M’Cheyne Bible Reading Plan
เขตแดนของคานาอัน
34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้เอาคำสั่งนี้ไปบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินนั้นที่จะตกเป็นของพวกเจ้า คือแผ่นดินของคานาอันตามเขตแดนของมัน 3 ทางทิศใต้จะเริ่มตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินเรียบไปทางข้างๆเอโดม เขตแดนทางใต้จะเริ่มที่ทิศตะวันออกจากด้านใต้สุดของทะเลเกลือ 4 เขตแดนของพวกเจ้าจะลากยาวไปข้ามทางใต้ของอาครับบิมและผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินไปจนสุดทางใต้ของคาเดช-บารเนีย และมันจะไปต่อจนถึงฮาซารัดดาร์และจะไปผ่านอัสโมน 5 จากอัสโมนเขตแดนจะเลี้ยวไปทางแม่น้ำอียิปต์[a] และจะไปสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 6 เขตแดนทางตะวันตกจะเป็นชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน มันจะเป็นเขตแดนตะวันตกของพวกเจ้า 7 ส่วนเขตแดนทางเหนือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปตามสันเขาของภูเขาโฮร์ 8 จากภูเขาโฮร์ไปเรื่อยจนถึงเลโบ-ฮามัทแล้วเขตแดนจะขยายต่อจนถึงเศดัด 9 เขตแดนจะต่อไปเรื่อยจนถึงศิโฟรนและจะไปสิ้นสุดที่ฮาซา-เรนัน นี่จะเป็นเขตแดนทางเหนือของพวกเจ้า 10 ทางฝั่งตะวันออกเขตแดนของพวกเจ้าจะไปตามเส้นของฮาซา-เรนันจนถึงเชฟาม 11 จากเชฟาม เขตแดนจะลงไปถึงริบลาห์จนถึงทางตะวันออกของอายิน 12 แล้วเขตแดนจะลงไปต่อและไปบรรจบเนินเขาทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี[b]”
13 ดังนั้นโมเสสจึงนำคำสั่งนี้ไปให้ประชาชนชาวอิสราเอล “นี่คือแผ่นดินที่เจ้าจะได้รับโดยการโยนสลาก พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ว่าแผ่นดินนี้จะมอบให้พวกเจ้าเก้าเผ่าครึ่ง 14 เพราะเผ่าของรูเบนและกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ได้รับส่วนของพวกเขาแล้วตามตระกูลของพวกเขา 15 คนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นได้รับที่ดินส่วนของพวกเขาไปแล้วในฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดนจากเยริโค บนฝั่งตะวันออกที่ดวงอาทิตย์ขึ้น”
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “คนเหล่านี้จะช่วยแบ่งที่ดินให้กับพวกเจ้า คือนักบวชเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูน 18 พวกเจ้าจะเลือกผู้นำคนหนึ่งจากแต่ละเผ่ามาช่วยแบ่งที่ดินด้วย 19 นี่เป็นรายชื่อของผู้นำพวกนั้น
คาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ จากเผ่ายูดาห์
20 เชมูเอลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่าสิเมโอน
21 เอลีดาดลูกชายคิสโลน จากเผ่าเบนยามิน
22 บุคคีลูกชายโยกลี จากเผ่าดาน
23 จากลูกหลานของโยเซฟ ฮันนีเอลลูกชายเอโฟด จากเผ่ามนัสเสห์
24 เคมูเอลลูกชายชิฟทาน จากเผ่าเอฟราอิม
25 เอลีซาฟานลูกชายปารนาค จากเผ่าเศบูลุน
26 ปัลทีเอลลูกชายอัสซาน จากเผ่าอิสสาคาร์
27 อาหิฮูดลูกชายเชโลมี จากเผ่าอาเชอร์
28 เปดาเฮลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่านัฟทาลี”
29 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนเหล่านี้ให้แบ่งแผ่นดินคานาอันกันในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล
38 แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา
พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป
พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา
พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา
39 พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์
พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก
40 พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น
41 พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ
42 พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์
หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43 หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์
หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน
44 พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด
พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้
45 พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา
และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
46 พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน
และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน
47 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์
พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา
48 พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา
และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา
49 พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์
พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา
50 พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่
พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด
51 พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม[a]
52 แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ
และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์
53 พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว
เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด
54 แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
55 แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์
พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู
56 แต่พวกอิสราเอลก็ยังลองดีกับพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
กบฏต่อพระองค์และไม่ได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์
57 ชาวอิสราเอลไม่จงรักภักดีและทรยศต่อพระเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำ
พวกเขาเชื่อถือไม่ได้เหมือนคันธนูที่ใช้การไม่ได้
58 พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยการสร้างสถานศักดิ์สิทธิ์มากมาย
และทำให้พระองค์หึงหวงด้วยการสร้างรูปเคารพมากมาย
59 เมื่อพระเจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระองค์โกรธ
และพระองค์ทอดทิ้งอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง
60 พระองค์ละทิ้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองชิโลห์ไป
ซึ่งเคยเป็นที่สถิตของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์
61 พระองค์ยอมปล่อยให้หีบอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ถูกยึดไป
พระองค์ยอมปล่อยให้ศัตรูยึดเอาสัญลักษณ์แห่งฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีของพระองค์ไป
62 พระองค์เกรี้ยวโกรธคนของพระองค์
และปล่อยให้คนของพระองค์ตายด้วยคมดาบ
63 พวกทหารหนุ่มถูกไฟเผาตายหมด
และพวกสาวบริสุทธิ์ยังคงไม่ได้แต่งงาน[b]
64 พวกนักบวชล้มตายด้วยคมดาบ
แต่ภรรยาหม้ายของพวกเขาไม่สามารถไว้ทุกข์ได้ตามปกติ
65 แล้วองค์เจ้าชีวิตก็ตื่นขึ้นมาเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน
เหมือนกับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการเมาเหล้าองุ่น
66 พระองค์ตีเหล่าศัตรู ขับไล่พวกเขากลับไป
และทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าตลอดไป
67 แล้วพระองค์ทอดทิ้งครอบครัวของโยเซฟ
และไม่ได้เลือกเผ่าของเอฟราอิม
68 แล้วพระองค์ก็เลือกเผ่ายูดาห์ขึ้นปกครอง
และเลือกภูเขาศิโยนที่พระองค์รัก เป็นที่ตั้งของวิหาร
69 พระองค์สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เหมือนกับภูเขาสูงต่างๆ
เหมือนโลกนี้ที่พระองค์ตั้งให้อยู่ตลอดไป
70 พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
และเอาเขาออกมาจากคอกแกะทั้งหลาย
71 พระองค์เอาดาวิดมาจากการติดตามดูแลแม่แกะและลูกของมัน
มาเป็นผู้เลี้ยงยาโคบคนของพระองค์
และเป็นผู้เลี้ยงอิสราเอลสมบัติของพระองค์
72 ดาวิดดูแลพวกเขาด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
และนำพวกเขาด้วยมือที่ชำนาญยิ่ง
เพลงที่ร้องสรรเสริญพระเจ้า
26 ในเวลานั้นจะมีการร้องเพลงนี้ในแผ่นดินของยูดาห์
“พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของเรา เป็นเมืองที่เข้มแข็งของเรา
พระองค์ประทานกำแพงและป้อมปราการต่างๆให้[a]
2 ให้เปิดประตูเมืองเถิด
เพื่อชนชาติที่ดีที่จงรักภักดีต่อพระองค์จะได้เข้ามา
3 พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ประทานสันติสุขแท้จริงให้กับใจที่พึ่งพิงในพระองค์นั้น
เพราะพวกเขาไว้วางใจในพระองค์
4 ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์เสมอ
เพราะในพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์นั้นแหละ เจ้ามีหินหลบภัยอันถาวร
5 พระองค์กดให้คนพวกนั้นที่อยู่สูงเลิศเลอตกต่ำลง
พระองค์ทำให้เมืองสูงส่งล้มลง
พระองค์ทำให้มันล้มลงกับพื้นดิน
และพระองค์ก็โยนมันลงไปคลุกฝุ่น
6 มีเท้าเหยียบย่ำไปบนมัน
คือเท้าของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง
คือย่างเท้าของคนที่ขัดสน”
คนของพระเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
7 ทางของคนดีถูกปรับให้ราบเรียบ
ข้าแต่องค์ผู้ยุติธรรม พระองค์ทำให้ถนนของคนดีนั้นราบรื่น
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเราตั้งตารอคอยพระองค์
ในขณะที่เราเดินบนเส้นทางแห่งคำสั่งทั้งหลายของพระองค์
จิตวิญญาณของพวกเราอยากที่จะให้ชื่อเสียงและเกียรติของพระองค์เพิ่มขึ้น
9 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึงพระองค์ในตอนกลางคืน
จิตวิญญาณภายในตัวข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตอนรุ่งอรุณ
เพราะเมื่อการตัดสินต่างๆของพระองค์เกิดขึ้นในโลกนี้
ชาวโลกเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
10 ถ้าแสดงความเมตตาต่อคนชั่วช้า
พวกเขาก็ไม่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างถูกต้องหรอก
ถึงแม้จะอยู่ในดินแดนที่คนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องกัน พวกคนชั่วช้าก็ยังทำตัวเลวร้ายอยู่ดี
และพวกเขาก็ไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ด้วย
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เงื้อมือขึ้นมาเตรียมฟาด
แต่พวกเขามองไม่เห็น
ขอให้พวกเขาเห็นถึงความรักอันแรงกล้าที่พระองค์มีต่อคนของพระองค์ ขอให้พวกเขาอับอายต่อสิ่งที่เขาได้ทำกับพวกเรา
ขอให้เผาพลาญพวกเขาด้วยไฟที่พระองค์เตรียมไว้สำหรับศัตรูของพระองค์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์ให้พวกเราอยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิด
ทุกเรื่องที่เราได้ทำสำเร็จนั้น พระองค์เป็นผู้ทำให้มันสำเร็จเพื่อเรา
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
พวกเจ้านายคนอื่นๆที่ไม่ใช่พระองค์ได้ครอบครองเหนือพวกเรา
แต่พวกเราให้เกียรติกับชื่อของพระองค์เท่านั้น
14 คนตายจะไม่มีชีวิตอยู่อีก
และผีก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
อย่างนั้นขอให้พระองค์ลงโทษและฆ่าทำลายพวกศัตรูของพวกเรา
ขอให้พระองค์ลบชื่อของพวกมันให้หมดไป
15 แต่ขอให้พระองค์เพิ่มพูนชนชาติของพวกเรา
ขอให้พระองค์เพิ่มพูนชนชาติของพวกเราให้มากขึ้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติ
ขอให้พระองค์ขยายเขตแดนของแผ่นดินทั้งหมด
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่พวกเราเดือดร้อน พวกเราแสวงหาพระองค์
ตอนที่พระองค์ตีสอนพวกเรา พวกเราก็ร้องด้วยความเจ็บปวด
17 เหมือนกับผู้หญิงท้องที่ดิ้นไปมาและร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อใกล้คลอด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทำให้พวกเราเป็นอย่างนั้น
18 พวกเราตั้งท้อง พวกเราดิ้นไปมา
พวกเราคลอดลูก คลอดแต่ลมออกมา
เราไม่ได้นำความรอดมาให้กับแผ่นดิน
และเราไม่ได้คลอดพลเมืองใหม่ออกมาให้กับโลก
19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกคนที่ตายไปแล้วของเจ้าจะมีชีวิตอยู่ พวกศพของคนของเราจะฟื้นขึ้น
พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในฝุ่นเอ๋ย ตื่นขึ้นมา ร้องเพลงอย่างมีความสุขเถิด
เพราะพวกเจ้าจะงอกขึ้นมาเหมือนพืชที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างในตอนเช้า
และผืนดินนี้จะคลอดคนเหล่านั้นที่ตายไปแล้วออกมา”
ให้อดทนคอยความยุติธรรม
20 มาเถิด คนของเราเข้าไปในห้องส่วนตัวและปิดประตูซะ
ซ่อนตัวสักพักจนกว่าความโกรธของพระยาห์เวห์จะผ่านพ้นไป
21 เพราะพระยาห์เวห์กำลังออกมาจากสถานที่ของพระองค์
เพื่อมาลงโทษชาวโลกสำหรับความผิดบาปของพวกเขา
โลกนี้ก็จะเปิดโปงให้เห็นถึงเลือดที่เคยหลั่งบนมัน
และมันก็จะไม่ปกปิดคนที่ถูกฆ่าอีกต่อไป
ยอห์นเตือนให้ระวังผู้สอนผิดๆ
4 เพื่อนๆที่รัก อย่าเชื่อวิญญาณทุกชนิดที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้า แต่ให้ทดสอบพวกวิญญาณเหล่านั้นเสมอว่า มาจากพระเจ้าจริงหรือไม่ เพราะมีคนมากมายที่อ้างว่าเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าได้ออกไปหลอกลวงคนในโลกนี้แล้ว 2 พวกคุณสามารถรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้าได้ ถ้าวิญญาณดวงไหนยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ ก็แสดงว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้า 3 วิญญาณดวงไหนที่ไม่ยอมรับพระเยซูก็ไม่ได้มาจากพระเจ้าและวิญญาณนี้แหละเป็นศัตรูกับพระคริสต์ ที่คุณได้ยินว่าศัตรูของพระคริสต์กำลังจะมา เดี๋ยวนี้ก็ได้เข้ามาในโลกแล้ว
4 ลูกๆเอ๋ย พวกคุณเป็นของพระเจ้า จึงมีชัยชนะเหนือพวกศัตรูของพระคริสต์ เพราะพระเจ้าที่อยู่ในพวกคุณยิ่งใหญ่กว่ามารที่อยู่ในโลกนี้ 5 พวกคนเหล่านั้นเป็นของโลกนี้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาพูดก็มาจากโลกนี้ 6 แต่พวกเราเป็นของพระเจ้า คนที่รู้จักพระเจ้าจะฟังเรา แต่คนที่ไม่ได้เป็นของพระเจ้าจะไม่ฟังเรา แบบนี้สิเราถึงสามารถบอกได้ว่าวิญญาณไหนเอาความจริงมาให้และวิญญาณไหนที่โกหก
ความรักมาจากพระเจ้า
7 เพื่อนๆที่รัก ขอให้เรารักกันและกัน เพราะความรักนั้นมาจากพระเจ้า ทุกคนที่มีความรัก ก็ได้เกิดเป็นลูกของพระเจ้า และรู้จักพระองค์ 8 ส่วนคนที่ไม่มีความรัก ก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก 9 นี่คือวิธีที่พระเจ้าได้แสดงความรักให้กับเรา คือพระองค์ได้ส่งพระบุตรเพียงองค์เดียวมาอยู่ในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยผ่านทางพระบุตรของพระองค์นั้น 10 นี่แหละคือความรักแท้ ไม่ใช่ว่าเราไปรักพระองค์ แต่พระองค์รักเราและส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นเครื่องบูชา เพื่อจัดการกับบาปของเราให้หมดไป
11 เพื่อนๆที่รัก ถ้าพระเจ้ารักเราขนาดนี้ เราก็ควรจะรักกันและกันด้วย 12 ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกันและกัน พระเจ้าก็อยู่ในเราและความรักของพระองค์ก็ได้สำเร็จในชีวิตของเราตามเป้าหมายของพระองค์
13 แบบนี้สิเราถึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ และพระองค์อยู่ในเรา คือพระองค์ได้ยอมให้เรามีส่วนร่วมกับพระวิญญาณของพระองค์ 14 เราได้เห็นและเราได้เป็นพยานว่า พระบิดาได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นผู้ช่วยให้โลกนี้รอดพ้นจากบาป 15 คนที่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าก็อยู่ในคนๆนั้นและคนๆนั้นก็อยู่ในพระเจ้า 16 ดังนั้นเราจึงแน่ใจและไว้วางใจในความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา พระเจ้าคือความรักและคนที่อยู่ในความรักต่อไปก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็อยู่ในคนๆนั้นด้วย 17 แบบนี้สิ ความรักของพระเจ้าถึงสำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์ในพวกเรา เราจึงมีความมั่นใจในวันพิพากษา ที่เรามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก็เพราะชีวิตที่เรามีในโลกนี้ เป็นชีวิตที่เหมือนกับชีวิตของพระคริสต์ 18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัวเพราะความรักที่สำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์นั้น ได้ไล่ความกลัวออกไปหมดแล้ว ความกลัวนั้นเกี่ยวกับการถูกลงโทษ และคนที่ยังกลัวการถูกลงโทษก็เพราะความรักนั้นยังไม่สำเร็จตามเป้าหมายของพระองค์ในคนๆนั้น
19 ที่พวกเรามีความรักก็เพราะว่าพระเจ้ารักเราก่อน 20 ถ้าคนไหนพูดว่า “ฉันรักพระเจ้า” แต่ยังเกลียดชังพี่น้องของเขาเอง คนนั้นก็โกหก เพราะคนที่ไม่รักพี่น้องของเขาที่มองเห็นได้ ก็จะไม่สามารถรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น 21 เราได้รับคำสั่งนี้จากพระคริสต์คือคนที่รักพระเจ้าต้องรักพี่น้องของตนด้วย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International