M’Cheyne Bible Reading Plan
มิเรียมตาย
20 ประชาชนชาวอิสราเอล ทั้งชุมชนมาถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินในเดือนที่หนึ่ง ประชาชนอาศัยอยู่ที่เคเดช มิเรียมตายและถูกฝังไว้ที่นี่
โมเสสทำผิด
2 ที่นั่นไม่มีน้ำสำหรับชุมชน ดังนั้น พวกเขาจึงรวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน 3 ประชาชนมาถกเถียงกับโมเสสและพูดว่า “พวกเราน่าจะตายไปพร้อมๆกับพี่น้องของเรา ตอนที่พวกเขาตายไปต่อหน้าพระยาห์เวห์ 4 พวกท่านพาชุมชนของพระยาห์เวห์มาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ทำไม เพื่อเราและสัตว์ของเราจะได้ตายกันที่นี่หรือยังไง 5 ท่านนำเราออกมาจากอียิปต์เพื่อมาอยู่ในที่ห่วยๆอย่างนี้ทำไม ที่นี่ไม่มีเมล็ดพืช มะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และแม้แต่น้ำจะดื่มก็ยังไม่มีเลย”
6 โมเสสและอาโรนจึงจากชุมชนไปที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ ทั้งสองคนก้มหน้ากราบลง และรัศมี ของพระยาห์เวห์ก็ปรากฏกับพวกเขา
7 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 8 “เจ้าและอาโรนพี่ชายเจ้า ไปหยิบไม้เท้าและรวบรวมคนในชุมชนนั้น แล้วพูดกับก้อนหินต่อหน้าพวกเขา แล้วหินจะให้น้ำไหลออกมา ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้ผลิตน้ำให้กับพวกเขาจากหินก้อนนั้น และเจ้าก็ได้จัดหาน้ำดื่มให้กับชุมชนและสัตว์เลี้ยงของพวกเขา”
9 โมเสสจึงไปหยิบไม้เท้าที่อยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ ตามที่พระองค์สั่งเขา 10 โมเสสและอาโรนก็เรียกชุมนุมคนที่หน้าหินก้อนนั้น โมเสสพูดกับพวกเขาทั้งหลายว่า “ฟังให้ดี ไอ้พวกแข็งข้อ จะให้เราทำน้ำออกมาจากหินก้อนนี้หรือ” 11 แล้วโมเสสก็ยกมือขึ้น และตีหินก้อนนั้นด้วยไม้เท้าสองครั้ง และน้ำก็พุ่งออกมา ชุมชนและสัตว์เลี้ยงของเขาก็เข้าไปดื่มกัน
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า “เจ้าไม่ได้ไว้วางใจเราเพียงพอ เจ้าถึงไม่ได้ให้เกียรติเราในฐานะผู้ศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล ดังนั้น เจ้าจะไม่ได้นำชุมชนนี้เข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังจะให้กับพวกเขานั้น”
13 สถานที่นี้ถูกเรียกว่าน้ำของเมรีบาห์[a] เป็นสถานที่ที่ประชาชนชาวอิสราเอลแข็งข้อต่อพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์
เอโดมไม่อนุญาตให้อิสราเอลผ่าน
14 ตอนที่โมเสสอยู่ที่เคเดช เขาได้ส่งคนถือสารไปถึงกษัตริย์ของเอโดมมีใจความว่า
“น้องชายของท่าน ชาวอิสราเอล พูดกับท่านว่า ท่านก็รู้เกี่ยวกับความยากลำบากต่างๆที่เราได้พบมาแล้วว่า 15 บรรพบุรุษของเราได้ลงไปอยู่ที่อียิปต์และได้อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาช้านาน และชาวอียิปต์ต่างก็โหดร้ายกับพวกเราและบรรพบุรุษของเรา 16 แต่เราได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ก็ได้ยินเสียงร้องของพวกเรา และได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมานำเราออกจากอียิปต์
และดูสิ ตอนนี้เราอยู่ที่เคเดช เมืองที่ติดทางชายแดนของท่าน 17 ได้โปรดอนุญาตให้พวกเราเดินผ่านประเทศของท่าน พวกเราจะไม่เดินผ่านไร่นาหรือไร่องุ่น พวกเราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อของท่าน พวกเราจะเดินอยู่แต่บนทางหลวงเท่านั้น และจะไม่แวะที่ใดจนกว่าจะผ่านประเทศของท่านไป”
18 แต่กษัตริย์เอโดมตอบมาว่า “พวกท่านต้องไม่ผ่านเข้ามาในดินแดนของเรา ไม่อย่างนั้น เราจะยกทัพออกมาต่อสู้กับพวกท่าน”
19 ประชาชนชาวอิสราเอลจึงบอกกับเขาว่า “พวกเราจะเดินอยู่แต่บนทางหลวงเท่านั้น และถ้าสัตว์เลี้ยงของพวกเราไปดื่มน้ำของท่านเข้า พวกเราจะจ่ายเงินให้ ขอเพียงท่านอนุญาตให้พวกเราเดินผ่านไปเท่านั้น มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
20 แต่กษัตริย์ของเอโดมบอกว่า “ห้ามพวกท่านผ่านเข้ามา” เอโดมจึงยกกองทัพขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งออกมาต้านชาวอิสราเอล 21 เอโดมไม่ยอมให้ชาวอิสราเอลผ่านดินแดนของพวกเขา ชาวอิสราเอลจึงต้องหันไปทางอื่น
อาโรนตาย
22 แล้วประชาชนชาวอิสราเอล ทั้งชุมชนก็จากเคเดช และมาถึงภูเขาโฮร์ 23 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนบนภูเขาโฮร์ ซึ่งติดกับชายแดนของเอโดม 24 “อาโรนจะตายและจะไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา เขาจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่เราจะให้กับประชาชนชาวอิสราเอล เพราะพวกเจ้าขัดคำสั่งเราเกี่ยวกับน้ำของเมรีบาห์
25 ให้นำตัวอาโรนและเอเลอาซาร์ลูกชายเขา ขึ้นมาบนภูเขาโฮร์ 26 และถอดเสื้อของอาโรนออก แล้วเอาไปสวมให้กับเอเลอาซาร์ลูกชายของเขา แล้วอาโรนจะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขาและตายที่บนภูเขานั่น”
27 โมเสสจึงทำตามที่พระยาห์เวห์สั่ง พวกเขาเดินขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ ต่อหน้าชุมชน 28 โมเสสถอดเสื้อพิเศษของอาโรนออก แล้วสวมให้กับเอเลอาซาร์ลูกชายของเขา แล้วอาโรนก็ตายอยู่บนยอดเขานั้น โมเสสและเอเลอาซาร์ลงมาจากภูเขา 29 และชุมชนทั้งหมดก็เห็นว่าอาโรนตายแล้ว ประชาชนชาวอิสราเอลทุกคนก็ไว้ทุกข์[b] ให้อาโรนสามสิบวัน
การเรียกร้องความยุติธรรม
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[a]ของดาวิด
1 พวกเจ้าพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ พวกเจ้าตัดสินคดีอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
พวกเจ้าให้คำตัดสินกับคนอย่างยุติธรรมหรือเปล่า
2 เปล่าเลย เจ้าได้วางแผนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายมากมายด้วยจิตใจที่ไร้ความยุติธรรม
เจ้าได้ก่ออาชญากรรมที่โหดร้ายในแผ่นดินด้วยมืออันชั่วช้า
3 คนชั่วพวกนั้นทำผิดตั้งแต่คลอดออกมา
คนโกหกพวกนั้นหลงผิดไปตั้งแต่เกิด
4 ความโกรธแค้นของพวกเขาเหมือนพิษงูร้ายแรง[b]
พวกเขาเป็นเหมือนงูเห่าหูหนวกที่อุดหูของมัน
5 ที่ไม่ยอมฟังเสียงสะกดของหมองู
ไม่ว่าหมองูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม
6 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยหักฟันในปากของพวกเขาให้แตกละเอียด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยดึงเขี้ยวออกจากปากสิงโตเหล่านั้นด้วย
7 ขอพละกำลังของพวกเขาถูกระบายไปเหมือนน้ำ
ขอให้พวกเขาถูกเหยียบย่ำเหมือนต้นหญ้าที่เหี่ยวเฉา[c]
8 ขอให้พวกเขาหายไปเหมือนพวกหอยทาก[d]ที่กำลังหลอมละลายไปในขณะที่มันคืบคลาน
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนทารกที่ตายในท้องแม่ซึ่งไม่มีวันได้เห็นแสงของอาทิตย์
9 ขอให้พระเจ้ากวาดพวกเขาทิ้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับพายุ
เร็วกว่าที่หม้อจะทันร้อนตอนที่ตั้งอยู่บนกองกิ่งหนามที่ติดไฟ
ไม่ว่าจะเป็นกิ่งสดหรือกิ่งแห้งก็ตาม[e]
10 ขอให้คนดีได้ดีใจ เมื่อเห็นคนที่ไร้ความยุติธรรมถูกลงโทษ
และขอให้คนดีคนนั้นได้ล้างเท้าในเลือดของคนชั่ว
11 แล้วผู้คนก็จะพูดว่า “เห็นไหม คนที่ทำถูกต้องได้รับรางวัล
เห็นไหม มีพระเจ้าที่ตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่ในโลกนี้”
ขอปกป้องข้าพเจ้าจาก “ไอ้พวกหมา”
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงมิคทาม[f]ของดาวิด ที่เขียนตอนที่ซาอูลส่งคนไปเฝ้าบ้านของดาวิดเพื่อฆ่าเขา[g]
1 พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยปกป้องข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้าด้วยเถิด
2 โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วร้าย
โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าจากคนกระหายเลือดเหล่านั้นด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาดักซุ่มคอยฆ่าข้าพเจ้า
คนโหดร้ายพวกนั้นด้อมตามคอยตะครุบข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดหรือทำบาปอะไรเลย
4 ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พวกเขาก็รีบเร่งมาที่นี่และเตรียมโจมตีข้าพเจ้า
โปรดลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยมาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
โปรดลุกขึ้นมาลงโทษชนชาติเหล่านั้น โปรดอย่าได้มีเมตตาต่อคนทรยศที่ชั่วร้ายพวกนั้น เซลาห์
6 พวกเขากลับมาในตอนเย็น ขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆ หาเหยื่อไปทั่วเมือง
7 ฟังเสียงของพวกเขาดูสิ เห่าออกมาเป็นคำเย้ยหยัน
ริมฝีปากเชือดเฉือนอย่างดาบ
และพวกเขาก็พูดว่า “ไม่มีคนอื่นได้ยินหรอก”
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
และทำให้พวกเขาทุกคนอับอายด้วยเถิด
9 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะคอยให้พระองค์มาช่วย[h]
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้ารักข้าพเจ้าและจะมาช่วยข้าพเจ้า
พระองค์จะให้ข้าพเจ้าเห็นพวกศัตรูของข้าพเจ้าพ่ายแพ้
11 โปรดอย่าฆ่าพวกศัตรูของข้าพเจ้าให้หมดในทีเดียว ไม่อย่างนั้น คนของข้าพเจ้าอาจจะลืมว่าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาชนะ
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ผู้เป็นโล่ของพวกเรา
โปรดใช้พลังอำนาจของพระองค์ทำให้ศัตรูแตกกระเจิงและล้มลง
12 สิ่งที่เขาพูดทำให้ริมฝีปากเขาเป็นบาป
ขอให้เขาตกลงไปในกับดักแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง
คำสาปแช่งและคำโกหกของเขาเอง
13 ทำลายพวกเขาด้วยความโกรธของพระองค์
ทำลายพวกเขาให้หมดเกลี้ยงตลอดไป
แล้วคนทั่วโลกจะได้รู้ว่า
พระเจ้าครอบครองอยู่เหนือชนชาติของยาโคบ เซลาห์
14 พวกเขากลับมาในตอนเย็นขู่คำรามเหมือนฝูงหมา
และเดินด้อมๆมองๆหาเหยื่อไปทั่วเมือง
15 พวกเขาจะเร่ร่อนหาอาหารไปมา
และถ้าพวกเขากินไม่อิ่ม พวกเขาคงจะอยู่ทั้งคืน[i]
16 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพลังของพระองค์
ในตอนเช้าข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นที่กำบังในยามทุกข์ยาก
17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
เพราะพระองค์เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
และเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคงต่อข้าพเจ้า
พระเจ้าจะลงโทษอิสราเอล
8 พระยาห์เวห์ส่งข้อความที่ต่อว่ายาโคบ
และมันตกอยู่บนอิสราเอล
9 ทุกคนรู้เรื่องนี้
ทั้งเอฟราอิมและคนที่อาศัยอยู่ในสะมาเรีย
แต่คนพวกนั้นมีจิตใจที่เย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาพูดว่า
10 “ถึงพวกอิฐนี้จะพังลงแล้ว
แต่เราก็จะสร้างอาคารเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ด้วยหินสกัด
ถึงพวกคานไม้มะเดื่อจะถูกตัดเป็นชิ้นๆแล้ว
แต่เราก็จะเอาไม้สนซีดาร์เข้าไปแทนที่พวกมัน”
11 พระยาห์เวห์ได้หนุนพวกข้าศึกขึ้นมาต่อสู้อิสราเอล[a]
พระองค์ได้ยุแหย่พวกศัตรูของเขา
12 มีคนอารามจากทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียจากทางตะวันตก
และพวกเขาก็ได้อ้าปากกว้างกลืนกินอิสราเอลเข้าไป
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
13 ผู้คนก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์ผู้ที่ตีสอนพวกเขา
พวกเขาก็ยังไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงตัดหัวตัดหางของอิสราเอล
ตัดทั้งกิ่งปาล์มและต้นกกในวันเดียวกัน
15 หัวในที่นี้ หมายถึงพวกผู้นำอาวุโสและพวกที่มีเกียรติ
ส่วนหางในที่นี้หมายถึงพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่พูดโกหก
16 เพราะคนเหล่านั้นที่นำประชาชนพวกนี้ได้นำพวกเขาให้หลงทางไป
คนที่ถูกนำไปนั้นก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
17 เพราะอย่างนี้พระยาห์เวห์จึงไม่สงสารทหารหนุ่มของพวกเขา
และไม่เมตตาพวกเด็กกำพร้าและพวกแม่ม่ายของพวกเขา
เพราะประชาชนพวกนี้ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่เคารพพระเจ้าและเป็นคนชั่วช้า
และปากแต่ละคนก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
18 เพราะความเลวทรามของพวกเขาเผาอยู่อย่างไฟ
ตอนแรกมันก็เผาหญ้าและหนาม
ต่อมาก็ลุกลามเผาพงไม้ใหญ่ในป่า
และพวกมันทุกคนถูกเผากลายเป็นควันม้วนขึ้นไปในอากาศ
19 เพราะความโกรธของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นทำให้แผ่นดินนั้นถูกเผาผลาญ
และประชาชนก็กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟนั้นไม่มีใครพยายามช่วยชีวิตใครเลย
20 ประชาชนหันไปทางขวาและกินอย่างตะกละตะกลามแต่ก็ยังหิวอยู่
พวกเขาก็เลยหันไปทางซ้ายและเขมือบเข้าไปแต่ก็ยังไม่พอ
แต่ละคนก็เลยหันไปกินเนื้อลูกหลานของตัวเอง
21 มนัสเสห์กัดกินเอฟราอิม เอฟราอิมก็กัดกินมนัสเสห์
และทั้งสองก็ไปต่อสู้กับยูดาห์
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
10 เฮ้ย ไอ้พวกที่ออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
ไอ้พวกที่เขียนกฎต่างๆที่กดขี่คนอื่น
2 เพื่อไม่ให้คนยากจนได้รับความยุติธรรม เพื่อปล้นเอาสิทธิของคนจนที่เป็นคนของเรา
เพื่อจะได้ไปปล้นพวกแม่ม่าย และเพื่อพวกเด็กกำพร้าจะได้เป็นเหยื่อของพวกแก
3 พวกแกจะทำยังไงในวันลงโทษ
ในวันที่ความหายนะมาจากที่ห่างไกล
พวกแกจะวิ่งหนีไปให้ใครช่วย
และจะเก็บทรัพย์สมบัติของพวกแกไว้ที่ไหน
4 พวกแกจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากหมอบลงในหมู่นักโทษ
หรือล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าฟัน
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
ให้ระมัดระวังคำพูด
3 พี่น้องครับ อย่าอยากเป็นครูกันมากนักเลย เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า พวกครูทั้งหลายจะถูกตัดสินเข้มงวดกว่าคนอื่นๆ 2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดกันอยู่เรื่อย ถ้าใครที่บังคับลิ้นไม่ให้พูดผิดพลาดได้ คนๆนั้นก็เป็นคนดีพร้อม เขาก็จะบังคับส่วนอื่นๆในตัวเขาได้ด้วย 3 ดูอย่างม้าสิ ถ้าเราอยากให้มันเชื่อฟัง เราก็เอาบังเหียนใส่ไว้ในปากของมัน เท่านี้เราก็บังคับมันได้ทั้งตัวแล้ว 4 ดูอย่างเรือสิ ถึงแม้จะลำใหญ่โตแล่นไปด้วยกระแสลมแรง แต่ก็ถูกบังคับด้วยหางเสืออันเล็กๆเท่านั้น คนขับก็บังคับให้แล่นไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจ 5 ก็เหมือนกับลิ้น ถึงแม้จะเป็นอวัยวะเล็กๆแต่โม้เรื่องใหญ่โตได้ คิดดูสิ ไฟป่าที่ลุกลามใหญ่โตนั้นเกิดจากเปลวไฟเล็กๆเท่านั้น 6 ลิ้นก็คือไฟนี่แหละ มันเป็นโลกของความชั่วร้าย ที่อยู่ท่ามกลางอวัยวะอื่นๆของร่างกายเรา และมันทำให้ทั้งร่างของเราเสื่อมไป มันเผาเราทั้งชีวิตด้วยไฟที่ตรงมาจากนรก 7 สัตว์ทุกชนิดทำให้เชื่องได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ แล้วก็มีคนเคยทำให้พวกมันเชื่องมาแล้วด้วย 8 แต่กับลิ้นนี่ ไม่มีใครทำให้มันเชื่องได้เลย มันดุร้ายและชั่วช้า เต็มไปด้วยพิษสงถึงตายได้ 9 เราใช้ลิ้นสรรเสริญองค์เจ้าชีวิต และพระบิดา และเราก็ใช้มันสาปแช่งคนที่พระเจ้าสร้างมาตามแบบของพระองค์ด้วย 10 ปากอันเดียวกันนี้แหละ ที่มีทั้งคำสรรเสริญ และคำสาปแช่งออกมา ขออย่าให้เป็นอย่างนี้เลยครับพี่น้อง 11 จะให้น้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาจากตาน้ำอันเดียวกันได้อย่างไร 12 พี่น้องครับ จะให้ต้นมะเดื่อออกลูกเป็นมะกอกเทศ หรือจะให้ต้นองุ่นออกลูกเป็นมะเดื่อได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ น้ำพุที่ให้น้ำเค็มจะให้น้ำจืดด้วย ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน
สติปัญญาที่ถูกต้อง
13 ใครในพวกคุณที่คิดว่าตัวเองฉลาดและมีความรู้ความเข้าใจดี ก็ให้เขาแสดงออกโดยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และถ่อมตัวทำทุกอย่างด้วยความฉลาด 14 แต่ถ้าคุณมีใจที่อิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ก็ไม่น่าจะอวดฉลาด และพยายามปกปิดความจริง 15 ความฉลาดอย่างนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระวิญญาณแต่มาจากปีศาจ 16 ที่ไหนที่มีแต่การอิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็มีแต่ความวุ่นวาย และจะมีแต่เรื่องชั่วร้ายเต็มไปหมด 17 แต่ความฉลาดที่มาจากพระเจ้านั้น คุณสมบัติแรกคือความบริสุทธิ์ และต่อมาคือการสร้างความสงบสุข เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีใจกว้างขวาง เต็มไปด้วยความเมตตา และเกิดผลดีมากมาย มีความยุติธรรม และซื่อสัตย์ 18 คนที่สร้างความสงบสุขด้วยสันติวิธี ก็จะได้เก็บเกี่ยวชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International