Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 1

โมเสสพูดกับชาวอิสราเอล

นี่คือคำพูดที่โมเสสพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ตอนที่พวกเขาอยู่ที่หุบเขาจอร์แดน ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน[a] ตรงข้ามกับเมืองสูฟ และอยู่ระหว่างที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งปารานกับเมืองพวกนี้คือโทเฟล ลาบัน ฮาเซโรทและดีซาหับ

การเดินทางจากภูเขาซีนาย[b] ไปถึงคาเดช-บารเนีย ผ่านทางภูเขาเสอีร์ ใช้เวลาเพียงแค่สิบเอ็ดวันเท่านั้น ในวันที่หนึ่งของเดือนที่สิบเอ็ด ในปีที่สี่สิบ โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์สั่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โมเสสได้รบชนะกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ซึ่งปกครองเมืองเฮชโบน และกษัตริย์โอกของเมืองบาชานซึ่งปกครองอัชทาโรทในเอเดรอี โมเสสเริ่มอธิบายกฎ[c] นี้ให้กับชาวอิสราเอล ตอนที่พวกเขาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนของชาวโมอับ โมเสสพูดว่า

“ที่ภูเขาซีนาย พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราบอกพวกเราว่า ‘พวกเจ้าอยู่ที่ภูเขานี้มานานพอแล้ว ให้เตรียมตัวและมุ่งหน้าเดินไปยังเนินเขาที่พวกอาโมไรต์[d] อยู่ และดินแดนแถบนั้นทั้งหมดที่เป็นเพื่อนบ้านของเขา ทั้งในหุบเขาจอร์แดน[e] แถบเนินเขา แถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก[f] และในเนเกบ รวมทั้งชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้าไปยังดินแดนของชาวคานาอัน แคว้นเลบานอน[g] ตลอดไปจนถึงแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส ดูสิ เราได้ยกดินแดนนั้นให้กับพวกเจ้าแล้ว เข้าไปยึดเอาซะ เป็นดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้สาบานไว้ว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ รวมทั้งลูกหลานของพวกเขาด้วย’

โมเสสแต่งตั้งผู้นำ

(อพย. 18:13-27)

แล้วโมเสสก็พูดว่า ในเวลานั้น เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘ลำพังตัวเราคนเดียวไม่สามารถดูแลพวกท่านได้ทั้งหมดหรอก 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้เพิ่มจำนวนพวกท่านขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ตอนนี้พวกท่านก็มีจำนวนมากพอๆกับดวงดาวบนท้องฟ้าแล้ว 11 ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่าน เพิ่มจำนวนพวกท่านขึ้นอีกพันเท่า และขอให้พระองค์อวยพรพวกท่านเหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 12 ลำพังตัวเราคนเดียวจะไปแบกรับภาระต่างๆที่หนักอึ้ง และคดีความต่างๆของพวกท่านไหวได้ยังไง 13 ให้พวกท่านแต่ละเผ่าไปเลือกคนของท่านขึ้นมาเอง เลือกคนที่เฉลียวฉลาด เต็มไปด้วยความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์ แล้วเราจะแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นหัวหน้าพวกท่าน’

14 และพวกท่านก็ได้บอกเราว่า ‘สิ่งที่ท่านบอกให้ทำนั้นดีมากเลย’

15 แล้วเราได้เอาพวกผู้นำจากเผ่าต่างๆของท่าน ที่เต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด และมีประสบการณ์มา และแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำของพวกท่าน มีตั้งแต่ผู้นำ[h] คนพันคน ร้อยคน ห้าสิบคน และ สิบคน รวมทั้งแต่งตั้งพวกเจ้าหน้าที่ด้วยในแต่ละเผ่าของท่าน

16 และเราได้สั่งกำชับพวกผู้พิพากษาของท่านด้วยว่า ‘ให้ฟังความของทั้งสองฝ่ายก่อน แล้วให้ตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลด้วยกัน หรือคนอิสราเอลกับคนต่างชาติ 17 เวลาพวกท่านตัดสิน ห้ามลำเอียง ให้ฟังทั้งคนรวยและคนจนเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวใครเลย เพราะการตัดสินนั้นมาจากพระเจ้า และถ้าเรื่องไหนยากเกินไปสำหรับท่าน ให้เอามาบอกเรา เราจะตัดสินเอง’ 18 และในตอนนั้นเราก็ได้สั่งพวกท่านไปแล้วทุกเรื่องที่พวกท่านควรทำ

คนสอดแนมไปคานาอัน

(กดว. 13:1-33)

19 พวกเราได้ทำตามคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พวกเราจึงออกเดินทางจากภูเขาซีนาย ผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัว อย่างที่พวกท่านก็เห็นมาแล้ว ในระหว่างทางมุ่งเดินไปตามแถบเนินเขาที่ชาวอาโมไรต์อยู่ แล้วเราก็มาถึงคาเดช-บารเนีย 20 เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘พวกท่านมาถึงแถบเนินเขาที่ชาวอาโมไรต์อยู่แล้ว เป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรายกให้กับพวกเรา 21 ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ตั้งแผ่นดินนี้ไว้ตรงหน้าพวกท่านแล้ว พวกท่านขึ้นไปยึดเอาไว้เลย เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่านได้บอกไว้ ไม่ต้องกลัว อย่าท้อถอย’

22 แล้วพวกท่านทั้งหลายได้มาหาเรา พูดว่า ‘ให้พวกเราส่งคนกลุ่มหนึ่งไปก่อน ให้เข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น แล้วค่อยกลับออกมาบอกพวกเราว่า ควรจะไปทางไหน และเมืองที่พวกเราจะเข้าไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง’

23 เราเห็นด้วยกับความคิดนั้น เราจึงเลือกสิบสองคนมาจากพวกท่าน เผ่าละหนึ่งคน 24 พวกเขาได้ออกเดินทางไปที่เนินเขาแห่งนั้น และเข้าไปที่หุบเขาเอชโคล์แล้วทำการสำรวจ[i] ดินแดนแห่งนั้น 25 พวกเขาได้นำผลไม้ติดมือลงมาให้พวกเรา และมารายงานให้ฟังว่า ‘แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะให้กับพวกเรานั้นดีมาก’

26 แต่พวกท่านไม่ยอมขึ้นไปที่นั่น พวกท่านจึงขัดคำสั่งของยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 27 และเข้าไปบ่นกันในเต็นท์ของท่านว่า ‘เพราะพระยาห์เวห์เกลียดพวกเรา พระองค์ถึงได้นำพวกเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกอาโมไรต์ และถูกพวกมันทำลาย 28 แล้วทีนี้พวกเราจะหันหน้าไปทางไหน พวกพี่น้องที่เข้าไปสอดแนมทำให้พวกเราท้อถอยเสียแล้ว พวกเขาบอกว่า “พวกนั้นมีจำนวนมากกว่า และตัวสูงใหญ่กว่าพวกเรามาก เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่โตและมีกำแพงสูงเสียดฟ้า พวกเรายังเห็นพวกยักษ์[j] ที่นั่นด้วย”’

29 เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘ไม่ต้องขวัญหนีดีฟ่อ ไม่ต้องกลัวพวกมันหรอก 30 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะนำหน้าท่าน และต่อสู้แทนท่าน เหมือนกับสิ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำต่อหน้าท่านในแผ่นดินอียิปต์ 31 ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งก็เหมือนกัน ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ได้อุ้มท่านไว้เหมือนพ่ออุ้มลูก ตลอดทางที่ท่านเดินมาจนถึงที่นี่’

32 แต่ถึงอย่างนั้น พวกท่านก็ไม่ได้ไว้วางใจพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 33 พระองค์นำหน้าท่านในการเดินทาง เพื่อหาที่ตั้งเต็นท์ให้ท่าน และพระองค์ก็นำหน้าท่านในไฟในตอนกลางคืน และในเมฆในตอนกลางวัน เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าจะไปทางไหน

คนอิสราเอลอดเข้าแผ่นดินคานาอัน

34 แล้วพระยาห์เวห์ก็ได้ยินเสียงบ่นของพวกท่าน พระองค์โกรธ และสาบานว่า 35 ‘จะไม่มีใครสักคนในรุ่นที่ชั่วร้ายนี้ ที่จะได้เห็นแผ่นดินดีนั้น ที่เราได้สัญญาไว้ว่าจะให้กับบรรพบุรุษของเจ้า 36 นอกจากคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์จะได้เห็น เราจะยกแผ่นดินที่เขาเดินอยู่นั้นให้กับเขาและลูกหลานของเขา เพราะเขาซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง’

37 แม้แต่เรา พระยาห์เวห์ยังโกรธเลย ก็เพราะพวกท่านนี่แหละ พระองค์พูดกับเราว่า ‘แม้แต่เจ้าก็จะไม่ได้เข้าไปที่แผ่นดินนั้น 38 โยชูวาลูกชายของนูน ผู้ช่วยของเจ้าจะได้เข้าไปที่นั่น ให้กำลังใจกับเขา เพราะเขาจะเป็นคนแบ่งแผ่นดินนั้นแจกจ่ายให้กับชาวอิสราเอล

39 ส่วนลูกๆของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าพูดว่า จะถูกจับไปเป็นเชลยนั้น พวกนี้แหละจะได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น เพราะในวันนี้พวกลูกๆของเจ้าที่ยังไร้เดียงสา[k] และยังพึ่งตัวเองไม่ได้ เราจะให้แผ่นดินนั้นกับพวกเขาและพวกเขาก็จะได้เป็นเจ้าของมัน 40 ส่วนพวกเจ้าจะต้องหวนกลับไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ตามเส้นทางที่มุ่งไปทะเลแดง’

41 และพวกท่านก็ตอบว่า ‘พวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์แล้ว พวกเราจะขึ้นไปสู้รบตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราสั่งพวกเราไว้’ แล้วพวกท่านก็เตรียมตัวไปรบ พวกท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะขึ้นไปบนเนินเขานั้น

42 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘บอกพวกเขาว่า ห้ามขึ้นไปบนนั้นและห้ามไปรบ เพราะเราไม่ได้อยู่กับพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าฟังคำเตือนของเรา พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าต่อหน้าศัตรูของพวกเจ้า’

43 และเราก็ได้บอกพวกท่านแล้วว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง ขัดขืนคำเตือนของพระยาห์เวห์และบุ่มบ่ามขึ้นไปบนเนินเขานั้น 44 ชาวอาโมไรต์ที่อาศัยอยู่บนเขานั้น ก็ออกมาเผชิญหน้ากับพวกท่าน และขับไล่พวกท่านเหมือนฝูงผึ้งขับไล่ศัตรู พวกเขาได้ไล่บี้พวกท่านที่เสอีร์ ไปจนถึงโฮรมาห์ 45 แล้วพวกท่านก็ซมซานกลับมาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ก็ไม่สนใจที่จะฟังเสียงร้องของพวกท่าน 46 แล้วพวกท่านก็อยู่ที่เคเดชเป็นเวลานานหลายวัน

สดุดี 81-82

เพลงแห่งเทศกาล

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนองกิททีธ[a] บทเพลงของอาสาฟ

ให้ร้องเพลงด้วยความยินดีให้กับพระเจ้าผู้ให้พละกำลังกับพวกเรา
    ให้โห่ร้องคำสรรเสริญให้กับพระเจ้าของยาโคบ
ให้เริ่มบรรเลงดนตรี ตีกลองรำมะนา
    ให้ดีดพิณสี่สายและพิณสิบสายเถิด
ให้เป่าแตรเขาแกะทั้งในคืนวันเพ็ญใหม่[b] และในคืนวันเพ็ญเต็มดวง[c]
    ซึ่งเป็นคืนที่งานเทศกาลของพวกเราเริ่มต้น
การเฉลิมฉลองเทศกาลเป็นกฎสำหรับคนอิสราเอล
    และเป็นคำสั่งจากพระเจ้าของยาโคบ
พระเจ้าให้กฎเกณฑ์นี้กับครอบครัวของโยเซฟ
    ตอนที่พวกเขาออกมาจากอียิปต์

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน
เสียงนั้นพูดว่า “เราปลดภาระออกจากบ่าของเจ้า
    และเอาตะกร้าที่หนักอึ้งออกจากมือทั้งสองข้างของเจ้า
เมื่อเจ้าเจอกับความทุกข์ยาก เจ้าเรียกหาเราและเราก็ช่วยกู้เจ้า
    เราตอบเจ้าจากเมฆครึ้มฟ้าคะนอง
    เราได้ทดลองเจ้าที่แหล่งน้ำเมรีบาห์” เซลาห์

คนของเรา ฟังเราให้ดี เราจะให้คำเตือนกับเจ้า
    อิสราเอลเอ๋ย เราหวังเหลือเกินว่าเจ้าจะฟังเรา
อย่าได้มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า
    อย่าได้กราบไหว้บูชาพระเจ้าของคนต่างชาติ
10 เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
    เราคือผู้ที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์
    อ้าปากของเจ้าให้กว้าง และเราจะเติมให้เต็ม

11 แต่คนของเราไม่ยอมฟังเสียงของเรา
    ชาวอิสราเอลไม่ยอมทำตามสิ่งที่เราบอก
12 เราก็เลยปล่อยให้พวกเขาไปตามทางที่ดื้อรั้นของพวกเขา
    และทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากทำ
13 ถ้าเพียงแต่คนของเราฟังเสียงเรา
    ถ้าเพียงแต่คนอิสราเอลจะเดินในทางทั้งหลายของเรา
14 เราก็จะปราบศัตรูของพวกเขาในไม่ช้า
    และจะลงโทษคู่ต่อสู้ของพวกเขา
15 เราจะบีบบังคับคนที่เกลียดชังเรา ให้ต้องมายอมจำนนต่อเรา
    และพวกเขาจะต้องอับอายขายหน้าตลอดไป
16 แต่อิสราเอล เราจะเลี้ยงเจ้าด้วยข้าวสาลีที่ดีที่สุด
    และเราจะให้เจ้าอิ่มหนำด้วยน้ำเชื่อมผลไม้ที่ไหลออกมาจากหิน

พระเจ้าตัดสินเทพเจ้าของคนต่างชาติ

เพลงสดุดีของอาสาฟ

พระเจ้ายืนอยู่ในที่ชุมนุมสวรรค์ท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลาย[d]
    พระองค์ได้ประกาศคำตัดสิน
พระเจ้าพูดว่า “อีกนานแค่ไหน ที่เจ้าจะตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม
    อีกนานไหม ที่เจ้าจะเข้าข้างคนชั่ว” เซลาห์

“ให้ตัดสินคดีของคนยากจน และเด็กกำพร้าอย่างยุติธรรมด้วย
    แก้ต่างให้กับคนยากจนและคนขัดสนด้วย
ช่วยกู้คนยากจนและคนขัดสนด้วย
    ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอุ้งมือของคนชั่ว

เทพเจ้าพวกนี้ไม่รู้ และไม่เข้าใจอะไรเลย
    พวกเขาเดินอยู่ในความมืด
    ในขณะที่รากฐานของสังคมโลกนี้กำลังสั่นคลอน”

เราว่าพวกเจ้าเป็นเทพเจ้า
    พวกเจ้าต่างก็เป็นลูกของพระเจ้าผู้สูงสุด
แต่ความจริงแล้ว เจ้าจะต้องตายเหมือนกับมนุษย์
    เจ้าจะล้มตายไปเหมือนกับผู้นำทุกคน

ข้าแต่พระเจ้าลุกขึ้นเถิด และมาตัดสินโลกนี้
    เพราะพระองค์นั่นแหละเป็นพระเจ้าของชนชาติทั้งสิ้น

อิสยาห์ 29

พระเจ้าโจมตีเยรูซาเล็มและช่วยกู้เยรูซาเล็ม

29 เฮ้ย อารีเอล[a] อารีเอล
    เมืองที่ดาวิดตั้งค่ายอยู่
ขอให้ผ่านไปอีกปีสองปี
    ขอให้เทศกาลประจำปีมาถึงอีกรอบ
หลังจากนั้นเราจะส่งความหายนะมาสู่อารีเอล
    แล้วต่อจากนั้นก็จะมีความเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้
    และเมืองนั้นจะเป็นเหมือนแท่นบูชาสำหรับเรา
เราจะให้ศัตรูมาตั้งค่ายรายล้อมเจ้า
    เราจะล้อมเจ้าด้วยหอคอยโจมตีเคลื่อนที่และเราจะสร้างเนินดินไว้บุกขึ้นโจมตีเจ้า
เจ้าจะถูกกดให้ต่ำลงและเจ้าจะพูดขึ้นมาจากโลกใต้ดิน
    เจ้าจะส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอจากผงดิน
เสียงของเจ้าจะมาจากพื้นดินเหมือนเสียงผี
    และเจ้าก็จะกระซิบออกมาจากผงดิน
แต่ศัตรูที่มากมายของเจ้าจะกลายเป็นเหมือนผงฝุ่นที่ละเอียด
    พวกที่กดขี่ข่มเหงมากมายจะเป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไป
    สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในทันทีทันใดในชั่วพริบตาเดียว
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหวและเสียงดังสนั่นหวั่นไหวด้วยพายุ
    ลมแรงและเปลวไฟที่เผาผลาญ
แม้ว่ามีชนชาติมากมายที่มาต่อสู้กับอารีเอล คือมาต่อสู้กับเขา
    และป้อมปราการของเขาและสร้างปัญหาให้กับเขา
    พวกนั้นก็จะหายไปเหมือนฝัน เหมือนนิมิตในตอนกลางคืน
คนหิว ฝันว่าได้กิน แต่พอตื่นขึ้นก็ยังหิวอยู่
    คนที่กระหายน้ำ ฝันว่าได้ดื่มน้ำแล้ว แต่พอตื่นขึ้นมาก็ยังอ่อนเพลียและคอแห้งผากอยู่
มันจะเป็นอย่างนั้นกับชนชาติมากมายที่มาต่อสู้กับภูเขาศิโยน
    ที่ฝันว่ายึดเยรูซาเล็มได้แล้ว แต่มันจะไม่เป็นไปตามฝันนั้น

ยูดาห์ตาบอด

เชิญเลย เชิญงงและตะลึงงันไปได้เลย
    ทำตัวเองให้บอด และบอดต่อไปซะ[b]
ให้เมาแต่ไม่ใช่จากเหล้าองุ่นนะ
    เดินโซซัดโซเซ แต่ไม่ใช่เพราะดื่มเบียร์
10 พระยาห์เวห์ได้ทำให้เจ้านอนหลับสนิท
    พระองค์ได้ปิดตาของเจ้าคือพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
    พระองค์ได้ครอบหัวของเจ้าคือพวกผู้ที่เห็นนิมิต

11 และสำหรับพวกเจ้านิมิตเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเหมือนคำเขียนต่างๆในหนังสือม้วนที่ปิดผนึกไว้ ถ้าเอาไปให้กับคนที่อ่านหนังสือเป็น และสั่งเขาว่า “อ่านเรื่องนี้ซิ” เขาจะตอบว่า “ข้าอ่านไม่ได้เพราะมันปิดผนึกไว้” 12 ถ้าเอาไปให้คนที่อ่านหนังสือไม่เป็น และบอกเขาว่า “อ่านเรื่องนี้ซิ” เขาจะตอบว่า “ข้าอ่านหนังสือไม่ออก”

13 องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“คนพวกนี้เข้ามาใกล้เราด้วยปากของเขาเท่านั้น พวกเขาให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากเท่านั้น
    แต่หัวใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
    และที่พวกเขามานมัสการเรานั้นก็เป็นแค่ทำตามกฎของมนุษย์ที่ท่องจำกันมาเท่านั้น
14 ดังนั้น ดูไว้นะ เราจะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆกับคนพวกนี้
    สิ่งที่น่าตกใจและมหัศจรรย์
สติปัญญาของคนฉลาดก็จะสูญสิ้นไป
    และความเข้าใจของคนที่เข้าใจก็จะถูกบังซ่อนไป”
15 เฮ้ย ไอ้พวกที่พยายามเก็บซ่อนแผนของเจ้าไว้ลึกเพื่อไม่ให้พระยาห์เวห์เห็น
    ไอ้พวกที่แอบทำสิ่งต่างๆในความมืด
    และพูดว่า “ไม่มีใครเห็นเราหรอก ไม่มีใครรู้หรอก”
16 เจ้าเข้าใจผิดกลับหัวกลับหางกันไปหมด
    เจ้ามองว่าช่างปั้นหม้อเป็นดินเหนียวหรือ
สิ่งที่ถูกสร้างจะพูดถึงผู้ที่สร้างมันว่า
    “เขาไม่ได้สร้างฉันซะหน่อย” ได้หรือ
สิ่งที่ถูกปั้นจะพูดถึงผู้ที่ปั้นมันว่า
    “เขาไม่มีความเข้าใจอะไรเลย” ได้หรือ

อนาคตที่สดใสกำลังจะมา

17 เจ้าไม่รู้หรือว่า อีกไม่นานเลบานอนจะกลายเป็นสวนผลไม้
    และสวนผลไม้ก็จะมีมากมายเหมือนผืนป่า
18 ในเวลานั้นคนหูหนวกจะได้ยินคำพูดต่างๆจากหนังสือได้
    และคนตาบอดจะหลุดพ้นจากความมืดสลัวของพวกเขาและมองเห็นได้
19 คนยากจนก็จะชื่นชมยินดีอีกครั้งในพระยาห์เวห์
    และคนที่ขัดสนที่สุดก็จะร่าเริงในองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
20 เพราะจะไม่มีผู้นำที่โหดร้ายอีกต่อไป
    คนที่เย่อหยิ่งจองหองก็จะหมดไป
    และคนพวกนั้นที่จ้องหาโอกาสทำชั่วก็จะถูกกำจัดไป
21 คือคนพวกนั้นที่ชอบกล่าวหาคนอื่นอย่างผิดๆ
    และวางหลุมพรางให้กับผู้พิพากษาที่ประตูเมือง
    และใช้ลมปากไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์

22 ดังนั้น พระยาห์เวห์ ผู้ที่ช่วยกู้อับราฮัม ได้พูดสิ่งนี้กับครอบครัวของยาโคบว่า

“ยาโคบจะไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป
    และหน้าของเขาก็จะไม่ต้องซีดอีกต่อไป
23 เมื่อพวกเขาเห็นลูกหลานของพวกเขาท่ามกลางพวกเขาซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรา
    พวกเขาจะถือว่าชื่อของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาจะเห็นด้วยกันว่าองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบนั้นศักดิ์สิทธิ์จริง
    และพวกเขาก็จะเคารพยำเกรงพระเจ้าของอิสราเอล
24 คนที่ชอบทำผิด ก็จะกลับมามีความเข้าใจ
    และพวกคนขี้บ่น ก็จะกลับมายอมรับคำสั่งสอน”

3 ยอห์น

จากผู้นำอาวุโส[a]

ถึงกายอัสเพื่อนรัก เพื่อนที่ผมรักจริงๆ

เพื่อนรัก ผมขออธิษฐานให้คุณเจริญรุ่งเรืองในทุกอย่างและมีสุขภาพที่ดีเหมือนกับที่คุณกำลังเป็นอยู่ ผมดีใจมากเมื่อมีพี่น้องบางคนมาบอกว่า คุณยังยึดมั่นอยู่ในความจริง[b] และยังใช้ชีวิตตามความจริงนั้น ไม่มีอะไรทำให้ผมดีใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อได้ยินว่าลูกๆของผมใช้ชีวิตตามความจริง

เพื่อนรัก คุณแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ของคุณ เมื่อคุณช่วยเหลือพี่น้อง ทั้งๆที่บางคนคุณไม่เคยรู้จักมาก่อน พวกเขาได้รายงานเรื่องความรักของคุณให้กับหมู่ประชุมที่นี่ฟัง จะเป็นการดีมากถ้าคุณจะช่วยสนับสนุนส่งพวกเขาเดินทางต่อไป ถ้าคุณทำอย่างนี้พระเจ้าก็จะพอใจ เพราะพวกเขาเดินทางไปเพื่อรับใช้พระคริสต์ และไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงควรจะช่วยเหลือคนเช่นนี้ เพื่อจะได้ร่วมมือกับพวกเขาในการเผยแพร่ความจริงด้วย

ผมได้เขียนถึงหมู่ประชุม แต่ดิโอเตรเฟส คนที่ชอบทำตัวใหญ่โตสั่งโน่นสั่งนี่ในหมู่ประชุมนั้นไม่ยอมฟังเรา 10 รอให้ผมมาถึงก่อน แล้วผมจะชี้ให้เห็นว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง รวมถึงเรื่องที่เขาไปนินทาให้ร้ายพวกเรา แค่นั้นยังไม่พอ ตัวเขาเองไม่ยอมต้อนรับพี่น้องพวกนั้นที่เดินทาง แล้วยังไปสั่งห้ามพี่น้องที่อยากต้อนรับคนพวกนี้อีกด้วย ถ้าใครไม่ทำตาม เขาก็จะไล่ออกจากหมู่ประชุม

11 เพื่อนรักอย่าไปเลียนแบบสิ่งที่ชั่วร้าย แต่ให้เลียนแบบสิ่งที่ดี คนที่ทำดีนั้นก็เป็นของพระเจ้า ส่วนคนที่ทำชั่วนั้นก็ไม่เคยเห็นพระเจ้า

12 ทุกคนพูดยกย่องเดเมตริอัส พวกเราก็ยกย่องเขาด้วย แม้แต่ความจริงของพระเจ้าเองก็ยังยกย่องเขาเลย และคุณก็รู้ว่าที่เราพูดมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง

13 ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกคุณ แต่ไม่อยากเขียนเป็นจดหมาย 14 ผมหวังว่าจะได้เจอคุณในเร็วๆนี้ แล้วเราจะได้คุยกันซึ่งๆหน้า

15 ขอพระเจ้าให้สันติสุขกับคุณ เพื่อนๆที่นี่ฝากความคิดถึงมาให้คุณ ช่วยฝากความคิดถึงให้กับเพื่อนๆแต่ละคนที่นั่นด้วย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International