและกันอย่างลึกซึ้ง เพราะความรักจะปกปิดความบาปได้มากมาย 9 ให้เลี้ยงดูปูเสื่อกัน อย่าบ่นเลย 10 ให้แต่ละคนเป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ แล้วใช้พรสวรรค์ที่รับมาเพื่อรับใช้ซึ่งกันและกัน 11 ถ้าคุณมีพรสวรรค์ในด้านการพูด ก็ให้พูดในฐานะคนที่ประกาศคำพูดที่ได้ยินมาจากพระเจ้า ถ้าคุณมีพรสวรรค์ในด้านการรับใช้ ก็ให้รับใช้สุดกำลังที่พระเจ้าให้มา เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศจากทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ขอให้เกียรติยศและฤทธิ์เดชมีกับพระเยซูคริสต์ตลอดไป อาเมน
ทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน
12 เพื่อนรัก อย่าเพิ่งแปลกใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพวกคุณ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย แต่ปัญหาก็คือการลองใจคุณ 13 ให้ดีใจที่คุณได้ร่วมทุกข์กับพระคริสต์ เพราะคุณจะได้ดีใจเป็นล้นพ้นเมื่อพระคริสต์กลับมาอย่างมีเกียรติ 14 เมื่อมีคนประณามคุณเพราะคุณเป็นของพระคริสต์ คุณก็มีเกียรติอย่างแท้จริง เพราะแสดงว่าพระวิญญาณผู้ทรงเกียรติของพระเจ้านั้นอยู่กับพวกคุณ 15 ถ้าคุณจะต้องทนทุกข์ ก็ขออย่าให้เป็นเพราะคุณไปฆ่าคนมา ไปขโมย ไปทำชั่ว หรือไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย 16 แต่ถ้าคุณต้องทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน ก็อย่าอายเลย แต่ให้สรรเสริญพระเจ้า เพราะคุณได้ชื่อว่าคริสเตียน 17 ถึงเวลาสำหรับการตัดสินโทษแล้ว การตัดสินนั้นจะเริ่มต้นจากครอบครัวของพระเจ้าก่อน แล้วลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีจากพระเจ้า 18 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“ขนาดคนที่ทำตามใจพระเจ้า ยังเกือบจะไม่รอด
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนชั่วและคนบาปเล่า”[a]
19 ถ้าอย่างนั้น คนที่ต้องทนทุกข์เพราะเป็นความต้องการของพระเจ้านั้น ก็ต้องมอบตัวเองไว้กับพระผู้สร้างที่ซื่อสัตย์ และให้ทำดีต่อไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International