M’Cheyne Bible Reading Plan
ผู้นำบางคนเริ่มต่อต้านโมเสส
16 โคราห์ ดาธาน อาบีรัม และโอน ได้ต่อต้านโมเสส โคราห์เป็นลูกชายของอิสฮาร์ อิสฮาร์เป็นลูกชายของโคฮาท โคฮาทเป็นลูกชายของเลวี ส่วนดาธานและอาบีรัมเป็นลูกชายของเอลีอับ โอนเป็นลูกชายของเปเลท ดาธาน อาบีรัมและโอนเป็นลูกหลานของรูเบน พวกเขาได้พาคนหลายคน 2 ลุกขึ้นต่อต้านโมเสส พวกเขารวบรวมคนได้สองร้อยห้าสิบคนจากประชาชนชาวอิสราเอล พวกคนสองร้อยห้าสิบคนนี้เป็นผู้นำของชุมชน ที่ประชาชนเลือกขึ้นมา เป็นพวกคนที่มีชื่อเสียง 3 พวกเขารวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาพูดกับโมเสสและอาโรนว่า “พวกท่านหลงตัวเองเกินไปแล้ว เพราะประชาชนทั้งหมดนี้ ทุกคนเป็นคนพิเศษของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็อยู่ท่ามกลางพวกเขา ทำไมท่านถึงต้องยกตัวเองขึ้นข่มประชาชนของพระยาห์เวห์ด้วย”
4 เมื่อโมเสสได้ยินอย่างนั้น เขาก็ทรุดตัวกราบลงกับพื้นดิน 5 แล้วพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระยาห์เวห์จะทำให้ท่านรู้ว่าใครเป็นของพระองค์และใครเป็นคนพิเศษ และพระองค์จะนำคนที่พิเศษนั้นมาอยู่ใกล้พระองค์ และคนที่พระองค์เลือก พระองค์ก็จะนำมาอยู่ใกล้พระองค์ 6 โคราห์ ทำอย่างนี้สิ ในวันพรุ่งนี้ ให้ท่านและพรรคพวกของท่านเอากระถางไฟมา 7 และเอาไฟใส่เข้าไป แล้วใส่เครื่องหอมลงในนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ แล้วคนที่พระยาห์เวห์เลือกจะเป็นคนพิเศษของพระองค์ พวกท่านเลวีต่างหากที่หลงตัวเองไปแล้ว”
8 โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ฟังให้ดีๆพวกชาวเลวีทั้งหลาย 9 พวกท่านคิดว่ามันน้อยเกินไปใช่ไหม ที่พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้แยกพวกท่านออกจากประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อนำพวกท่านมาใกล้พระองค์ ให้มารับใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ และมายืนอยู่ต่อหน้าชุมชนเพื่อบริการพวกเขา 10 พระยาห์เวห์ได้นำท่าน และพรรคพวกของท่าน ให้มาอยู่ใกล้พระองค์ แต่พวกท่านอยากจะเป็นนักบวชด้วย 11 ดังนั้น ท่าน และพรรคพวกของท่าน จึงได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านพระยาห์เวห์ แล้วอาโรนทำผิดอะไร พวกท่านถึงได้บ่นต่อว่าเขา”
12 โมเสสส่งคนไปเรียกดาธานและอาบีรัมลูกชายเอลีอับมา แต่พวกเขาบอกว่า “พวกเราจะไม่มา 13 แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ ที่ท่านนำพวกเราออกมาจากแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ แล้วตอนนี้ท่านยังทำตัวเป็นเจ้านายเหนือพวกเราอีก 14 นอกจากนั้น ท่านก็ยังไม่ยอมพาพวกเราเข้าไปในแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ แถมยังไม่ยอมให้ที่นาและไร่องุ่นกับพวกเราด้วย ท่านจะแหกตาพวกนี้ต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่มา”
15 โมเสสโกรธมาก เขาพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “อย่าไปรับเครื่องบูชาของพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำผิดต่อพวกเขาเลย แม้แต่ลาซักตัวก็ไม่เคยเอาของเขามา”
16 โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ จะมีท่าน พรรคพวกของท่านและอาโรน 17 พวกท่านแต่ละคนจะต้องเอากระถางไฟของท่านใส่เครื่องหอม แล้วแต่ละคนต้องนำกระถางไฟนั้นมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ รวมทั้งหมดสองร้อยห้าสิบใบ ท่านและอาโรนก็ต้องนำกระถางไฟของตัวเองมาด้วย”
18 ดังนั้นทุกคนได้นำกระถางไฟของตัวเองมา ใส่ถ่านที่ติดไฟอยู่ลงไปและใส่เครื่องหอมลงไป แล้วมายืนอยู่หน้าทางเข้าเต็นท์นัดพบพร้อมกับโมเสสและอาโรน 19 โคราห์รวบรวมคนในชุมชนทั้งหมดให้มาต่อต้านพวกเขาที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏแก่คนทั้งชุมชน
20 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 21 “ถอยห่างจากชุมชนนี้ เราจะทำลายพวกมันทันที”
22 โมเสสและอาโรนก้มกราบลงและพูดว่า “พระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าเหนือวิญญาณของคนทั้งหมด[a] เมื่อมีคนหนึ่งทำบาป พระองค์จะโกรธคนทั้งชุมชนหรือ”
23 พระยาห์เวห์จึงพูดกับโมเสสว่า 24 “ให้บอกกับคนในชุมชนว่า ‘ย้ายออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม’”
25 โมเสสยืนขึ้นและตรงไปที่ดาธาน อาบีรัมและพวกผู้ใหญ่ของชาวอิสราเอลที่ติดตามเขา 26 โมเสสบอกกับชุมชนว่า “ย้ายออกให้ห่างจากเต็นท์ของคนชั่วพวกนี้ และอย่าไปแตะต้องอะไรก็ตามที่เป็นของพวกเขา ไม่อย่างนั้น ท่านจะถูกทำลาย เพราะความบาปทั้งหมดของพวกเขา”
27 ประชาชนจึงย้ายออกห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม ตอนนี้ ดาธานและอาบีรัมได้ออกมายืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของพวกเขา พร้อมกับลูกเมียและเด็กทารกของพวกเขา
28 โมเสสพูดว่า “อย่างนี้พวกท่านจะได้รู้ว่า พระยาห์เวห์ได้ส่งเรามาทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เราไม่ได้คิดพวกมันขึ้นมาเอง 29 คือ ถ้าคนพวกนี้ตายธรรมดาๆเหมือนกับที่คนอื่นๆเขาตายกัน และถ้าเรื่องที่เกิดกับคนอื่นก็เกิดขึ้นกับพวกเขาด้วย แสดงว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ส่งเรามา 30 แต่ถ้าพระยาห์เวห์ทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้พื้นดินอ้าปากกลืนพวกเขาและทุกสิ่งที่เขามีลงไป และพวกนี้ถูกฝังทั้งเป็น แล้วท่านก็จะได้รู้ว่า พวกเขาได้ดูหมิ่นพระยาห์เวห์”
31 เมื่อโมเสสพูดจบ พื้นดินที่อยู่ใต้คนพวกนั้นก็แยกออก 32 มันเหมือนกับพื้นดินกำลังอ้าปากของมันและกลืนเอาคนพวกนั้น ครอบครัวของพวกเขาและคนของโคราห์ รวมทั้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา 33 พวกเขาจึงถูกฝังทั้งเป็นพร้อมสิ่งของของพวกเขา แล้วพื้นดินก็ปิดทับพวกเขาและพวกเขาก็หายไปจากชุมชน
34 คนอิสราเอลอื่นๆที่อยู่รอบๆต่างวิ่งหนี เมื่อได้ยินเสียงร้องของพวกเขา คนเหล่านั้นพูดว่า “เดี๋ยวแผ่นดินจะกลืนพวกเราไปด้วย”
35 พระยาห์เวห์ได้ส่งไฟลงมาทำลายสองร้อยห้าสิบคนที่กำลังบูชาเครื่องหอมอยู่
36 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 37-38 “บอกเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนว่า ให้เอากระถางไฟพวกนั้นออกมาจากกองไฟที่ยังเผาอยู่ และเขี่ยถ่านไฟและขี้เถ้าให้กระจายไปทั่วๆ กระถางไฟได้กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาได้เอากระถางไฟพวกนี้มาถวายพระยาห์เวห์ ให้เอากระถางไฟของคนพวกนี้ที่ทำบาปจนทำให้พวกเขาต้องตาย ไปตีให้แบนๆ แล้วเอามาทาบเข้ากับแท่นบูชา มันจะเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับประชาชนชาวอิสราเอล”
39 นักบวชเอเลอาซาร์จึงเอากระถางไฟทองสัมฤทธิ์ ที่คนพวกนั้นที่ถูกเผาไปแล้วนำมาถวาย เอามาตีเป็นแผ่นบางๆ มาทาบไปบนแท่นบูชาตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับเขาผ่านทางโมเสส 40 แผ่นทองสัมฤทธิ์นี้จะเป็นสิ่งที่เตือนประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อไม่ให้คนที่ไม่มีสิทธิ์ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของอาโรนเข้าไปใกล้แท่นบูชาเพื่อเผาเครื่องหอมต่อหน้าพระยาห์เวห์ จะได้ไม่เป็นเหมือนโคราห์และพรรคพวกของเขา
อาโรนช่วยชีวิตประชาชน
41 วันต่อมา ชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ต่างบ่นต่อว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ทำให้คนของพระยาห์เวห์ต้องตาย”
42 ขณะที่คนในชุมชนกำลังรวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาได้หันไปทางเต็นท์นัดพบ และเห็นเมฆปกคลุมเต็นท์นั้นและรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏขึ้น 43 โมเสสกับอาโรนก็มาที่ด้านหน้าของเต็นท์นัดพบ
44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ถอยไปให้ห่างจากชุมชนนี้ เราจะได้ทำลายพวกเขาเดี๋ยวนี้” โมเสสกับอาโรนจึงก้มกราบลงกับพื้น
46 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “ไปเอากระถางไฟ และเอาไฟจากแท่นบูชาใส่ลงไป และใส่เครื่องหอมลงไปด้วย แล้วรีบเอาไปที่ชุมชนนั้นแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์กำลังโกรธพวกเขา โรคระบาดกำลังเกิดขึ้น”
47 แล้วอาโรนก็ไปเอากระถางไฟตามที่โมเสสบอก แล้ววิ่งเข้าไปกลางชุมชน และเขาเห็นว่าเกิดโรคระบาดขึ้นแล้วในหมู่ประชาชน เขาเอาเครื่องหอมใส่ลงในกระถางไฟแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ 48 เขายืนอยู่ระหว่างคนเป็นและคนตาย และโรคระบาดก็หยุดลง 49 มีคนตายจากโรคระบาดครั้งนี้ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยคน ไม่รวมคนที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะโคราห์ 50 อาโรนได้กลับไปหาโมเสสที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เพราะโรคระบาดได้หยุดลงแล้ว
ที่ลี้ภัยที่เป็นภัย
ถึงหัวหน้านักร้อง บทกวีแห่งมัสคิล[a] ของกษัตริย์ดาวิด จากตอนที่โดเอก คนเอโดมไปบอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า “ดาวิดได้เข้าไปในบ้านของอาคีเมเลค”
1 เฮ้ย เจ้านักเลงโต ทำไมเจ้าถึงได้โอ้อวดถึงเรื่องชั่วๆที่เจ้าทำ
ในขณะที่พระเจ้าแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ตลอดเวลา
2 ไอ้จอมลวงโลก เจ้าชอบวางแผนทำลายล้างผู้อื่น
ลิ้นของเจ้าอันตรายเหมือนมีดโกนที่คมกริบ
3 เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี
และพูดโกหกมากกว่าพูดความจริง เซลาห์
4 ตัวเจ้าและลิ้นอันปลิ้นปล้อนของเจ้า
รักที่จะทำร้ายผู้อื่น
5 ดังนั้นพระเจ้าจะรื้อเจ้าลงตลอดกาล
พระองค์จะคว้าและกระชากตัวเจ้าออกไปจากเต็นท์ของเจ้า
พระองค์จะถอนรากถอนโคนเจ้าให้พ้นจากแผ่นดินของคนเป็น เซลาห์
6 คนดีจะเห็นสิ่งนี้และตลึงงัน
และจะหัวเราะเยาะคนชั่ว แล้วพูดว่า
7 “ดูคนที่แข็งแรงนั่นสิ เขาไม่ได้เอาพระเจ้าเป็นที่ลี้ภัย
แต่กลับพึ่งความร่ำรวยของตน
เขาพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น ด้วยการทำลายล้างผู้อื่น”
8 แต่ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนต้นมะกอกสีเขียวที่เจริญเติบโตอยู่ในลานในวิหารของพระเจ้า
ข้าพเจ้าจะพึ่งพิงความรักมั่นคงของพระเจ้าตลอดไป
9 ต่อหน้าผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ตลอดกาล
สำหรับสิ่งที่พระองค์ทำ
และข้าพเจ้าจะฝากความหวังของข้าพเจ้า
ไว้ในชื่อของพระองค์ เพราะพระองค์นั้นดี
ความชั่วช้าของมนุษย์
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองเพลงของมาฮาลาธ[b] บทกวีมัสคิลของดาวิด
1 คนโง่พูดอยู่ในใจของตัวเองว่า “ไม่มีพระเจ้าหรอก”
พวกเขาเสื่อมทราม พวกเขาทำความบาปที่น่าขยะแขยง
ไม่มีสักคนที่ทำดี
2 พระเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ดูพวกมนุษย์ เพื่อหาว่ายังมีมนุษย์สักคนไหม
ที่ทำสิ่งที่ฉลาดและแสวงหาพระเจ้า
3 แต่พวกเขาต่างหลงทางกันไปหมด เสื่อมทรามกันทุกคน
ไม่มีใครเลย ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่ทำสิ่งที่ดี
4 คนทำชั่วเหล่านั้นกลืนกินคนของเราเหมือนกินขนมปัง
พวกเขาไม่เคยอธิษฐานต่อพระเจ้า
พวกเขาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ
5 แต่เมื่อพระเจ้าลงโทษพวกคนชั่ว
พวกเขาจะพากันตื่นกลัวสุดขีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คนเหล่านั้นที่โจมตีพวกเจ้า พระเจ้าจะทำให้กระดูกของพวกเขากระจุยกระจายไป
พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าเพราะพระเจ้าทอดทิ้งพวกเขาแล้ว
6 ข้าพเจ้าหวังว่าชัยชนะของชาวอิสราเอลจะมาถึงในไม่ช้านี้จากพระเจ้าที่อยู่บนภูเขาศิโยน
เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้คนของพระองค์กลับไปมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
ครอบครัวของยาโคบจะชื่นชมยินดี ชาวอิสราเอลจะดีใจ
พระเจ้าเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้อง บทกวีมัสคิลของดาวิด ในเวลาที่พวกศิฟิมไปหากษัตริย์ซาอูล และบอกเขาว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกเรา”[c]
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยอำนาจของพระองค์
โปรดช่วยสู้คดีของข้าพเจ้า ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
2 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดเงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของข้าพเจ้า
3 คนแปลกหน้า ต่างลุกฮือขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
พวกคนโหดร้ายไล่ล่าชีวิตข้าพเจ้า
พวกเขาไม่แยแสต่อพระเจ้า เซลาห์
4 ดูเถิด พระเจ้าคือผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้า
องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้าคือผู้ที่ดูแลรักษาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่
5 ขอให้สิ่งชั่วร้ายที่พวกศัตรูวางแผนจะทำกับข้าพเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเขาเอง
โปรดแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ซื่อสัตย์ต่อข้าพเจ้าโดยทำลายพวกเขาด้วยเถิด
6 แล้วข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเองให้กับพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์เพราะพระองค์นั้นดี
7 เพราะพระเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากต่างๆ
ข้าพเจ้าได้เห็นศัตรูล้มลงต่อหน้าต่อตา
พระยาห์เวห์เรียกอิสยาห์มาเป็นผู้พูดแทนพระองค์
6 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์[a]ตาย ผมได้เห็นองค์เจ้าชีวิตนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง และส่วนปลายของเสื้อคลุมยาวของพระองค์นั้นปกคลุมพื้นวิหารไปหมด 2 มีพวกทูตสวรรค์เสราฟ[b] ยืนเฝ้าอยู่รอบๆพระองค์ ทูตเสราฟแต่ละองค์มีปีกหกปีก สองปีกปิดหน้าเอาไว้ และอีกสองปีกปิดเท้า[c] ของพวกเขา และสองปีกที่เหลือเอาไว้บิน 3 พวกทูตสวรรค์ ต่างก็กำลังร้องต่อกันและกันว่า
“ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ทั่วโลกเต็มไปด้วยรัศมีของพระองค์”
4 รากฐานและธรณีประตูต่างๆสั่นสะเทือนเพราะเสียงร้องของพวกทูตสวรรค์นั้น และวิหารก็เต็มไปด้วยควัน[d]
5 และผมก็พูดว่า “น่าละอายจริงๆผมจะต้องถูกทำลายแน่ๆ[e] เพราะผมเป็นคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดในสายตาพระเจ้า และผมก็อาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดเหมือนกัน แต่ดวงตาผมกลับได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น”
6 แล้วทูตเสราฟองค์หนึ่งก็บินมาหาผม และมีถ่านหินร้อนๆที่ท่านได้เอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา 7 แล้วท่านก็เอามันมาแตะที่ริมฝีปากผม และพูดว่า “ดูสิ ถ่านหินร้อนๆนี้ได้แตะที่ริมฝีปากของเจ้าแล้ว และความผิดของเจ้าก็ได้ถูกขจัดไปแล้ว ความบาปของเจ้าก็ถูกลบไปแล้ว”
8 และผมก็ได้ยินเสียงขององค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะส่งใครไปดี ใครจะไปแทนพวกเรา”
แล้วผมก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ครับ ส่งข้าพเจ้าไปเถิด”
9 แล้วพระองค์ก็พูดว่า “ไปบอกกับคนพวกนี้ว่า
‘ฟังไปเรื่อยๆแต่อย่าเข้าใจ
ดูต่อไปเรื่อยๆแต่อย่ารู้เรื่อง’
10 ไปทำให้จิตใจของคนพวกนี้ทึบไป
และทำให้หูของพวกเขาตึง
และทำให้ตาของพวกเขาปิดสนิท
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเห็นด้วยตาของพวกเขา
และได้ยินกับหูของพวกเขา
และเข้าใจด้วยจิตใจของพวกเขา
และหันกลับมาหาเรา และได้รับการรักษา”
11 แล้วผมก็ถามว่า “องค์เจ้าชีวิต จะให้ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ไปนานแค่ไหนครับ”
พระองค์ตอบว่า
“ทำอย่างนี้ไปจนกว่าเมืองต่างๆจะถูกทำลาย
จนไม่หลงเหลือใครอยู่ในเมืองพวกนั้นอีก
จนไม่มีใครเหลืออยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ
และจนกว่าแผ่นดินจะถูกทำลายจนร้างไป
12 และจนกว่าพระยาห์เวห์จะส่งประชาชนออกไปแดนไกล
และแผ่นดินก็ถูกทอดทิ้งไปเกือบหมด
13 ถึงแม้จะเหลือคนอยู่ที่นั่นแค่สิบเปอร์เซ็นต์
แผ่นดินก็ยังจะถูกเผาอีก
แต่เหมือนกับต้นโอ๊กหรือต้นสนที่เมื่อถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ
แผ่นดินนี้จะมีตอซึ่งก็คือเมล็ดศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแตกออกมาได้อีก”
13 ขอให้เรารักกันอย่างพี่น้องต่อไป 2 อย่าลืมที่จะเลี้ยงดูแขกแปลกหน้าที่มาบ้าน เพราะบางคนที่ทำอย่างนั้นได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว 3 อย่าลืมช่วยดูแลคนเหล่านั้นที่ถูกขังคุกอยู่เหมือนกับถูกขังร่วมกับเขาด้วย ให้เราช่วยเหลือคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงราวกับว่าถูกกดขี่ข่มเหงเสียเอง
4 ขอให้ทุกคนให้เกียรติกับชีวิตสมรส และขอให้เตียงสมรสนั้นบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าจะลงโทษคนที่มีชู้และทำผิดทางเพศ 5 อย่าเป็นคนที่รักเงิน แต่ให้พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เพราะว่าพระเจ้าได้พูดว่า
“เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า
เราจะไม่หนีเจ้าไป”[a]
6 ดังนั้น เราจึงพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า
“องค์เจ้าชีวิตเป็นผู้ช่วยของผม ผมจะไม่กลัวอะไร
มนุษย์จะทำอะไรผมได้”[b]
7 ให้ระลึกถึงพวกผู้นำของคุณ คนที่เคยประกาศถ้อยคำของพระเจ้าให้กับคุณ ให้สังเกตดูชีวิตของเขาว่าเขาอยู่และตายอย่างไร แล้วให้เลียนแบบความเชื่อของคนเหล่านั้น
8 พระเยซูคริสต์เหมือนเดิมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวานนี้ วันนี้ หรือตลอดไป
9 อย่าปล่อยให้คำสอนที่แปลกๆนำพวกคุณให้หลงไป เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้านั้นดีอยู่แล้ว ทำให้จิตใจของเราเข้มแข็งขึ้น แต่การกินอาหารตามธรรมเนียมพิธีนั้นไม่ได้ช่วยจิตใจของคนที่ถืออย่างนั้นเลย
10 เรามีแท่นบูชาที่คนที่รับใช้อยู่ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะกินจากแท่นนั้นได้ 11 หัวหน้านักบวชสูงสุดนำเลือดของสัตว์เข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาจัดการกับบาป แต่ร่างของสัตว์นั้น เขาเอาออกไปเผานอกค่าย 12 ก็เหมือนกับที่พระเยซูต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นอกประตูเมือง และใช้เลือดของพระองค์ชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ 13 ดังนั้น ขอให้เราออกไปหาพระองค์นอกค่ายกันเถอะ และยอมทนต่อความอับอายขายหน้าเพื่อพระองค์ 14 เพราะในโลกนี้ เราไม่มีเมืองที่ถาวร แต่เรากำลังแสวงหาเมืองที่กำลังจะมาถึง 15 ดังนั้น เพราะสิ่งที่พระเยซูทำ เราควรถวายเครื่องบูชาต่อพระเจ้าเสมอ เครื่องบูชานั้นคือคำสรรเสริญที่ออกมาจากริมฝีปากที่ยกย่องพระองค์ 16 อย่าลืมทำความดีและแบ่งปันสิ่งของให้กับคนอื่นด้วย เพราะการทำอย่างนี้เป็นการถวายเครื่องบูชาต่อพระเจ้าจริงๆ
17 ให้เชื่อฟังและอยู่ในโอวาทพวกผู้นำของพวกคุณ เพราะพวกเขาเฝ้าดูแลชีวิตคุณอยู่ เหมือนกับคนที่ต้องรายงานตัวต่อพระเจ้า ขอให้ทำอย่างนี้ เพื่อพวกเขาจะได้ทำงานด้วยความสุขและไม่ต้องนั่งถอนใจ เพราะถ้าเขาต้องเป็นอย่างนั้น มันก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรกับพวกคุณเลย
18 ให้อธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีใจที่บริสุทธิ์ คือเราอยากจะทำตัวดีในทุกเรื่องตลอดเวลา 19 ผมขอร้องเป็นพิเศษให้พวกคุณอธิษฐานเพื่อผมจะได้กลับไปอยู่กับพวกคุณเร็วขึ้น
20-21 พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข พระองค์ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย เพราะพระองค์ได้สละเลือดของพระองค์เองเพื่อทำสัญญาอันถาวร พระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิตของเราและเป็นหัวหน้าคนเลี้ยงแกะ ขอให้พระเจ้าให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆกับพวกคุณ เพื่อเตรียมคุณให้พร้อมที่จะทำตามใจของพระองค์ ขอให้พระองค์ทำสิ่งที่เป็นเรื่องชอบใจต่อหน้าพระองค์ให้สำเร็จท่ามกลางพวกเราผ่านทางพระเยซูคริสต์ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติตลอดไป อาเมน
22 พี่น้องครับ ผมอ้อนวอนให้ฟังคำเตือนนี้ ซึ่งผมได้เขียนให้พี่น้องเพียงย่อๆเท่านั้น 23 อยากให้คุณรู้ว่า พวกเขาปล่อยทิโมธีน้องของเราออกจากคุกแล้ว ถ้าเขามาที่นี่ทัน ผมจะพาเขาไปหาพวกคุณพร้อมกับผม
24 ผมขอฝากความคิดถึงมายังพวกผู้นำของพวกคุณ และคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคน พวกพี่น้องที่มาจากอิตาลีก็ฝากความคิดถึงมาให้ทุกคนด้วย
25 ขอพระเจ้ามีความเมตตากรุณากับพวกคุณทุกคนเถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International