M’Cheyne Bible Reading Plan
บทกลอนที่สามของบาลาอัม
24 บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 2 บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา 3 และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง[a]
4 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า
เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[b]
เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
5 ประชาชนของยาโคบ[c] เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน
ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
6 เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก
เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณา[d] ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้
เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
7 น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา[e]
และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก
8 พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์
พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา
พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น
และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู[f]
9 ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต
ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น
ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร
ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”
10 บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง 11 ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”
12 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า 13 ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’ 14 ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”
บทกลอนสุดท้ายของบาลาอัม
15 แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
16 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า
และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด
เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[g]
เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
17 ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต
ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ
ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล
เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ
และจะบี้กะโหลกของชาวเชท[h] ทั้งหมด
18 เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง
แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา
แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา
19 ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ
และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”
20 แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า
“อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น
แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”
21 บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์[i] และพูดบทกลอนนี้ว่า
“สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย
เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
22 แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง
เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”
23 แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า
“เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
24 จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม[j]
และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์[k]
แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”
25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา
คำเชิญให้มาฉลองสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ
ถึงหัวหน้านักร้อง บทเพลงสดุดี
1 ทั่วทั้งแผ่นดินโลกเอ๋ย
โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีให้กับพระเจ้าเถิด
2 เล่นดนตรีและร้องเพลง ถวายเกียรติแด่ชื่อของพระองค์
ถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการสรรเสริญเถิด
3 ศัตรูของพระองค์จะกลัวจนลนลานคลานเข้ามาหาพระองค์
เพราะฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
4 ทั่วทั้งโลกก็จะก้มกราบลงบูชาพระองค์
พวกเขาจะร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระองค์
และร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์ เซลาห์
5 มาดูสิว่าพระเจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง
สิ่งน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำไปท่ามกลางมนุษย์
6 พระองค์เปลี่ยนทะเลแดงให้กลายเป็นผืนดินแห้ง[a]
คนของพระองค์เดินข้ามแม่น้ำจอร์แดน[b]
อย่างนั้นให้พวกเราเฉลิมฉลองสิ่งที่พระองค์ได้ทำไป
7 พระองค์ปกครองตลอดกาลด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พระองค์จับตาดูชนชาติต่างๆ
ดังนั้นอย่าให้พวกกบฏคิดลุกฮือขึ้นต่อต้านพระองค์ เซลาห์
8 ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ให้สรรเสริญพระเจ้าของพวกเราเถิด
เปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์เถิด
9 พระองค์รักษาชีวิตของเราไว้
พระองค์ไม่ให้เท้าของเราลื่นล้ม
10 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทดสอบพวกเรา
พระองค์ได้หลอมพวกเราให้บริสุทธิ์เหมือนช่างเงินหลอมเงิน
11 พระองค์นำพวกเราไปติดกับดัก
และเอาภาระหนักใส่หลังของเรา
12 พระองค์ทำให้รถรบของศัตรูวิ่งทับหัวเราไป พวกเราลุยน้ำลุยไฟ
แต่ในที่สุด พระองค์นำพวกเราไปสู่ที่โล่งกว้างอันปลอดภัย
13-14 เมื่อข้าพเจ้าเจอกับความทุกข์ยาก
ข้าพเจ้าได้บนบานไว้กับพระองค์
และตอนนี้ ข้าพเจ้านำเครื่องเผาบูชา
มาแก้บนของข้าพเจ้าที่วิหารของพระองค์
15 ข้าพเจ้าถวายพวกสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระองค์
พร้อมกับควันจากการเผาพวกแกะตัวผู้
ข้าพเจ้าถวายพวกวัวตัวผู้กับแพะให้กับพระองค์ เซลาห์
16 ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า เข้ามาสิ
แล้วข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังว่าพระองค์ทำอะไรให้กับข้าพเจ้าบ้าง
17 ปากของข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ลิ้นของข้าพเจ้ายกย่องพระองค์
18 ถ้าข้าพเจ้าเพิกเฉยต่อบาปในจิตใจของข้าพเจ้า
องค์เจ้าชีวิตก็คงไม่ได้ฟังข้าพเจ้าหรอก
19 แต่ ความจริงแล้ว พระเจ้าได้ยินข้าพเจ้า
พระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
20 สรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่ได้เมินเฉยต่อคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
และไม่ได้ยับยั้งความรักมั่นคงของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
ให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระเจ้า
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้อง บทเพลงสดุดี
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาและอวยพรพวกเราด้วยเถิด
โปรดให้ใบหน้าของพระองค์ส่องสว่างมาบนพวกเราด้วยเถิด เซลาห์
2 ขอให้ทางของพระองค์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ขอให้ทุกชนชาติรู้จักอำนาจที่จะช่วยให้รอดของพระองค์
3 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ขอให้ทุกชนชาติสรรเสริญพระองค์ด้วยเถิด
4 ชนชาติทั้งหลายควรชื่นชมยินดีและมีความสุข
เพราะพระองค์ตัดสินพวกเขาอย่างยุติธรรม
พระองค์ปกครองชนชาติทั้งหลายบนโลกนี้ เซลาห์
5 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ขอให้ทุกชนชาติสรรเสริญพระองค์ด้วยเถิด
6 แผ่นดินโลกนี้ให้ความอุดมสมบูรณ์
ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของพวกเรา ขอโปรดอวยพรให้กับพวกเราต่อไป
7 ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดอวยพรพวกเรา
และขอให้คนทั่วทุกมุมโลกยำเกรงพระองค์
อิสราเอลจะกลับบ้าน
14 แต่พระยาห์เวห์จะเมตตาต่อยาโคบ พระองค์จะเลือกคนอิสราเอลอีกครั้ง พระองค์จะให้พวกเขาอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของพวกเขาเอง และคนต่างชาติก็จะมาสมทบกับพวกเขาและมาเป็นสมาชิกในครอบครัวของยาโคบ 2 ชนชาติต่างๆเหล่านั้นจะนำพวกอิสราเอลกลับไปยังบ้านเมืองของคนอิสราเอลเอง และครอบครัวของอิสราเอลก็จะเอาคนต่างชาติเหล่านั้นทั้งชายและหญิง มาเป็นทาสในแผ่นดินของพระยาห์เวห์ คนอิสราเอลจะจับคนที่เคยจับพวกเขาไปเป็นทาส มาเป็นทาสเสียเอง และคนอิสราเอลก็จะปกครองเหนือคนพวกนั้นที่เคยข่มเหงอิสราเอลมาก่อน
เพลงแกล้งคร่ำครวญในงานศพของกษัตริย์บาบิโลน
3 เมื่อพระยาห์เวห์ให้เจ้าได้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ความเดือดร้อน และการถูกบังคับให้ทำงานอย่างทาส 4 เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะได้ร้องเพลงเยาะเย้ยกษัตริย์ของบาบิโลนว่า
“น่าสมเพชจริงๆที่กษัตริย์ที่โหดร้ายนั้น พบกับจุดจบอย่างนี้
น่าสมเพชจริงๆที่การปกครองด้วยความเย่อหยิ่งจองหองนั้นพบกับจุดจบอย่างนี้
5 พระยาห์เวห์ได้หักไม้ตะบองของพวกเลวทราม
พระองค์ได้หักไม้คทาของพวกผู้ครอบครองทิ้งไป
6 กษัตริย์บาบิโลนตีชนชาติทั้งหลายด้วยความโกรธ ตีพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ครอบครองชนชาติทั้งหลายด้วยความโกรธ ข่มเหงคนอย่างไม่เคยผ่อนปรน
7 แต่ตอนนี้ ทั้งแผ่นดินโลกก็พักผ่อนและสงบเงียบ
ผู้คนก็เริ่มร้องเพลงกัน
8 แม้แต่พวกต้นสนและสนซีดาร์ของเลบานอนก็ยังดีใจเพราะเจ้าพ่ายแพ้
พวกต้นไม้นั้นพูดว่า ‘ตั้งแต่เจ้าถูกโค่นล้มลงก็ไม่มีใครมาตัดพวกเราอีกเลย’
9 แดนคนตายเบื้องล่างยังตื่นเต้นดีใจที่จะได้เจอกับเจ้าเมื่อเจ้าไปถึง
มันปลุกวิญญาณต่างๆของคนตายเพื่อมาต้อนรับเจ้า
มันปลุกวิญญาณของทุกคนที่เคยเป็นผู้นำในโลกนี้
มันบังคับให้ทุกคนที่เคยเป็นกษัตริย์ของชนชาติทั้งหลายให้ลุกขึ้นจากบัลลังก์ของพวกเขา
10 พวกนั้นทุกคนจะพูดกับเจ้าว่า ‘เจ้าได้กลายเป็นผู้อ่อนแอเหมือนพวกเราแล้ว
เจ้าเป็นเหมือนกับพวกเราแล้ว’
11 สง่าราศีเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย
พร้อมๆกับเสียงพิณต่างๆของเจ้า
ตัวหนอนแมลงวันก็แผ่อยู่ใต้เจ้าเหมือนเตียง
และพวกตัวหนอนก็คลุมเจ้าเหมือนผ้าห่ม
12 น่าสมเพชจริงๆที่เจ้าตกลงมาจากสวรรค์ซะสูงขนาดนั้น
เจ้าผู้เป็นดาวรุ่ง และลูกของรุ่งอรุณ
ดูเจ้าสิ ถูกโค่นลงมาบนดินแล้ว
ถึงเจ้าจะเคยเป็นผู้พิชิตชนชาติทั้งหลายก็ตาม
13 เจ้าคิดในใจว่า ‘เราจะขึ้นไปบนสวรรค์
เราจะยกบัลลังก์ของเราขึ้นสูงเหนือหมู่ดาวของพระเจ้า
เราจะนั่งอยู่บนภูเขาที่พวกเทพมาชุมนุมกันบนเนินลาดของภูเขาซับฟอน[a]
14 เราจะขึ้นไปเหนือเมฆ
เราจะเป็นเหมือนกับพระเจ้าผู้สูงสุด’
15 แต่เจ้ากลับถูกนำลงมาที่แดนคนตายนี้
มาอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหลุมนี้
16 คนเหล่านั้นที่เห็นเจ้า ก็จะจ้องเจ้า
พวกเขาจะคิดอย่างนี้เกี่ยวกับเจ้า
‘นี่นะหรือเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้แผ่นดินโลกไหว
คนที่ทำให้อาณาจักรต่างๆสะเทือนสะท้าน
17 นี่นะหรือคนที่ทำให้แผ่นดินโลกกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและพังทลายเมืองต่างๆของมัน
นี่นะหรือคนที่ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของเขากลับบ้าน’
18 กษัตริย์ทั้งหมดของชนชาติทั้งหลาย ต่างก็ถูกฝังอย่างสมเกียรติ
ต่างคนต่างอยู่ในอุโมงค์ฝังศพของตน
19 แต่เจ้ากลับถูกโยนออกมาจากหลุมฝังศพของเจ้า
เหมือนกับซากศพที่น่าขยะแขยง
เจ้าถูกทับด้วยศพของคนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าในสนามรบ ที่ถูกดาบแทง
ที่ลงไปในหลุมแห่งความตายที่เป็นหิน
เจ้าเป็นเหมือนซากศพที่ถูกคนเหยียบย่ำไปมา
20 เจ้าจะไม่ได้ถูกฝังร่วมกับกษัตริย์อื่นๆเหล่านั้น
เพราะเจ้าได้ทำลายประเทศของเจ้าเอง
เจ้าได้ฆ่าคนของเจ้าเอง
อย่าให้มีใครพูดถึงลูกหลานของพวกที่ทำสิ่งที่ชั่วร้ายนั้นอีกเลย
21 เตรียมที่สำหรับฆ่าพวกลูกชายของเขาเพราะความบาปของพ่อของพวกเขา
ขออย่าให้พวกเขาได้ลุกขึ้นมายึดครองโลกนี้หรือให้โลกนี้เต็มไปด้วยเมืองต่างๆของพวกเขา”
22 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับพวกเขา เราจะทำลายบาบิโลน เราจะทำให้ชื่อเสียงของมันหมดไป เราจะไม่ปล่อยให้มีใครรอดชีวิต รวมถึงลูกและหลานของเจ้าด้วย” 23 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า “เราจะทำให้บาบิโลนกลายเป็นที่อยู่ของพวกเม่นและเป็นหนองน้ำ เราจะกวาดมันทิ้งไปเหมือนใช้ไม้กวาด”
พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรีย
24 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้สาบานไว้อย่างนี้ว่า
“เราตั้งใจจะให้มันเป็นยังไง
มันก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
เราได้วางแผนไว้ว่ายังไง
มันก็จะเป็นไปตามนั้น
25 เราจะหักอัสซีเรีย[b] ทิ้งในแผ่นดินของเรา
เราจะเหยียบย่ำพวกมันบนภูเขาทั้งหลายของเรา
เราจะเอาทั้งแอกที่อัสซีเรียวางไว้บนคอของยูดาห์
และภาระหนักของอัสซีเรียที่ยูดาห์แบกไว้ออกไป”
26 นี่คือแผนที่ได้วางไว้สำหรับโลกทั้งโลก
และนี่คือมือของพระองค์ที่ยื่นออกไปจัดการกับชนชาติทั้งหลาย
27 เพราะเมื่อพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้วางแผน
ใครจะล้มเลิกมันได้
เมื่อพระองค์ยื่นมือของพระองค์ออกไปจัดการ
ใครจะหันมันกลับได้
ข่าวสารของพระเจ้าถึงคนฟีลิสเตีย
28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสตาย[c] ข่าวสารนี้ได้มาถึงว่า
29 “พวกเจ้าคนฟีลิสเตียทุกคน
อย่าได้ดีใจเลยที่ไม้ตะบองที่ตีพวกเจ้านั้นได้หักไปแล้ว
เพราะจากครอบครัวของงูตัวนั้นก็จะเกิดงูพิษที่อันตรายกว่าตัวมันขึ้นมา
และลูกของมันนั้นก็จะเป็นงูไฟที่บินได้
30 คนยากจนที่สุดจะมีกินอย่างเหลือเฟือเหมือนแกะเล็มหญ้า
และคนขัดสนก็จะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าอดอาหารตาย
และคนที่เหลืออยู่ของเจ้า เราจะฆ่าเสีย
31 ประตูเมืองเอ๋ย ร้องคร่ำครวญเถิด เมืองเอ๋ย ร้องไห้ออกมา
คนฟีลิสเตียทุกคนเอ๋ย ให้พวกเจ้ากลัวจนหลอมละลายไป
ดูทางเหนือนั้นซิ มีควันตลบฟุ้งขึ้นมาแล้ว
และกองทัพที่กำลังลงมานั้น ไม่มีใครในพวกเขาที่ตามไม่ทัน”
32 จะตอบกับพวกผู้ส่งข่าวที่มาจากฟีลิสเตียนั้นว่ายังไงดี ให้ตอบพวกมันไปว่า
“พระยาห์เวห์ตั้งศิโยนให้แข็งแรง และแม้แต่คนยากจนของพระองค์ก็ยังเข้าไปหลบภัยในเมืองศิโยนได้”
พระเยซูเป็นหินที่มีชีวิต
2 ดังนั้น ให้กำจัดสิ่งต่างๆต่อไปนี้ให้หมดไปจากตัวคุณ เช่นการปองร้ายทุกอย่าง การหลอกลวงทุกอย่าง ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการใส่ร้ายป้ายสีทุกอย่าง 2 แต่ให้เป็นเหมือนเด็กทารกแรกเกิดที่หิวกระหายน้ำนมบริสุทธิ์ซึ่งคือถ้อยคำของพระเจ้า เพื่อคุณจะได้เติบโตขึ้น แล้วได้รับความรอด 3 เพราะตอนนี้คุณก็ได้ลิ้มรสแล้วว่าองค์เจ้าชีวิตนั้นดีขนาดไหน
4 ให้เข้ามาใกล้พระเยซูคริสต์ผู้เป็นหินที่มีชีวิตอยู่ คนในโลกนี้ไม่ยอมรับหินก้อนนี้ แต่พระองค์เป็นหินที่มีเกียรติมากสำหรับพระเจ้าผู้ที่เลือกพระองค์มา 5 พวกคุณก็เหมือนกัน พวกคุณเป็นเหมือนหินที่มีชีวิตอยู่ ที่กำลังถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารสำหรับพระวิญญาณ พวกคุณเป็นคนเหล่านั้นที่ถูกอุทิศไว้ให้เป็นนักบวชที่ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายพระวิญญาณ พระเจ้าชอบใจกับเครื่องบูชาแบบนี้ก็เพราะถวายผ่านทางพระเยซูคริสต์ 6 เหมือนกับที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“ดูสิ เราวางหินก้อนหนึ่งไว้ในเมืองศิโยน
เป็นหินที่สำคัญที่สุด[a] มีเกียรติและได้รับการคัดเลือกมาแล้ว
และคนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้นจะไม่มีวันอับอายขายหน้าเลย”[b]
7 ดังนั้น พวกคุณที่ไว้วางใจ มีส่วนร่วมในเกียรติของหินก้อนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ไว้วางใจ มันก็เป็นไปตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า
“หินก้อนนี้ ที่คนก่อสร้างได้โยนทิ้งไป
กลับกลายมาเป็นหินที่สำคัญที่สุด”[c]
8 และ
“เป็นหินที่ทำให้คนเดินสะดุด
และเป็นก้อนหินที่ทำให้คนหกล้ม”[d]
พวกเขาสะดุดล้มก็เพราะไม่ยอมเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า เรื่องนี้เป็นไปตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว
9 แต่คุณเป็นผู้ที่พระเจ้าคัดเลือกมา เป็นนักบวชของพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ เป็นชนชาติที่ได้อุทิศไว้กับพระเจ้า และเป็นคนของพระเจ้าโดยเฉพาะ พระองค์ทำอย่างนี้เพื่อคุณจะได้ไปป่าวประกาศถึงการกระทำอันยอดเยี่ยมทั้งหลายของพระองค์ พระองค์ได้เรียกคุณออกมาจากความมืด ให้เข้ามาหาความสว่างที่สุดแสนจะวิเศษของพระองค์
10 แต่ก่อนนั้นคุณไม่มีชนชาติ
แต่เดี๋ยวนี้คุณเป็นชนชาติของพระเจ้าแล้ว
แต่ก่อนนั้นพระเจ้าไม่ได้เมตตาคุณ
แต่เดี๋ยวนี้พระองค์ได้เมตตาคุณแล้ว[e]
อยู่เพื่อพระเจ้า
11 เพื่อนรัก ให้อยู่อย่างคนต่างด้าวและคนแปลกถิ่นในสังคมนี้ ผมขอร้องว่าอย่าไปยอมแพ้กับกิเลสตัณหาของสันดานที่ต่อสู้กับใจของคุณ 12 ถึงแม้คนที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าพวกนั้นจะพูดใส่ร้ายว่าพวกคุณทำผิด ก็ขอให้ทำตัวให้ดีในหมู่พวกเขา เขาจะได้เห็นความดีของคุณ แล้วจะได้ยกย่องพระเจ้าในวันที่พระองค์กลับมา
ยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจ
13 ให้คุณยอมอยู่ใต้อำนาจต่างๆที่มนุษย์ตั้งขึ้น[f] เพื่อเห็นแก่องค์เจ้าชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอำนาจของจักรพรรดิผู้มีอำนาจสูงสุด 14 หรือเจ้าเมืองต่างๆที่จักรพรรดินั้นส่งมา เพื่อลงโทษคนทำผิดและยกย่องคนที่ทำดี 15 เพราะพระเจ้าต้องการให้ชีวิตที่ดีงามของพวกคุณไปหุบปากคนโง่ที่พูดจาไร้สาระ 16 ขอให้พวกคุณใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างบังหน้าเพื่อจะทำชั่ว แต่ให้ใช้ชีวิตสมกับที่เป็นทาสของพระเจ้าดีกว่า 17 ให้เกียรติกับทุกๆคน ให้รักพี่น้องในพระคริสต์ ให้เกรงกลัวพระเจ้า และให้เกียรติกับกษัตริย์ด้วย
18 พวกคุณที่เป็นทาส ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายของตนด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่ใช่ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่ดีและมีน้ำใจเท่านั้น แต่ให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายที่โหดร้ายด้วย 19 คนที่ยอมทนต่อความเจ็บปวดที่ไม่ยุติธรรม เพราะต้องการทำตามใจพระเจ้านั้น เป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ 20 การที่คุณอดทนต่อการถูกเฆี่ยนตีเพราะทำผิด มันน่ายกย่องตรงไหน แต่การที่คุณต้องอดทนต่อความทุกข์ยากเพราะทำดี อย่างนี้สิถึงจะน่ายกย่องในสายตาพระเจ้า 21 พระเจ้าเรียกให้คุณมาทนทุกข์อย่างนี้ เหมือนกับที่พระคริสต์ยอมทนทุกข์เพื่อคุณ พระองค์ได้วางตัวอย่างให้คุณ เพื่อคุณจะได้เดินตามรอยเท้าของพระองค์
22 “พระองค์ไม่ได้ทำบาป
และไม่ได้โกหกด้วย”[g]
23 เมื่อเขาด่าว่าพระองค์ พระองค์ก็ไม่ได้โต้ตอบ เมื่อพระองค์ทนทุกข์ พระองค์ก็ไม่ได้ขู่อาฆาต พระองค์ได้มอบเรื่องของพระองค์ไว้กับพระเจ้าผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม 24 ตัวพระองค์เองได้แบกบาปของเราไว้ในตัวของพระองค์บนไม้กางเขนนั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาปและใช้ชีวิตตามใจพระเจ้า พวกคุณได้รับการรักษาให้หายก็เพราะบาดแผลของพระองค์ 25 แต่ก่อนนั้นพวกคุณเคยหลงทางไปเหมือนแกะ แต่ตอนนี้ได้กลับมาหาผู้เลี้ยงและผู้ดูแลรักษาชีวิตของคุณแล้ว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International